ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,712 รายการ

ปฐมสมฺโพธิ (ปถมสมฺโพธิ)  ชบ.บ.89/1-6  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


เลขทะเบียน : นพ.บ.230/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  50 หน้า ; 4 x 54.5 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 112 (170-179) ผูก 5 (2565)หัวเรื่อง : ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา(ธรรมบท) --เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.361/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 74 หน้า ; 4.5 x 50.5 ซ.ม. : ทองทึบ-รักทึบ-ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 139  (411-419) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : ปพฺพชฺชากถา (ปัพพัชชากถา)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


      อิฐซึ่งตกแต่งด้วยลวดลายจากนิ้วมือของช่างสมัยทวารวดี       พบจากโบราณสถานหมายเลข ๑๔ (บ้านศรีสรรเพชญ์ ๓) เมืองโบราณอู่ทอง อิฐมีการตกแต่งด้วยรอยลูบจากนิ้วมือ พบจากการขุดแต่งโบราณสถานหมายเลข ๑๔ (บ้านศรีสรรเพชญ์ ๓) เมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยสำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี จัดแสดงอาคารจัดแสดง ๒ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง       ก้อนอิฐรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง ๒๑ เซนติเมตร ยาว ๓๑.๕ เซนติเมตร หนา ๑๐ เซนติเมตร เนื้ออิฐมีรูพรุน เห็นร่องรอยแกลบข้าวในเนื้ออิฐ บนผิวหน้าอิฐมีการตกแต่งด้วยรอยลูบจากนิ้วมือ ส่วนปลายทั้งสองด้านตกแต่งด้วยเทคนิคเดียวกันโดยทำเป็นร่องยาว ๒ เส้นขนานกันตามด้านกว้างของหน้าอิฐ และมีรอยลูบเป็นร่องโค้งคล้ายเกือกม้า ๓ เส้นขนานกัน โดยมีส่วนปลายทั้งสองเชื่อมติดกับรอยลูบที่เป็นร่องยาว ๒ เส้นขนานกัน กำหนดอายุสมัยทวารวดี อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ – ๑๕ หรือประมาณ ๑,๑๐๐ – ๑,๒๐๐ ปีมาแล้ว       อิฐที่ตกแต่งลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ พบที่โบราณสถานหมายเลข ๑๔ (บ้านศรีสรรเพชญ์ ๓) จำนวนหลายชิ้น แต่จะมีรอยลูบบนผิวหน้าอิฐในลักษณะแตกต่างกัน พบทั้งลวดลายที่เป็นเส้นตรง เส้นทแยง เส้นโค้ง เส้นคลื่น รอยเหล่านี้เกิดจากการลูบด้วยนิ้วมือในขณะที่อิฐยังไม่แห้งก่อนนำไปเผาให้สุก นอกจากพบที่เมืองโบราณอู่ทองแล้ว ยังพบอิฐที่ตกแต่งแบบนี้ตามเมืองโบราณในสมัยทวารวดีอื่น ๆ เช่น เมืองโบราณคูบัว จังหวัดราชบุรี เมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี และยังพบตามเมืองโบราณในวัฒนธรรมปยู-มอญ ซึ่งมีอายุร่วมสมัยกับทวารวดี เช่น เมือง  ไบร์ถาโนก์ เมืองศรีเกษตร เมืองฮาลิน เมืองสะเทิม และเมืองพะโค ซึ่งตั้งอยู่ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ในปัจจุบัน แสดงถึงการติดต่อสัมพันธ์กันระหว่างผู้คนจากทั้งสองวัฒนธรรม หรืออาจเกิดจากการรับรูปแบบมาจากแหล่งเดียวกันคืออินเดียก็เป็นได้       นักวิชาการสันนิษฐานว่าการตกแต่งผิวหน้าของอิฐด้วยการลูบด้วยนิ้วมือ อาจเพื่อช่วยในการยึดติดกันระหว่างอิฐแต่ละก้อน หรืออาจใช้เป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มคนผู้ผลิตอิฐหรือเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว ทั้งยังอาจใช้เป็นสัญลักษณ์ในการนับจำนวนอิฐก็เป็นได้   เอกสารอ้างอิง เด่นดาว  ศิลปานนท์. โบราณสถานบ้านศรีสรรเพชญ์ ๓ ปริศนาวิหารถ้ำเมืองอู่ทอง. กรุงเทพ : อรุณการพิมพ์, ๒๕๕๙. วิภาดา  อ่อนวิมล. “อิฐมีลวดลายในสมัยทวารวดี”. เอกสารการศึกษาเฉพาะบุคคล ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๖.





เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ขอนำภาพพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ จัดสร้างโดยกลุ่มจิตรกรรม รวมถึงผลงานศิลปกรรมเทิดพระเกียรติ ที่จัดสร้างโดยกลุ่มประติมากรรม กลุ่มศิลปประยุกต์และเครื่องเคลือบดินเผา และกลุ่มประณีตศิลป์ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ที่จัดแสดงในงานนิทรรศการ ช่างศิลป์ไทย เทิดไท้องค์ราชัน เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันมีคุณอนันต์แก่ปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร


          วันเสาร์ที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ น. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานเปิดการแข่งขัน Fit Game Jam เป็นการแข่งขันสร้างสรรค์เกมส์มรดกวัฒนธรรม Fit Game Jam 2022 (Fine Arts Game Jam) ภายในระยะเวลา ๔๘ ชั่วโมง ระหว่างวันที่ ๒ - ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ชิงเงินรางวัลรวม ๔๐,๐๐๐ บาท โดยมีนางวัญญา ประคำทอง ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม ให้การต้อนรับ ณ อาคารกรมศิลปากร เทเวศร์ ชั้น ๕ ทั้งนี้จะมีพิธีมอบรางวัลในวันจันทร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕ 


กิจกรรมทำบุญตักบาตร ฟังพระธรรมเทศนา และเวียนเทียนรอบพระอุโบถ สถูปเจดีย์พุทธสถานในวันอาสาฬหบูชาหรืออาสาฬหปูรณมีบูชา เป็นศาสนพิธีที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนานเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในประเทศไทยนั้นปรากฏหลักฐานการประกาศให้วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางศาสนา และการประกอบพิธีอาสาฬหบูชาในพุทธศักราช 2501 การประกาศให้วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางศาสนาของประเทศไทย ได้ปรากฏในเอกสารจดหมายเหตุ ชุดกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ รหัสเอกสาร ศธ.15.12/11 เรื่อง พิธีอาสาฬหบูชา ใจความสำคัญว่า คณะสังฆมนตรีได้พิจารณาและออกประกาศสำนักสังฆนายกกำหนดให้วันอาสาฬหบูชาเป็นวันสำคัญทางศาสนา พร้อมทั้งกำหนดแบบแผนการประกอบพิธีอย่างเป็นทางการขึ้น เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 เนื่องจาก วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 อาสาฬหมาส เป็นวันที่พระบรมศาสดาทรงแสดงพระธรรมจักกัปปวัตตนสูตรเป็นปฐมเทศนา และเป็นวันที่พระอริยสงฆ์สาวกองค์แรกบังเกิดขึ้นในโลก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ จึงเป็นวันที่บังเกิดรัตนะครบองค์สาม คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะ นับว่าเป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่งในพระศาสนา สมควรกระทำการบูชาเพื่อเตือนใจพุทธศาสนิกชนทั้งหลายให้ซาบซึ้งในคุณพระรัตนตรัย สำนักสังฆนายกจึงได้ออกประกาศกำหนดพิธีอาสาฬหบูชาไว้ ดังนี้ ก่อนถึงวันพิธีอาสาฬหบูชา ในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8 ให้เจ้าอาวาสทุกวัดแจ้งแก่ภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกาในวัดให้ทราบล่วงหน้าว่าวันพระขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันทำพิธีอาสาฬหบูชา เมื่อถึงวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 ให้ภิกษุสามเณรตลอดจนศิษย์วัด คนวัด ช่วยกันทำความสะอาด ปัดกวาด ปูลาดเสนาสนะ จัดตั้งเครื่องสักการะ ถวายน้ำใช้น้ำฉัน ประดับธงธรรมจักรรอบพระอุโบสถเท่าที่สามารถจะจัดได้ เพื่อประกาศวันธรรมจักรให้ปรากฏแก่มหาชน เตือนใจให้ระลึกถึงสัจธรรมอันวิเศษที่ทรงแสดงไว้ในพระธรรมจักกัปปวัตตนสูตร วันพิธีอาสาฬหบูชา วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 มีธรรมสวนะ เวลาค่ำให้ภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา มาประชุมพร้อมกันที่หน้าพระอุโบสถหรือพระเจดีย์ จุดธูป เทียน แล้วถือรวมกับดอกไม้ ยืนประนมมือสำรวมจิต พระสงฆ์ผู้เป็นประธานนำกล่าวคำบูชา จบแล้วทำประทักษิณ (เวียนขวา) สามรอบ จากนั้นภิกษุสามเณรเข้าในพระอุโบสถบูชาพระรัตนตรัย ทำวัตรค่ำ แล้วสวดพระธรรมจักกัปปวัตนสูตร จบแล้วหยุดพักให้อุบาสก อุบาสิกา ทำวัตรค่ำ พระสังฆเถระแสดงพระธรรมเทศนาธัมมจักกัปปวัตนสูตร หากภิกษุสามเณรในวัดสามารถสวดสรภัญญะได้ ก็ให้สวดสรภัญญะเพื่อเจริญศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชน จากนั้นจึงให้พุทธศาสนิกชนเจริญภาวนามัยกุศล สวดมนต์และสนทนาธรรมตามเหมาะสม โดยดำเนินพิธีการให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 24 นาฬิกา เนื่องจากวันรุ่งขึ้นเป็นเทศกาลเข้าปุริมพรรษาของพุทธศาสนิกชนและเป็นวันประชุมอธิษฐานพรรษาของพระสงฆ์ (วันเข้าพรรษา) ทั้งนี้ ภายหลังจากประกาศดังกล่าว พลเอก ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามในประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง ระเบียบการชักธงชาติ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2501 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 เพื่อแก้ไขความในข้อ 8 กำหนดให้ชักและประดับธงชาติ ณ อาคารและยานพาหนะ ในวันอาสาฬหบูชา เพิ่มเติมเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้รับรองให้เป็นวันสำคัญของทางราชการ พิธีอาสาฬหบูชานั้น คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวไทยยังคงปฏิบัติสืบทอดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน อาจมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปบ้างตามยุคสมัยและตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 แต่สิ่งหนึ่งที่ยังมั่นคงเสมอมาคือความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนา ผู้เรียบเรียง นางสาวณัฐณิชา พูลสุมล เจ้าพนักงานจดหมายเหตุปฏิบัติงาน -------------------- อ้างอิง หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารจดหมายเหตุชุดกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ศธ.15.12/11 เรื่อง พิธีอาสาฬหบูชา (14 - 24 ก.ค. 2501) หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ภาพเหตุการณ์ร่วมสมัย ฉ/จ/28769 เรื่อง พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา (2514) หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ภาพเหตุการณ์ร่วมสมัย ฉ/ร/223 เรื่อง พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา (2519) หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ภาพเหตุการณ์ร่วมสมัย ฉ/ร/5381 เรื่อง พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา (2535) #จดหมายเหตุ



         “บ้านเฮานั้นมีผู้เฒ่าผู้แก่ เอาว์แมบองประโอนเด้ออ้าย...”         ผ่านไปเรียบร้อยแล้วกับ “สาวทอผ้าไหม” บทเพลงที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมการทอผ้าของดินแดนอีสานใต้ จากละคร “เพลงผ้าฟ้าล้อมดาว” ซึ่งครั้งหนึ่งได้รับความนิยมจนเกิดกระแสนุ่งผ้าไหมและกลายเป็นสินค้าขายดี แม้กรรมวิธีการทอผ้าจะมีรายละเอียดและซับซ้อนมาก แต่ได้ถูกหยิบมาเล่าเรื่องอีกครั้งในรายการชิงช้าสวรรค์ ๒๐๒๒ ทำให้เกิดความเข้าใจขั้นตอน สอดแทรกการแสดงตั้งแต่สาวไหม ย้อมสี จับฟืม กระตุกกี่ จนกลายเป็นผ้าไหม วันนี้ เพจคลังกลางฯ จึงขอหยิบยกเรื่องราวการรอคอยคนรักของสาวทอผ้า โดยวันเวลาและฤดูกาลผันแปรไปพร้อมกับกรรมวิธีถักทอผ้า แสดงถึงความประณีตที่ต้องอาศัยระยะเวลากว่าจะรังสรรค์มาเป็นไหมแต่ละเส้น ตั้งแต่เริ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมจนได้เป็นผืนผ้า มาบอกเล่าจากเนื้อหาของบทเพลง ซึ่งมีการถ่ายทอดได้อย่างน่าสนใจ        “...คืนและวันของชาวบ้านเราไม่เปล่าดาย ทอผ้าไหมคิดลายสไบให้ถ้วนถี่...”         รูปแบบของผ้าไหมอีสานใต้ มีเอกลักษณ์สำคัญคือการย้อมผ้าโทนสีส้มแดง หรือสีเอิร์ธโทน (Earth tone) ผูกลวดลายตามเรขาคณิต และใช้ทรัพยากรท้องถิ่นให้เกิดความคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นผ้าภูอัคนี เป็นผ้าย้อมดินภูเขาไฟจากเขาพระอังคาร ผ้าซิ่นมัดหมี่ย้อมสีจากครั่งของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยเชื้อสายลาวและผ้าซิ่นตีนแดง ซึ่งถือเป็นผ้าทอเอกลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์ที่ได้นำมาตัดเย็บประยุกต์เป็นชุดสำหรับประกอบการแสดงบทเพลงนี้          ความหมายของลายผ้าไม่ได้เจาะจงเพียงบางพื้นที่เท่านั้น แต่กลับหลอมรวมวัฒนธรรมทอผ้าของอีสานใต้ผ่านตัวแทนสำคัญ คือ ผ้าโสร่ง ผ้าโฮล และผ้าไหมหางกระรอก อันเป็นลวดลายผ้าไหมที่กระจายตัวอยู่ในบริเวณจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ชัยภูมิ และศรีสะเกษ ผสานการตกแต่งซิ่นหรือชายผ้าไหมด้วยตีนกระแหนะ ตีนลายขิด หรือตีนซิ่นปะโบล อันมีรายละเอียดพิเศษแตกต่างกันตามกลุ่มชาติพันธุ์        สำหรับคำว่า “โฮล-จนองโฮล” มาจากภาษาเขมร ใช้เรียกกรรมวิธีทอผ้าไหมชนิดหนึ่ง คล้ายคลึงกันกับผ้าปูมและผ้ามัดหมี่ มีการมัดและย้อมสีเส้นไหม (เส้นพุ่ง) ให้เกิดสีสันและลวดลายก่อน แล้วจึงนำมาทอเป็นผืนผ้าที่มีลายหลักเป็นเส้นบรรทัด แสดงอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยเชื้อสายเขมร แต่ความนิยมของลวดลายได้แพร่กระจายจนสามารถพบเห็นได้หลายพื้นที่ เช่นเดียวกับผ้าที่นิยมทอจากไหม เรียกว่า “ผ้าโสร่งไหม” มีลักษณะเป็นลายตาหมากรุกหรือลายตารางคล้ายผ้าขาวม้า แต่มีลวดลายห่างและขนาดใหญ่กว่า ทำให้มีลายหลักเป็นลายตารางและแทรกการทอด้วยเทคนิคการนำเส้นไหมสองเส้นมาตีเกลียวควบเข้ากันเรียกว่าไหมลูกลาย มีลักษณะเส้นไหมสลับสีสันคล้ายขนหางกระรอก เทคนิคนี้ยังใช้ในการทอไหมคล้ายผ้าไหมสีเดียว แต่ลวดลายผ้าเหลือบสีเป็นลายเส้นเล็กๆ เรียกว่า “ผ้าไหมหางกระรอก” อันเป็นลวดลายโบราณที่นิยมอยู่ในท้องถิ่นของอีสานใต้          “บ้านเฮานั้นมีผู้เฒ่าผู้แก่ เอาว์แมบองประโอน ยังถ่า...”         กาลเวลาได้นำพาผ้าไหมกลับมาถูกนำมาเก็บรักษาภายในห้องคลังผ้าของคลังกลางฯ โดยได้ได้รับมอบจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ประกอบด้วย ผ้าโฮล ๑ ผืน ผ้าโสร่งและผ้าไหมหางกระรอก อย่างละ ๒ ผืน ซึ่ง ‘ผ้าไหมทอ’ อัตลักษณ์ของชาวอีสานยังคงมีลมหายใจ ไม่ได้เก่าไปตามกาลเวลาและปรากฏตามงานประเพณี ไม่ว่าจะเป็นแซนโฎนตา (วันสารทใหญ่) ประเพณีการไหว้ผี/บรรพบุรุษของชาวไทยเชื้อสายเขมร ซึ่งต้องจัดเตรียมเครื่องแต่งกาย ซิ่นไหม และผ้าโสร่ง สำหรับใช้ในการประกอบในพิธีกรรม งานมงคลอย่างงานแต่งงาน หรือการละเล่นลูดอันเร/เรือมอันเร ที่ยังคงแต่งกายตามวัฒนธรรมของอีสานใต้ ทั้งนี้ยังถูกนำมาตัดเย็บเป็นฉลองพระองค์ของเจ้านายในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในบางโอกาสอีกด้วย             หมายเหตุ : คำว่า “เอาว์แมบองประโอน” แปลว่า พ่อแม่พี่น้อง           - เอาว์... มาจากคำว่า ឪពុក (เอาว์ปุก/เอิวปุ๊ก) แปลว่า พ่อ (ឪពុក เป็นภาษาเขียนไม่ใช่ภาษาพูด)           - แม... (មែ) มาจากคำว่า ម្ដាយ (มฺดาย) แปลว่า แม่ (ម្ដាយ เป็นภาษาเขียนไม่ใช่ภาษาพูด)           - บอง... มาจากคำว่า បង (บอง) แปลว่า พี่           - ประโอน... มาจากคำว่า ប្អូន (ปะโอน/บฺโอน?) แปลว่า น้อง          ผยแพร่/เทคนิคภาพโดย พลอยไพลิน ปุราทะกา ผู้ช่วยภัณฑารักษ์ กลุ่มทะเบียน คลังพิพิธภัณฑ์และสารสนเทศ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           42/6ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              28 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 54 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


แนะนำ e-book หนังสือหายาก เรื่อง ทักษ์อนุสรณ์ ทักษ์อนุสรณ์. พระนคร: โรงพิมพ์ทหารอากาศ, 2504.


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 141/2เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


black ribbon.