ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,673 รายการ
องค์ความรู้ เรื่อง "เครื่องประดับกระดองเต่า แหล่งโบราณคดีโคกพนมดี สัญลักษณ์แสดงความเป็นชาย"ข้อมูลจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
ชื่อเรื่อง ปฐมสมฺโพธิกถา (ปถมสมโพธิ์พุทธปูชา-ธาตุวิภชนปริวตฺต)
สพ.บ. 352/9ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 52 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา พระพุทธเจ้า วรรณกรรมพุทธศาสนา
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม ภาษาบาลี-ไทย เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
วัคซีน (Vaccine) คือ สารชนิดหนึ่งที่ฉีดเข้าไปร่างกาย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ ส่วนใหญ่ทำมาจากเชื้อโรค แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ทำจากเชื้อโรคที่ตาย และทำจากเชื้อโรคที่อ่อนแอ เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกาย ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันกับโรคนั้น ๆ วัคซีนริเริ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2337 ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของโรคไข้ทรพิษ นายแพทย์ชาวอังกฤษ เอดเวิร์ด เจนเนอร์ (Edward Jenner) สังเกตเห็นว่าหญิงรีดนมวัวที่เคยติดโรคฝีดาษวัวแล้วจะไม่เป็นไข้ทรพิษ จึงได้เริ่มการค้นคว้าทดลองโดยนำหนองจากแผลฝีดาษวัวของหญิงรีดนมวัวดังกล่าว ไปทดลองกับสัตว์หลายชนิดจนมีผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ต่อมาในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2339 เริ่มทดลองในคนเป็นครั้งแรกกับเจมส์ ฟิปส์ (James Phipps) เด็กชายอายุ 8 ปี โดยการกรีดผิวหนังที่แขนแล้วนําหนองฝีดาษวัวใส่ลงไป จากนั้นอีกประมาณ 2 เดือน นายแพทย์เจนเนอร์นําเอาหนองฝีจากผู้ป่วยไข้ทรพิษไปทดลองสะกิดที่ผิวหนังของเด็กชายรายเดิม ผลปรากฏว่าเด็กชายผู้นั้นไม่ติดโรคไข้ทรพิษ หลังทําการทดสอบวิธีการดังกล่าวอีกหลายครั้ง จนมั่นใจว่าวิธีการดังกล่าวสามารถป้องกันไข้ทรพิษได้ จึงได้นํารายงานผลการทดลองเสนอต่อราชสมาคมแห่งลอนดอน (Royal Society of London) แต่ถูกส่งคืนอย่างไม่ได้รับความสนใจ นายแพทย์เจนเนอร์จึงตัดสินใจตีพิมพ์เผยแพร่ผลการศึกษาดังกล่าวด้วยทุนส่วนตัว ซึ่งยังคงถูกคัดค้านจากวงการแพทย์ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องหลอกลวง แม้ผลงานของนายแพทย์เจนเนอร์จะถูกปฏิเสธจากวงการแพทย์ แต่กลับได้รับความนิยมจากประชาชน และการยอมรับขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ ในปี พ.ศ. 2343 รัฐสภาอังกฤษรับรองผลงานของนายแพทย์เจนเนอร์ เรียกหนองฝีวัวนั้นว่า “Vaccine-วัคซีน” ซึ่งมาจากภาษาละตินว่า Vacca แปลว่าวัว และเรียกวิธีการป้องกันโรคดังกล่าวว่า Vaccination แม้ว่าวัคซีนจะเริ่มจากการใช้ป้องกันโรคไข้ทรพิษที่นำมาจากฝีดาษวัว แต่ปัจจุบันวัคซีนกลายเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อรักษาโรคระบาดหลาย ๆ โรค รวมทั้งโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 สำหรับประเทศไทย ไข้ทรพิษ หรือ ฝีดาษ เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่มีมาตั้งแต่โบราณ ทางภาคใต้เรียก “ไข้น้ำ” ส่วนภาคเหนือเรียก “ตุ่มสุก” หรือ “เป็นตุ่ม” ตามลักษณะอาการที่จะมีตุ่มเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นดาษตามตัว โรคนี้มีบันทึกในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 หน่อพุทธางกูร และสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ล้วนประชวรและเสด็จสวรรคตด้วยไข้ทรพิษ ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีบันทึกเรื่องการระบาดของไข้ทรพิษบ่อยครั้ง แม้กระทั่งในสมัยรัตนโกสินทร์ โรคนี้ก็ยังแพร่ระบาดเป็นประจำและไม่มีหนทางรักษา วัคซีนในไทยเริ่มต้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) มีการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2378 โดยหมอบลัดเลย์ (Dr. Dan Beach Bradley) เป็นผู้นําเข้ามาเผยแพร่ ในระยะแรกต้องนำเข้าพันธุ์หนองฝีวัวจากสหรัฐฯ ภายหลังได้ใช้การปลูกฝีด้วยวิธีการ นําเอาหนองฝีจากผู้ป่วยไข้ทรพิษมาทําการปลูกฝี ซึ่งเป็นวิธีการที่ชาวจีนค้นพบ แต่วิธีดังกล่าวยังมีอันตราย จึงกลับมาใช้การนําพันธุ์หนองฝีวัวจากสหรัฐฯเช่นเดิม โดยคิดเงินค่าปลูกฝีคนละ 1 บาท (มีเงื่อนไขให้กลับมาติดตามตรวจดูผล หากฝีขึ้นดีจะคืนเงินให้ 50 สตางค์) เมื่อรัชกาลที่ 3 ทรงทราบถึงความสำเร็จของการปลูกฝีป้องกันโรค จึงโปรดให้แพทย์ประจำราชสำนัก หรือหมอหลวงทุกคนมาฝึกการปลูกฝี และออกไปปฏิบัติการทั้งในและนอกวัง เริ่มตั้งแต่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2380 ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2385 หมอบรัดเลย์ได้เขียน “ตำราปลูกฝีโค” ถวายรัชกาลที่ 3 และตีพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือจดหมายเหตุ บางกอกรีคอร์เดอร์ (หนังสือพิมพ์ฉบับแรกในสยาม) ต่อมาในปี พ.ศ. 2387 “ตำราปลูกฝีโค ให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” โดยหมอบรัดเลย์ถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มครั้งแรก จำนวน 500 เล่ม และพิมพ์ซ้ำครั้งที่ 2 อีก 1,000 เล่ม ในปีเดียวกัน จากความสำเร็จของการปลูกฝีไข้ทรพิษทำให้หมอบรัดเลย์ได้ชื่อว่าเป็นผู้ริเริ่ม “วิชาเวชศาสตร์ป้องกัน” ในประเทศไทย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) การปลูกฝีเพื่อป้องกันไข้ทรพิษกลายเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาล มีการรายงานความก้าวหน้าของเรื่องนี้ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษาเป็นประจำ จากปัญหาพันธุ์หนองฝีวัวนำเข้าจากสหรัฐฯ ต้องใช้เวลาเดินทางนานถึง 9 เดือน ทำให้หนองฝีเสื่อมคุณภาพ รัชกาลที่ 5 จึงมีพระราชดำริให้คิดทำหนองฝีขึ้นใช้เอง กระทรวงธรรมการจึงส่งนายแพทย์ของไทยไปศึกษาดูงานที่ประเทศฟิลิปปินส์ ได้แก่ พระบำบัดสรรพโรค หรือนายแพทย์แฮนซ์ อดัมเซ็น (Hans Adamsen) และหลวงวิฆเนศน์ประสิทธิวิทย์ (อัทย์ หสิตะเวช) เมื่อทั้งสองท่านกลับมาเมืองไทยมีการทำพันธุ์หนองฝีครั้งแรกที่สำนักงานบริเวณสี่กั๊กพระยาศรี (สี่แยกพระยาศรี) ต่อมากระทรวงธรรมการเสนอให้รัฐบาลจัดตั้ง “กอเวอนเมนต์ซีร่ำแลโบแร็ตโตรี (Government Serum Laboratory)” สำหรับผลิตพันธุ์หนองฝีขึ้น ใช้ปลูกป้องกันไข้ทรพิษภายในประเทศ และได้ย้ายสถานผลิตพันธุ์หนองฝีไปตั้งที่ตำบลห้วยจรเข้ จังหวัดนครปฐม ก่อนโอนกิจการทั้งหมดมาไว้ที่สภากาชาดไทย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) จนถึงปัจจุบัน----------------------------------------------------------เรียบเรียงโดย นางสาวเกศศิณี ผิวอ่อน บรรณารักษ์ กลุ่มพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศ สำนักหอสมุดแห่งชาติ----------------------------------------------------------บรรณานุกรม จรรยา ยุทธพลนาวี. อ่านเรื่อง อ่านโรค ตอนที่ 2 ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมการจัดการโรคระบาดใน สังคม. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2564,จาก: https://www.sac.or.th/main/th/article/detail/127. 2563. บีช แบรดลีย์, แดน. ตำราปลูกฝีโค ให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: เอบีซีเอฟเอ็ม เพรส, 2387. “ประกาศกระทรวงมหาดไทย พแนกศุขาภิบาล” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 40 (16 กันยายน 2466) 1858. “ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ชื่อและอาการสำคัญของโรคติดต่ออันตราย (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 137 ตอนพิเศษ 48 ง (29 กุมภาพันธ์ 2563) 1. รณดล นุ่มนนท์. วัคซีนเข็มแรก ช่วยมนุษย์ พ้นวิกฤตการณ์โรคระบาด. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2564,จาก: https://www.prachachat.net/columns/news-671766. 2564. วัคซีนเข็มแรกของโลก วัคซีนเข็มแรกของไทย เกิดขึ้นเมื่อใด. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2564,จาก: https://www.silpa-mag.com/history/article_60861. 2564. ศรัณย์ ทองปาน. สยามยามเผชิญโรคระบาด. สืบค้นจาก [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2564,จาก: https://ngthai.com/history/31993/siampandemic/. 2563. หมอบรัดเลย์ และความสำเร็จของการปลูกฝี ไข้ทรพิษ ครั้งแรกในสยาม. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2564,จาก: https://www.sarakadeelite.com/faces/dr-dan-beach-bradley/. อภิสิทธิ์ เรือนมูล. คน วัว และวัคซีน: เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ บิดาแห่งวิทยาภูมิคุ้มกัน. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 10 มิถุนายน 2564,จาก: https://waymagazine.org/humans-vacca-vaccines/. 2564.
สาวกนิพฺพาน (อานนฺท,ควมฺปติ,พิมฺพา,มหากสฺสป,โมคฺคลฺลาน,สารีปุตฺตเถรนิพฺพาน)
ชบ.บ.90/1-3ข
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.240/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4.5 x 55.5 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 114 (194-202) ผูก 5 (2565)หัวเรื่อง : มหาวคฺควณฺณนา(ตติยา)สมนตปาสาทิกาวินยฎฐกถา(สับมหาวัคค์)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม ฉบับจำลองรัฐธรรมนูญไทยเริ่มมีใช้ครั้งแรกหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ คือ พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว หลังจากนั้นถูกยกเลิกแล้วเปลี่ยนมาใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. ๒๔๗๕ ซึ่งรัฐบาลระบอบใหม่พยายามประชาสัมพันธ์เรื่องรัฐธรรมนูญและการปกครองระบอบใหม่ เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน เช่น การส่งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครจากสภาผู้แทนราษฎรออกไปทำการประชาสัมพันธ์ในที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ การใช้วิทยุกระจายเสียง การให้ผู้แทนราษฎรทำการประชาสัมพันธ์เรื่องกิจการของรัฐ การจัดตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาหาทางว่าจะทำอย่างไรจึงจะให้รัฐธรรมนูญมีความมั่นคงอยู่ได้ การก่อตั้งสมาคมคณะรัฐธรรมนูญ เป็นต้น ใน พ.ศ. ๒๔๗๗ นายจำรัส มหาวงศ์นันทน์ ผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน มีจดหมายถึงคณะรัฐมนตรี จำนวน ๒ ฉบับ ฉบับแรกเสนอว่ารัฐบาลควรให้ผู้แทนราษฎรแต่ละคนอัญเชิญรัฐธรรมนูญไปสู่จังหวัดของตนเมื่อหมดสมัยประชุม และฉบับที่ ๒ ขอให้จัดทำ “รัฐธรรมนูญจำลอง” เป็นสมุดข่อย อัญเชิญไปยังศาลากลางจังหวัด เพื่อให้ประชาชนใช้ยึดเหนี่ยวเป็นหลักที่พึ่ง ทั้งยังเป็นการเผยแพร่รัฐธรรมนูญด้วย รัฐบาลจึงเห็นควรให้สร้างรัฐธรรมนูญจำลองขึ้น สำหรับนำไปประดิษฐานไว้ทุกจังหวัด โดยมีหลวงวิจิตรวาทการเป็นผู้ควบคุมดูแล ในฐานะเลขาธิการสมาคมคณะรัฐธรรมนูญและอธิบดีกรมศิลปากร ได้มีการประสานงานกับหลวงประดิษฐมนูธรรมเกี่ยวกับการออกแบบ ซึ่งได้จัดทำออกมาเป็นสมุดไทยลงรักปิดทอง วางบนพาน ๒ ชั้น โดยช่างฝีมือของกรมศิลปากร จำนวน ๗๐ ชุด แจกจ่ายไปตามจังหวัดต่าง ๆ จำนวน ๖๙ ชุด เพื่อนำไปประดิษฐาน ณ ศาลากลางแต่ละจังหวัด อีก ๑ ชุด สำหรับประดิษฐาน ณ ที่ทำการใหญ่ของสมาคมคณะรัฐธรรมนูญ พระราชอุทยานสราญรมย์วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ รัฐบาลจัดพิธีส่งมอบพานรัฐธรรมนูญให้กับผู้แทนราษฎรแต่ละจังหวัด ณ พระราชอุทยานสราญรมย์ โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นประธานในพิธี ทรงเจิมพานรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ มีพิธีเวียนเทียนสมโภช และนำไปประดิษฐานร่วมกับพระพุทธสิหิงค์ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ระหว่างรอการส่งมอบให้แต่ละจังหวัดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามฉบับจำลอง ที่ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานที่จังหวัดเชียงใหม่ รับมอบโดยพระพินิจธนากร (บุญเพ็ง ยุกตะนันทน์) และหลวงศรีประกาศ (ฉันท์ วิชยาภัย) ผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ในขณะนั้น ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ โดยนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้มอบให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ ในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดเชียงใหม่และใช้เป็นข้อมูลในการศึกษาอ้างอิงต่อไปผู้เรียบเรียง : นางเกษราภรณ์ กุณรักษ์ นักจดหมายเหตุชำนาญการภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่อ้างอิง : ๑. ชาญคณิต อาวรณ์. ๒๕๕๒. “สัญลักษณ์พานรัฐธรรมนูญกับประติมานวิทยาทางการเมืองในเขตวัฒนธรรมล้านนา พ.ศ. ๒๔๗๕-๒๔๙๐” หน้าจั่ว ว่าด้วยประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมและสถาปัตยกรรมไทย ฉบับที่ ๖ (กันยายน ๒๕๕๒-สิงหาคม ๒๕๕๓): ๕๓-๖๘. ๒. นครินทร์ เมฆไตรรัตน์. ๒๕๔๐. การปฎิวัติสยาม พ.ศ.๒๔๗๕. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร: อมรินทร์วิชาการ. ๓. นิตยสารศิลปวัฒนธรรม. ๒๕๖๓. พานรัฐธรรมนูญ : การช่วงชิงอำนาจหลังปฏิวัติบนสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ (Online). https://www.silpa-mag.com/history/article_51893, ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔.
ชื่อผู้แต่ง : -
ชื่อเรื่อง : โคลงพระราชพิธีทวาทศมาศ
ครั้งที่พิมพ์ : -
สถานที่พิมพ์ : สีลม
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์ตรีรณสาร
ปีที่พิมพ์ : ๒๔๙๙
จำนวนหน้า : ๒๐๘ หน้า
หมายเหตุ : พระราชทานเพลิงศพท่านผู้หญิงนงเยาว์ ธรรมาธิกรณาธิบดี ท.จ.ว. ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙
โคลงพระราชพิธีทวาทศมาศนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมพระยาบำราบปรปักษ์ ผู้ทรงเป็นต้นสกุล มาลากุล ทรงนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เนื้อความกล่าวพรรณนาถึงพระราชพิธีต่าง ๆทั้ง ๑๒ เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน ๕ เป็นต้นไป รวมทั้งพิธีต่างๆ เช่น พิธีสงกรานต์ พิธีลอยกระทง เป็นต้น
นานา...น่ารู้จากเอกสารจดหมายเหตุ
เรื่อง จากนายอำเภอจรเข้สามพันคนสุดท้าย สู่นายอำเภออู่ทองคนแรก "ขุนสุพรรณธานี" ( เวียน วัฏฏานนท์ )
"....โนนหนองกราด : แหล่งผลิต เกลือสินเธาว์โบราณ ยุคก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย กับ ปริศนา ? โครงกระดูกช้าง พบใหม่! แห่ง อำเภอด่านขุนทด..."
“เกลือสินเธาว์” เป็นทรัพยากรแร่ที่สำคัญของมนุษย์มาตั้งเเต่โบราณ ผลจากการศึกษาทางโบราณคดี พบว่า มนุษย์เรียนรู้ที่จะผลิตเกลือสินเธาว์มาใช้ประโยชน์เพื่อการบริโภค ถนอมอาหาร ชุบแข็งโลหะ ฯ มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ สมัยเหล็ก หรือราว 2,500-1,500 ปีมาแล้ว โดยพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา พบแหล่งทรัพยากรแร่ ประเภทเกลือหิน ทั้งที่มีลักษณะเป็น โดมเกลือและอ่างเกลือ ใต้ดิน คิดเป็นร้อยละ 27 ของพื้นที่ทั้งหมด หรือกว่า 7,016.33 ตารางกิโลเมตร (หากนึกไม่ออกว่ากว้างใหญ่ขนาดไหน ก็ให้นึกถึงขนาดของจังหวัดสระแก้วหรือขนาดใหญ่เกือบ 5 เท่าของกรุงเทพมหานคร ครับ) โดยแร่ประเภทเกลือหินมีขอบเขตทรัพยากรอยู่ทางด้านทิศเหนือของจังหวัดนครราชสีมา ครอบคลุมพื้นที่กว่า 10 อำเภอ
.
#โนนหนองกราด ตั้งอยู่ บ้านหนองกราด หมู่ที่ 3 ตำบลหนองกราด อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา (ปัจจุบันอยู่ในความครอบครองของเอกชน) ภูมิประเทศเป็นโนนสูง มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 175 เมตร เป็นแหล่งโบราณคดี ประเภทแหล่งผลิตเกลือสินเธาว์ อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นจากการใช้พื้นที่เป็นที่ทิ้งดินภายหลังกระบวนการกรองน้ำเกลือออกแล้ว ในช่วงเวลานั้น คงเป็นเนินดินขนาดย่อมที่เกิดขึ้น รอบ ๆ พื้นที่กรองน้ำเกลือ และเมื่อเวลาผ่านไป เนินดินเหล่านี้ คงเชื่อมตัวและพอกพูนกลายเป็นเนินดินขนาดใหญ่ ทั้งนี้ เมื่อสำรวจบริเวณโนน ยังพบชิ้นส่วนภาชนะดินเผาเนื้อดินธรรมดา ตกแต่งด้วยวิธีการกดประทับลายเชือกทาบ และวิธีการทาน้ำดินสีแดง กระจายตัวเป็นจำนวนมาก เบื้องต้น กำหนดอายุสมัย โนนหนองกราด ให้มีอายุอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์สมัยเหล็ก หรือราว 2,500-1,500 ปีมาแล้ว เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวมนุษย์เริ่มผลิตเกลือสินเธาว์ได้แล้ว ดังปรากฏให้เห็นจากแหล่งโบราณคดีประเภทเดียวกันที่กระจายในเขตพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เเละใกล้เคียง
.
#ความพิเศษ ของ โนนหนองกราด มิได้จบแค่การเป็น แหล่งผลิตเกลือสินเธาว์โบราณ เท่านั้น แต่เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมานี้ได้พบ #โครงกระดูกช้าง ถูกฝังอยู่บนโนนลาดลงมาทางทิศใต้ ซึ่งเป็นการพบโดยบังเิญจากการปรับพื้นที่เพื่ออยู่อาศัย โครงกระดูกช้าง ดังกล่าว พบที่ระดับความลึกจากผิวดินเดิมประมาณ 2 เมตร ลักษณะที่พบ สันนิษฐานว่า ช้างตัวนี้ถูกขุดหลุมฝังโดยมนุษย์ เพราะปรากฏรูปโครงชัดเจน และผลการวิเคราะห์เบื้องต้น พบว่า ช้างตัวดังกล่าวเป็นช้างสายพันธุ์เอเชียหรือสายพันธุ์ปัจจุบัน และมีอายุเมื่อตายอยู่ในช่วง 10-20 ปี ทั้งนี้ การกำหนดอายุสมัยของช้างตัวนี้ ยังเป็นข้อจำกัด เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฏบนผิวดินมีไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถตอบได้ชัดเจนว่า โครงกระดูกช้าง ดังกล่าว มีอายุเท่าใด เเละร่วมสมัยกับแหล่งโบราณคดีหรือไม่ ในอนาคตหากมีการขุดค้นทางโบราณคดีอย่างเป็นระบบคงช่วยให้เราตอบคำถามต่างๆ ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เรียบเรียงนำเสนอโดย นายวรรณพงษ์ ปาละกะวงษ์ ณ อยุธยา นักโบราณคดีปฏิบัติการ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา