ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,749 รายการ
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.20/1-6
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
+++++ เมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง (ตอนที่ ๑) +++++
----- เมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง ตั้งอยู่ที่บ้านเสมา ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยห่างจากตัวอำเภอกมลาไสย มาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ ๗ กิโลเมตร
----- สภาพภูมิประเทศตั้งอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำลำปาว เป็นที่ราบลุ่มสลับกับเนินดินและหนองน้ำธรรมชาติหลายแห่ง มีน้ำขังตลอดปีทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์จากตะกอนแม่น้ำที่พัดพามาทับถม ประกอบกับมีแหล่งน้ำธรรมชาติจำนวนมาก จึงเหมาะสมกับการตั้งชุมชนอยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ อีกทั้งมีการคมนาคมที่สะดวก เพราะแม่น้ำลำปาวมีต้นน้ำอยู่บริเวณหนองหาน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ไหลผ่านจังหวัดอุดรธานี จังหวัดขอนแก่น ลงสู่แม่น้ำชีที่เป็นแนวเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างอำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ กับ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด มีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่ แหล่งเกลือสินเธาว์ ไม้เนื้อแข็งประเภท เต็ง รัง ตะแบก และไม้ยาง ปัจจุบันป่าไม้ในพื้นที่หมดสภาพแล้ว
----- ลักษณะกายภาพของเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง ตัวเมืองมีคันดิน ๒ ชั้น กว้างประมาณ ๒๕ - ๓๐ เมตร สูงประมาณ ๒ - ๓ เมตร ระหว่างคันดินเป็นคูน้ำกว้างประมาณ ๒๐ เมตร ล้อมรอบเมืองที่มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนบนของผังเมืองสอบเข้าหากัน ทำให้นักวิชาการบางท่านมองว่าคล้ายรูปใบเสมา โดยเชื่อมโยงกับหลักฐานใบเสมาโบราณที่พบเป็นจำนวนมากในบริเวณนี้ ตัวเมืองมีความยาวตามแนวทิศเหนือ - ทิศใต้ ประมาณ ๒,๐๐๐ เมตร กว้างตามแนวทิศตะวันออก - ทิศตะวันตก ประมาณ ๑,๑๕๐ เมตร
----- ภายในตัวเมืองมีเนินดินสูงอยู่ ๓ เนิน เนินที่ ๑ อยู่ทางตอนเหนือของตัวเมือง มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยม ปัจจุบันเป็นสถานที่ประกอบพิธีศพของชาวบ้าน เนินที่ ๒ อยู่ทางตอนใต้ของเนินดินแห่งแรกมาเล็กน้อย เป็นเนินดินขนาดเล็กรูปร่างคล้ายตัวแอล (L) เนินที่ ๓ เป็นเนินดินขนาดใหญ่อยู่ในแนวกึ่งกลางของตัวเมืองแต่ค่อนมาทางด้านตะวันออก ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของบ้านเสมาซึ่งประกอบไปด้วยบ้านเรือน วัดโพธิ์ชัยเสมาราม และโรงเรียนประจำหมู่บ้าน นอกจากนี้ภายในตัวเมืองซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและประกอบกิจกรรมต่างๆ นั้น ยังมีร่องรอยของคูน้ำขุดสลับซับซ้อนอยู่ภายใน โดยเนินดินที่ ๑ ซึ่งมีระดับความสูงจากระดับพื้นที่ปกติภายในเมืองเกือบ ๑๐ เมตร ที่ชายเนินมีร่องรอยของคูน้ำขุดล้อมรอบเป็นรูปเกือบกลม ส่วนเนินดินที่ ๓ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านเสมาก็มีคูน้ำขุดล้อมรอบเช่นเดียวกัน ส่วนพื้นที่ราบบริเวณค่อนมาทางใต้ของตัวเมืองก็มีคูน้ำขุดในทางกว้างไปเชื่อมกับแนวคูเมือง และขุดตัดตรงคูเมืองทางตอนใต้ไปเชื่อมกับแนวคูน้ำที่อยู่ภายในเมือง
----- ส่วนนอกเมืองห่างออกไปทางทิศเหนือประมาณ ๒๐๐ เมตร มีพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมพื้นผ้ากว้าง ๒๕๐ เมตร ยาว ๕๐๐ เมตร ส่วนทางทิศใต้ของเมืองห่างของไปประมาณ ๒๕๐ เมตร มีหนองนกพิดซึ่งเป็นหนองน้ำธรรมชาติยาวเกือบ ๑,๐๐๐ เมตร ขนานไปกับแนวคูเมือง ด้านนอกตัวเมืองโดยรอบมีหนองน้ำธรรมชาติกระจายอยู่ทั่วไป
----- เมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๓ ตอนที่ ๓๔ วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๔๗๙ และประกาศแนวเขตพื้นที่โบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๙ ตอนพิเศษ ๑๑๗ ง วันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ระวางแนวเขตพื้นที่ประมาณ ๙๑๐ ไร่ ๓ งาน ๗๕ ตาราง
((( ติดตามตอนต่อไปได้ในสัปดาห์หน้า )))
-----------------------------------------------------------------------
++ อ้างอิงจาก ++
จังหวัดกาฬสินธุ์. แผนแม่บทการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองฟ้าแดดสงยาง. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๕๔.
ผาสุข อินทราวุธ และคณะ. รายงานการขุดค้นเมืองโบราณฟ้าแดดสงยาง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์. ม.ป.ท. : ม.ป.ป., ๒๕๓๔. (เอกสารอัดสำเนา)
ข้อมูล : นางสาวศุภภัสสร หิรัญเตียรณกุล นักโบราณคดีชำนาญการ
สำนักหอสมุดแห่งชาติ จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน “NLT Edutainment ประจำปี ๒๔๖๔” ครั้งที่ ๘ ภายใต้โครงการพัฒนาและส่งเสริมหอสมุดแห่งชาติเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต (ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค) ประจำปี ๒๕๖๔ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๕.๐๐ น. ณ โถงกลางชั้น ๑ อาคาร ๑ สานักหอสมุดแห่งชาติ กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน NLT Edutainment จัดขึ้นเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยสนใจอ่านหนังสือทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อให้ความรู้ควบคู่ไปกับการสร้างความสุขและความเพลิดเพลินอย่างสร้างสรรค์ โดยจัดเป็นรูปแบบการบรรยาย การเสวนา การอภิปรายแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลงาน การจัดกิจกรรมในครั้งที่ ๘ นี้ ได้เชิญบุคคลภายนอกมาเป็นวิทยากร คือ อาจารย์สมฤทธิ์ ลือชัย มาบรรยายเรื่อง “เล่าเรื่องเมืองสุโขทัย” ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ Facebook Live YouTube Live และแอปพลิเคชัน VDO on Demand ของสานักหอสมุดแห่งชาติ ในวันอาทิตย์ที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ เวลา ๑๓.๐๐ -๑๕.๐๐ น. ทั้งนี้ ทางสำนักหอสมุดแห่งชาติ จะไม่ให้มีผู้เข้าชมหน้างาน เพื่อไม่ให้มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ขอเชิญชวนผู้สนใจติดตามชมได้ทางช่องทาง Facebook Fanpage : National Library of Thailand
องค์ความรู้เรื่อง “จักสานย่านลิเภา”
“ย่านลิเภา” หรือ “ลิเภา” (ภาษาท้องถิ่นภาคใต้เรียกเถาไม้เลื้อยว่า “ย่าน”) เป็นพืชตระกูลเฟิร์นหรือเถาวัลย์ชนิดหนึ่งที่ทอดเลื้อยพาดพันกับต้นไม้อื่น มีความยาวราว 1-2 เมตร บางชนิดยาวถึง 5 เมตร เมื่อแก่ลำต้นจะมีสีดำและเป็นมัน พบมากในป่าภาคใต้ของไทยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ด้วยคุณสมบัติที่มีความเหนียว ทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน จึงทำให้ในอดีตมีการนำย่านลิเภามาสานเป็นภาชนะและเครื่องใช้พื้นบ้านประเภทต่างๆ เช่น เชี่ยนหมาก พาน กระเป๋าถือ กระเป๋าหมาก หมวก กล่องใส่ยาเส้น ปั้นชา และขันดอกไม้ธูปเทียน เป็นต้น
ย่านลิเภาสำหรับใช้ในงานจักสานมี 2 ประเภท คือ ย่านลิเภาดำและย่านลิเภาน้ำตาล โดยจะเลือกใช้เส้นย่านลิเภาที่ด้านนอกมีสีเขียวเข้ม ด้านในมีสีน้ำตาลเข้ม เริ่มต้นด้วยการนำเส้นย่านลิเภาใหญ่ไปลอกหรือปอกเปลือกออก จากนั้นจึงนำมาผึ่งลมให้แห้ง และนำมาแบ่งเป็นเส้นตามขนาดที่ต้องการใช้งาน เสร็จแล้วนำไปแช่น้ำให้ชุ่ม และนำกลับมาแบ่งเป็นเส้นที่มีขนาดเล็กลงตามความต้องการใช้งานอีกครั้ง จากนั้นจึงทำการ “ชักเลียด” ในขั้นตอนของการชักเลียดนั้น จะนำกระป๋องนมหรือสังกะสีชนิดหนามาเจาะรูให้ได้ขนาดต่างๆ ตามที่ต้องการ ประมาณ 5 รู ให้มีขนาดจากช่องใหญ่ไปยังช่องเล็กที่สุด นำเส้นย่านลิเภามารูดทีละช่องจนได้เส้นย่านลิเภาขนาดที่ต้องการ ซึ่งการเหลาเส้นจักตอกโดยวิธีชักเลียดนี้จะทำให้ตอกมีขนาดเท่ากันตลอดทั้งเส้น ผิวตอกจะเรียบลื่นสวยงาม ส่วนย่านลิเภาที่ยังไม่ได้ใช้ให้เก็บใส่ถุงพลาสติกแช่ตู้เย็นเอาไว้เพื่อกักเก็บความชื้น เมื่อนำออกมาใช้จะทำให้สานได้ง่ายกว่าเส้นลิเภาที่แห้ง
การจักสานย่านลิเภาจะเริ่มด้วยการสานส่วนฐานของผลิตภัณฑ์เป็นลำดับแรกด้วยวิธีการดัดให้เป็นรูปทรงที่ต้องการ อาจใช้รูปแบบการดัดหวายเป็นรูปทรงต่างๆ เช่น ทรงกลม รูปทรงรี รูปทรงเหลี่ยม ส่วนการเลือกเส้นหวายสำหรับทำโครงจะต้องเลือกตัดเส้นหวายให้ได้ขนาด แล้วจึงนำมาชักเลียดหวายจนได้เป็นขนาดที่พอเหมาะสำหรับการสาน เมื่อชักเลียดหวายเสร็จแล้วจึงนำมาตัดให้ได้ขนาดตามผลิตภัณฑ์ที่ได้ออกแบบไว้ จากนั้นจึงใช้เข็มเจาะนำที่หวายให้เป็นรูแล้วใช้ย่านลิเภาสอดตามเข้าไปเพื่อสานประกอบเป็นก้นของผลิตภัณฑ์
การสานลายย่านลิเภามี 2 รูปแบบ คือ การสานแบบโปร่ง (หรือแบบขดขึ้นรูป) ต้องขึ้นโครงด้วยไม้ไผ่ หรือ ไม้เนื้ออ่อน สานเส้นลิเภาด้วยวิธีการขัดลายคล้ายกับวิธีการสานเสื่อ ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งคือวิธีการสานแบบทึบ ซึ่งจะเริ่มสานจากก้นของภาชนะหรือเครื่องใช้นั้น โดยใช้หวายขดขึ้นรูปในการขึ้นโครงเป็นวงกลมแบบก้นหอย ในการสานจะต้องใช้เบ้าเป็นเครื่องกำหนดรูปทรง เวียนขึ้นไปตามเบ้าที่ใช้เป็นแบบ ตัวเบ้านิยมทำด้วยไม้เนื้ออ่อน ขึ้นรูปทรงที่ความต้องการตามเบ้า จากนั้นใช้เข็มเจาะนำแล้วสานต่อเส้นลิเภาทีละเส้นด้วยวิธีการถักเส้นลิเภาซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ยากและต้องอาศัยความละเอียดในการถัก ในขั้นตอนนี้อาจมีการสร้างสรรค์ลวดลายต่างๆ บนผลิตภัณฑ์จักสานย่านลิเภา เช่น ลายดอกสี่เหลี่ยม ลายสอง ลายตาสับปะรด ลายลูกแก้ว ลายคชกริช ลายพิมพ์ทอง ลายเม็ดแตง ลายมัดหมี่ ลายเม็ดมะยม และลายดาวกระจาย เป็นต้น
เมื่อได้ผลิตภัณฑ์จักสานย่านลิเภาตามต้องการแล้ว จะต้องขัดผิวด้วยกระดาษทราย เก็บรายละเอียดหรือแต่งชิ้นงานให้มีความเรียบร้อย จากนั้นจึงใช้น้ำยาเคลือบผิวหรือชักเงาทาเพื่อเคลือบรักษาเนื้อผิวของผลิตภัณฑ์จักสานจากย่านลิเภาให้มีความคงทน เพิ่มความมันวาว สวยงาม (สมัยโบราณนิยมทาด้วยน้ำมันยางใสป้องกันมอดและแมลงบางชนิดกัดกิน) ก่อนนำประดับตกแต่งด้วยการบุผ้า หุ้มขอบด้วยถมเงินและถมทอง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ชิ้นงาน
ผลิตภัณฑ์ย่านลิเภา เป็นงานหัตถกรรมเครื่องจักสานพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์พิเศษของภาคใต้ ซึ่งสืบทอดจากบรรพบุรุษมาหลายร้อยปี สันนิษฐานว่าเริ่มทำกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านตั้งแต่สมัยเจ้าพระยานครศรีธรรมราช ที่นิยมทำกันมากในสำนักของเจ้าพระยาเมืองนครศรีธรรมราช กล่าวกันว่า เจ้าเมืองนครได้เคยนำถวายเจ้านายในกรุงเทพมหานคร แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก จนกระทั่ง ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ครั้งที่ดำรงตำแหน่งพระยาสุขุมนัยวิปัต-สมุนเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราช ได้ฟื้นฟูส่งเสริมงานจักสานย่านลิเภาจนเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ชนชั้นสูงในกรุงเทพมหานคร และได้รับความนิยมมากในสมัยรัชกาลที่ 5
จังหวัดนครศรีธรรมราช ถือเป็นแหล่งผลิตงานหัตถกรรม “จักสานย่านลิเภา” ที่มีชื่อเสียงและมีกลุ่มคนที่มีทักษะฝีมือในการจักสานย่านลิเภาอยู่หลายกลุ่ม มีการสร้างสรรค์และพัฒนาการขึ้นรูปงานจักสานย่านลิเภาเป็นผลิตภัณฑ์รูปทรงต่าง ๆ ให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานตามยุคสมัย โดยมีการผสมผสานกับโลหะหรือวัสดุมีค่า เช่น ทองคำ นาก เงิน งาช้าง และเครื่องถมเมืองนคร ทำให้เกิดลวดลายที่วิจิตรงดงาม มีเอกลักษณ์และคุณค่า จนทำให้เครื่องจักสานย่านลิเภาเป็นงานฝีมือชั้นเยี่ยมของชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช
รวบรวมโดย นางสาวอาพาภรณ์ หมื่นรักษ์ บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาตินครศรีธรรมราช
อ้างอิง
งานศิลปกรรมประเภทจักสานย่านลิเภา. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2564 จาก https://www.sacict.
http://or.th/.../_2c7d707bf2e9b8a3008abe05c37f96fb.pdf
จักสานย่านลิเภา. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2564 จาก https://www.museumthailand.com/.../%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0.../
“ย่านลิเภา” วัชพืชมากมูลค่าแห่งเมืองคอน. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2564 จาก https://mgronline.com/travel/detail/9500000089870
อาจินต์ ศิริวรรณ. (2562). วิถีชาวบ้าน ผลิตภัณฑ์ย่านลิเภา. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 6 พฤษภาคม 2564 จาก https://www.technologychaoban.com/folkways/article_116667
อ้างอิงภาพประกอบ
https://herb.in.th/
https://nakhon.live/equipment/
https://nakhon.live/procedure/
https://program.tpbs.ndev.pw/Lui/episodes/77842
https://readthecloud.co/lipao-craft-by-boonyarat/
https://www.creativethailand.net/en/article/detail/374-
ชีวิตความเป็นอยู่ใน ก รุ ง ส ยา ม
ในทัศนะของชาวต่างประเทศ
ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๘๓ - ๒๓๘๔
Narrative of a Residence in Siam
1840 - 1841
โดย
Frederick Arthur Neale
เรือเอกหญิง ลินจง สุวรรณโภคิน
แปลและเรียบเรียง
(ฉบับปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติม)
กรมศิลปากรพิมพ์เผยแพร่
พุทธศักราช ๒๕๖๔
องค์ความรู้ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ชุดความรู้ทางวิชาการ : หลักฐานศาสนาพราหมณ์-ฮินดูในภาคใต้ของประเทศไทย ตอน สวยัมภูลึงค์แห่งเขาคา : ไศวภูมิมณฑล แห่งนครศรีธรรมราช ค้นคว้า/เรียบเรียง โดยนางสาวสุขกมล วงศ์สวรรค์ ภัณฑารักษ์ชำนาญการพิเศษ
ชื่อเรื่อง วินยธรสิกฺขาปท...(สิกขาบท)สพ.บ. 300/7ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 62 หน้า : กว้าง 4.9 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา พระวินัยปิฎกบทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดบ้านหมี่ ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง สิริสากุมารชาดก (สิริสากุมาร)
สพ.บ. 351/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 52 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา ชาดก
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.173/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 104 หน้า ; 4 x 50.5 ซ.ม. : ล่องชาด-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับ, มีฉลากไม้ไผ่ชื่อชุด : มัดที่ 98 (49-66) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : วินยปิฎกสงฺเขป(วินัยกรรม,ศัพท์วินัย)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
ชบ.บ.47/1-3
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.183/15ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4.5 x 59.5 ซ.ม. : ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 105 (110-116) ผูก 15 (2565)หัวเรื่อง : ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตฎีกา(ฎีกาธัมมจักร) --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.225/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 14 หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 112 (170-179) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : มหายักษ์ --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม