ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ

         ประติมากรรมดินเผารูปนาค พบจากเมืองโบราณอู่ทอง          ประติมากรรมดินเผารูปนาค สมัยทวารวดี พบจากเมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดแสดง ณ ห้องจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง          ประติมากรรมดินเผารูปนาค สูง ๔ เซนติเมตร กว้าง ๓.๓ เซนติเมตร มีขนดนาคซ้อนเป็นวง ๒ ชั้น รองรับเศียรนาคซึ่งมีลักษณะเหมือนหงอนเป็นตุ่มนูน ใบหน้าและลำตัวของนาค ตกแต่งโดยใช้วัสดุปลายแหลมขีดให้เป็นลูกตากลมโต จมูกเจาะเป็นรูกลม ๒ รู ส่วนปากขีดเป็นเส้นตรงยาว มุมปลายยกขึ้นคล้ายอมยิ้ม ลำตัวตกแต่งเป็นขีดคล้ายเกล็ดงู            นาค เป็นสัตว์ในจินตนาการ ซึ่งได้รับแนวคิดมาจากสัตว์ที่มีอยู่จริงประเภทงูใหญ่ ตามความเชื่อ นาค ถือเป็นสัญลักษณ์ของน้ำ ความอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งเป็นผู้พิทักษ์รักษาในศาสนาพุทธ และพราหมณ์-ฮินดู ความเชื่อเรื่องนาคที่ปรากฏในดินแดนไทย จึงเป็นการผสมผสานทั้งความเชื่อที่มีมาแต่เดิม และความเชื่อทางศาสนา รวมทั้งการรับวัฒนธรรมมาจากอินเดีย          รูปแบบทางศิลปกรรมของนาคชิ้นนี้ สัมพันธ์กับประติมากรรมรูปนาค ที่สร้างขึ้นในสมัยทวารวดีที่พบในเมืองโบราณอู่ทอง ได้แก่ ประติมากรรมปูนปั้นรูปนาค พบที่เจดีย์หมายเลข ๓ นาค เป็นนาคหัวโล้น มีหงอนเป็นจุกสามเหลี่ยม นอกจากนั้น ในเมืองโบราณอู่ทอง ยังพบหลักฐานประติมากรรมรูปนาคปูนปั้นที่เจดีย์หมายเลข ๒๘ ซึ่งประติมากรรมรูปนาคปูนปั้นเหล่านี้ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อประดับส่วนฐาน หรือประดับองค์ประกอบอื่นๆ ของสถาปัตยกรรม หลักฐานประติมากรรมรูปนาคที่พบจากเมืองโบราณอู่ทอง ส่วนใหญ่มักทำจากปูนปั้น และเกี่ยวข้องกับการตกแต่งศาสนสถานในศาสนาพุทธ ซึ่งน่าจะมีความหมายถึงความเป็นสิริมงคลและเป็นผู้พิทักษ์ดูแลพุทธสถานแห่งนั้น          ประติมากรรมรูปนาคชิ้นนี้ น่าจะมีหน้าที่ต่างจากประติมากรรมรูปนาคชิ้นอื่น ๆ ที่พบภายในเมืองโบราณอู่ทอง เนื่องจากทำจากดินเผา มีขนาดเล็ก และส่วนฐานโค้งเว้า ประกอบกับบริเวณขนดนาคมีการเจาะรูกลมทะลุถึงกัน  ลักษณะคล้ายกับประติมากรรมดินเผารูปช้าง และสิงห์ ประดับบนจุกภาชนะ พบบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง จึงสันนิษฐานว่าประติมากรรมรูปนาคนี้ เป็นประติมากรรมที่ประดับอยู่บนจุกภาชนะเช่นเดียวกัน ซึ่งน่าจะใช้สำหรับอุดปากภาชนะประเภทปากแคบหรือขวดที่มีความสำคัญ อาจใช้สำหรับบรรจุของที่ใช้ในพิธีกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อ หรืออาจเป็นเครื่องใช้ของบุคคลชั้นสูงหรือชนชั้นปกครองก็เป็นได้ กำหนดอายุสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๔ หรือประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว   เอกสารอ้างอิง ดวงกมล อนันต์วัชรกุล. “ความเชื่อเรื่องสัตว์ที่ปรากฏในวัฒนธรรมทวารวดี.” เอกสารศึกษาเฉพาะบุคคล ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๔. สุพิชฌาย์ จินดาวัฒนภูมิ. “นาค” ในงานประติมากรรมสมัยทวารวดี เอกสารประกอบงานประชุมวิชาการระดับชาติ ครั้งที่ ๑๑ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ๑๑-๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒.




ชื่อเรื่อง: ประวัติการส้างพระพุทธรูปประจำวัน พระ 7 ปาง ผู้แต่ง: พุทธสมาคมแห่งประเทสไทย สาขาจังหวัดเชียงใหม่ ปีที่พิมพ์: พ.ศ. ๒๔๘๖สถานที่พิมพ์: เชียงใหม่สำนักพิมพ์: โรงพิมพ์ปติพงส์จำนวนหน้า: ๒๐ หน้า เนื้อหา: "ประวัติการส้างพระพุทธรูปประจำวัน พระ ๗ ปาง" พุทธสมาคมแห่งประเทสไทย สาขาจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดส้างพระพุทธรูปประจำวัน          นะ วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๔๘๖ เนื้อหาว่าด้วย พระ ๗ ปาง ประกอบด้วย ๑) ผู้เกิดวันอาทิตย์ บูชาพระยืนถวายเนตร์      ๒) ผู้เกิดวันจันทร์ บูชาพระยื่นห้ามญาติ ๓) ผู้เกิดวันอังคาร บูชาพระไสยาสน์ (หรือคันตรราสตร์ ราถปางขอฝน) ๔) ผู้เกิดวันพุธ บูชาพระอุ้มบาตร์          ๕) ผู้เกิดวันพรึหัสบดี บูชาพระขัดสมาธิ ๖) ผู้เกิดวันสุกร์ บูชาพระยืนรำพึง และ ๗) ผู้เกิดวันเสาร์ บูชาพระนาคปรก ทั้งยังมีการกล่าวถึงเริกส์ผสม      วัตถุส้างพระพุทธรูป พิธีการปลุกเสก วัตถุที่นำมาจากปูชนียสถานสำคันในจังหวัดต่างๆ       เลขทะเบียนหนังสือหายาก: ๓๗๖เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์: ๒๕๖๖_๐๐๐๔หมายเหตุ: โครงการจัดเก็บและอนุรักษ์หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ สื่อโสตทัศนวัสดุ และเอกสารโบราณ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๖




        หนังสือ : ปกีรณำพจนาดถ์ และ อนันตวิภาค         ผู้เขียน : พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)    ปกีรณำพจนาดถ์ และ อนันตวิภาค เป็นหนังสือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ในภาษาไทย ทั้งยังเป็นหนังสือเก่าที่หาฉบับได้ยาก โดยผู้แต่งคือพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ซึ่งเป็นผู้แต่งแบบเรียนแรกของไทย ‘แบบเรียนหลวง’ และแบบเรียนอีกจำนวนมาก แบบเรียนภาษาไทยของพระยาศรีสุนทรโวหารถือเป็นวรรณกรรมแบบเรียนที่ทรงคุณค่า ด้วยบันทึกความรู้เกี่ยวกับภาษาไทยและรูปแบบการเรียนการสอนภาษาไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 ทั้งยังเป็นแบบอย่างแก่การเรียบเรียงแบบเรียนภาษาไทยในชั้นหลัง         ปกีรณำพจนาดถ์ เป็นแบบเรียนแต่งเป็นกลอนอธิบายเกี่ยวกับคำพ้อง คำคล้าย ตลอดจนคำที่กำหนดรูปเขียนและวิธีอ่านออกเสียงเป็นพิเศษ อนันตวิภาค เป็นแบบเรียนที่รวบรวมคำศัพท์และความหมาย เนื้อหาจำแนกตามหมวดหมู่ ได้แก่ คำสยามพากย์(คำภาษาไทย) คำกำพุชพากย์(คำภาษาเขมร) คำชวา คำราชาศัพท์ คำมคธพากย์และสังสกฤษฎพากย์(คำภาษาบาลีและสันสกฤต) อันเป็นแบบเรียนที่มีเนื้อหาต่อเนื่องจากชุดแบบเรียนหลวง   ห้องบริการ 1 หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ เลขหมู่ : 495.918 ศ427ป


เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศดอนเมือง เพื่อทรงรับสมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่าน ซาลาฮุดดิน อับดุล อาซิซ ชาห์ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย และสมเด็จพระราชินี ตวนกู ซีตี ไอซาห์ สมเด็จพระราชินีแห่งมาเลเซีย ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๗ - ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓ รหัสเอกสาร ฟ หจภ นร ๕.๑/๘ ผู้สนใจสามารถสืบค้นเอกสารจดหมายเหตุเพิ่มเติมได้ที่ https://archives.nat.go.th/Home/ หรือสนใจสั่งซื้อหนังสือออนไลน์ https://shorturl.asia/nQ5WZ


ชื่อเรื่อง                                สตฺตปฺปรณาภิธมุม (วิภังค์-ปุคคลบบัญญัติ)สพ.บ.                                  476/4ประเภทวัสดุมีเดีย                   คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                              พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                          16 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง                                พุทธศาสนา                                          บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับชาดทึบ ลานดิบ ไม่มีไม้ประกับ  ได้รับบริจาคมาจากวัดด่านช้าง ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี


ชื่อเรื่อง                     สลากริวิชาสูตร (สลากริวิชาสูตร)สพ.บ.                       445/1หมวดหมู่                   พุทธศาสนาภาษา                       บาลี-ไทยอีสานหัวเรื่อง                     พุทธศาสนา                             บทสวดมนต์                              บทสืบชะตาประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               106 หน้า : กว้าง 5.5 ซม. ยาว 39 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก        เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ไม่มีไม้ประกับ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี





         พัดรองที่ระลึกพระราชพิธีโสกันต์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร          ลักษณะ : พัดรองที่ระลึกพระราชพิธีโสกันต์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร พื้นพัดทำจากผ้ากำมะหยี่สีม่วงเข้ม ตรงกลางปักดิ้นเงินทองและไหมสีเป็นรูปจุลมงกุฎ (พระเกี้ยว) ฉากหลังปักลายขนนกการเวก วางบนหมอน เบื้องล่างเป็นแพรแถบเครื่องราชอิสริยาภรณ์จักรีบรมราชวงศ์ มีอักษรย่อ “ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ.” หมายถึง “เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ” อันเป็นเครื่องหมายของผู้สืบตระกูลวงศ์ ด้านหลังบุผ้าไหมสีแดง ปักตัวอักษรด้วยไหมสีเหลืองข้อความว่า “การพระราชพิธีโสกันต์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร รัตนโกสินทร์ศก 109” นมพัด ด้านหน้าปักดิ้นทองกรอบรูปพุ่มข้าวบิณฑ์หรือกลีบบัว ภายในเป็นรูปช่อดอกไม้ นมพัดด้านหลังปักไหมเป็นลายพันธุ์พฤกษา ด้ามทำจากไม้กลึง ปลายเป็นงาช้าง          ความสำคัญ : สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อเจริญพระชนมพรรษาครบ 13 พรรษา จึงจัดให้มีพระราชพิธีโสกันต์อย่างใหญ่ มีเขาไกรลาส ตามพระราชประเพณี เป็นเวลาทั้งสิ้น 8 วัน ตั้งแต่วันที่ 18 - 25 มกราคม พุทธศักราช 2433          พระราชพิธีโสกันต์ เป็นพิธีการโกนจุกให้กับพระราชโอรส และพระราชธิดา ที่ประสูติแต่พระมเหสีและดำรงพระยศชั้นเจ้าฟ้าและพระองค์เจ้า พิธีการจะเริ่มต้นตั้งโหรหลวงดูฤกษ์ยามกำหนดวันเวลาประกอบพระราชพิธีถวาย เมื่อพระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นชอบจึงมีหมายกำหนดการพระราชพิธี ซึ่งพิธีการจะประกอบด้วยพิธีสงฆ์และพิธีพราหมณ์กระทำโดยพร้อมกัน ระยะเวลาในการประกอบพิธีเบ็ดเสร็จ 5 วัน โดย 3 วันแรก เป็นการสดับพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ส่วนเช้าวันที่ 4 เมื่อได้ฤกษ์ยามตามกำหนด พระราชโอรส หรือพระราชธิดาประทับบนพระแท่น หันพระพักตร์ตามทิศอันเป็นมงคลตามที่โหรกำหนดตามกำลังวัน ถอดพระเกี้ยวแบ่งเกศาพระเมาฬีออกเป็น 3 ปอย ด้วยพายเงิน ทอง และนาค จากนั้นนำลวดเงิน ทอง นาค และสายสิญจน์ผูกปลายพระเกศาแต่ละปอยไว้กับแหวนนพเก้าและใบมะตูม การตัดปอยพระเกศาทั้ง 3 ปอยเรียงลำดับการตัดดังนี้ ประธานในพิธี พระบรมวงศ์ชั้นใหญ่ในราชตระกูล และพระบิดา สำหรับเช้าวันที่ 5 อันเป็นวันสุดท้ายของพระราชพิธีโสกันต์ เจ้าพนักงานอัญเชิญพระเกศาไปลอยในแม่น้ำ เป็นอันจบพิธี          การออกแบบพัดรองที่ระลึกพระราชพิธีโสกันต์ใช้พระลัญจกรจุลมงกุฎขนนกซึ่งพระราชทานเป็นตราตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ภายหลังจาการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร และโปรดเกล้าฯการสถาปนาเฉลิมพระอิสริยยศสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร จึงมีการเปลี่ยนจากตราประจำพระองค์ที่เป็นตราพระลัญจกรจุลมงกุฎขนนกแทน          ขนาด : ยาว 102 กว้าง 37          ชนิด : ผ้า ไม้ งาช้าง          อายุ/สมัย : รัตนโกสินทร์ พุทธศักราช 2433   แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=64873   ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th


ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์.  สำนวน ภาษิต สำสอน สุรินทร์-ศรีสะเกษ.  กรุงเทพฯ: กรุงสยามการพิมพ์, 2527.


black ribbon.