กิจการอุตสาหกรรมหล่อปืนในสวีเดนที่มีชื่อมากตั้งอยู่ที่เมือง Finspang มณฑล Ostergotland ลงทุนโดยนักค้าแร่ชาวฮอลันดาชื่อนายหลุยส์ เดอ เกียร์ ที่มองเห็นผลกำไรจากการค้าปืนใหญ่กับบริษัท V.O.C. ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๑ โรงหล่อปืนแห่งเมืองนี้ดำเนินงานโดยชาวสวีเดนชื่อนายวัลลูน และนายวิลเลียม เดอ เบซ ปืนใหญ่ที่หล่อขึ้นที่ Finspang ถูกนำเข้าประเทศฮอลันดาโดยนายหน้าค้าอาวุธสองคนที่เมือง Amsterdam ชื่อนายอีลาส ทริป ซึ่งเป็นพี่เขยของนายหลุยส์ เดอ เกียร์ และนายควินจัน ไบรอัน โดยขายให้กับหอการค้าของบริษัท V.O.C. (Vereenigde Oostindische Compagnie) เมือง Amsterdam ทั้งนี้ปืนเหล็กที่ส่งมาจำหน่ายที่บริษัท V.O.C. มักพบจารึกรูปตัว F ที่เพลาปืนด้านซ้ายและขวา และเมื่อบริษัท V.O.C. เมือง Amsterdam ได้รับปืนแล้วจะมีการทดสอบการยิง เมื่อปืนกระบอกใดผ่านการยิงทดสอบจะมีการจารึกสัญลักษณ์รูปประภาคารหรือที่เรียกว่า Amsterdam light house เพื่อเป็นการรับรองในการผ่านการทดสอบการยิงของปืนแต่ละกระบอก (proof firing) ส่วนน้ำหนักของปืน มักพบจารึกอยู่บนแหวนเสริมความแข็งแรงของปืนท้ายกระบอกในรูปของตัวเลขอารบิคและตัวอักษร A เช่น 2306A หมายถึงปืนกระบอกนี้หนัก 2610 Amsterdam Pound (1 Amsterdam Pound เท่ากับ 0.49409 กิโลกรัม) ปืนกระบอกนี้จึงหนักราว 1,139.371 กิโลกรัม ปืนใหญ่พบที่เมืองพัทลุงที่เขาชัยบุรี สันนิษฐานว่าทางราชการน่าจะเป็นผู้จัดหามาประจำการที่เมืองแห่งนี้ตั้งแต่สมัยอยุธยาและเรียกชื่อปืนเหล่านี้ว่า ปืนบะเรียม ปืนมะเรียม ปืนเปรียม ปืนเบรียม หรือ ปืนบ้าเหลี่ยม ซึ่งมีความหมายอย่างกว้างสำหรับเรียกปืนใหญ่ที่หล่อด้วยเหล็กหรือสำริด ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศตามแถบยุโรป เมื่อเมืองพัทลุงที่เขาชัยบุรีร้างไปในช่วงหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ปืนเหล่านี้ก็ถูกทิ้งไว้จนกระทั่งพ.ศ.๒๔๐๓ พระยาพัทลุง (ทับ ณ พัทลุง) มีบัญชาให้รื้ออิฐกำแพงเมืองชัยบุรี และย้ายปืนประจำเมืองมาไว้ที่เมืองพัทลุง ครั้นถึงพ.ศ.๒๔๗๗ นายถัด พรหมมานพ ครูใหญ่โรงเรียนพัทลุงในขณะนั้น ให้นักเรียนลูกเสือลากปืนใหญ่ทั้งสองกระบอกนี้มาไว้ที่โรงเรียนพัทลุง และคงตั้งอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้มาจนถึงปัจจุบันปืนใหญ่กระบอกที่ ๑ ขนาด ยาว ๒๕๘ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางปากกระบอกปืน ๒๓ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางปากกระบอกปืน(ด้านใน) ๑๑.๕ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๑) ๒๕ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๒) ๓๑ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๓) ๓๕ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๔) ๔๐ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๕ : ท้ายปืน) ๔๓ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางเพลาปืน ๙ เซนติเมตร ความยาวเพลาปืน ๙ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางรูชนวน ๑.๕ เซนติเมตร ตราประทับ Amsterdam light house น้ำหนักปืน 2322 Amsterdam Pound ที่เก็บรักษา หน้าเสาธงโรงเรียนพัทลุง (ฝั่งตะวันตก) อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุงปืนใหญ่กระบอกที่ ๒ ขนาด ยาว ๒๕๘ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางปากกระบอกปืน ๒๓ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางปากกระบอกปืน(ด้านใน) ๑๑.๕ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๑) ๒๕ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๒) ๓๑ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๓) ๓๕ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๔) ๔๐ เซนติเมตรเส้นผ่านศูนย์กลาง(แหวนเสริมความแข็งแรงวงที่๕ : ท้ายปืน) ๔๓ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางเพลาปืน ๙ เซนติเมตร ความยาวเพลาปืน ๙ เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางรูชนวน ๑.๕ เซนติเมตร ตราประทับ Amsterdam light house น้ำหนักปืน 2306 Amsterdam Pound ที่เก็บรักษา หน้าเสาธงโรงเรียนพัทลุง (ฝั่งตะวันออก) อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง------------------------------------------------------------------------------------- เรียบเรียงโดย นายสารัท ชลอสันติสกุล นักโบราณคดีชำนาญการ l กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๑ สงขลา -------------------------------------------------------------------------------------ขอบคุณข้อมูลจาก ๑.ศิริรัจน์ วังศพ่าห์, ปืนใหญ่โบราณในประวัติศาสตร์ไทย, กรุงเทพฯ : สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, ๒๕๕๐