ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,682 รายการ
หอยฉ็อง : รสชาติเรียบง่ายจากทะเลจันทบุรี
จังหวัดจันทบุรีไม่เพียงมีชื่อเสียงด้านผลไม้ขึ้นชื่อและแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แต่ยังเป็นถิ่นของอาหารพื้นบ้านที่สะท้อนภูมิปัญญาและวิถีชีวิตของชุมชนชายฝั่ง หนึ่งในเมนูอันโดดเด่น คือ หอยฉ็อง อาหารพื้นถิ่นที่เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และเรื่องราวทางวัฒนธรรม
หอยฉ็องมีรากฐานจากวิถีการปรุงอาหารของชาวบ้านริมทะเล โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า ฉ็อง ซึ่งหมายถึง การนำวัตถุดิบลงในน้ำร้อนจัดที่ยกออกจากเตาแล้ว โดยไม่ปล่อยให้เดือดต่อ จากนั้นคนเบาๆ จนวัตถุดิบสุกพอดี วิธีการนี้ช่วยรักษาความหวานธรรมชาติของเนื้อสัตว์ และคงความนุ่มไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เป็นภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดกันภายในครัวเรือน และไม่ได้พบเห็นบ่อยนักในร้านอาหารทั่วไป
วัตถุดิบหลักของเมนูนี้ ได้แก่ หอยพอก หอยแมลงภู่ และกุ้งทะเล โดยเฉพาะหอยพอกจากป่าชายเลน ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดรสชาติ ควรเลือกหอยพอกที่สดใหม่ โดยสังเกตจากสีของเปลือก ความแน่น กลิ่นไม่เหม็นคาว และฝาหอยต้องปิดสนิท ขนาดที่เหมาะสมคือ 6–8 เซนติเมตร เพื่อให้ได้เนื้อที่พอดี เหมาะสำหรับการปรุงและรับประทาน ในส่วนของกุ้ง ควรเลือกขนาดพอดี โดยดูจากความใส ความแน่นของเนื้อ สีเปลือกที่สด และหัวต้องติดกับตัวแน่น การเตรียมเริ่มจากการล้างและผ่าเนื้อหอยหรือกุ้งให้พร้อม จากนั้นต้มน้ำให้เดือด (สามารถใส่หอมแดงบุบเพื่อเพิ่มความหวาน) แล้วจึงยกออกจากเตา ใส่วัตถุดิบลงไป และคนเบาๆ จนสุกตามต้องการ ขั้นตอนสุดท้ายคือการปรุงรส โดยใช้น้ำปลา พริกขี้หนูบุบ น้ำมะปี๊ด และใบโหระพา หรืออาจรับประทานคู่กับ น้ำพริกเกลือ ซึ่งประกอบด้วยพริกขี้หนู กระเทียม มะปี๊ด และน้ำปลา เพิ่มรสจัดจ้านและกลมกล่อมยิ่งขึ้น
การปรุงหอยฉ็องเป็นการสะท้อนภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่เน้นความสดของวัตถุดิบ การใช้ความร้อนอย่างเหมาะสม และการปรุงอย่างเรียบง่ายแต่ได้รสชาติ กลายเป็นวิธีการรักษาเอกลักษณ์ของชุมชนให้ยังคงอยู่ผ่านอาหารจานหนึ่ง ด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรมและรสชาติอันโดดเด่น หอยฉ็องได้รับการยกย่องให้เป็น สุดยอดเมนูอาหารถิ่น ในโครงการ “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น: รสชาติ...ที่หายไป (The Lost Taste)” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของจังหวัดจันทบุรี ถือเป็นหนึ่งในรสชาติพื้นบ้านที่ควรค่าแก่การฟื้นฟู ถ่ายทอด และเผยแพร่สู่สาธารณะ เพื่อสืบสานวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไป
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
กระทรวงวัฒนธรรม. กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. แบบเสนอรายการอาหารเพื่อเข้าร่วมรับการคัดเลือก 1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 11 สิงหาคม 2568, จาก https://food.culture.go.th/food68/east/1/3.pdf
กรุงเทพธุรกิจ. ประกาศรายชื่อ 77 เมนูอาหารถิ่น 77 จังหวัด 'รสชาติ…ที่หายไป' ประจำปี 68. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 11 กันยายน 2568, จาก
www.bangkokbiznews.com/lifestyle/food/1194152
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจันทบุรี. ประกาศผลการคัดเลือกสุดยอดเมนูอาหารถิ่น โครงการ “1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น” รสชาติ...ที่หายไป (The Lost Taste) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 8 กันยายน 2568, จาก https://www.facebook.com/share/p/1AyrGs6sXt/
Cook Culture. เมนูจากทะเลเมืองจันท์. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 11 สิงหาคม 2568, จาก https://www.thaipbs.or.th/program/CookCulture/episodes/97236
เรียบเรียงโดย นางสาวทิพวรรณ จันทร์ปัญญา บรรณารักษ์ปฏิบัติการ
หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี กรมศิลปากร
***บรรณานุกรม***หนังสือหายาก
เสด็จฯดอย จดหมายเหตุรายวันทรงประทับภูพิงคราชนิเวศน์เชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๑๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์พระราชทานในงานพระราชทานเพลิงศพ ท้าววนิดาพิจาริณี (บาง สนิทวงศ์ ณ อยุธยา)ท.จ.ว. ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันจันทร์ที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๑๓. พระนคร : โรงพิมพ์พระจันทร์, ๒๕๑๓.
ธรรมศาสตร์: Thammasat(Yoong Thong)
เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 36
เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 36 ทรงพระราชนิพนธ์ในพุทธศักราช 2505 ได้ทรงดนตรีทำนองเพลง พระราชนิพนธ์ให้ อาจารย์ นักศึกษา ข้าราชการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฟังครั้งแรก ณ เวทีลีลาศสวนอัมพรเมื่อวันที่ 30 มีนาคม พุทธศักราช 2505 ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ขอพระบรมราชานุญาตให้ “นายร้อยแก้ว รักไทย” ประพันธ์คำร้องถวายและได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเพลงที่สมบูรณ์แล้วให้แก่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงดนตรีที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2506 และได้ทรงปลูกต้นหางนกยูง ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นที่ระลึกอีก 5 ต้น
Royal Composition Number 36
The thirty-sixth royal musical composition was written in 1962. His Majesty performed the tune for faculty members, students and officials of Thammasat University for the first time at Ambara Dance Hall on 30 March 1962. Thammasat University then asked for royal permission to let Mr. Roikaeo Rakthai, a renowned lyricist to compose the lyrics. His Majesty had the complete song performed for the university on the occasion of his visit to play music at the university for the first time on 9 February 1963. His Majesty also planted five flame - trees in commemoration of his visit and presentation of the university song at Thammasat University.
เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๙ เวลา ๑๐.๐๐ น. นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในการแถลงข่าวการประกวดสุนทรพจน์ระดับอุดมศึกษา เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๕๙ หัวข้อ “การรักษามรดกไทย เป็นการรักษาชาติ” โดยมีนางชมัยภร บางคมบาง ประธานคณะกรรมการตัดสินการประกวดสุนทรพจน์ระดับอุดมศึกษาฯ ร่วมแถลงข่าว ณ ห้องประชุมดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ชื่อวัตถุ จานกลม
ทะเบียน ๒๗/๔๓๐/๒๕๓๒
อายุสมัย รัตนโกสินทร์
วัสดุ(ชนิด) เครื่องกระเบื้องเคลือบ
ประวัติที่มา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลางรับมอบจากนายสุรเชษฐ์ วิมลโสภา บ้านเลขที่ ๑๑/๖ ม.๑ ถ.เทพกระษัตรี ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ตเก็บได้จากศาลาพระพุทธรูปของวัดศุกชีอ.เมือง จ.ภูเก็ต
สถานที่เก็บรักษา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง
“จานกลม หรือ เครื่องถ้วยยุโรป”
จานกลม หรือ เครื่องถ้วยต่างชาติ เป็นจานทรงกลม ด้านในของขอบจานตกแต่งด้วยสีเขียวเป็นลายดอกไม้และใบไม้ ส่วนกลางของจานตกแต่งด้วยสีแดงเป็นรูปคนล่าสัตว์นั่งบนหลังช้าง เป็นรูปชายถือธนูกำลังล่าเสือและมีคนนั่งกางร่มให้อยู่ด้านหนัง ก้นจานมีตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า R.C. V.P.& Co.ตัวอักษรอยู่ระหว่างรูปอาวุธคล้ายกริชไขว้กัน และมีคำว่า “BHAMO”
ตัวอักษร R.C. V.P.& Co.ย่อมาจากคำว่า R. CochranVerreville Pottery&Companyจานรูปแบบนี้ผลิตโดยบริษัทของR.Cochranซึ่งก่อตั้งในปี พ.ศ.๒๓๙๙ มีบริษัทตั้งอยู่ ณ เมืองกลาสโกว์ แถบสกอตแลนด์ประเทศอังกฤษ เครื่องถ้วยจากบริษัทแห่งนี้เป็นที่รู้จักในนาม “Britannia Pottery”โดยบริษัทปิดกิจการในปีพ.ศ.๒๔๗๘
สำหรับก้นจานมีตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนว่า “BHAMO” ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกรูปแบบลวดลายของจานใบนี้ “BHAMO” คือ เป็นรูปคนล่าสัตว์ ซึ่งเป็นลวดลายที่ผลิตขึ้นเพื่อส่งมาขายยังประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะ นอกจากนี้ “BHAMO” ยังเป็นชื่อเมืองพะโมซึ่งอยู่ในรัฐกะฉิ่นของประพม่าอีกด้วย
สำหรับจานใบนี้พบในเขตอำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เป็นหลังฐานที่แสดงให้เห็นว่าชาวภูเก็ตมีความนิยมเครื่องยุโรป ในช่วงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจออยู่หัว ช่วงรัชกาลที่ ๔ (พ.ศ.๒๓๙๔--๒๔๑๑) ซึ่งคาบเกี่ยวกับช่วงที่มีการก่อตั้งบริษัทที่ผลิตเครื่องถ้วย “Britannia Pottery”โดยก่อตั้งตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๓๙๙และปิดกิจการในปีพ.ศ.๒๔๗๘
เอกสารอ้างอิง
-Connie Rogers. “Transfer-Printed Rice Platesfor the South-East Asia Market,”Database Discoveries – Contribution # ๑๗Transferware Collectors Club:,๑-๗.
ภาคอีสานนอกจากจะเป็นแหล่งข้าวชั้นดีของไทยแล้ว ยังเป็นแหล่งสืบสานวัฒนธรรมประเพณีเกี่ยวกับข้าวอันหลากหลาย โดยหนึ่งในนั้น คือ ประเพณี "บุญคูณลาน"หรือการสู่ขวัญข้าวของชาวอีสาน
คำว่า "คูณ"หมายถึง เพิ่ม หรือทำให้มากขึ้น ส่วนคำว่า "ลาน"คือ สถานที่กว้างๆ สำหรับนวดข้าว ซึ่งการนำข้าวที่นวดแล้วกองขึ้นให้สูง เรียกว่า "คูณลาน" สำหรับประเพณีบุญคูณลานจัดขึ้นในเดือนยี่ตามปฏิทินอีสานของทุกปี ทำให้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่างาน "บุญเดือนยี่"ซึ่งการทำบุญคูณลานของแต่ละพื้นที่จะไม่พร้อมกัน ขึ้นอยู่กับการเก็บเกี่ยวข้าวว่าจะเสร็จเมื่อไร วันที่จะขนข้าวขึ้นเล้า (ฉางข้าว) จะเป็นวันทำบุญคูณลานและทำที่นานั่นเลย
แต่ก่อนที่จะทำการนวดข้าวนั้นให้ทำพิธีย้ายแม่ธรณีออกจากลานเสียก่อน และบอกกล่าวแม่โพสพโดยมีเครื่องประกอบพิธี อาทิ ใบคูณ ใบยอ ยาสูบ เขาควายหรือเขาวัว หมาก ไข่ ดอกไม้ ธูปเทียน เป็นต้น จากนั้นเมื่อพร้อมแล้วก็จะบรรจุลงในก่องข้าว (หรือกระติ๊บข้าว) ยกเว้นน้ำและเขาควาย ซึ่งเรียกว่า"ขวัญข้าว"ก่อนเชิญแม่ธรณีออกจากลานและบอกกล่าวแม่โพสพ แล้วจึงนำเครื่องประกอบพิธีบางส่วน ไปวางไว้ที่หน้าลอมข้าว (กองข้าว) เสร็จแล้วเจ้าของนาก็ตั้งอธิษฐาน หลังอธิษฐาน แล้วก็ดึงเอามัดข้าวที่ฐานลอมข้าวออกมานวดก่อน แล้วเอาฟ่อนฟางข้าวที่นวดแล้วห่อหุ้มก่องข้าวมัดให้ติดกัน เอาไม้คันหลาวเสียบฟาง เอาตาแหลวผูกติดมัดข้าวที่เกี่ยวมาจากนาตาแฮกเข้าไปด้วย แล้วนำไปปักไว้ที่ลอมข้าวเป็นอันว่าเสร็จพิธี ต่อไปก็ลงมือนวดข้าวทั้งลอมได้เลย เมื่อนวดเสร็จก็ ทำกองข้าวให้เป็นกองสูงสวยงาม เพื่อจะประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญให้แก่ข้าว โดยเอาต้นกล้วย ต้นอ้อย และตาแหลวไปปักไว้ข้างกองข้าวทั้ง 4 มุม นำตาแหลวและขวัญข้าวไปวางไว้ยอดกองข้าวพันด้วยด้ายสายสิญจน์รอบกองข้าวแล้วโยงมายังพระพุทธรูป ถึง วันงานก็บอกกล่าวญาติพี่น้องให้มาร่วมทำบุญ นิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ เสร็จแล้วก็ถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนาประพรมน้ำมนต์ นำพระพุทธมนต์ไปรดกองข้าว วัว ควาย เมื่อเสร็จพิธีทางพระสงฆ์แล้วก็จะเป็นการประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญให้แก่ข้าว ซึ่งจะกระทำที่ลานนาหรือที่ลานบ้านก็ตามแต่จะสะดวก
หลังสู่ขวัญข้าวเสร็จก็จะเป็นการขนข้าวขึ้นยุ้ง ก่อนขนขึ้นยุ้งเจ้าของจะต้องไปเก็บเอาใบคูณและใบยอเสียบไว้ที่เสายุ้งข้าว ทุกเสา ซึ่งถือเป็นเคล็ดว่าขอให้ค้ำคูณยอ ๆ ยิ่ง ๆ ขึ้นไป และเชิญขวัญข้าวและแม่โพสพขึ้นไปยังเล้าด้วย
ที่มา : https://www.myfirstbrain.com/main_view.aspx?ID=76513
***บรรณานุกรม***
กรมศิลปากร
บันทึกเรื่องสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยกับนานาประเทศในศตวรรษที่ 17 เล่ม2 กรมศิลปากรจัดพิมพ์ พ.ศ2513
พระนคร
โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว
2513
ชื่อเรื่อง : ฟิล์มกระจกจดหมายเหตุหนึ่งพันภาพประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์
ผู้เขียน : สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร
สำนักพิมพ์ : กรมศิลปากร
ปีพิมพ์ : ๒๕๖๐
เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ : ๙๗๘-๖๑๖-๒๘๓-๒๗๓-๔
เลขเรียกหนังสือ : ๙๕๙.๓๐๕๗ ศ๕๒๘ฟ
ประเภทหนังสือ : หนังสือกรมศิลปากร
ห้องบริการ : ห้องหนังสือทั่วไป ๑
สาระสังเขป : ฟิล์มกระจก เป็นเทคนิคการใช้กระจกอาบน้ำยาเป็นตัวรับแสงแล้วนำไปอัดภาพลงบนกระดาษ การถ่ายภาพโดยใช้ฟิล์มกระจกได้เริ่มมีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พุทธศักราช ๒๓๙๔-๒๔๑๑) ฟิล์มกระจกจัดเป็นเอกสารจดหมายเหตุประเภทโสตทัศนวัสดุที่มีความสำคัญยิ่งซึ่งสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติได้รับฟิล์มกระจก จำนวนกว่า ๔,๐๐๐ แผ่น นับว่าเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติด้านจดหมายเหตุอันเป็นข้อมูลความรู้ปฐมภูมิทางประวัติศาสตร์ของชาติในด้านต่างๆ ที่มีคุณค่าต่อการศึกษาค้นคว้าวิจัยประวัติศาสตร์ความเป็นมาและพัฒนาการความเป็นชาติ "ฟิล์มกระจกจดหมายเหตุ หนึ่งพันภาพประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์" ได้นำภาพประวัติศาสตร์จากฟิล์มกระจกที่ทรงคุณค่าและหายากชุดหอพระสมุดวชิรญาณ้ และชุดส่วนพระองค์สมเด็จฯ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน รวมจำนวน ๑,๐๒๕ ภาพ มาจัดพิมพ์เป็นสมุดภาพพร้อมคำอธิบาย จัดแบ่งเป็น ๙ หมวด ประกอบด้วย พระบรมฉายาลักษณ์ส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสหัวเมือง พระราชพิธี พระบรมมหาราชวัง พระราชวังสวนดุสิต วัดโบราณสถาน บุคคล คนไทยกับสายน้ำ และทั่วไป เช่น ภาพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในพระราชอิริยาบถส่วนพระองค์ ณ น้ำตกธารเสด็จ ภาพวงตะกร้อหน้าประตูรัตนพิศาลพระบรมหาราชวัง ภาพเรือกระแซงพายอยู่ในคลองรังสิต ภาพทิวทัศน์นอกเกาะลังกาจิว และภาพพระโกศจันทน์ทรงพระบรมศพสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวงประดิษฐานในพระวิมานเหนือพระจิตกาธาน เป็นต้น เพื่อให้สมุดภาพเล่มนี้เป็นองค์ความรู้ทางปัญญาและเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าวิจัยสำหรับผู้ที่สนใจ รวมทั้งสร้างความรัก ความภาคภูมิใจ และความหวงแหน อนุรักษ์สืบทอดมรดกวัฒนธรรมด้านจดหมายเหตุของชาติไว้ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
รายงานการเดินทางไปราชการ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
1. ชื่อโครงการ
การประชุมเรื่องอนุสัญญาว่าด้วยการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ (International Meeting on Underwater Cultural Heritage Site Protection 2016) เพื่อสนับสนุนอนุสัญญา ปี 2001 ว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ
2. วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์หลักของการประชุมระหว่างประเทศในครั้งนี้ เพื่อดำเนินการสานต่อการประชุมเมื่อปี 2001 ว่าด้วยเรื่องอนุสัญญาการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องเกี่ยวกับการดูแลรักษาแหล่งมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ และมาตรการป้องกันการค้าโบราณวัตถุที่ได้จากแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำที่ผิดกฎหมาย
3. กำหนดเวลา การประชุมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 กันยายน พ.ศ.2559
(การเดินทางไปราชการระหว่างวันที่ 20-25 กันยายน พ.ศ.2559)
4. สถานที่
สำนักงานใหญ่ยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ห้องประชุม II และ IX อาคาร Fontenoy
5. หน่วยงานผู้จัด
องค์การร่วมมือทางการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมระหว่างประเทศ (ยูเนสโก : UNESCO
ย่อมาจาก United Nations Educational; Scientific and Cultural Organization)
6. หน่วยงานสนับสนุน
สำนักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ
7. กิจกรรม
วันที่ 22 กันยายน พ.ศ.2559 – ห้องประชุม II
10.00 น. กล่าวยินดีต้อนรับโดย Mr. Francesco bandarin ผู้ช่วยผู้อำนวยการทั่วไปยูเนสโก
กล่าวยินดีต้อนรับและข้อคิดเห็นโดย H. E. Mr. Ahmad ผู้แทนถาวรยูเนสโกแห่งสาธารณรัฐ
อิสลามอิหร่าน, รองประธานที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญา 2001
10.30 น. สถานการณ์ปัจจุบันของภัยคุกคามต่อมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ
ผู้ควบคุมการบรรยายโดย Mr. James Delgado, สหรัฐอเมริกา
· กฎระเบียบข้อบังคับของอนุสัญญาปี 2001 เกี่ยวกับการคุ้มครองแหล่งมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ
โดย Ms. Ulrike Guerin, ยูเนสโก
· ภาพรวมของสถานการณ์ปัจจุบันของการลักลอบงมหาโบราณวัตถุจากแหล่งมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ
ในทวีปยุโรป โดย Mr. Michel L’Hour, ภาควิชาการศึกษาวิจัยทางโบราณคดีใต้น้ำ (DRASSM), ฝรั่งเศส
· กรณีศึกษาเกี่ยวกับบทบาทของนักโบราณคดีในกรณีที่มีส่วนสำคัญกับการลักลอบงมหาโบราณวัตถุจาก
แหล่งมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ โดย Mr. James Delgado, องค์การบริหารสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (National Oceanic and Atmospheric Administration : NOAA),สหรัฐอเมริกา
· ตัวอย่างสถิติการล่าสมบัติใต้น้ำของประเทศบาฮามาส โดย Mr. Michael Pateman, นักโบราณคดีใต้น้ำ
ประเทศบาฮามาส
· การยึดโบราณวัตถุที่ได้จากแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ โดย Mr. Jean-Luc Blachon, คณะกรรมการ
กิจการกฎหมายอาญา, กระทรวงยุติธรรม, ฝรั่งเศส
· ถาม - ตอบ
11.40 น. ปัญหาในทางปฏิบัติของการตรวจสอบแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ
ผู้ควบคุมการบรรยายโดย Ms Helena Barba Meinecke, President STAB
· ความท้าทายที่เราเผชิญในเรื่องเกี่ยวกับการคุ้มครองแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำจากล่าสมบัติ
โดย Mr. Alexandre Monteiro, มหาวิทยาลัยนิวลิสบอน, โปรตุเกส
· เทคนิคการเฝ้าระวังที่ทันสมัย โดย Manuel Angel Sanchez Corbi, หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการกลาง
รักษาความปลอดภัย (Unidad Central Operativa, Guardia Civil), สเปน
· ความท้าทายและรายละเอียดของเหรียญที่พบจำนวนมาก โดย Mr. Peter Van Alfen,
American Numismatic Society, สหรัฐอเมริกา
· การเข้าถึงแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำในขณะที่การรักษาความปลอดภัย โดยSebastiano Tusa,
Sopra-Intendenza Sicily, อิตาลี
· ถาม - ตอบ
13.00 น. - พักรับประทานอาหารกลางวัน
15.00 น. - บริบทที่ยากลำบากในการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ
ผู้ควบคุมการบรรยายโดย Augustus Ajibola, Scientific and Technical Advisory Body (STAB), ไนจีเรีย
· ความเชี่ยวชาญของตำรวจอิตาลีในการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ, Romano Gianpietro,
ตำรวจ, อิตาลี
· บริบทที่ยากลำบากในการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ โดย Mr. Ricardo Duarte,
E. Mondlane University, โมซัมบิก
· การติดตามผลของกรณีการขโมยทรัพย์สินที่สำคัญของหน่วยงานระดับชาติ – กรณีศึกษาการปล้น
พระแม่มารีย์ โดย Ms. Elisa de Cabo, Deputy Director for Heritage, สเปน
· โอกาสที่ได้จากคณะที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคนิคในการประชุมเมื่อปี 2001
โดย Ms. Helena Barba Meinecke, President STAB, เม็กซิโก
· ความรับผิดชอบและศักยภาพของหน่วยนาวิกโยธินติดอาวุธ(NATO) ในการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรม
ใต้น้ำ โดยพลเรือตรี Denis Bigot,นาโต
· บทบาทของตำรวจสากลและผลกระทบของการค้าโบราณวัตถุจากแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ
ระหว่างประเทศ โดย Mr. Corrado Catesi, ตำรวจสากล
· Preventive Archaeology : ผลการวิจัยเป็นคำตอบเพื่อการปล้นสะดมของมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ
โดย Mr Philippe Pelgas, Chief underwater activities, Inrap, ฝรั่งเศส
· ถาม – ตอบ
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2559 ห้องประชุม IX - คณะทำงานของผู้เชี่ยวชาญ10:00 น. การปฏิบัติการป้องกันแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ (การแต่งตั้ง, การเฝ้าระวัง,
สิ่งของทรัพย์สิน) ผู้ดำเนินรายการโดย Mr. Michel L’Hour, ฝรั่งเศส11:00 น. การบังคับใช้กฎหมาย ผู้ดำเนินรายการโดย Mr. Manuel Angel Sanchez Corbi, สเปน12:00 น. การดำเนินงานของการประชุมในน่านน้ำสากล 2001 ผู้ดำเนินรายการโดย Ms. Ulrike Guerin,
ยูเนสโก13:00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน15:00 น. ความเป็นไปได้ของการยึดโบราณวัตถุที่ได้มาจากการลักลอบงมจากแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม
ใต้น้ำและการนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ผู้ดำเนินรายการโดย Mr. Marnix Pieters, เบลเยียม16:00 น. แนวทางการซื้อขายโบราณวัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ผู้ดำเนินรายการโดย Mr. Caesar Bita,
เคนยา18:00 น. ยอมรับของการเสนอแนะ และปิดการประชุม
8. คณะผู้แทนไทย
1. นายเอิบเปรม วัชรางกูร ผู้อำนวยการกองโบราณคดีใต้น้ำ
2. นางสาวมาลีภรณ์ คุ้มเกษม หัวหน้ากลุ่มนิติกร สำนักบริหารกลาง
3. นายอาภากร เกี้ยวมาศ หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี จันทบุรี
9. สรุปสาระของกิจกรรม
เป็นการรับทราบถึงกิจกรรมในด้านมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ (UCH : Underwater Cultural Heritage) ของประเทศสมาชิก โดยทำความเข้าใจและซักถามข้อสงสัย ทั้งในที่ประชุมและนอกการประชุม สำหรับประเทศไทยไม่พบปัญหาหรือข้อขัดแย้งใดๆที่เกี่ยวเนื่องกับอนุสัญญาคุ้มครองมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ (The 2001 UNESCO – Convention on the Protection of the Underwater Cultural Heritage) และประเทศไทยยังได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาอยู่แล้วเป็นการภายในครบถ้วนทุกข้อ โดยยังมิได้ลงนามในอนุสัญญาดังกล่าว
10. ข้อเสนอแนะจากการจัดกิจกรรม
ให้มีการติดตามผลการดำเนินงานของการประชุมเรื่องอนุสัญญาว่าด้วยการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำของยูเนสโกต่อไป
นายเอิบเปรม วัชรางกูร
ผู้อำนวยการกองโบราณคดีใต้น้ำ