ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,757 รายการ
๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ตรัง กำหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน (กิจกรรมที่ ๓) ตามโครงการพัฒนาหอสมุดแห่งชาติเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต ประจำปี ๒๕๖๒" โดยจัดกิจกรรม " ประกวดหนังสือเล่มเล็ก" ก่อนเริ่มกิจกรรมนางตรีทิพย์ บัวริน ในฐานะหัวหน้าโครงการ ฯ ได้ชี้แจงรายละเอียดหลักเกณฑ์การประกวดให้ทราบ ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น ๑๒ ทีม (๑๒โรงเรียน)
โอกาสนี้ขอขอบคุณคณะกรรมการตัดสินการประกวดหนังสือเล่มเล็ก ทั้ง ๓ ท่าน
- อาจารย์อาจารีย์ ณ สงขลา
- อาจารย์สุนทรี สังข์อยุทธ์
- อาจารย์นาฎลดา เดชอรัญ
ที่กรุณาให้เกียรติสละเวลามาร่วมเป็นกรรมการตัดสินการประกวด ครูผู้ควบคุมนักเรียน และผู้บริหารโรงเรียนทุกโรงเรียนที่ร่วมส่งเสริมกิจกรรมการส่งเสริมการอ่านการทำหนังสือเล่มเล็กในครั้งนี้เป็นอย่างสูง ขอบคุณนายธีราธร ชมเชย หัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ฯ ตรัง อนุเคราะห์และอำนวยความสะดวกสถานที่ห้องประชุม #ท่องอ่านหนังสือในวันนี้ชีวิตจะดีและสดใสในวันหน้า
กำเนิดวันสงกรานต์
ประเพณี สงกรานต์ ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย ซึ่งยึดถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมาแต่โบราณ และเป็นวัฒนธรรมประจำชาติที่งดงามฝังลึกอยู่ในชีวิตของคนคำว่า "สงกรานต์" มาจากภาษาสันสฤต แปลว่า ผ่านหรือเคลื่อนย้าย หมายถึง การเคลื่อนไทยมาช้านาน การ ย้ายของพระอาทิตย์เข้าไปจักรราศีใดราศีหนึ่ง จะเป็นราศีใดก็ได้ แต่ความหมายที่คนไทยทั่วไปใช้ หมายเฉพาะวันและเวลาที่พระอาทิตย์เคลื่อนเข้าสู่ราศีเมษในเดือนเมษายน เท่านั้น
ตำนานการกำเนิดวันสงกรานต์
ตำนานการเกิดสงกรานต์ กล่าว ไว้ว่า ก่อนพุทธกาลมีเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง อายุเลยวัยกลางคนก็ยังไร้ทายาทสืบสกุล ซึ่งทำให้ท่านเศรษฐีทุกข์ใจเป็นอันมาก ข้างรั้วบ้านเศรษฐีมีครอบครัวหนึ่ง หัวหน้าครอบครัวเป็นนักเลงสุรา ถ้าวันไหนร่ำสุราสุดขีด ก็จะพูดเสียงดังแสดงวาจาเยาะเย้ยเศรษฐีสบประมาทในความมีทรัพย์มาก แต่ไร้ทายาทสืบสมบัติเสมอ วันหนึ่งเศรษฐี จึงถามว่ามีความขุ่นเคืองอะไรจึงแสดงอาการเยาะเย้ยและสบประมาท เฒ่านักดื่มจึงตอบ ถึงท่านมั่งมีสมบัติมากก็จริง แต่เป็นคนมีบาปกรรมท่านจึงไม่มีบุตร ตายไปแล้วสมบัติก็ตกเป็นของผู้อื่นหมด สู้เราไม่ได้ถึงแม้จะยากจนแต่ก็มีบุตรคอยดูแลรักษายามเจ็บไข้ และรักษาทรัพย์สมบัติเมื่อเราสิ้นใจ นับ แต่นั้นมา เศรษฐียิ่งมีความเสียใจ จึงพยายามไปบวงสรวงพระอาทิตย์และพระจันทร์ เพียรพยายามตั้งจิตอธิษฐานขอบุตร ทำเช่นนี้เป็นเวลาติดต่อกันถึงสามปี ก็ไม่ได้บุตรดังที่ตนปรารถนาจนวันหนึ่งเป็นวันนักขัตฤกษ์สงกรานต์ ท่านเศรษฐีก็พาข้าทาสบริวารของตนมาที่โคนต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง ที่อยู่บนฝั่งแม่น้ำที่อาศัยของนกทั้งหลา ย ท่านเศรษฐีให้บริวารล้างข้าวสารด้วยน้ำสะอาดถึง 7 ครั้ง แล้วจึงหุงข้าวสารนั้น เมื่อสุกแล้วยกขึ้นบูชาพระไทร เทพเหล่านั้นเกิดความสงสาร จึงขึ้นไปเฝ้าพระอินทร์ ทูลขอบุตรแก่เศรษฐี พระอินทร์จึงบัญชาให้เทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ "ธรรมบาล" ลงมาเกิดในครรภ์ของภรรยาเศรษฐี เมื่อครบกำหนดภรรยาเศรษฐีก็คลอดบุตรเป็นชาย เศรษฐีจึงตั้งชื่อว่า ธรรมบาลกุมาร เพื่อตอบสนองพระคุณเทพเทวา เศรษฐีจึงสร้างปราสาทสูง 7 ชั้น ถวายเทพต้นไทร
เมื่อธรรมบาลกุมารเจริญวัยขึ้น เป็นเด็กที่มีปัญญาเฉียบแหลม รอบรู้ และวัยเพียง 7 ขวบก็เรียนจบไตรเพท ยังมีเทพองค์หนึ่งชื่อ "ท้าวกบิลพรหม" ได้ยินกิตติศัพท์ทางสติปัญญาอันยอดเยี่ยมของเด็กน้อย จึงคิดทดลองภูมิปัญญาโดยการเอาชีวิตเป็นเดิมพันจึงถามปัญหา 3 ข้อ ถ้ากุมารน้อยแก้ปัญหาทั้ง 3 ข้อได้ กบิลพรหมจะตัดศีรษะของตนบูชา ถ้าธรรมบาลแก้ไม่ได้ ก็จะต้องเสียหัวเพื่อยอมรับความพ่ายแพ้ ปัญหานั้นมีว่า
1. ตอนเช้าราศีคนอยู่แห่งใด
2. ตอนเที่ยงราศีของคนอยู่แห่งใด
3. ตอนค่ำราศีของคนอยู่แห่งใด
เมื่อได้ฟังปัญหาแล้ว ธรรมบาลไม่อาจทราบคำตอบในทันทีได้ จึงผลัดวันตอบปัญหาไปอีก 7 วัน ครั้นเวลาล่วงจากนั้นไป 6 วัน ธรรมบาลกุมารก็ยังคิดหาคำตอบปัญหานั้นไม่ได้ จึงหลบออกจากปราสาทหนีเข้าป่า และไปนอนพักเอาแรงใต้ต้นตาล ขณะนั้นบนต้นตาลมีนกอินทรีคู่หนึ่งอาศัยอยู่ นางนกถามสามีว่า "พรุ่งนี้เราจะไปหาอาหารที่ไหน" นกสามีก็ตอบว่า "พรุ่งนี้เราไม่ต้องบินไปไกล เพราะจะได้กินเนื้อธรรมบาลกุมาร ซึ่งจะถูกท้าวกบิลพรหมตัดหัว เนื่องจากแก้ปัญหาไม่ได้ นางนกถามว่า "ปัญหานั้นว่าอย่างไร" นกสามีตอบว่า ปัญหามีอยู่ 3 ข้อ และหมายถึง
ข้อหนึ่ง ตอนเช้าราศีของมนุษย์อยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุกๆ เช้า
ข้อสอง ตอนเที่ยงราศีคนอยู่ที่อก มนุษย์จึงต้องเอาเครื่องหอมประพรมที่อก
ข้อสาม ตอนค่ำราศีคนอยู่ที่เท้า มนุษย์จึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน
ธรรมบาลกุมาร ได้ยินการไขปัญหาของนกอินทรี และจำจนขึ้นใจ ทั้งนี้เพราะธรรมบาลรู้ภาษานก จึงกลับสู่ปราสาทอันเป็นที่อยู่แห่งตน รุ่งขึ้นเป็นวันครบกำหนดแก้ปัญหา ท้าวกบิลพรหมมาฟังคำตอบ ธรรมบาลกุมารกล่าวแก้ปัญหาตามที่นกอินทรีคุยกันทุกประการ ท้าวกบิลพรหมจึงเรียก ธิดาทั้ง 7 ของตน อันเป็นบริจาริกาคือหญิงรับใช้ของพระอินทร์มาพร้อมกั น แล้วบอกว่าตนจะตัดเศียรบูชาธรรมบาลกุมาร แต่ถ้าเอาศีรษะพ่อวางไว้บนแผ่นดินก็จะลุกไหม้ไปทั้งโลก ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศ อากาศจะแห้งแล้งฟ้าฝนจะหายไปสิ้น ถ้าทิ้งลงไปในมหาสมุท ร น้ำในมหาสมุทรจะแห้งแล้งไปเช่นกัน จึงสั่งให้นางทั้ง 7 คน เอาพานมารองรับศีรษะแล้วจึงตัดศีรษะส่งให้นางทุงษธิดาคนโต นางทุงษจึงเอาพานรับเศียรบิดาไว้แล้วแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุ 60 นาที แล้วอัญเชิญไปไว้ในมณฑปถ้ำคันธุรลี เขาไกรลาส บูชาด้วยเครื่องทิพย์ พระเวสสุกรรมก็เนรมิตโรงประดับด้วยแก้ว 7 ประการ ชื่อภควดี ให้เป็นที่ประชุมเทวดา เทวดาทั้งปวงก็เอาเถาฉมูนวดลงมาล้างในสระอโนดาต 7 ครั้ง แล้วก็แจกกันเสวยทุก ๆ องค์ ครั้นครบ 365 วัน โลกสมมุติว่าเป็นหนึ่งปีเป็นสงกรานต์ ธิดา 7 องค์ ของเท้ากบิลพรหมก็ผลัดเวรกันมาเชิญพระเศียรของพระบิดาออกแห่ประทักษิณรอบเขาพระสุเมรุทุกปี แล้วจึงกลับไปเทวโลก
ตำนานนางสงกรานต์
นางสงกรานต์ เป็นธิดาของท้าวกบิลพรหม หรือท้าวมหาสงกรานต์ และเป็นนางฟ้าอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช (สวรรค์ชั้นที่ 1 ในทั้งหมด 6 ชั้น) ซึ่งมีหน้าที่ในการรับศรีษะของท้าวกบิลพรหมแห่รอบเขาพระสุเมรุในแต่ละรอบปี หรือในวันสงกรานต์นั้นเอง โดยมีเกณฑ์กำหนดที่ว่าวันสงกรานต์ คือวันที่ 13 เมษายน ตรงกับวันใดก็ให้นางสงกรานต์ประจำวันนั้นเป็นผู้แห่ นางสงกรานต์มีทั้งหมด 7 องค์ ได้แก่
1. นางสงกรานต์ทุงษเทวี
ทุงษเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันอาทิตย์ ทัดดอกทับทิม มีปัทมราค (แก้วทับทิม) เป็นเครื่องประดับ ภักษาหารคืออุทุมพร (มะเดื่อ) อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือจักร พระหัตถ์ซ้ายถือสังข์ เสด็จไสยาสน์เหนือปฤษฎางค์ครุฑ
2. นางสงกรานต์โคราดเทวี
โคราดเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันจันทร์ ทัดดอกปีป มีมุกดาหาร (ไข่มุก) เป็นเครื่องประดับ ภักษาหารคือเตละ (น้ำมัน) อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือไม้เท้า เสด็จประทับเหนือพยัคฆ์ (เสือ)
3. นางสงกรานต์รากษสเทวี
รากษสเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันอังคาร ทัดดอกบัวหลวง มีโมรา (หิน) เป็นเครื่องประดับ ภักษาหารคือโลหิต (เลือด) อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือตรีศูล พระหัตถ์ซ้ายถือธนู เสด็จประทับเหนือวราหะ (หมู)
4. นางสงกรานต์มัณฑาเทวี
มัณฑาเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันพุธ ทัดดอกจำปา มีไพฑูรย์ (พลอยสีเหลืองแกมเขียว) เป็นเครื่องประดับ ภักษาหารคือนมและเนย อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือเหล็กแหลม พระหัตถ์ว้ายถือไม้เท้า เสด็จไสยาสน์เหนือปฤษฎางค์คัสพะ (ลา)
5. นางสงกรานต์กิริณีเทวี
กิริณีเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันพฤหัสบดี ทัดดอกมณฑา (ยี่หุบ) มีมรกตเป็นเครื่องประดับ ภักษาหารคือถั่วและงา อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือปืน เสด็จไสยาสน์เหนือปฏษฎางค์ชสาร (ช้าง)
6. นางสงกรานต์กิมิทาเทวี
กิมิทาเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันศุกร์ ดัดดอกจงกลนี มีบุษราคัมเป็นเครื่องประดับ ภักษาหารคือกล้วยและน้ำ อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือพิณ เสด็จประทับยืนเหนือมหิงสา (ควาย)
7. นางสงกรานต์มโหทรเทวี
มโหทรเทวีเป็นนางสงกรานต์ประจำวันเสาร์ ทัดดอกสามหาว (ผักตบชวา) มีนิลรัตน์เป็นเครื่องประดับ ภักษาหารคือเนื้อทราย อาวุธคู่กาย พระหัตถ์ขวาถือจักร พระหัตถ์ซ้ายถือตรีศูล เสด็จประทับเหนือมยุราปักษา (นกยูง)
ที่มา : http://www.mc41.com
ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของกลุ่มพระที่นั่งพิมานรัตยา เป็นลักษณะอาคารแบบโถงตะวันตกหลังคามุงกระเบื้อง หอพิสัยศัลลักษณ์ เป็นอาคารทรงหอ 4 ชั้น ขนาด 15.80 เมตร x 17.00 เมตร สูง 22 เมตร ตั้งอยู่ริมกำแพงด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ สันนิษฐานว่าสร้างครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และได้พังลงตั้งแต่ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 สมัยรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตามรากฐานเดิมแล้วพระราชทานนามว่า หอพิสัยศัลลักษณ์ ใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรดวงดาว ต่อมาเมื่อพื้นที่ภายในพระราชวังจันทรเกษม ถูกใช้เป็นที่ทำการมณฑลกรุงเก่า จึงทำหน้าที่เป็นหอสังเกตุการณ์และติดเครื่องสัญญาณเตือนภัยของมณฑลกรุงเก่า
ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) หรือ ศบค. ได้มีมาตรการผ่อนปรนระยะที่ ๒ กรมศิลปากรจึงจะเปิดให้บริการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุทยานประวัติศาสตร์ โบราณสถานที่เก็บค่าเข้าชม หอสมุดแห่งชาติ และหอจดหมายเหตุแห่งชาติ รวมถึงหอจดหมายเหตุนายกรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ และหอเกียรติยศ ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา นายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๑ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการผ่อนปรนระยะที่ ๒ และสามารถเปิดให้บริการได้แบบจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ โดยต้องใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” เพื่อทำการสแกนคิวอาร์ เช็กอิน-เช็กเอาท์ (Check-In/Check-Out) ก่อนเข้าและหลังเข้าใช้บริการ ทั้งนี้เพื่อทำให้รู้ว่าสถานที่มีคนหนาแน่นเกินกว่ากำหนดหรือไม่ สามารถประเมินการให้บริการได้ และมีส่วนช่วยในการประเมินสถานการณ์ได้ดีและรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น
รายงานการเดินทางไปราชการ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
๑. ชื่อโครงการ
โครงการมหกรรมการแสดงด้านนาฏดุริยางคศิลป์และดนตรีแบบบูรณาการ
๒. วัตถุประสงค์
๑. เพื่อใช้วัฒนธรรมเป็นสื่อกลางในการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศสมาชิกอาเซียน ผ่านการแสดงนาฏศิลป์ ดนตรี
๒. เพื่อเสริมสร้างพันธมิตรทางวัฒนธรรม เพื่อประโยชน์ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในระยะยาว
๓. กำหนดเวลา
วันที่ ๑๓ – ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙
๔. สถานที่
๑. สถานทูตไทย ณ นครเวียงจันทน์
๒. หอวัฒนธรรมแห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์
๕. หน่วยงานผู้จัด
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
๖. หน่วยงานสนับสนุน
สถานทูตไทย ณ นครเวียงจันทน์
๗. กิจกรรม
๑. การแสดงโขน ณ หอวัฒนธรรมแห่งชาติ นครหลวงเวียงจันทน์
๒. การสาธิตศิลปะการแสดง ณ โรงเรียนศิลปะการแสดงแห่งชาติ
๘. คณะผู้แทนไทย
๑.
นายปกรณ์ พรพิสุทธิ์
ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต
๒.
นายสถาพร นิยมทอง
ข้าราชการบำนาญ
๓.
น.ส.วันทนีย์ ม่วงบุญ
ผู้ชำนาญการศิลปะการแสดง
๔.
นายประสาท ทองอร่าม
ผู้ชำนาญการศิลปะการแสดง
๕.
นายลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา
นักวิชาการละครและดนตรีชำนาญการพิเศษ
๖.
นางอัมไพวรรณ เดชะชาติ
นักวิชาการละครและดนตรีชำนาญการ
๗.
นายจรัญ พูลลาภ
นักวิชาการละครและดนตรีชำนาญการ
๘.
นายสุรัตน์ เอี่ยมสอาด
นาฏศิลปินอาวุโส
๙.
น.ส.วรรณพินี สุขสม
นาฏศิลปินอาวุโส
๑๐.
นายสุรเดช เผ่าช่างทอง
นาฏศิลปินอาวุโส
๑๑.
นางวลัยพร กระทุ่มเขต
นาฏศิลปินอาวุโส
๑๒.
นางวนิตา กรินชัย
นาฏศิลปินอาวุโส
๑๓.
นายศตวรรษ พลับประสิทธิ์
นาฏศิลปินอาวุโส
๑๔.
นายเจตน์ ศรีอ่ำอ่วม
นาฏศิลปินอาวุโส
๑๕.
นายธนพัชร์ ขาวรุ่งเรือง
นาฏศิลปินอาวุโส
๑๖.
นายสมเจตน์ ภู่นา
นาฏศิลปินอาวุโส
๑๗.
นายสุริยะ ชิตท้วม
ดุริยางคศิลปินอาวุโส
๑๘.
นางธัญทิพ คงลายทอง
ดุริยางคศิลปินอาวุโส
๑๙.
นางอารมย์ พลอยหิรัญ
ดุริยางคศิลปินอาวุโส
๒๐.
นายทรงพล ตาดเงิน
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๒๑.
นายหัสดินทร์ ปานประสิทธิ์
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๒๒.
นายศิริพงษ์ ทวีทรัพย์
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๒๓.
นายธรรมนูญ แรงไม่ลด
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๒๔.
นายธงชัย สงบจิตร์
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๒๕.
นายฉันทวัฒน์ ชูแหวน
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๒๖.
นายเอกภชิต วงศ์สิปปกร
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๒๗.
น.ส.เยาวลักษณ์ ปาลกะวงศ์
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๒๘.
นายกฤษกร สืบสายพรหม
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๒๙.
นายวัชรวัน ธนะพัฒน์
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๓๐.
นายวัลลภ พรพิสุทธิ์
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๓๑.
นายกิตติ จาตุประยูร
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๓๒.
นายจุลทรัพย์ ดวงพัตรา
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๓๓.
นายเกริกชัย ใหญ่ยิ่ง
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๓๔.
นายศิลปิน ทองอร่าม
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๓๕.
นายเอกสิทธิ์ เนตรานนท์
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๓๖.
นายศราวุธ อารมณ์ชื่น
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๓๗.
น.ส.พิมพ์รัตน์ นะวะศิริ
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๓๘.
ม.ร.ว.รัศมีอาภา ฉัตรชัย
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๓๙.
น.ส.เอกนันท์ พันธุรักษ์
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๔๐.
น.ส.กษมา ทองอร่าม
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๔๑.
นายดำริ กิตติพงษ์
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๔๒.
น.ส.หนึ่งนุช เคหา
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๔๓.
นางมาริ ธีระวรกุล
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๔๔.
นายกิติศักดิ์ เขาสถิตย์
ดุริยางคศิลปินชำนาญงาน
๔๕.
นายทวีศักดิ์ อัครวงษ์
ดุริยางคศิลปินชำนาญงาน
๔๖.
นายประยงค์ ทองคำ
ดุริยางคศิลปินชำนาญงาน
๔๗.
นายวรศิลป์ สังจุ้ย
ดุริยางคศิลปินชำนาญงาน
๔๘.
นายฐาปณัฐ ธรรมเที่ยง
ดุริยางคศิลปินชำนาญงาน
๔๙.
น.ส.วันเพ็ญ จิตตรง
คีตศิลปินชำนาญงาน
๕๐.
น.ส.ภมรรัตน์ โพธิ์สัตย์
คีตศิลปินชำนาญงาน
๕๑.
นายเอก อรุณพันธ์
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๕๒.
น.ส.สุพัตรา แสงคำพันธุ์
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๕๓.
นายสุวรรณ กลิ่นอำพร
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๕๔.
น.ส.ปภาวี จึงประวัติ
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๕๕.
นายสุรเดช เดชอุดม
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๕๖.
น.ส.ภาสินี ปั้นศิริ
นาฏศิลปินปฏิบัติงาน
๕๗.
นายรัฐพร เคหา
นาฏศิลปินปฏิบัติงาน
๕๘.
น.ส.ศรีสุคนธ์ บัวเอี่ยม
นาฏศิลปินปฏิบัติงาน
๕๙.
น.ส.อาภัสรา นกออก
นาฏศิลปินปฏิบัติงาน
๖๐.
น.ส.จริยา สุขธรรม
นาฏศิลปินปฏิบัติงาน
๖๑.
น.ส.ภัณฑิญา วิภารัตน์
นาฏศิลปินปฏิบัติงาน
๖๒.
นายไชยวัฒน์ ธรรมวิชัย
นาฏศิลปินปฏิบัติงาน
๖๓.
นายพงษ์พิพัฒน์ สุวรรณมาลา
นาฏศิลปินปฏิบัติงาน
๖๔.
นายอนุชา เลี้ยงสอน
นาฏศิลปินชำนาญงาน
๖๕.
นายเกียรติศักดิ์ ร่มสันเทียะ
คีตศิลปินปฏิบัติงาน
๖๖.
นายไพฑูรย์ ประดับค่าย
นายช่างไฟฟ้าชำนาญงาน
๖๗.
น.ส.ลัดดา บรรพบุรุษ
เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชำนาญงาน
๖๘.
น.ส.วัชรี โมกน้ำเที่ยง
เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน
๖๙.
นายพหุรงค์ อัครวงษ์
พนักงานราชการ
๗๐.
น.ส.รจนา อิสสรานุสรณ์
พนักงานราชการ
๙. สรุปสาระของกิจกรรม
วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙
คณะนาฏศิลป์ไทย (๘ คน) ประกอบด้วย
๑. นางสาววันทนีย์ ม่วงบุญ
๒. นายลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา
๓. นางอัมไพวรรณ เดชะชาติ
๔. นางสาวรจนา อิสสรานุสรณ์
๕. นางสาวเอกนันท์ พันธุรักษ์
๖. นางสาวกษมา ทองอร่าม
๗. นางสาวอาภัสรา นกออก
๘. นางสาวภัณฑิญา วิภารัตน์
เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เที่ยวบิน TG ๕๗๐ ซึ่งเป็นการเดินทางล่วงหน้าก่อนคณะใหญ่ เพื่อฝึกซ้อมการแสดงชุดลาว – ไทยปณิธาน ร่วมกับศิลปิน กองศิลปากรแห่งชาติ กรมศิลปะการแสดง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ที่กองศิลปากรแห่งชาติ บ้านโพนทัน เวลา ๑๔.๐๐ น.
คณะใหญ่เดินทางออกจากสำนักการสังคีต โดยพาหนะรถยนต์ เวลา ๒๐.๐๐ น. ถึงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๖๖๙ เวลา ๑๐.๐๐ น.
วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙
เดินทางไปดูสถานที่ และเก็บอุปกรณ์การแสดง ที่หอวัฒนธรรมแห่งชาติ
วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙
การแสดงศิลปวัฒนธรรม ประกอบด้วย การแสดงชุดลาว – ไทยปณิธาน ซึ่งแสดงร่วมกันระหว่าง นาฏศิลปินไทย สำนักการสังคีต กรมศิลปากร และศิลปิน กองศิลปากรแห่งชาติ กรมศิลปะการแสดง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และการแสดงโขน จัดแสดง เวลา ๑๙.๓๐ น. ณ หอวัฒนธรรมแห่งชาติ มีผู้เข้าชมประมาณ ๑,๐๐๐ คน
บุคคลสำคัญของฝ่ายลาว ประกอบด้วย
๑. ท่านบัวเงิน ซาพูวง รองรัฐมนตรีกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรมและท่องเที่ยว
๒. ดร.ดวงจำปี วุทิวง รองอธิบดีกรมศิลปะการแสดง ถวท.
๓. ท่านนางวีปะสง สุวันนะวง รองอธิบดีกรมศิลปะการแสดง ถวท.
ฝ่ายไทย ประกอบด้วย
๑. นายนภดล เทพพิทักษ์ เอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรไทย ประจำสปป.ลาว
๒. นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย
๓. นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
การแสดงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชม และกรมศิลปะการแสดง ถวท. ซึ่งได้แสดงไมตรีทางวัฒนธรรมที่จะสานสัมพันธ์กันต่อไปในอนาคต
วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙
การแสดงและสาธิตศิลปะการแสดง นาฏศิลป์ – ดนตรีไทย ณ โรงเรียนศิลปะแห่งชาติ
วันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙
ทัศนศึกษา ณ สถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม
วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙
เดินทางกลับสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ด้วยความสวัสดิภาพ
๑๐. ข้อเสนอแนะจากการจัดกิจกรรม
การบริหารจัดการด้านการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งทางสปป.ลาว จะมีความระมัดระวังในการอนุญาตให้ประเทศอื่นๆเข้าไปเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมต่างๆ การประสานงานจึงค่อนข้างมีปัญหา และอุปสรรค ดังนั้น จึงควรประสานงานผ่านหน่วยงานทางราชการของไทย คือ สถานทูตไทย ณ นครเวียงจันทน์ เนื่องจากรัฐบาลของ สปป.ลาว จะให้ความร่วมมืออย่างชัดเจน เป็นรูปธรรม จึงเป็นการดีและเกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานที่สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ได้เดินทางไปประชุมหารือหรือพิจารณาเรื่องต่างๆ กับกรมศิลปะการแสดงของลาวมาล่วงหน้าแล้ว การเดินทางไปปฏิบัติราชการในครั้งนี้ ซึ่งเป็นคณะใหญ่จึงจึงได้รับความสะดวกจากการประสานงานกับสถานทูตไทย ณ นครเวียงจันทน์
นางอัมไพวรรณ เดชะชาติ
นักวิชาการละครและดนตรีชำนาญการ
ผู้สรุปผลการเดินทางไปราชการ
ชื่อเรื่อง : กาพย์มหาชาติ
ผู้แต่ง : ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จ ฯ กรมพระยา
ปีที่พิมพ์ : 2507
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : คลังวิทยา
เลขทะเบียน : นพ.บ.3/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 46 หน้า ; 5 x 55 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 2 (11-19) ผูก 5หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.49/7ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4.5 x 54 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 30 (308-325) ผูก 11หัวเรื่อง : บาลียมก --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อเรื่อง : นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย
ผู้แต่ง : กรมศิลปากร
พิมพ์ครั้งที่ : ๒
ปีที่พิมพ์ : ๒๕๕๑
สถานที่พิมพ์ : นครราชสีมา
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์โจเซฟ
พิพิธภัณฑสถานแห่งาติ พิมาย เป็นพิพิธภัณฑสถานทางศิลปะ ประวัติศาสตร์และโบราณคดี จัดแสดงโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านพัฒนาการทางประวัติศาสตร์อันนับเป็นภารกิจสำคัญของกรมศิลปากร