ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 40,815 รายการ

ชื่อเรื่อง                                เทศนาสุนันทราชชาดก (สุนันทราชชาดก)สพ.บ.                                  120/1ขประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           32 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 5ุ8 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 นิทานคติธรรมทางพุทธศาสนา                                           ชาดก  บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม  เส้นจาร ฉบับล่องชาด  ได้รับบริจาคมาจากวัดประสพสุข  ต.ทับตีเหล็ก อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี




เลขทะเบียน : นพ.บ.141/2กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  58 หน้า ; 4.5 x 50.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา  ชื่อชุด : มัดที่ 84 (334-339) ผูก 1 (2564)หัวเรื่อง : ปุณฺณปทสังคหะ--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.89/7ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  44 หน้า ; 4.6 x 50 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา  มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 52 (103-117) ผูก 7 (2564)หัวเรื่อง : ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺปทฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฐกถา (ธรรมบท)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน) เลขที่ ชบ.บ.10/1-4 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง : ประชุมพงศาวดาร เล่ม 28 (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 46 (ต่อ)-48) ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2511 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว จำนวนหน้า : 324 หน้า สาระสังเขป : ประชุมพงศาวดารขององค์การค้าคุรุสภาจัดพิมพ์ขึ้น โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงรวบรวม มีรายละเอียด ดังนี้ ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 46 (ต่อ) เรื่องจดหมายเหตุของคณะพ่อค้าฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยาตอนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภาค 6 (ต่อจากภาค 5 ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 44) อีกทั้งมีประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 47 ภาค 7 ตอนที่ 1 เรื่องเรื่องจดหมายเหตุของคณะพ่อค้าฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยาตอนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ต่อจากภาค 6 ประชุมพงศาวดารภาคที่ 46) จดหมายเหตุของมองซิเออร์เซเบเรต์ ซึ่งเป็นเอกอัครราชทูตของพระเจ้ากรุงฝรั่งเศส ไปเจริญทางพระราชไมตรีกับพระเจ้ากรุงสยาม เมื่อปี ค.ศ. 1687-1688 (พ.ศ.2230-2231) และประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 48 เรื่องจดหมายเหตุของมองซิเออร์เซเบเรต์ ราชทูตฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรีในกรุงสยามครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภาค 7 ตอนที่ 2 ต่อจากประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 47)


ชื่อผู้แต่ง               วสารคาม  ,นามแฝง      ชื่อเรื่อง                 พระราชประวัติพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์และอภินิหารของพระองค์    ครั้งที่พิมพ์           -    สถานที่พิมพ์         กรุงเทพฯ    สำนักพิมพ์            โรงพิมพ์ศึกษาธรรมดา    ปีที่พิมพ์                 ๒๔๗๕      จำนวนหน้า            ๗๑  หน้า     หมายเหตุ               พิมพ์ในงานฉลองพระนคร  ๑๕๐ ปี และฉลองสะพาน พ.ศ.๒๔๗๕                               เป็นเรื่องพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  ซึ่งปริวรรตจากสมุดข่อยปกดำและพงษาวดารบางตอนมีพระราชประวัติพระเจ้าตากสินส่วนหนึ่งด้วย


ชื่อผู้แต่ง          คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล ชื่อเรื่อง           วันมหาวิปโยคกับศิริราช ครั้งที่พิมพ์        - สถานที่พิมพ์      กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์        โรงพิมพ์ไทยเขษม ปีที่พิมพ์          ๒๕๑๗ จำนวนหน้า      ๑๐๒   หน้า               หนังสือ วันมหาวิปโยคกับศิริราช เป็นหนังสือที่บันทึกเหตุการณ์เรื่องราวเกี่ยวกับบทบาทของโรงพยาบาลศิริราชที่เกิดขึ้นจริงๆ ในวันมหาวิปโยค ๑๔-๑๕ ตุลาคม  ๒๕๑๖  และเป็นความรู้สึกจริงๆ ของผู้เขียนที่เกิดขึ้นจริงในขณะนั้น พร้อมกับภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นจริงๆ โดยรายได้จากการจำหน่ายหนังสือนี้เพื่อสมทบทุนในการตีพิมพ์สารศิริราช ซึ่งเป็นหนังสือวารสารทางการแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล    




    แผ่นดินเผารูปพระสงฆ์สามองค์อุ้มบาตร พบจากการดำเนินงานทางโบราณคดีที่เมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี อาจเป็นหลักฐานที่เก่าที่สุดซึ่งเกี่ยวข้องกับการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในดินแดนไทย เนื่องจากรูปแบบการครองจีวรของภาพพระภิกษุบนแผ่นดินเผา เป็นแบบห่มคลุม ริ้วจีวรมีขนาดใหญ่ คล้ายกับการครองจีวรของพระพุทธรูปศิลปะอินเดียแบบอมราวดี ซึ่งกำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๙ – ๑๐ (ประมาณ ๑,๖๐๐ – ๑,๗๐๐ ปีมาแล้ว) สันนิษฐานว่าเป็นประติมากรรมที่สร้างขึ้นในท้องถิ่น มิได้เป็นการนำเข้ามาจากภายนอก เนื่องจากทำด้วยดินเผาที่มีส่วนผสมของดินดิบ และแกลบค่อนข้างหยาบ  ประกอบกับประติมากรรมนี้มีแผ่นหลังซึ่งน่าจะใช้ประดับติดเข้ากับผนังของศาสนสถาน      อนึ่ง ภายในเมืองโบราณอู่ทองยังพบชิ้นส่วนประติมากรรมปูนปั้นประดับศาสนสถานแสดงภาพระพุทธรูปประทับ นั่งขัดสมาธิอย่างหลวมๆ เหนือขนดนาค ซึ่งนักวิชาการบางท่านกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปกรรมว่าได้รับอิทธิพลจากศิลปะอินเดียแบบอมราวดีเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามยังไม่มีการค้นพบโบราณสถานหรือโบราณวัตถุที่สร้างขึ้นในท้องถิ่น และมีรูปแบบศิลปกรรมร่วมสมัยกันกับแผ่นดินเผารูปพระภิกษุสามองค์อุ้มบาตร และพระพุทธรูปเหนือขนดนาคปูนปั้นที่กล่าวไป ทำให้นักวิชาการบางท่านมีความเห็นเรื่องอายุสมัยของโบราณวัตถุดังกล่าวแตกต่างกันออกไป โดยหากเชื่อว่าโบราณวัตถุนี้ มีอายุสมัยใกล้เคียงกับศิลปะอินเดียแบบอมราวดี ก็จะนับเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า ชุมชนแถบนี้ได้เปลี่ยนจากความเชื่อท้องถิ่นดั้งเดิม หันมานับถือพระพุทธศาสนา มีการสร้างรูปเคารพ รวมทั้งศาสนสถาน แสดงให้เห็นว่าระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๙ – ๑๑ พระพุทธศาสนาได้หยั่งรากลง ณ บริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางของประเทศไทย และเป็นที่ยอมรับในหมู่ชนพื้นเมืองแล้ว โดยมีเมืองโบราณอู่ทองเป็นศูนย์กลางสำคัญของการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในระยะแรกเริ่ม   เอกสารอ้างอิง กรมศิลปากร. ศิลปะทวารวดี ต้นกำเนิดพุทธศิลป์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด, ๒๕๕๒.  ผาสุข อินทราวุธ. ทวารวดี : การศึกษาเชิงวิเคราะห์จากหลักฐานทางโบราณคดี. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อักษรสมัย,๒๕๔๒. พนมบุตร จันทรโชติ และคณะ. นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง และเรื่องราวสุวรรณภูมิ. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๕๐.  


     พระพุทธรูปปางโปรดมหิสสรเทพบุตร      รัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ ๒๕ หรือประมาณ ๑๐๐ ปีมาแล้ว      ทองเหลืองปิดทองคำเปลว      ขนาด สูง ๓๘.๕ เซนติเมตร ฐานกว้าง ๑๖.๕ เซนติเมตร      พระพุทธรูปประทับยืนบนเศียรมหิสสรเทวะทรงโคนนทิ  สร้างขึ้นตามเรื่องราวครั้งพระพุทธเจ้าโปรดสั่งสอนมหิสสรเทพบุตร หรือมหิสสรเทวะ  ครั้งนั้นมหิสสรเทพบุตรได้ท้าประลองฤทธิ์กับพระพุทธองค์เนื่องจากไม่พอใจเหล่าเทวดาที่ไปเคารพพระพุทธเจ้า โดยจำแลงซ่อนกายไว้ทว่าพระพุทธองค์ทรงทราบได้ทันทีว่ามหิสสรเทพบุตรอยู่ที่ใด และเมื่อถึงคราวพระพุทธองค์ซ่อนกาย ปรากฏว่ามหิสสรเทพบุตรไม่ทราบว่าพระพุทธเจ้าซ่อนกายพระองค์อยู่ใกล้กับพระนลาฏ (หน้าผาก) ของตน  และเมื่อมหิสสรเทพบุตรหาไม่พบจึงจำนน จากนั้นพระพุทธเจ้าตรัสเทศนาธรรมโปรดมหิสสรเทพบุตรจนบรรลุธรรมและตั้งปณิธานขอเป็นพระสัพพัญญู เมื่อพระพุทธเจ้าได้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว มหิสสรเทพบุตรได้เนรมิตรพุทธปฏิมา แล้วอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วิหารบนเขาไกรลาส โดยมีหมู่ลิงเป็นผู้ดูแลมหาวิหาร ในขณะอัญเชิญพระปฏิมานั้น มหิสสรเทพบุตรได้อัญเชิญโดยยกเทินไว้เหนือเศียร      เรื่องราวของมหิสสรเทพบุตรได้รับการกล่าวถึงใน คัมภีร์หมวดโลกศาสตร์ โดยเฉพาะฝ่ายเถรวาทที่ปรากฏในประเทศไทย เช่น คัมภีร์โลกบัญญัติ  โลกสัณฐานโชตรคัณฐี  ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา ฯลฯ โดยพรรณนาลักษณะของมหิสสรเทพบุตร หรือมหิสสรเทวะให้คล้ายคลึงกับพระอิศวร (พระศิวะ) ในศาสนาพราหมณ์ฮินดู ว่า มีมเหสีชื่ออุมาเทวี  มีบุตรชื่อขันธกุมาร  ทรงโคชื่อนนทิ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนจากพระพุทธรูปปางโปรดมหิสสรเทพบุตรนี้ ว่าทรงโคนนทิอยู่ โคนนทินั้นคือพาหนะประจำองค์ของพระศิวะ       ปัจจุบันพระพุทธรูปปางโปรดมหิสสรเทพบุตร  จัดแสดงในห้องประวัติศาสตร์ธนบุรี – รัตนโกสินทร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร    ค้นคว้าโดย นายภานุพันธ์  ศิริสอน นักศึกษาฝึกงาน สาขาภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง



  ขอเชิญชม  นิทรรศการออนไลน์ เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง   “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงกับพระราชกรณียกิจด้านการสาธารณสุขและสังคมสงเคราะห์” https://virtual-ex.web.app/ ตลอดเดือนสิงหาคม ๒๕๖๔ ผ่านทาง facebook หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช https://www.facebook.com/narama9 และที่ เว็บไซต์ http://www.finearts.go.th/narama9   โดยหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร  


องค์ความรู้หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา เรื่อง ตามรอยกระเบื้องดินเผาด่านเกวียน   นับเป็นเวลากว่า ๓๐ ปี ที่อาคารหอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา ยังคงความสวยงามและร่วมสมัย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวอาคารได้มีการตกแต่งด้วย "กระเบื้องดินเผาด่านเกวียน" ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สามารถแสดงถึงอัตลักษณ์ของชาวจังหวัดนครราชสีมาได้เป็นอย่างดี      


Messenger