ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,608 รายการ
ชื่อเรื่อง ตำนานพระพุทธชินราช พระพุทธชินศรี และพระศรีศาสดา ผู้แต่ง จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ (2347-2411)ประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ ศาสนาเลขหมู่ 294.31218 จ196ตปสถานที่พิมพ์ พระนครสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ยิ้มศรีปีที่พิมพ์ 2491ลักษณะวัสดุ 46 หน้า หัวเรื่อง พระพุทธชินราช พระพุทธชินศรี พระศรีศาสดา ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก เนื้อหาภายในประกอบด้วยตำนานพระพุทธชินราช พระพุทธชินศรี และพระศรีศาสดา
วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางของเมือง เป็นวัดที่มีความสำคัญมากที่สุด เปรียบดังวัดหลวงประจำราชธานีสุโขทัย ภายในวัดมีโบราณสถานมากมายประกอบด้วย เจดีย์ประธาน วิหาร มณฑป อุโบสถ(โบสถ์) และเจดีย์รายจำนวนมากถึง ๒๐๐ องค์
.
เจดีย์ประธานของวัด เป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือทรงยอดดอกบัวตูม อันเป็นรูปแบบเจดีย์ที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปะสุโขทัยโดยเฉพาะ รายรอบเจดีย์ประธานมีเจดีย์บริวาร จำนวน ๘ องค์ ได้แก่ เจดีย์ประจำด้าน(ทิศ)ทั้งสี่เป็นเจดีย์ทรงปราสาทแบบสุโขทัย ได้รับอิทธิพลจากศิลปะขอมและมีลวดลายปูนปั้นแบบอิทธิพลศิลปะลังกา ส่วนเจดีย์ประจำมุมทั้งสี่เป็นเจดีย์ทรงปราสาทห้ายอด ที่มีอิทธิพลของศิลปะพุกาม-หริภุญไชย-ล้านนา รอบ ๆ เจดีย์ประธานมีปูนปั้นรูปพระสาวกในท่าอัญชุลีเดินประทักษิณโดยรอบพระมหาธาตุ
.
ในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ได้บรรยายว่า “...กลางเมืองสุโขทัยนี้มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฎฐารศ มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม...” นอกจากนี้ในศิลาจารึกวัดป่ามะม่วง ปี พ.ศ. ๑๙๐๔ สมัยพระมหาธรรมราชาลิไท ยังกล่าวถึงพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ พระพุทธรูปทอง ที่ประดิษฐาน ณ กลางเมืองสุโขทัยด้วย พระพุทธรูปทองที่กล่าวถึงนี้ เข้าใจโดยทั่วไปว่าหมายถึง หลวงพ่อโต ของชาวเมืองเก่า ที่เคยประดิษฐานอยู่ภายในวิหารหลวงวัดมหาธาตุ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญล่องแพไปประดิษฐาน ณ วิหารหลวงวัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพมหานคร ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้พระราชทานนามว่า พระศรีศากยมุนี ปัจจุบันภายในวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จึงยังปรากฏแท่นฐานขนาดใหญ่ของพระพุทธรูปองค์นี้เหลือให้เห็น ส่วนพระอัฎฐารศ ที่กล่าวถึงในจารึกหลักที่ ๑ หมายถึงพระพุทธรูปยืนที่มีขนาดใหญ่สูง ๑๘ ศอก ประดิษฐานภายในมณฑปที่ขนาบอยู่สองข้างของเจดีย์ประธาน
ถัดจากวิหารหลวงไปทางตะวันออกเป็นวิหารสูง ที่เรียกชื่อเช่นนี้เนื่องจากวิหารหลังนี้มีฐานสูงก่ออิฐเป็นลักษณะฐานบัว มีความสูงประมาณ ๑.๕ เมตร เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยา ซึ่งสร้างขึ้นในภายหลัง ทำให้พื้นที่ว่างระหว่างหน้าวิหารสูงกับกำแพงวัดเหลือเพียงพื้นที่แคบ ๆ ไม่ได้สัดส่วนกับความสูงของตัวอาคาร
.
นอกจากนี้ภายในวัดมหาธาตุยังมีกลุ่มเจดีย์ จัดแยกออกเป็นกลุ่มหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเจดีย์ประธาน มีศูนย์กลางอยู่ที่เจดีย์ห้ายอด ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นที่สองรองจากเจดีย์ประธาน ได้พบหลักฐานจารึกลานทองมีข้อความระบุเป็นที่น่าเชื่อว่าเจดีย์ห้ายอดนี้ เป็นที่บรรจุอัฐิของพระมหาธรรมราชาลิไท
เลขทะเบียน : นพ.บ.119/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4.3 x 54.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 67 (214-219) ผูก 2 (2564)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์ (8 หมื่น)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง ภิกขุ ปัญญานันทมุนี
ชื่อเรื่อง เตือนใจ
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ ๑
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ ศิวพร
ปีที่พิมพ์ ๒๕๐๗
จำนวนหน้า ๕๘ หน้า
หมายเหตุ หนังสืออนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางปริก ลิ่มชัยพฤกษ์ ณ วัดอินทรวาส พัทลุง
เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗
ได้มีการจัดพิมพ์หนังสือประเภทธรรม เรื่อง เตือนใจ เป็นบทความสะกิดใจให้ผู้อ่านได้เกิดความสำนึกในมนุษยภาพ การงาน อายุ และความเป็นอยู่ของตน นำไปใช้ในวิถีการดำเนินชีวิตให้ก้าวหน้าในทางที่เหมาะสม
ตำรายาแผนโบราณ ชบ.ส. ๓
เจ้าอาวาสวัดรังษีสุทธาวาส ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
มอบให้หอสมุด ๙ ก.ค. ๒๕๓๕
เอกสารโบราณ (สมุดไทย)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.17/1-6
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง : ซุยถัง เล่ม 6ชื่อผู้แต่ง : -ปีที่พิมพ์ : 2510 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : องค์การค้าของคุรุสภา จำนวนหน้า : 340 หน้าสาระสังเขป : ซุยถัง เป็นพงศาวดารจีนที่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย โดยเรื่องราวเกิดในสมัยกษัตริย์จีนราชวงศ์ซุย และราชวงศ์ถังตอนต้น (พ.ศ. 1132-1161) เรื่องราวบอกเล่าเหตุการณ์ช่วงราชวงศ์ซุยแผ่นดินเกิดการจลาจล เหล่าผู้กล้าต่างรวมตัวต่อต้านราชวงศ์ซุย โดยในเล่มนี้เป็นเรื่องราวซุยถังในตอนที่ 6
องค์ความรู้ แม่เต๋อ : นางพยาบาลแบบตะวันตกคนแรกของไทย จัดทำข้อมูลโดย นางสาวระชา ภุชชงค์ นักอักษรศาสตร์ชำนาญการ กลุ่มประวัติศาสตร์ สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์
ธนิต อยู่โพธิ์. ตำนานเทศน์มหาชาติ. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2524. เทศน์มหาชาติ เป็นการเล่าถึง เทศนาเวสสันดรชาดก เป็นบุญพิธีที่นิยมจัดให้มีกันมาแต่โบราณ ส่วนมากจัดให้มีในวัดเป็นหน้าที่ของชาวบ้านและวัดนั้น ๆ จะตกลงร่วมกันจัด ปกตินิยมให้มีหลังฤดูทอดกฐิน ผ่านไปแล้วจนตลอดฤดูเหมันต์ นิยมจัดเป็นงานสองวัน คือ วันเทศน์เวสสันดรชาดกทั้ง 13 กัณฑ์วันหนึ่ง และวันเทศน์จตุราริยสัจจกถา ท้ายเวสสันดรชาดกอีกวันหนึ่ง
กระเบื้องมุงหลังคาแบบลอนสมัยทวารวดี
พบจากเมืองโบราณอู่ทอง
กระเบื้องมุงหลังคาแบบลอน พบในบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดแสดง ณ ห้องอู่ทองศรีทวารวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
กระเบื้องดินเผาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าโค้งงอเล็กน้อย ขนาดกว้างประมาณ ๗ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๙ เซนติเมตร ด้านบนตกแต่งเป็นสันนูนทำให้เกิดลอน ๓ ลอน ขนานกันตามแนวยาวของตัวกระเบื้อง คั่นด้วยร่องเว้าลงไป ๒ ร่อง สำหรับเป็นทางระบายน้ำฝน ด้านล่างมีผิวแบนเรียบ ปลายด้านหนึ่งมีเดือยทรงสามเหลี่ยมปลายงอ ใช้สำหรับเป็นตะขอเกี่ยวยึดกับโครงสร้างซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นระแนงไม้ เนื้อกระเบื้องมีเม็ดกรวดทรายปนอยู่ค่อนข้างมาก
นอกจากกระเบื้องชิ้นนี้แล้ว ที่เมืองโบราณอู่ทอง ยังมีการค้นพบชิ้นส่วนกระเบื้องมุงหลังคาแบบลอนอีกจำนวนหนึ่ง จากการขุดแต่งโบราณสถานหมายเลข ๑๔ (โบราณสถานบ้านศรีสรรเพชญ์ ๓) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมประเภทวิหาร มีแผนผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โครงสร้างผนังก่ออิฐและเสาซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นไม้ รองรับน้ำหนักส่วนโครงสร้างหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ทั้งนี้ยังพบกระเบื้องรูปแบบคล้ายคลึงกันนี้จากโบราณสถานในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งไม่ทราบรูปแบบและหน้าที่การใช้งานอาคารอย่างแน่ชัด ตั้งอยู่บริเวณคันดินมุมทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของเมืองโบราณศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี อีกด้วย
นอกจากหลักฐานทางโบราณคดีดังที่กล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีหลักฐานทางเอกสารที่กล่าวถึงกระเบื้องในสมัยทวารวดี ได้แก่ จดหมายเหตุทงเตี่ยน ซึ่งเป็นเอกสารจีนที่รวบรวบขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ มีเนื้อหาที่กล่าวถึงดินแดนโถวเหอ (นักวิชาการสันนิษฐานว่าน่าจะตรงกับคำว่า “โตโลโปตี้” ที่หมายถึง “ทวารวดี”) ซึ่งเป็นที่รู้จักในสมัยราชวงศ์สุย (ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒) ว่ามีบ้านเรือนหรือวังของกษัตริย์ที่มีหลายชั้นและมีการใช้กระเบื้องมุงหลังคาด้วย
กระเบื้องชิ้นนี้เป็นกระเบื้องรูปแบบหนึ่งที่ชาวพื้นเมืองสมัยทวารวดี ใช้สำหรับมุงหลังคาซึ่งมีโครงสร้างเป็นเครื่องไม้ กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๕ หรือประมาณ ๑,๑๐๐ – ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว เป็นที่น่าสังเกตว่า เนื่องจากมีการค้นพบกระเบื้องดังกล่าวปริมาณไม่มากนัก อาจใช้สำหรับมุงหลังคาอาคารประเภทวิหาร มณฑป ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างเนื่องในศาสนา หรือที่อยู่อาศัยของบุคคลชั้นสูง ก็เป็นได้
เอกสารอ้างอิง
เด่นดาว ศิลปานนท์. โบราณสถานบ้านศรีสรรเพชญ์ ๓ ปริศนาวิหารถ้ำเมืองอู่ทอง. กรุงเทพฯ : อรุณการพิมพ์, ๒๕๕๙.
สฤษดิ์พงศ์ ขุนทรง. “กระเบื้องดินเผาสมัยทวารวดี : ข้อมูลใหม่จากการขุดค้นที่เมืองนครปฐมโบราณ”. หน้า จั่ว ว่าด้วยประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม และสถาปัตยกรรมไทย. ๙ (กันยายน ๒๕๕๕ – สิงหาคม ๒๕๕๖), ๓๐๒ – ๓๑๔.