ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,749 รายการ
***บรรณานุกรม***
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
โคลนติดล้อ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางฉลวย สมบูรณ์
กรุงเทพฯ
ประชุมทองการพิมพ์
2527
www.virtualmuseum.finearts.go.th/ratchaburi
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี ตั้งอยู่ที่ถนนวรเดช ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2529 โดยกรมศิลปากรได้ขออนุมัติใช้อาคารศาลากลางจังหวัดราชบุรีหลังเดิม ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ ปีพุทธศักราช 2465 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวใช้เป็นสถานที่จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ ตามโครง การจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำเมืองของกรมศิลปากร
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พุทธศักราช 2534 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธีเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี ประกอบไปด้วยอาคารสำคัญ 2 หลัง ได้แก่อาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวร (ศาลารัฐบาลมณฑลราชบุรี) และอาคารจัดนิทรรศการพิเศษ อาคารสำนักงาน และคลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ทำเนียบสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง
เพื่อต้องการให้เป็นศูนย์การศึกษา อนุรักษ์และเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจทางด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติที่จะสนองความต้องการของประชาชนและชุมชนในพื้นที่ จังหวัดราชบุรีและจังหวัดใกล้เคียงตามแนวทางการพัฒนากิจการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมัยใหม่โดยมีการจัดแสดงนิทรรศการถาวรที่เน้นเรื่องราวของท้องถิ่น ทั้งทางด้านธรณีวิทยา โบราณคดี ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ศิลป วัฒนธรรมพื้นบ้าน ชาติพันธุ์วิทยา แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดราชบุรี
พระมหามงคล: Phra Maha Mongkhon
เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 35
เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 35 ทรงพระราชนิพนธ์ในพุทธศักราช 2502 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานแก่นายเอื้อ สุนทรสนาน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2502 ให้เป็นเพลงประจำวงดนตรี สุนทราภรณ์ ในโอกาสที่ก่อตั้งมาครบ 20 ปี นายเอื้อ สุนทรสนาน หัวหน้าวงจึงได้ขอพระราชทานพระบรม ราชานุญาต ตั้งชื่อเพลงว่า “พระมหามงคล” และได้อัญเชิญมาบรรเลงนำประจำวงสุนทราภรณ์มาจนทุกวันนี้ เพลงพระราชนิพนธ์นี้ไม่มีคำร้อง
Royal Composition Number 35
The thirty-fifth royal musical composition was written in 1959 and granted to Mr. Ua Sunthornsanan on 20 November 1959 as the signature tune of the Suntaraporn Band on the occasion of its 20th founding anniversary. Mr. Ua Sunthornsanan, the band - leader then asked for royal permission to name the tune "Phra Maha Mongkhon" - A Great Royal Blessing, which has since been perfomed to lead in the band up to the present. This tune has no vocal parts.
รายชื่อผู้เข้าประกวดสุนทรพจน์ระดับอุดมศึกษา เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๕๙ รอบชิงรางวัล
กรมศิลปากรชี้แจงประเด็นข่าวกุฏิพระโบราณ ที่วัดสิงห์ จังหวัดปทุมธานี พังทลายเสียหาย สาเหตุจากช่างที่กรมศิลปากรจ้างมาซ่อมแซมบูรณปฏิสังขรณ์
เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ กรมศิลปากรแถลงข่าวชี้แจงประเด็นกุฏิพระโบราณที่วัดสิงห์ จังหวัดปทุมธานี พังทลายเสียหาย โดยนายเอนก สีหามาตย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร นายประทีป เพ็งตะโก ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี นายช่างโยธาและวิศกรควบคุมงาน เป็นผู้แถลงข่าว ณ ห้องประชุมกรมศิลปากร
ตามที่รายการเรื่องเล่าเสาร์ – อาทิตย์ ประจำวันอาทิตย์ที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๕ รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ประจำวันจันทร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง ๓ และหนังสือพิมพ์ข่าวสด หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ได้เสนอข่าวเกี่ยวกับกุฏิพระโบราณ ที่วัดสิงห์ ตำบลสามโคก อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี พังทลายเสียหายทั้งหมด สาเหตุจากช่างที่กรมศิลปากรจ้างมาซ่อมแซมบูรณปฏิสังขรณ์ นั้น
กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี ขอชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวดังนี้
๑. วัดสิงห์ ตำบลสามโคก อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดเก่าแก่ซึ่งยังปรากฏเจดีย์ โบสถ์ วิหารเก่าแก่ ควรค่าแก่การศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี พระพุทธรูปสำคัญของวัดคือ หลวงพ่อโต พระพุทธรูปลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย สมัยกรุงศรีอยุธยา พระพุทธไสยาสน์ (หลวงพ่อเพชร) นอกจากนี้ยังมีโกศบรรจุอัฐิหลวงพ่อพญากราย ซึ่งเป็นพระมอญธุดงค์มาจำพรรษา ที่วัดสิงห์ บนกุฏิของวัดมีพิพิธภัณฑ์ เก็บรักษาของเก่า ได้แก่ ตุ่มสามโคก แท่นบรรทมของพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อครั้งเสด็จประพาสเมืองสามโคก ใบลานอักษรมอญ ตู้พระธรรม และพระพุทธรูป ด้านหน้าวัดสิงห์มีการขุดค้นพบโบราณสถานเตาโอ่งอ่าง ซึ่งถือ เป็นหลักฐานของการตั้งชุมชนมอญในสมัยแรกในบริเวณนี้นับแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดขอบเขตโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๕ เล่มที่ ๑๐๙ ตอนที่ ๑๐๙
๒. กรมศิลปากร สำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี ได้รับการจัดสรรงบประมาณโครงการฟื้นฟูบูรณะโบราณสถานที่ประสบอุทกภัย โครงการบูรณะโบราณสถานวัดสิงห์ จำนวน ๑๒,๐๒๐,๐๐๐ บาท โดยแบ่งเป็น ๒ โครงการ
- โครงการงานบูรณะโบราณสถาน จำนวนเงิน ๔,๔๕๐,๐๐๐ บาท
- โครงการงานปรับยกระดับ (ปรับดีด) วงเงินสัญญาจ้าง ๗,๕๓๙,๐๐๐ บาท ดำเนินการว่าจ้างบริษัทกันต์กนิษฐ์ ก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ดำเนินงาน ตามสัญญาจ้างเลขที่ ๑๒/๒๕๕๕ เริ่มสัญญาวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ สิ้นสุดวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยมีนายเฉลิมศักดิ์ ทองมา นายช่างโยธาชำนาญงาน สำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี เป็นผู้ควบคุมงาน
๓. เมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เวลา ๒๑.๓๐ น. นายเฉลิมศักดิ์ ทองมา ได้รับแจ้งจากตัวแทนบริษัทกันต์กนิษฐ์ ก่อสร้าง จำกัด ในเวลาประมาณ ๑๖.๓๐ น. ขณะที่คนงานอยู่ในช่วงพัก ไม่มีใครอยู่ภายในบริเวณอาคารกุฏิโบราณ ได้ยินเสียงพร้อมทั้งปูนฉาบของตัวอาคารกะเทาะหลุดร่วงลงมา แล้วมุมอาคารด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เกิดการทรุดตัวลง ทำให้กระเบื้องหลังคาและโครงสร้างหลังคาทั้งหมด ทรุดลงมากองอยู่บริเวณพื้นไม้ชั้นสองของอาคาร ทำให้น้ำหนักบรรทุกของพื้นมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากนั้นผนังด้านทิศใต้ ก็ได้พังทลายตามลงมาเนื่องจากรับหนักของหลังคาที่ทรุดลงมาไม่ไหว
๔. เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เวลา ๙.๐๐ น.ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี (นายประทีป เพ็งตะโก) นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ วิศวกรชำนาญการพิเศษ นายจมร ปรปักษ์ประลัย สถาปนิกชำนาญการ นายเฉลิมศักดิ์ ทองมา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสามโคก และคณะกรรมการวัดสิงห์ ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายและหาสาเหตุของการพังทลาย ได้ข้อสรุปดังนี้
๔.๑ การที่อาคารเกิดการทรุดตัว เนื่องจากพื้นดินรับฐานรากอาคารอยู่ในที่ต่ำชุ่มน้ำตลอดทั้งปี ทำให้อ่อนตัวรับน้ำหนักอาคารไม่ไหวทำให้ผนังอาคารทรุดตัวลงมาประมาณ ๑ ใน ๔ ส่วน
๔.๒ ผนังอาคารมีร่องรอยแตกร้าวจำนวนมาก พบร่องรอยนี้จากการสำรวจเพื่อจัดทำรูปแบบรายการการอนุรักษ์ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๔
๔.๓ ปูนสอเสื่อมสภาพจากการถูกน้ำแช่ขังและใช้งานอาคารมาเป็นเวลานาน ทำให้การยึดตัวของอิฐและปูนสอไม่ดี เป็นสาเหตุให้ตัวอาคารทรุดลงมา
๔.๔ สภาพอาคารที่ปูนฉาบผนังนอกหลุดร่อน ทำให้น้ำซึมผ่านเข้าไปในผนังทำให้ ปูนสอชุ่มน้ำ ทำให้แรงยึดเกาะระหว่างอิฐต่ำ
๔.๕ ขณะที่อาคารทรุดตัวอยู่ระหว่างการขุดเพื่อตรวจสอบฐานของอาคารส่วนที่ จมดินเพื่อเตรียมการกำหนดระยะที่ทำการตัดผนังเพื่อเสริมคานถ่ายแรง ยังไม่ได้ทำการตัดผนัง จึงยังมิได้มีการรบกวนโครงสร้างของอาคารโบราณ แต่ตัวอาคารก็เกิดการทรุดตัวลงมาเสียก่อน
หลังจากทำการตรวจสอบพื้นที่แล้ว สำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี ได้สั่งการให้บริษัทผู้รับจ้างทำการค้ำยันผนังส่วนที่เหลือโดยให้ดำเนินการตามคำแนะนำของวิศวกร และทำการจัดเก็บวัสดุส่วนที่สามารถนำมาก่อสร้างเพื่อคืนสภาพอาคารไปจัดเก็บในที่ให้เรียบร้อย รวมทั้งได้เร่งรัดให้ผู้รับจ้างดำเนินการบูรณะกุฏิให้คืนสภาพโดยเร็ว โดยให้บริษัทผู้รับจ้างร่วมกับสถาปนิก วิศวกร และผู้เกี่ยวข้อง ปรับปรุงรูปแบบรายการ และวิธีปรับดีดให้สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพปัจจุบันของกุฏิ และให้ดำเนินการบูรณะกุฏิให้กลับคืนสภาพเดิม โดยให้เป็นไปตามรูปแบบรายการบูรณะที่ได้รับอนุญาต
วัสดุ ดินเผา
แบบศิลปะ ศิลปะเขมรในประเทศไทย
อายุสมัย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-18
สถานที่พบ นายวีระ วุฒิจำนง มอบให้เมื่อ 11 เมษายน 2538
กระปุกทรงกลมทำเป็นรูปนก ด้านหนึ่งเป็นหัวนก ลักษณะคล้ายนกเค้าแมว ด้านหนึ่งเป็นหาง ที่หางนกเจาะรูขนาดเล็ก ด้านข้างของกระปุกทั้งสองข้างขีดเป็นลายปีกนก มีเชิงเตี้ย ด้านบนทำฝาปิดขนาดเล็กยอดแหลม เคลือบสีน้ำตาล ก้นไม่เคลือบ
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 เป็นต้นมา คณะสำรวจโบราณชีววิทยาไทย – ฝรั่งเศส ได้ทำการศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับซาดึกดำบรรพ์ของสัตว์มีกระดูก สันหลังในประเทศไทย ซากดึกดำบรรพ์ คือ ไดโนเสาร์ที่พบมีอายุเก่าแก่ที่สุดอยู่ในยุคไทรแอสซิกตอนปลาย (209 ล้านปีก่อน) และอายุน้อยที่สุดอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนกลาง (100 ล้านปีก่อน) ไดโนเสาร์ที่พบในประเทศไทยมีทั้งที่เป็นชนิดที่พบใหม่ของโลก และชนิดที่พบอยู่ทั่วไป โดยแหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ส่วนใหญ่อยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จังหวัดขอนแก่น กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ เป็นต้น จึงมีการนำคำว่า “อีสาน” มาตั้งเป็นชื่อไดโนเสาร์และตั้งชื่อตามชื่อของบุคคลหรือสถานที่ที่ขุดค้นพบ ด้วย
สยามโมไทรันนัส อิสานเอนซิส (Siamotyrannus isanensis)
ไดโนเสาร์ตระกูลใหม่ของไทยถูกค้นพบที่บริเวณหินลาดยาว อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2536 ไดโนเสาร์เทอโรพอด (ไดโนเสาร์ที่เดิน 2 เท้า) ขนาดใหญ่ ยาวประมาณ 6.5 เมตร มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนต้นเมื่อประมาณ 130 ล้านปีก่อน มีขาหลังที่ใหญ่และแข็งแรงมาก พบกระดูกสันหลัง สะโพกและหางที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ฝังในชั้นหินทราย จากการศึกษาพบว่าอยู่ในวงศ์ไทรันโนซอริเดที่เก่าแก่ที่สุด ทำให้สันนิษฐานได้ว่ากลุ่มของ ไทรันโนซอร์เริ่มวิวัฒนาการครั้งแรกในเอเชียแล้วค่อยแพร่กระจาย ไปทางเอเชียเหนือ และสิ้นสุดที่อเมริกาเหนือก่อนที่สูญพันธุ์ไป
ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ (Phuwiangosaurus sirindhornae)
ไดโนเสาร์ซอโรพอด (ไดโนเสาร์ที่เดิน 4 เท้า คอและหางยาว กินพืชเป็นอาหาร) ชนิดแรกของไทย ถูกค้นพบที่บริเวณประตูตีหมา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น มักอยู่รวมกันเป็นฝูง พบกระดูกของพวกวัยเยาว์รวมอยู่ด้วย ซึ่งมีขนาดยาว 2 เมตร และสูงเพียงครึ่งเมตรเท่านั้น ไดโนเสาร์ชนิดนี้มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนต้นเมื่อประมาณ 130 ล้านปีก่อน ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
สยามโมซอรัส สุธีธรณี (Siamosaurus suteethorni)
ไดโนเสาร์ชนิดแรกของไทย ตั้งชื่อให้เป็นเกียรติแก่ นายวราวุธ สุธีธร ผู้มีส่วนร่วมในการสำรวจ พบที่บริเวณประตูตีหมา อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ไดโนเสาร์เทอโรพอด (ไดโนเสาร์ที่เดิน 2 เท้า) ขนาดใหญ่ ความยาวประมาณ 7 เมตร มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนต้นประมาณ 130 ล้านปีก่อน สันนิษฐานว่าไดโนเสาร์เทอโรพอดทีทมีฟันรูปทรงกรวยมีแนวร่องและสันเรียงสลับ ตลอด ฟันคล้ายจระเข้ และมีลักษณะปากคล้ายสัตว์เลื้อยคลานพวกกินปลา มีแหล่งหากินอยู่ริมน้ำและกินปลาเป็นอาหาร
คอมพ์ซอกนาธัส [Compsognathus]
ไดโนเสาร์ขนาดเล็กตัวเท่าไก่ พบที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น มีลักษณะคล้ายนก ไดโนเสาร์กินเนื้อขนาดเล็กพวกซีลูโรเซอร์ ขนาดยาวประมาณ 70 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 3.5 กิโลกรัม วิ่งด้วยขาหลังทั้งสองข้าง
ซิททาโกซอรัส สัตยารักษ์คิ (Psittacesaurus sattayaraki)
ไดโนเสาร์พวกสะโพกแบบนก เป็นพวกเซอราทอปเชียน หรือไดโนเสาร์ปากนกแก้ว ค้นพบโดย นายนเรศ สัตยารักษ์ ขุดพบที่จังหวัดชัยภูมิ มีชีวิตอยู่ในยุคครีเทเชียสตอนกลาง ประมาณ 100 ล้านปีก่อน กินพืชขนาดเล็กเป็นอาหาร ยาวประมาณ 1 เมตร ใน อดีตพบเฉพาะในแถบเอเชียกลาง บริเวณซานตุง ประเทศจีน ประเทศมองโกเลีย และไซบีเรียเท่านั้น ในประเทศไทยพบที่จังหวัดชัยภูมิในชั้นหิน การค้นพบซากไดโนเสาร์ชนิดนี้เป็นการยืนยันว่า เมื่อต้นยุคครีเทเชียส แผ่นดินอินโดจีน เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ทวีปเอเชียแล้ว
กินรีมิมัส (Kinnareemimus)
ไดโนเสาร์นกกระจอกเทศตัวแรกของไทย พบที่ อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น วิ่งเร็ว ปราดเปรียว เป็นเทอโรพอด (ไดโนเสาร์ที่เดิน 2 เท้า) ที่ไม่มีฟัน กินทั้งพืช และสัตว์เป็นอาหาร ขนาดยาวประมาณ 1 - 2 เมตร
อีสานโนซอรัส อรรถวิภัชน์ชี (Isanosaurus attavipatchi)
ไดโนเสาร์กินพืชที่มีลักษณะเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยพบมา เป็นไดโนเสาร์ซอโรพอด (ไดโนเสาร์กินพืชขนาดใหญ่ เดิน 4 ขา คอยาว หางยาว) พบที่ อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ เมื่อปี 2541 เป็นไดโนเสาร์กินพืชคอยาว อายุราว 210 ล้านปี มีชีวิตอยู่ในยุคไทรแอสซิกตอนปลาย ประมาณ 209 ล้านปีมาแล้ว ความยาว 13 – 15 เมตร ชื่อชนิด อรรถวิภัชน์ชิ ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ นายปรีชา อรรถวิภัชน์ อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี
สเตโกซอรัส (Stegosaurus)
เป็น สายพันธุ์สเตโกซอริเตที่มีอายยุย้อนยุคไปไกลที่สุดในอดีต คือ 140 – 152 ล้านปี หรือยุคจูราสสิคตอนปลาย พบกระดูกสันหลังที่ชั้นหินทรายสีเทา ขุดพบที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเป็นของสเตโกซอรัส เนื่องจากไดโนเสาร์ชนิดนี้มีกระดูกสันหลังใช้เป็นเกราะป้องกันตัว หรือใช้สำหรับขู่คู่ต่อสู เป็นลักษณะที่ต่างจากไดโนเสาร์ชนิดอื่นอย่างเห็นได้ชัด ไดโนเสาร์ชนิดนี้ชอบกินพืช เคลื่อนไหวเชื่องช้า
ที่มา : Science in action (ปีที่ 3 ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2550) หน้า 10 – 11.
งานประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อศรีเทพ ประจำปี ๒๕๕๕จัดขึ้น ณ วันที่ ๒๕ - ๒๖ มกราคม ๒๕๕๕ (ขึ้น ๒ - ๓ ค่ำ เดือน ๓) ณ บริเวณศาลเจ้าพ่อศรีเทพ ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพพิธีเปิดภาคกลางคืน โดยนายคณีธิป บุณยเกตุ ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธาน พิธีบวงสรวงเจ้าพ่อศรีเทพ นายจิรายุทธ วัจนะรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นประธานกิจกรรมในงานประกอบด้วย การประกวดขนมจีน ข้าวต้มมัด ขบวนแห่และธิดาเจ้าพ่อศรีเทพ โดย อบต.และเทศบาลต่างๆในพื้นที่อำเภอศรีเทพ การออกร้านของกิ่งกาชาดและร้านค้าอื่นๆ วงดนตรีลูกทุ่งของโรงเรียน การแสดงมหรสพ เช่น ลิเก ภาพยนตร์ หมอลำ สตริง และมวย