ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 3,808 รายการ
เมืองดงละครเป็นเมืองโบราณเนื่องในวัฒนธรรมทวารวดี ตั้งอยู่ในตำบลดงละคร อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ การทำงานโบราณคดีในเมืองดงละครเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. ๒๕๑๕ และ ๒๕๒๙ โดยกองโบราณคดี กรมศิลปากร โดยผลจากการศึกษาพบว่า เมืองดงละครเป็นเมืองที่ขยายตัวจากชุมชนในแผ่นดินออกมาเพื่อสร้างเครือข่ายการค้าทางทะเล มีความสัมพันธ์กับชุมชนอื่นในแถบลุ่มแม่น้ำบางปะกง มีอายุช่วงราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๖ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๓๒-๒๕๓๓ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับสั่งให้กรมศิลปากรศึกษา อนุรักษ์ และพัฒนาแหล่งโบราณคดีเมืองโบราณดงละคร เพื่อให้เป็นประโยชน์ในด้านวิชาการและเศรษฐกิจ จึงเกิดโครงการอนุรักษ์เมืองดงละคร โดยฝ่ายวิชาการ กองโบราณคดี กรมศิลปากร มีนักโบราณคดีผู้รับผิดชอบการขุดค้น คือ นายอำพัน กิจงาม และนายอาณัติ บำรุงวงศ์ โดยได้มีการได้มีการสำรวจทางโบราณคดี การขุดแต่งโบราณสถานหมายเลข ๑-๒ และขุดค้นทางโบราณคดี ๘ หลุม แบ่งเป็น หลุมภายในเมือง ๔ หลุม และขุดใกล้กับคูเมืองหรือสระน้ำอีก ๔ หลุม ระหว่างการขุดค้นสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงนำคณะผู้เข้าร่วมสัมมนาวิชาการ เรื่องภาษากับประวัติศาสตร์และความเคลื่อนไหวในวิชาประวัติศาสตร์ไทย จำนวน ๔๐๐ คน ไปทัศนศึกษาที่เมืองโบราณดงละคร ผลการศึกษาทางโบราณคดีครั้งนี้ พบว่าโบราณสถานหมายเลข ๑ เป็นศาสนสถาน เนื่องจากมีการพบเศียรพระพุทธรูปและและแผ่นทองคำ แนวสิ่งก่อสร้างที่พบสันนิษฐานว่าเป็นกำแพงแก้วล้อมรอบ ศาสนสถานขนาด ๓๒x๔๓ เมตร บริเวณกึ่งกลางโบราณสถานพบแท่นอิฐผสมศิลาแลงก่อเป็นรูปสี่เหลี่ยม ยาวด้านละ ๑-๑.๒๐ เมตร คาดว่าเป็นแท่นประดิษฐานรูปเคารพ กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๖ ส่วนโบราณสถานหมายเลข ๒ อยู่ห่างจากโบราณสถานหมายเลข ๑ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๑๕ เมตร เป็นกรอบศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสล้อมรอบเนื้อที่ประมาณ ๙ ตารางเมตร ตรงกลางมีการขุดพบแท่งศิลาแลงรูปทรงกระบอกขนาดใหญ่ ภายในบรรจุตุ้มหู แหวน หัวแหวน พื้นที่รอบแท่งศิลาแลงพบลูกปัดหินและลูกปัดแก้วจำนวนมาก สันนิษฐานว่าเป็นการฝังสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือศิลาฤกษ์กลางศาสนสถาน กำหนดอายุโบราณสถานราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๖ หลังจากการศึกษาในปีพ.ศ. ๒๕๓๓ ได้มีการศึกษาทางโบราณคดีอีกหลายครั้ง และได้ข้อมูลที่ช่วยให้ภาพรวมการใช้พื้นที่ของเมืองดงละครเด่นชัดขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลการศึกษาทางโบราณคดีของเมืองดงละคร สามารถติดตามได้จากหนังสือ “เมืองโบราณดงละคร” ของกรมศิลปากร ราคาเล่มละ ๖๕๐ บาท สั่งซื้อได้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์ และสำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา---------------------------------------------------ที่มาข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์---------------------------------------------------อ้างอิง : ธงชัย สาโค. เมืองโบราณดงละคร. นนทบุรี : ไทภูมิ พับลิชชิ่ง, ๒๕๕๘.
กรมศิลปากร ขอเชิญร่วมโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน การเสวนาทางวิชาการ เรื่อง "มิติใหม่การเล่าเรื่อง (คน) ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในนิทรรศการใหม่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร" ในวันอาทิตย์ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. ณ ห้องประชุมอาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สำรองที่นั่ง โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๓๓, ๐ ๒๒๒๔ ๑๔๐๒ กรมศิลปากร โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จัดกิจกรรม เผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และงานประณีตศิลป์ของไทยจากส่วนจัดแสดงนิทรรศการไปยังกลุ่มเป้าหมาย ผ่านช่องทางการเสวนาทางวิชาการและระบบออนไลน์ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นของนักวิชาการ ประชาชนและผู้สนใจเพื่อการปรับปรุงพัฒนาในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักรัก หวงแหน อนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติอีกทางหนึ่งด้วย การเสวนาทางวิชาการ เรื่อง "มิติใหม่การเล่าเรื่อง (คน) ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในนิทรรศการใหม่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร" ประกอบด้วย การบรรยายพิเศษ เรื่อง บทบาทแหล่งการเรียนรู้จากอดีตถึง ปัจจุบัน : การจัดแสดงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยนายสมชาย ณ นครพนม ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมศิลปากร การเสวนาทางวิชาการ เรื่อง มุมมอง ข้อคิด และการเล่าเรื่องนิทรรศการใหม่ “คนแรกเริ่มยุคก่อนประวัติศาสตร์” การบรรยายนําชมนิทรรศการใหม่ ห้องก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และการเสวนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ความทันสมัยของคนโบราณ (ที่ไม่โบราณ) ในวัฒนธรรมก่อนประวัติศาสตร์ โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และภัณฑารักษ์ กรมศิลปากร ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน สำรองที่นั่งและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายวิชาการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๓๓, ๐ ๒๒๒๔ ๑๔๐๒ (วันพุธ - อาทิตย์ เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น.)
วันพุธที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๙ น. นายดุสิต ทุมมากรณ์ ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี นายสรรเพชญ จำปาเทศ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน นางกชพร รัตนภักดี หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น พร้อมคณะ เข้าร่วมพิธีบวงสรวงก่อนดำเนินการบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์โบราณสถานวัดธาตุเมืองพิณ ณ วัดธาตุเมืองพิณ บ้านโนนธาตุ ตำบลฝั่งแดง อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมี เจ้าอาวาสวัดธาตุเมืองพิณ วัฒนธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านบ้านโนนธาตุ เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว
กรมศิลปากร โดยสำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญผู้สนใจร่วมกิจกรรมส่งคลิปสั้นเข้าประกวดในหัวข้อ “ร.ศ.๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงานศิลป์” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า ๑๐,๐๐๐ บาท โดยส่งเป็นคลิปวิดีโอ ความยาวไม่ต่ำกว่า ๑ นาที และไม่เกิน ๓ นาที ดาวน์โหลดใบสมัครและรายละเอียดหลักเกณฑ์การประกวดได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ National Library of Thailand กำหนดส่งผลงานได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๖
กรมศิลปากรได้จัดนิทรรศการ “ร.ศ.๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงานศิลป์” ชมความงดงามของศิลปะลายรดน้ำจากตู้พระธรรมสมัยรัตนโกสินทร์ ณ อาคารถาวรวัตถุ ถนนหน้าพระธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ น. – ๑๖.๐๐ น. และจัดกิจกรรมเชิญชวนผู้สนใจร่วมส่งคลิปสั้นเข้าประกวด โดยมีเนื้อหาตามหัวข้อที่กำหนดเกี่ยวกับตู้พระธรรมสมัยรัตนโกสินทร์ และต้องมีภาพของตู้ลายทองที่จัดแสดงภายในห้องนิทรรศการเป็นส่วนหนึ่งของผลงาน เนื้อหาของผลงานอาจมีภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวและอื่นๆ ประกอบได้เพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหา ไม่จำกัดรูปแบบ วิธีการ และเทคนิคในการนำเสนอ ความละเอียดของไฟล์ผลงานจะต้องไม่ต่ำกว่า ๗๒๐ pixel (๑๒๘๐ x ๗๒๐) ประเภทไฟล์ mp4 ผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องไม่เคยผ่านการนำไปเผยแพร่จากที่ใดมาก่อนและไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ผู้จัดประกวดจะพิจารณาผลงานที่ส่งประกวดทุกชิ้น เมื่อผลงานนั้นถูกต้องตามกติกาจะได้รับการเผยแพร่ในเฟซบุ๊กแฟนเพจของสำนักหอสมุดแห่งชาติ “National
Library of Thailand”
ส่งผลงานพร้อมใบสมัครทางไปรษณีย์โดยบันทึกคลิปใส่ HDD หรือ CD ส่งมาที่ สำนักหอสมุดแห่งชาติ ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทมหานคร ๑๐๓๐๐ ระบุที่ซอง “ส่งผลงานโครงการ ร.ศ. ๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงาน ศิลป์” หรืออัพโหลดคลิปบนเว็บไซต์รับฝากไฟล์เช่น google drive, dropbox เป็นต้น จากนั้นกรอกข้อมูลการสมัครและแนบลิงก์ผลงานใน Google form กำหนดส่งผลงานได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๖ ประกาศผลการประกวดในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดหลักเกณฑ์การประกวดและดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ลิงก์ shorturl.at/kvDSW หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ National Library of Thailand ของสำนักหอสมุดแห่งชาติ สอบถามเพิ่มเติม นางสาวงามเพ็ญ ยาวงษ์ บรรณารักษ์ชำนาญการ สำนักหอสมุดแห่งชาติ โทร. ๐๖ ๒๖๔๕ ๔๙๕๙
หอสมุดแห่งชาติ แจ้งปิดบริการ ในวันเสาร์ที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เนื่องจากการไฟฟ้านครหลวงเขตสามเสน จะดำเนินการดับกระแสไฟฟ้า บริเวณถนนศรีอยุธยา เพื่อปรับปรุงระบบไฟฟ้า จึงขออภัยในความไม่สะดวก
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากร โดยสำนักหอสมุดแห่งชาติ ได้ดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามกับกรมศิลปากร เพื่อเผยแพร่ผลงานการอนุรักษ์จัดเก็บคัมภีร์ใบลานวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม โดยมีอาสาสมัครและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง รวม 25 คน ทำการสำรวจ อนุรักษ์ ลงทะเบียน จัดเก็บคัมภีร์ใบลานตามหลักวิชาการ ระหว่างวันที่ 30 มกราคม – 30 เมษายน 2567 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในการส่งเสริม และสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนงานด้านวัฒนธรรม
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เป็นวัดสำคัญแห่งกรุงรัตนโกสินทร์และมีคัมภีร์ใบลานพระไตรปิฎกบรรจุกล่องอยู่ในหอพระไตรปิฎก ซึ่งคัมภีร์ใบลานวัดราชประดิษฐฯ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 ประดิษฐานอยู่ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคมเดิมภายในพระบรมมหาราชวัง ภายหลังในสมัยรัชกาลที่ 5 มีพระราชดำริให้อัญเชิญคัมภีร์ใบลานพระไตรปิฎกดังกล่าวไปประดิษฐาน ณ หอพระไตรปิฎกวัดราชประดิษฐฯ โดยบรรจุไว้ในกล่องพระธรรม ทำด้วยไม้มีขนาดพอเหมาะกับคัมภีร์ชุดหนึ่งๆ หรือหมวดหนึ่งๆ ตามพระไตรปิฎก ด้านสันกล่องได้จารึกหมวดหมู่ชื่อเรื่องด้วยอักษรขอม ภาษาบาลี และภาษาบาลี-ไทย ลักษณะคล้ายประดับเกล็ดหอยฝังเนื้อไม้ วางเรียงไว้ตามชั้นต่างๆ ในตู้พระธรรมซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 อยู่ในฐานะเอกสารโบราณที่ควรอนุรักษ์จัดเก็บอย่างเป็นระบบเพื่อการศึกษา ค้นคว้าและเผยแพร่ต่อสาธารณชน ทั้งนี้ นักภาษาโบราณ สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้นำอาสาสมัครเข้าสำรวจตรวจสอบปริมาณกล่องคัมภีร์อย่างละเอียด พบกล่องคัมภีร์ใบลานจำนวนทั้งสิ้น 87 กล่อง สภาพกล่องชำรุดเสียหาย ภายในกล่องพบคัมภีร์อยู่ในสภาพชำรุดมาก แยกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ คัมภีร์ใบลานที่จับผลึก ติดแน่น แข็งเป็นท่อน คัมภีร์ใบลานชำรุด พลัดผูก หัก งอ ผิดรูป และคัมภีร์ใบลาน ถูกแมลงสัตว์กัดกิน เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ป่นเป็นผง เมื่อประเมินปริมาณงานที่ต้องดำเนินการแล้ว มีคัมภีร์ใบลานที่ชำรุดไม่สามารถจัดหมวดหมู่ ชื่อเรื่อง ลงทะเบียนได้ประมาณ 80% ของคัมภีร์ที่มีอยู่ทั้งหมด ส่วนอีก 20% สามารถดำเนินการต่อในขั้นตอนตามหลักวิชาการได้ เช่น ทำความสะอาด เปลี่ยนสายสนอง อ่านวิเคราะห์ชื่อเรื่อง ออกเลขทะเบียน สำหรับแนวทางในการดำเนินงาน สำรวจ อนุรักษ์ จัดเก็บ คัมภีร์ใบลานชำรุดมากทั้ง 3 ลักษณะนั้น จะมีการทำความสะอาด เขียนป้ายบอกลักษณะชำรุด ห่อ มัด และจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ เพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาลักษณะทางกายภาพของคัมภีร์ ส่วนคัมภีร์ใบลานที่สามารถอ่านศึกษาเนื้อหาได้ จะได้ดำเนินการตามหลักวิชาการในการอนุรักษ์ ทำทะเบียน และจัดเก็บต่อไป
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการบูรณาการความร่วมมือและสร้างการรับรู้ระหว่างคณะสงฆ์ กรมศิลปากร และภาคส่วนประชาชน เพื่ออนุรักษ์สืบสานคัมภีร์ใบลานซึ่งเป็นมรดกภูมิปัญญาของบรรพชนให้มีอายุยืนยาว อีกทั้งยังเกิดเครือข่ายอาสาสมัครอนุรักษ์เอกสารโบราณ ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลและส่งต่อมรดกภูมิปัญญาให้สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นสืบไป
ภาพเล่าเรื่องรูปบุคคลนั่งท่ามหาราชลีลา
- ทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔)
- ปูนปั้น
- ขนาด กว้าง ๘๔.๕ ซม. ยาว ๘๕.๕ ซม. หนา ๑๒ ซม.
เดิมประดับที่ฐานลานประทักษิณด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของเจดีย์จุลประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดี เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ปูนปั้นรูปบุคคล พิจารณาจากเครื่องประดับ และท่านั่งน่าจะเป็นบุคคลชั้นสูง หรือเทวดา
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=40101
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
แม่พิมพ์โลหะบนไม้ และการ์ดกระดาษภาพพระพุทธสิหิงค์พร้อมประวัติ
๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙
โรงพิมพ์พระจันทร์ นายสนั่น ตันบุญยืน ผู้พิมพ์
ปัจจุบันเก็บรักษา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นำมาจัดแสดงในนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๗ เรื่อง “เอกสารล้ำค่าจารึกสยาม” ระหว่างวันที่ ๒๘ มีนาคม – ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๗ ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
แม่พิมพ์โลหะ ลักษณะเป็นแผ่นสังกะสี* ตอกยึดด้วยตะปูเข้ากับไม้ที่ถากผิวไว้ แผ่นสังกะสีเป็นภาพพระพุทธสิหิงค์ และด้านล่างมีข้อความแกะเป็นตัวหนังสือกลับด้าน ความว่า
“พระพุทธสิหิงค์สร้างที่ลังการาว พ.ศ. ๗๐๐ ประดิษฐานอยู่ที่ลังกาทวีปราว ๑๑๕๐ ปี แล้วเสด็จมาสู่ประเทศสยามในราว พ.ศ.๑๘๕๐ ประดิษฐานอยู่สุโขทัย แล้วย้ายไปประทับ ในเมืองต่าง ๆ คือ
พิษณุโลก ราว พ.ศ. ๑๙๒๐ ประทับอยู่ ๕ ปี
ศรีอยุธยา ราว พ.ศ. ๑๙๒๕ ประทับอยู่ ๕ ปี
กำแพงเพ็ชร์ ราว พ.ศ. ๑๙๓๐ ประทับอยู่ ๑ ปี
เชียงราย ราว พ.ศ. ๑๙๓๑ ประทับอยู่ ๑๙ ปี
เชียงใหม่ ราว พ.ศ. ๑๙๕๐ ประทับอยู่ ๒๔๕ ปี
ศรีอยุธยา ราว พ.ศ. ๒๒๐๕ ประทับอยู่ ๑๐๕ ปี
เชียงใหม่ ราว พ.ศ. ๒๓๑๐ ประทับอยู่ ๒๐ ปี
กรุงเทพฯ ราว พ.ศ. ๒๓๓๐ อยู่จนทุกวันนี้
(พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ)”
แม่พิมพ์ชิ้นนี้เป็นตัวอย่างการพิมพ์พื้นนูน หรือ ระบบเลตเตอร์เพลส์ (Letterpress Plate)กล่าวคือช่างจะ นำแผ่นโลหะเป็นภาพหรือข้อความติดไว้กับแผ่นไม้ ส่วนที่นูนจะมีเฉพาะข้อความและภาพที่ต้องการพิมพ์ และช่างจะใช้มีดหรือสิ่วถากเนื้อไม้ในส่วนที่ไม่ต้องการพิมพ์ (Nonprinting area) ให้มีระดับต่ำกว่าพื้นที่รองรับหมึก ส่วนที่นูนของโลหะจะรับกับลูกกลิ้งหมึก (Inking roller) และนำไปกด (press) กับกระดาษเกิดเป็นภาพบนกระดาษตามที่ต้องการ
สำหรับแผ่นสังกะสีในส่วนของภาพพระพุทธสิหิงค์นั้นทำขึ้นเป็นแม่พิมพ์แบบรูปเดี่ยวไม่มีพื้นหลัง หรือOutline Halftone กล่าวคือ การนำฟิล์มเนกาทีฟ (Negative) ภาพพระพุทธสิหิงค์ มาตัดส่วนพื้นหลังออก แล้วจึงอัดลงบนแผ่นสังกะสีที่เคลือบน้ำยาไวแสง จากนั้นจึงใช้น้ำกรดกัดเพื่อให้ได้ภาพตามที่ต้องการ เมื่อบล็อคสมบูรณ์จึงใช้เลื่อยฉลุตัดส่วนที่ไม่ต้องการออกทิ้ง จากนั้นจึงแต่งขอบให้เป็นมุมเฉียง เพื่อง่ายต่อการตอกตะปูลงบนสังกะสีติดกับไม้ที่เป็นส่วนรองรับ โดยต้องตอกให้หัวตะปูแนบสนิทรอบขอบโลหะเพื่อตรึงไว้ ส่วนตัวอักษรด้านล่างภาพพระพุทธสิหิงค์นั้นเป็นเทคนิคการแกะโลหะเป็นรูปตัวอักษรนูนขึ้นมาจากพื้นผิว
วิทยาการของการทำภาพพิมพ์บนโลหะนั้นเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ ๑๘๕๐ นับตั้งแต่ ค.ศ.๑๘๕๐ (พ.ศ.๒๓๙๓) Firmin Gillot ได้ประดิษฐ์แม่พิมพ์แบบลายเส้นลงบนแผ่นสังกะสีแล้วใช้กรดไนตริกกัดให้เกิดส่วนเส้นนูนขึ้นบนพื้นผิว อย่างไรก็ตามเทคนิคนี้ไม่ได้ใช้ฝีมือการแกะมิได้ใช้ภาพถ่ายเป็นต้นแบบ ต่อมา ค.ศ. ๑๘๕๒ (พ.ศ. ๒๓๙๕)William Henry fox-Talbot ได้นำเอาเหล็กกล้าที่ฉาบน้ำยาไวแสงมาอัดกับภาพถ่าย แล้วนำไปกัดกับน้ำกรดจนได้เป็นแม่พิมพ์ภาพเหล็กที่มีต้นแบบมาจากภาพถ่ายและใน ค.ศ. ๑๘๕๕ (พ.ศ. ๒๓๙๘) Alphonese Louis Poitevin เป็นผู้คิดค้นการทำบล็อกสังกะสีขึ้นด้วยเทคนิคแบบเดียวกัน และนับจากช่วงเวลาดังกล่าวนี้การพิมพ์ภาพลงบนสื่อสิ่งพิมพ์จึงหันมาพิมพ์ภาพด้วยเทคนิคดังกล่าว กระทั่งในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๒๐ (ประมาณช่วงรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) เกิดระบบการพิมพ์บล็อกโลหะแบบ Halftone Block และเป็นที่นิยมแพร่หลายในเวลาต่อมา
สันนิษฐานว่าการ์ดกระดาษภาพพระพุทธสิหิงค์พร้อมประวัตินี้ เป็นสิ่งพิมพ์ที่กรมศิลปากรจัดพิมพ์ขึ้นแจกจำหน่ายในงานสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ประจำปี พ.ศ. ๒๔๗๙ โดยด้านหลังพิมพ์ข้อความว่า “ร.พ.พระจันทร์ นายสนั่น ตันบุญยืน ผู้พิมพ์โฆษณา ๑.๑.๗๙”
*สังกะสี นิยมใช้กับงานพิมพ์ที่มีปริมาณน้อย และมีคุณภาพในระดับธรรมดา ต่างจากทองแดงที่เหมาะกับการพิมพ์งานปริมาณมากและมีคุณภาพสูง
อ้างอิง
กำธร สถิรกุล. หนังสือและการพิมพ์. กรุงเทพฯ: คุรุสภาลาดพร้าว,๒๕๑๕.
สนั่น ปัทมะทิน. การเรียงพิมพ์. พระนคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๑๓.
กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการ ไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “smart museum” เที่ยวทิพย์พิพิธภัณฑ์ วิทยากรโดย นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร, นางวัญญา ประคำทอง ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม และนางนิภา สังคนาคินทร์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ดำเนินรายการโดย นางวิรยาร์ ชำนาญพล ผู้อำนวยการกลุ่มระบบสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม ในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร และ Youtube Live : กรมศิลปากร
นานา...น่ารู้จากเอกสารจดหมายเหตุ
เรื่อง พิธีพระราชทานเพลิงศพ นายไวพจน์ สกุลนี (ไวพจน์ เพชรสุพรรณ) ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) พุทธศักราช 2540
เสวนาประกอบนิทรรศการพิเศษ เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช 2565 "อาโรคยปณิธาน"
"สมุดภาพการแพทย์ไทย :บันทึกประวัติศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขไทยผ่านภาพถ่าย"
ร่วมพูดคุยเกร็ดความรู้และเรื่องราวในภาพถ่ายเก่าการแพทย์และสาธารณสุขไทย กับเอนก นาวิกมูล ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2563 ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ นายกสมาคมจดหมายเหตุไทย และนายแพทย์สมบัติ แทนประเสริฐสุข ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
วันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2565 เวลา 13.30-15.30 น.
รับชมพร้อมกันผ่าน
Facebook Live Page : Office of National Museums, Thailand
Youtube : Office of National Museums, Thailand
กรมศิลปากร โดยสำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญชมนิทรรศการ "ร.ศ. ๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงานศิลป์" ชมความงดงามของศิลปะลายรดน้ำ จากตู้พระธรรมสมัยรัตนโกสินทร์ ณ อาคารถาวรวัตถุ (ตึกแดง) ถนนหน้าพระธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.
ตู้ลายทอง ถือได้ว่าเป็นศิลปะอันวิจิตรที่มีศาสนาเป็นบ่อเกิด คือ เกิดจากแรงศรัทธาของ
พุทธศาสนิกชนผู้ปรารถนาอุทิศตนสร้างผลงานอันวิจิตรงดงามสะท้อนผ่านพุทธศิลป์ชั้นเลิศด้วยฝีมือชั้นครูของช่างหลายแขนง สำหรับงานประณีตศิลป์บนตู้พระไตรปิฎกหรือตู้พระธรรมนั้น เป็นตัวอย่างของจิตรกรรมชั้นสูงที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนวัตถุ ที่ช่างฝีมือสมัยโบราณบรรจงจำหลักเส้นสายที่งดงามและแช่มช้อย เพื่อบอกเล่าเรื่องราวคำสอนในพระพุทธศาสนาผ่านลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายรดน้ำ ลายกำมะลอ ลวดลายเหล่านี้ประดับตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของตู้ การจัดแสดงนิทรรศการในครั้งนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับตู้พระธรรมในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยจัดแสดงตู้พระธรรม จำนวน ๔๗ ตู้ และนาฬิกา ๑ เรือน แบ่งการจัดแสดงออกเป็น
ห้องที่ ๑ จัดแสดงนาฬิกาปารีส ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพประทานแก่หอพระสมุด
วชิรญาณ ในโอกาสที่ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ครบรอบ ๒๕ ปี
ห้องที่ ๒ จัดแสดงตู้พระธรรมในสมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์
ห้องที่ ๓ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเกี่ยวกับเรื่องราวของพระพุทธบาท
ห้องที่ ๔ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเกี่ยวกับเรื่องการสังคายนาพระไตรปิฎก
ห้องที่ ๕ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายในเรื่องรามเกียรติ์
ห้องที่ ๖ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายที่เป็นรูปทวารบาลทั้งไทยและจีน
ห้องที่ ๗ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเรื่องพุทธประวัติ
ห้องที่ ๘ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเรื่องชาดก
ห้องที่ ๙ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเรื่องป่าหิมพานต์และสัตว์หิมพานต์
ตู้พระธรรมที่นำมาจัดแสดงนอกจากจะได้เห็นถึงศิลปะในเชิงช่างสมัยรัตนโกสินทร์ผ่านลวดลายต่าง ๆ บนตู้พระธรรมที่แบ่งเป็นหมวดหมู่ตามห้องจัดแสดงดังกล่าวแล้ว ยังมีตู้พระธรรมที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจ อาทิ ตู้พระธรรม กท.๒ ที่ได้มาจากวัดจันทารามวรวิหาร กรุงเทพฯ ตกแต่งลวดลายจากเรื่องรามเกียรติ์ มีความพิเศษด้วยภาพที่หน้าบานประตูของตู้พระธรรมซึ่งโดยปกติ ภาพของทวารบาลจะเป็นภาพใหญ่เต็มองค์บนบานประตูตู้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา แต่สำหรับตู้ใบนี้ภาพทวารบาลจะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าบานประตู ซึ่งเป็นภาพทวารบาลที่ดูแปลกตาแตกต่างออกไป ตู้ไซอิ๋ว เป็นตู้พระธรรมลายภาพเขียนสีบนพื้นรักสีแดง เป็นสมบัติเดิมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ มีการตกแต่งตู้ด้วยภาพเขียนสีแบบจีน บอกเล่าเรื่อง ไซอิ๋ว หรือเรื่องราวการเดินทางไปยังชมพูทวีปเพื่ออัญเชิญคัมภีร์พระไตรปิฎกของพระถังซำจั๋ง ที่ขอบบนของตู้มีจารึกเป็นอักษรและภาษาจีน อ่านว่า “เต้าก้วงสือปาเนียนลี่” หมายถึง ปีที่ ๑๘ ในรัชสมัยของพระเจ้าเซียนจง ซึ่งตรงกับ พ.ศ.๒๓๘๑ - ๒๓๘๒ ประมาณรัชกาลที่ ๓ ของสมัยรัตนโกสินทร์ ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง
ตู้พระธรรมแต่ละใบล้วนสร้างด้วยเทคนิคและลวดลายที่แตกต่างกัน ลวดลายอันอ่อนช้อยที่ปรากฎอยู่บนตู้พระธรรมเป็นงานศิลปะไทยของช่างศิลป์โบราณ อันเกิดจากขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อที่บ่มเพาะสืบทอดต่อกันมา และความเชื่อมั่นศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจมาช้านานจนก่อเกิดเป็นงานศิลป์ที่มีรูปแบบเฉพาะ กลายเป็นความงามบนพื้นฐานวิถีแห่งไทย วิถีแห่งธรรม ที่นำความภาคภูมิใจของคนในชาติมาจนถึงปัจจุบัน
ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ "ร.ศ. ๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงานศิลป์" ณ อาคารถาวรวัตถุ (ตึกแดง) ถนนหน้าพระธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ปิดวันจันทร์ - วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์
ปูนปั้นเล่าเรื่องชาดก สูปารคะ หรือ สมุทรวาณิชย์
- ทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔)
- ปูนปั้น
- ขนาด กว้าง ๙๕.๕ ซม. ยาว ๗๘ ซม. หนา ๕ ซม.
เดิมประดับที่ฐานลานประทักษิณด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของเจดีย์จุลประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ได้จาการขุดค้นทางโบราณคดี เมื่อ พ.ศ. 2511 ชาดกทั้งสองเรื่องเป็นตอน พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นคนพายเรือ ซึ่งได้นำพาผู้เดือดร้อนทั้งหลายฝ่าภัยอันตรายไปได้ โดยในเรื่องสูปารคะพระโพธิสัตว์เป็นนายเรือชรา ตาฝ้าฟาง ส่วนในเรื่องสมุทรวาณิชย์พระโพธิสัตว์เป็นนายช่างไม้ผู้มีบุญบารมีนำพาฝูงมหาชนรอดจากอันตราย
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=40108
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th