ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,673 รายการ

     วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เวลา 08.45 น. นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร  เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายอนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมเขตภาคกลาง ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา นครนายก สระบุรี อ่างทอง และสิงห์บุรี โดยมีอาสาสมัครท้องถิ่นในการดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรม (อส.มศ.) พระสังฆาธิการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดและอำเภอ และผู้แทนส่วนราชการในเขตพื้นที่เป้าหมายเข้าร่วมกว่า 300 คน ณ โรงแรมคลาสสิค คามิโอ อยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา              อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวว่า กรมศิลปากรมีแนวนโยบายส่งเสริมให้ประชาชน องค์กรภาครัฐและเอกชน เข้ามาเป็นเครือข่ายและมีส่วนร่วมในการดำเนินงานดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยมีแนวทางและมาตรฐานในการดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมด้านโบราณสถาน ศิลปกรรมในเขตโบราณสถาน และโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ตลอดจนมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอื่นๆ เช่น เอกสารโบราณ จดหมายเหตุ จึงจัดโครงการดังกล่าวขึ้น เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในคุณลักษณะ คุณค่าและความสำคัญของมรดกทางศิลปวัฒนธรรมที่มีต่อชาติและท้องถิ่น รวมถึงกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับงานดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมภายใต้หน้าที่และความรับผิดชอบของกรมศิลปากร สร้างความตระหนักในบทบาทหน้าที่เครือข่ายมรดกทางศิลปวัฒนธรรมที่มีต่อการดำเนินงานร่วมกันและเล็งเห็นถึงความสำคัญของการดูแลรักษามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติและท้องถิ่น              สำหรับการอบรมเชิงปฏิบัติการเครือข่ายอนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมเขตภาคกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 23 กุมภาพันธ์ 2567 นอกจากจะมีการบรรยายโดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว ยังมีการศึกษาดูงานโบราณสถานในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเขตภาคกลางเป็นแหล่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรมสำคัญ โดยเฉพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มีโบราณสถานไม่ต่ำกว่า 300 แห่ง และได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลกในชื่อ “นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา” โดยองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) อีกทั้งยังเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน ความร่วมมือร่วมใจของภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งฝ่ายสงฆ์ ท้องถิ่น ชุมชน และภาคสังคมที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์โบราณสถานที่ถูกต้องเหมาะสม อันเป็นสาธารณสมบัติของชาติให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยืนสืบไป จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเครือข่าย ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ตลอดจนภาคเศรษฐกิจ ทั้งในระดับท้องถิ่น จังหวัด และระดับประเทศ



องค์ความรู้ เรื่อง เส้นทางสุพรรณบุรี : สมัยก่อนประวัติศาสตร์มาจนถึงสมัยสุวรรณภูมิ ผู้เรียบเรียง : นางอภิญญานุช เผ่าพงษ์คล้าย บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ


เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศดอนเมือง เพื่อทรงรับสมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่าน ซาลาฮุดดิน อับดุล อาซิซ ชาห์ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย และสมเด็จพระราชินี ตวนกู ซีตี ไอซาห์ สมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓ รหัสเอกสาร ฟ หจภ นร ๕.๑/๘ ผู้สนใจสามารถสืบค้นเอกสารจดหมายเหตุเพิ่มเติมได้ที่ https://archives.nat.go.th/Home/ หรือสนใจสั่งซื้อหนังสือออนไลน์ https://shorturl.asia/nQ5WZ


           นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า คณะกรรมการอำนวยการวันอนุรักษ์มรดกไทย มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร จัดนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๗ เรื่อง “เอกสารล้ำค่าจารึกสยาม” บอกเล่าเรื่องราวการเปลี่ยนผ่านจากรัฐจารีตแบบดั้งเดิม สู่การเป็นรัฐสมัยใหม่ในห้วงศตวรรษที่ผ่านมา โดยจัดแสดงเอกสารต้นฉบับ ๔๑ ชุด กว่า ๒๐๐ รายการ ที่ล้วนเป็นเอกสารทรงคุณค่าสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งหลายฉบับยังไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน แบ่งการจัดแสดงออกเป็น ๖ หัวข้อ ได้แก่              ๑. “จารจารึก บันทึกสยาม” เป็นชุดเอกสารโบราณที่บันทึกอยู่ในรูปของศิลาจารึก หนังสือสมุดไทย และเอกสารใบลาน ได้แก่ ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง พระราชพงศาวดารกรุงเก่าฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ นันโทปนันทสูตรคำหลวง คัมภีร์อัลกุรอาน ไตรภูมิฉบับพระมหาช่วยจารที่วัดปากน้ำ จินดามณี จุลศักราช ๑๑๔๔ รามเกียรติ์ บทละครพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ หนังสือสมุดไทย เรื่อง สามก๊ก มหาชาติคำหลวง และอุรังคธาตุ ซึ่งสะท้อนให้เห็นภาพเค้าโครงทางประวัติศาสตร์ช่วงสมัยสุโขทัยจนถึงก่อนการปฏิรูปประเทศในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว               ๒. “แผนภูมิของแผ่นดิน” จัดแสดงแผนที่โบราณของประเทศไทย และตราประจำจังหวัด              ๓. “นิติสารเมื่อเพรงกาล เล่าขานประวัติศาสตร์ไทย” นำเสนอเอกสารด้านกฎหมายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาทิ กฎหมายตราสามดวง สนธิสัญญาเบาว์ริ่ง เอกสารเกี่ยวกับการเลิกทาส              ๔. “เมื่อแรกมีการพิมพ์” จัดแสดงชุดเอกสารกลุ่มแรก ๆ ในสังคมไทยที่เปลี่ยนจากการจดจารด้วยวัสดุและเทคนิคแบบโบราณ มาเป็นการบันทึกด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์แบบตะวันตก เช่น หนังสือจดหมายเหตุบางกอกรีคอร์เดอร์ คัมภีร์ครรภ์ทรักษา ราชกิจจานุเบกษา รัชกาลที่ ๔              ๕. “ต้นร่างสร้างเมือง เรืองรองศิลปกรรม” จัดแสดงเอกสารการออกแบบก่อสร้างอาคารสถานที่สำคัญต่าง ๆ ตามรูปแบบตะวันตก เช่น แบบแปลนวังพญาไท แบบหอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แบบก่อสร้างอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ           ๖. “ด้วยความทรงจำอันงดงามและความคิดถึง” ย้อนระลึกถึงวันวานกับของสะสมในความทรงจำ ที่สะท้อนให้เห็นว่าวัฒนธรรมตะวันตกได้มีอิทธิพลมาสู่วิถีชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคมไทยอย่างแพร่หลาย เช่น การเขียนจดหมาย การส่งไปรษณียบัตร               ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๗ เรื่อง “เอกสารล้ำค่าจารึกสยาม” ระหว่างวันที่ ๒๘ มีนาคม - ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น. (ปิดวันจันทร์ – วันอังคาร) ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร


ภาพถ่ายเมื่อครั้งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจโบราณวัตถุสถานในปี พ.ศ. 2472


          กรมศิลปากรเปิดให้ประชาชนเข้าชมความงามของโบราณวัตถุ จำนวน ๒ รายการ ที่ได้รับคืนพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน สหรัฐอเมริกา ทั้งประติมากรรมสำริดรูปพระศิวะ (The Standing Shiva) หรือ ที่รู้จักกันในนาม โกลเด้นบอย (Golden Boy) และประติมากรรมรูปสตรีพนมมือ (The Kneeling Female) พร้อมทั้งเคลื่อนย้ายประติมากรรมสำริดขนาดใหญ่ขุดพบจากปราสาทสระกำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ ที่มีรูปแบบใกล้เคียงกับประติมากรรมโกลเด้นบอย จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย มาจัดแสดงร่วมกัน ณ ห้องลพบุรี อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. (ปิดวันจันทร์ – อังคาร) อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ๓๐ บาท ชาวต่างชาติ ๒๐๐ บาท พระศิวะ ศิลปะเขมรในประเทศไทย สมัยเมืองพระนคร แบบบาปวน พุทธศตวรรษที่ ๑๖ (ประมาณ ๙๐๐ ปีมาแล้ว) สำริดกะไหล่ทอง ประดับตกแต่งด้วยการฝังเงิน สูง (รวมเดือย) ๑๒๘.๙ กว้าง ๓๕.๖ ลึก ๓๔.๓ ซ.ม. สูงไม่รวมเดือย ๑๐๕.๔ ซ.ม.   ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นรูปสำริดที่สมบูรณ์ที่สุดที่ยังหลงเหลือจากสมัยเมืองพระนคร เป็นประติมากรรมกลุ่มเล็กๆ ที่มีการหล่อด้วยโลหะเป็นเทพในศาสนาฮินดูที่มีความเกี่ยวข้องกับธรรมเนียมของราชสำนัก พบในกัมพูชาและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย แม้ว่าประติมากรรมจะถูกติความไว้ว่าเป็นพระศิวะ แต่ท่าทางของพระหัตถ์ทั้งสองที่แตกต่างจากประติมากรรมโดยทั่วไปที่มักจะถือสัญลักษณ์ของพระศิวะ ประติมากรรมนี้จึงอาจหมายถึงพระศิวะในภาคมนุษย์ที่ไม่ค่อยพบในศิลปะเขมรทั่วไปอาจมีความเป็นไปได้ว่าถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์สองอย่างคือ เป็นรูปเคารพเพื่อบูชาในศาสนสถานประจำราชวงศ์ หรือเป็นรูปเคารพของบูรพกษัตริย์   ประติมากรรมรูปสตรีนั่งชันเข่าพนมมือ ศิลปะเขมรในประเทศไทย สมัยเมืองพระนคร แบบบาปวน พุทธศตวรรษที่ ๑๖ (ประมาณ ๙๐๐ ปีมาแล้ว) สำริด ประดับตกแต่งด้วยการฝังเงิน มีร่องรอยกะไหล่ทอง สูง ๔๓.๒ กว้าง ๑๙.๗ ซ.ม.    ประติมากรรมนี้ สันนิษฐานว่าเป็นพระราชเทวี หรือสตรีชั้นสูงในราชสำนักสวมเครื่องประดับ ประทับชันเข่าพนมมือแสดงความเคารพแด่เทพเจ้า ที่ดวงตาและคิ้วมีร่องรอยการฝังด้วยวัตถุที่น่าจะเป็นแก้วสีดำ


ชื่อเรื่อง                     ภตฺตทานานิสํสกถา (ฉลองตักบาตร)สพ.บ.                       450/1หมวดหมู่                   พุทธศาสนาภาษา                       บาลี-ไทยอีสานหัวเรื่อง                     พุทธศาสนา                              อานิสงส์ของการตักบาตรประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               24 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 38.5 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก        เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ไม่มีไม้ประกับ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตระหนักถึงความสำคัญของภาษาไทยซึ่งเป็นมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งของชาติ จึงน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล‌อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงสนพระราชหฤทัยและทรงห่วงใยการใช้ภาษาไทยของคนไทย จึงดำเนินโครงการเนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติอย่างสืบเนื่องตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๔๗ เป็นต้นมาเป็นเวลากว่า ๒ ทศวรรษ โดยพุทธศักราช ๒๕๖๗ นี้ กรมศิลปากรมอบให้สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ดำเนินโครงการเนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ โดยจัดกิจกรรม ๓ กิจกรรม ได้แก่ การประกวดเพลง “เพชรในเพลง” การจัดพิมพ์หนังสือหายาก และการเสวนาทางวิชาการด้านภาษาและวรรณคดีไทย การประกวดเพลง “เพชรในเพลง”             การประกวดเพลง “เพชรในเพลง” เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๗ จัดขึ้นเพื่อยกย่องบุคคลในวงการเพลงที่มีผลงานดีเด่นด้านภาษาไทย ได้แก่ นักประพันธ์เพลงที่มีความสามารถผสมผสานความรู้ทางภาษา วรรณศิลป์ คีตศิลป์ และจินตนาการได้อย่างเหมาะสม และนักร้องที่ขับร้องเพลงได้ชัดเจนและถูกต้องตามหลักภาษาไทย มีศิลปะการใช้เสียง และถ่ายทอดจังหวะอารมณ์ในการขับร้องได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังเชิดชูเกียรติบุคคล องค์กร หรือโครงการที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริมภาษาไทยและมีคุณูปการต่อวงการเพลง โดยผลการประกวดเพลง “เพชรในเพลง” เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๗ มีทั้งสิ้น ๑๔ รางวัล ดังนี้ รางวัลการประพันธ์เพลงดีเด่นด้านภาษาไทย จำนวน ๔ รางวัล ๑.รางวัลชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยสากล ได้แก่ นายปัณฑพล  ประสารราชกิจ และนายธิติวัฒน์  รองทอง จากเพลงลั่นทม ๒.รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยสากล ได้แก่ นายกฤตศิลป์  ฉลองขวัญ จากเพลงดอกไม้จากดวงดาว ๓.รางวัลชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยลูกทุ่ง ได้แก่ นายจิรภัทร  แจ่มทุ่ง จากเพลงยามท้อขอมีเธอ ๔.รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ประพันธ์คำร้องเพลงไทยลูกทุ่ง ได้แก่ นายสลา  คุณวุฒิ จากเพลงอยากซื้อบ้านนอกให้แม่ รางวัลการขับร้องเพลงดีเด่นด้านภาษาไทย จำนวน ๘ รางวัล ๑.รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลชาย ได้แก่ นายภาสกรณ์  รุ่งเรืองเดชาภัทร์ (สปาย) จากเพลงคอย ๒.รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลชาย ได้แก่ นายธานินทร์  อินทรแจ้ง (ธานินทร์  อินทรเทพ)  จากเพลงเดือนประดับใจ ๓.รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลหญิง ได้แก่ นางสาวสรวีย์  ธนพูนหิรัญ (ผิงผิง)  จากเพลงดอกไม้จากดวงดาว ๔.รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยสากลหญิง ได้แก่ นางสาวปราชญา  ศิริพงษ์สุนทร จากเพลงมรดกธรรม มรดกโลก ๕.รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งชาย ได้แก่ นายอนันต์  อาศัยไพรพนา (นัน อนันต์)  จากเพลงยามท้อขอมีเธอ ๖.รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งชาย ได้แก่ นายเสมา  สมบูรณ์ (ไชยา  มิตรชัย) จากเพลงรอยยิ้มก่อนจากลา ๗.รางวัลชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งหญิง ได้แก่ นางสาวสุทธิยา  รอดภัย (ใบเฟิร์น สุทธิยา) จากเพลงกราบหลวงพ่อใหญ่อ่างทอง ๘.รางวัลรองชนะเลิศ ผู้ขับร้องเพลงไทยลูกทุ่งหญิง ได้แก่ นางสาวกาญจนา  มาศิริ จากเพลงสารภาพรัก รางวัลเชิดชูเกียรติพิเศษ จำนวน ๒ รางวัล ๑.รางวัลเชิดชูเกียรติ ครูเพลงผู้ใช้ภาษาวรรณศิลป์ดีเด่น ได้แก่ นายชัยรัตน์  วงศ์เกียรติ์ขจร ๒.รางวัลเชิดชูเกียรติ นักแปลเพลง : คมความ งามคำไทย ในบทเพลง ได้แก่นายธานี  พูนสุวรรณ ทั้งนี้ กรมศิลปากรจะจัดพิธีมอบรางวัลเพชรในเพลงในงานวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๗ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมกำหนดจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๒.๓๐ – ๑๖.๐๐ น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย การจัดพิมพ์หนังสือหายาก              เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติของทุกปี กรมศิลปากร มอบให้สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ พิจารณาคัดสรรหนังสือเก่าซึ่งมีคุณค่าทางวิชาการแขนงต่าง ๆ ซึ่งหาฉบับได้ยากในปัจจุบัน นำมาจัดพิมพ์เผยแพร่เพื่ออำนวยประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าทางวิชาการ ตลอดจนเพิ่มโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ด้านภาษา วรรณคดี กวีนิพนธ์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และจารีตประเพณีที่มีอยู่ในหนังสือเก่าอันทรงคุณค่า              ในพุทธศักราช ๒๕๖๗ นี้ กรมศิลปากร โดยสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ได้จัดพิมพ์หนังสือหายากเรื่อง “อุไภยพจน์ คำกลอนพิศาลการันต์ และ ฉันทวิภาค” ซึ่งมีเนื้อหาประกอบด้วยหนังสือแบบเรียนภาษาไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕ จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ เรื่อง “อุไภยพจน์” เป็นแบบเรียนที่แต่งเป็นคำกลอน อธิบายเกี่ยวกับ “คำคู่” คือคำที่ออกเสียงเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันแต่มีความหมายต่างกัน เรื่อง “คำกลอนพิศาลการันต์” นำเนื้อหาจากแบบเรียนหลวงเรื่องพิศาลการันต์มาแต่งเป็นคำกลอนเพื่อช่วยให้นักเรียนจดจำคำศัพท์ที่มีตัวสะกดการันต์ได้สะดวกขึ้น และหนังสือ “ฉันทวิภาค” เป็นแบบเรียนอธิบายการแต่งคำประพันธ์             หนังสือแบบเรียนภาษาไทยทั้ง ๓ เรื่อง เป็นผลงานการประพันธ์ของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย  อาจารยางกูร) ผู้ได้รับยกย่องเป็น “บุคคลสำคัญของโลก” และเป็น “ศาลฎีกาในเรื่องหนังสือไทย” การจัดพิมพ์หนังสือหายากเรื่อง “อุไภยพจน์ คำกลอนพิศาลการันต์ และ ฉันทวิภาค” ในปีนี้ จึงนับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้สนใจศึกษาพัฒนาการของภาษาและอักขรวิธีไทย การสัมมนาทางวิชาการด้านภาษาและวรรณคดีไทย             กิจกรรมสำคัญอีกกิจกรรมหนึ่งที่กรมศิลปากร มอบให้สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ จัดขึ้นเนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี คือ การสัมมนาทางวิชาการด้านภาษาและวรรณคดีไทย ซึ่งในพุทธศักราช ๒๕๖๗ นี้ กำหนดสัมมนาในหัวข้อ “วรรณคดีสมัยอยุธยาตอนปลายที่กรมศิลปากรตรวจสอบใหม่” ในวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๗ โดยรายละเอียดการจัดกิจกรรมจะประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป




            พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี ขอเชิญชมการถ่ายทอดสด Facebook Live กิจกรรมบรรยายพิเศษเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย เรื่อง “ศรีชัยวัชรปุระ : เมืองเพชรบุรีโบราณในห้วงกาลพุทธศตวรรษที่ ๑๘” ในวันศุกร์ที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๗             พบกับการบรรยายพิเศษ เรื่อง "โบราณคดีวัดกำเเพงเเลง" โดยนางสาวกรรณิการ์ เปรมใจ นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๐.๐๐ น. และการบรรยายพิเศษ เรื่อง "ศรีชัยวัชรปุระ : เมืองเพชรบุรีโบราณในห้วงกาลพุทธศตวรรษที่ ๑๘" โดยรองศาสตราจารย์ ดร. รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร เวลา ๑๐.๑๕ - ๑๒.๑๕ น. ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : พระนครคีรี กรมศิลปากร


ภูพระ วัดศิลาอาสน์ ตำบลนาเสียว อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ พระพุทธรูปที่ภูพระ เป็นศิลปะที่มีการผสมผสานระหว่างศิลปะท้องถิ่น คือ ทวารวดี ได้แก่ พระพักตร์รูปสี่เหลี่ยม พระขนงรูปปีกกา และศิลปะเขมรที่แพร่หลายเข้ามามาก ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-18 ได้แก่ แนวเส้นพระเกศา และเกตุมาลารูปกรวยคว่ำ สำหรับมงกุฎหรือกระบังหน้าที่ปรากฏบนพระพุทธรูปทรงเครื่องคล้ายกับที่พบจากพระพุทธรูปในศิลปะเขมรนครวัดหรือบายน ในพุทธศตวรรษที่ 17-18 พระเจ้าองค์ตื้อ (พระตื้น ภาษาอีสานแปลว่า พระเจ้าองค์ใหญ่) องค์พระมีขนาดหน้าตักกว้าง 5 ฟุต สูง 7 ฟุต พระพักตร์ทรงสี่เหลี่ยม พระรัศมีเป็นรูปบัวตูมขนาดเล็ก พระเกศาเป็นเส้นยาว เรียงคล้ายเส้นผม พระขนงมีขนาดเล็กต่อกันเป็นรูปปีกกา พระเนตรเล็กมองตรง พระนาสิกทรงสามเหลี่ยม พระโอษฐเล็ก พระกรรณยาว ครองจีวรห่มคลุม พระอังสายาว มีผ้าสังฆาฏิปลายตัดเป็นเส้นตรงยาวมาจรดพระนาภี ประทับนั้งขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์แสดงปางมารวิชัย ที่มีลักษณะพิเศษ คือ จะวางพระหัตถ์ซ้ายไว้บนพระเพลาแทนที่จะเป็นพระหัตถ์ขวาตามแบบพระพุทธรูปปางมารวิชัยทั่วไป ...ศูนย์กลางการเรียนรู้และการท่องเที่ยว มรดกศิลปวัฒนธรรมอีสานใต้แบบบูรณาการ... สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา 274 หมู่ 17 ถนนพิมาย-ชุมพวง ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา 30110 Tel : 044-471518 , 044-481024 E-Mail : fed_10@finrarts.go.th Website : www.finearts.go.th/fad10 Facebook : สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา กรมศิลปากร Youtube : สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา


ปราสาทตาใบ           ตั้งอยู่ที่บ้านละลมติม ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ประกอบด้วย เนินโบราณสถาน ที่สันนิษฐานว่าเป็นปราสาทประธาน สร้างด้วยหินทรายและศิลาแลง ๑ หลัง มีคูน้ำล้อมรอบ และเว้นเป็นช่องทางเข้า – ออกไว้อยู่ทางด้านตะวันออก จากภาพถ่ายทางอากาศสันนิษฐานว่ามีบารายอยู่ทางด้านตะวันออก  แต่ปัจจุบันตื้นเขินหมดแล้ว            เนื่องจากปราสาทตาใบตั้งอยู่ในแนวคันดินบังคับน้ำเช่นเดียวกันกับปราสาทพูนผลและปราสาทหนองผักบุ้งใหญ่ ซึ่งเป็นปราสาทแบบเขมรโบราณ สมัยบาปวน กำหนดอายุว่าอยู่ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - กลางพุทธศตวรรษที่ ๑๗ หรือประมาณ ๙๐๐ - ๑,๐๐๐ ปีมาแล้ว) ตั้งแต่รัชกาลพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑ ถึงรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ ๖ (พ.ศ. ๑๕๔๕-พ.ศ.๑๖๕๐)           กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานปราสาทตาใบ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๓ ตอนพิเศษ ๕๐ ง วันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๓๙ มีพื้นที่โบราณสถานประมาณ ๙ ไร่ ๑ งาน ๓๐ ตารางวา Prasat Ta Bai           Prasat Ta Bai is in Ban La Lom Tim, Khok Sung Subdistrict, Khok Sung District,  Sa Kaeo Province. This temple is situated on a small hillock with a tower, made of laterite and sandstone. It is surrounded by a horseshoe-shaped moat with an entrance toward the east and probably has an eastern Baray (rectangular-shaped reservoir).           The site is mostly ruined and no architectural component has been found. It is situated within an ancient dike as other Baphuon style temples, namely Prasat Phun Phon and Nong Phak Bung Yai. Therefore, Prasat Ta Bai might have been built in the same period from the 11th to 12th century or 900 - 1,000 years ago in the reign of King Suryavarman I - King Jayavarman VI.           The Fine Arts Department announced the registration of Prasat Ta Bai as an ancient monument in the Royal Gazette, Volume 113, Special Part 50, dated 18th December 1996. The total area is around 14,920 square meters.       


นางบุญตา เขียนทองกุล นักวิชาการละครและดนตรีเชี่ยวชาญ


พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ.  ตำนานหอพระสมุด หอพระมณเฑียรธรรม หอวชิรญาณ หอพุทธสาสนสังคหะ แลหอสมุดสำหรับพระนคร. พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2512.พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพพระอินทเบญญา (สะราคำ วัตถา) ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยาราม วันที่ 22 ตุลาคม 2512


black ribbon.