ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ

ผู้แต่ง             วัดญาณสังวราราม. ชื่อเรื่อง           พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ ครั้งที่พิมพ์       - ปีที่พิมพ์          ๒๕๒๕สถานที่พิมพ์     กรุงเทพฯสำนักพิมพ์       ชวนพิมพ์ จำนวนหน้า      ๑๒๐ หน้า รายละเอียด           หนังสือพระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์นี้ จัดพิมพ์ขึ้นเป็นที่ระลึกในโอกาส พระบาทสมเด็จ       พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ทรงตัดลูกนิมิตอุโบสถ และทรงวางศิลาฤกษ์ พระบรมธาตุเจดีย์มหาจักรีพิพัฒน์ ณ วัดญาณสังวราราม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้นามนี้ โดยมีความหมายว่า พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองแห่งพระมหาจักรี พระบรมธาตุเจดีย์ สร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี และบรมราชวงศ์จักรี


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           56/1กประเภทวัดุ/มีเดีย                          คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                                84 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง                                       พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           10/3ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              24 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 53 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ประยูร อุลุชาฎะ เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2471 ที่จังหวัดสมุทรปราการ เข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดกลาง (โรงเรียนประจำจังหวัดสมุทรปราการ) ประยูรมีแววเป็นจิตรกรและนักเขียนตั้งแต่เด็ก ฝึกเขียนรูปด้วยการลอกจากหนังสือฝรั่ง ครูเห็นว่ามีฝีมือดี จึงใช้ให้เขียนแผนที่บนกระดานดำ เขียนรูปอวัยวะ และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ จนได้ชื่อว่าเป็น “ช่างวาดของโรงเรียน” พ.ศ. 2486 ประยูรเริ่มเรียนศิลปะที่โรงเรียนเพาะช่าง แผนกฝึกหัดครูช่าง พ.ศ. 2488 เข้าศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรมและประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร จบการศึกษาระดับอนุปริญญาศิลปบัณฑิต สาขาจิตรกรรม พ.ศ. 2495 ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้ริเริ่มให้มีการก่อตั้งโรงเรียนศิลปศึกษา หรือโรงเรียนเตรียมมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยมอบหมายให้ประยูรเป็นผู้ร่างหลักสูตร เขียนตำราเรียน และดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่ ควบคู่กับการสอนที่คณะจิตรกรรมฯ พ.ศ. 2500 ประยูรประสบปัญหาจนต้องลาออกจากราชการ จากนั้นได้เริ่มศึกษาค้นคว้าและเขียนบทความวิชาการทางด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ โบราณคดี และโหราศาสตร์ โดยใช้นามปากกาแตกต่างกันไปตามประเภทของหนังสือที่เขียน เช่น น. ณ ปากน้ำ ใช้เขียนเรื่องเกี่ยวกับศิลปะ ประวัติศาสตร์ และโบราณคดี ต่อมาประยูรได้ออกเดินทางสำรวจโบราณสถานในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเวลา 5 เดือน เพื่อนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้ผู้คนได้เห็นถึงความสำคัญของศิลปะไทยมากยิ่งขึ้น ประยูรสร้างสรรค์ผลงานทั้งจิตรกรรมไทยประเพณีและศิลปะสมัยใหม่ ผลงานส่วนใหญ่มีรูปแบบของศิลปะแนวอิมเพรสชันนิสม์ (Impressionism) และเอ็กเพรสชันนิสม์ (Expressionism) โดยใช้เทคนิคสีน้ำมัน สีน้ำ และสีชอล์ก ถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก ความประทับใจ ผ่านสีและฝีแปรง เช่น ผลงาน “วัดมหาธาตุ อยุธยา” มีการลดรายละเอียดต่างๆ เหลือไว้เพียงโครงร่างของโบราณสถาน โดยใช้เทคนิคการแต้มและปาดสีซ้ำๆ กัน สีที่แต้มลงไปนั้นมีโครงสีที่โปร่ง บาง สะอาดสดใส ประสานกันอย่างนุ่มนวล ผลงาน “จันทบุรี” เป็นผลงานที่สร้างชื่อให้แก่ประยูรเป็นอย่างมาก เป็นภาพทิวทัศน์จากมุมสูง ไม่เห็นรายละเอียดมากนัก เน้นการแสดงออกถึงอารมณ์และความรู้สึกตามบรรยากาศของแสงและสีแบบผลงานแนวอิมเพรสชันนิสม์ ลักษณะของฝีแปรงมีความรวดเร็ว แม่นยำ และมีชีวิตชีวา สีสันที่เลือกใช้มีความสดใสและสอดประสานกันเป็นอย่างดี มีการให้น้ำหนักของสีแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย เพื่อสร้างระยะใกล้ไกลให้กับภาพ ผลงานชิ้นนี้ได้รับรางวัลเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง สาขาจิตรกรรม การแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 6 (พ.ศ. 2498) นอกจากนี้ ประยูรยังได้คัดลอกภาพจิตรกรรมฝาผนังตามแหล่งโบราณสถานและวัดวาอารามต่างๆ ที่ไปทำการสำรวจร่วมกับศิลปินท่านอื่นๆ ได้แก่ เฟื้อ หริพิทักษ์ อังคาร กัลยาณพงศ์ และอวบ สาณะเสน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงคุณค่าและความงดงามของภาพจิตรกรรมแบบไทยประเพณีที่เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา อันเป็นประโยชน์แก่การศึกษาทางด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะไทย ประยูรได้รับปริญญาศิลปดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาประยุกตศิลปศึกษา) จากมหาวิทยาลัยศิลปากร เมื่อ พ.ศ. 2526 และด้วยความรู้ความสามารถหลายด้าน ประกอบกับเกียรติคุณที่ได้สั่งสมมาตลอดระยะเวลาหลายปี จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) เมื่อ พ.ศ. 2535 ประยูร อุลุชาฎะ ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2543 ด้วยโรคหัวใจวาย สิริอายุ 72 ปี #ประยูรอุลุชาฎะ #ศิลปกรรมสมัยรัชกาลที่๙ #ศิลปินแห่งนวสมัย #หอศิลป์แห่งชาติ #หอศิลป์แห่งชาติถนนเจ้าฟ้า ที่มา 1. หนังสือ “ชีวิตและงานของอาจารย์ประยูร อุลุชาฎะ” โดย วิบูลย์ ลี้สุวรรณ 2. หนังสือ “5 ทศวรรษศิลปกรรมแห่งชาติ 2492 – 2541” โดย หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร 3. หนังสือ “นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป” โดย สมพจน์ สุขาบูลย์


เลขวัตถุ ชื่อวัตถุ ขนาด (ซม.) ชนิด สมัยหรือฝีมือช่าง ประวัติการได้มา ภาพวัตถุจัดแสดง 34/2553 (8/2549) ขวานหินขัด ด้านหนึ่งเป็นสัน ด้านหนึ่งเป็นคม ย.10.3 ก.4.7 หนา 1 หิน สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย อายุราว 2,500-2,000 ปีมาแล้ว   ได้จากบ้านเขาเพิ่ม อำเภอบ้านนา จ.นครนายก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2539


เลขทะเบียน : นพ.บ.503/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4 x 56 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 167  (205-215) ผูก 2 (2566)หัวเรื่อง : รามชาตก--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


          ตราดินเผารูปบุคคลถืออาวุธ สมัยทวารวดี           ตราดินเผารูปบุคคลถืออาวุธ จัดแสดง ณ ห้องบรรพชนคนอู่ทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ตราดินเผาทรงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง ๓.๖ เซนติเมตร ผิวหน้ามีรอยประทับนูนต่ำรูปบุคคล ๒ คน ภาพบุคคลทั้ง ๒ เป็นเพียงเค้าโครงอย่างง่าย ไม่แสดงรายละเอียดที่ชัดเจน บุคคลที่ ๑ อยู่ด้านหน้า มีขนาดใหญ่กว่าคนด้านหลังเล็กน้อย กำลังทำท่าก้าวเดินไปด้านหน้า โดยหันศีรษะไปมองคนด้านหลัง ส่วนบุคคลที่ ๒ เดินตามคนด้านหน้า มือซ้ายอาจจับแขนคนด้านหน้า ส่วนมือขวายกขึ้นเหนือศีรษะ ชูวัตถุเรียวยาว อาจเป็นอาวุธประเภทดาบ กระบอง หรือวัตถุอย่างใดอย่างหนึ่ง            รูปบุคคลบนตราดินเผานี้ ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นรูปบุคคลใด หรือเป็นเหตุการณ์ใด เนื่องจากไม่มีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่สามารถนำมาวิเคราะห์ร่วมกับรูปบุคคลได้ เมื่อพิจารณาจากลักษณะการถืออาวุธของบุคคลที่ ๒ อาจสันนิษฐานได้ว่าบุคคลที่ ๒ กำลังจะใช้อาวุธทำร้ายบุคคลที่ ๑ อาจเป็นภาพที่แสดงเหตุการณ์การต่อสู้ การละเล่น การประกอบพิธีกรรม หรือเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับการใช้อาวุธก็เป็นได้ ตราดินเผารูปบุคคลในอิริยาบถต่าง ๆ พบมาแล้วในศิลปะอินเดีย ในงานศิลปกรรมสมัยทวารวดีนอกจากตราดินเผาชิ้นนี้ ยังพบตราดินเผารูปบุคคลอีกหลายแบบ เช่น รูปบุคคลปีนต้นไม้ พบที่เมืองจันเสน จังหวัดนครสวรรค์ รูปบุคคล ๒ คนขี่ม้าตีคลี พบที่เมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เมืองนครปฐมโบราณ จังหวัดนครปฐม และเมืองจันเสน จังหวัดนครสวรรค์ เป็นต้น            สันนิษฐานว่าตราดินเผาชิ้นนี้น่าจะผลิตขึ้นในท้องถิ่นโดยคนพื้นเมืองทวารวดี โดยรับอิทธิพลทางด้านรูปแบบและคติความเชื่อมาจากอินเดีย สันนิษฐานว่าอาจเป็นการนำเหตุการณ์สำคัญ หรือเหตุการณ์ที่พบเห็นประจำ มาสร้างสรรค์เป็นลวดลายต้นแบบบนตราประทับ เพื่อใช้สำหรับเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวบุคคลหรือกลุ่มคน อาจเป็นชนชั้นปกครองก็เป็นได้ กำหนดอายุสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔ หรือประมาณ ๑,๒๐๐ - ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว      เอกสารอ้างอิง กรมศิลปากร. โบราณคดีเมืองอู่ทอง. นนทบุรี : สหมิตรพริ้นติ้ง, ๒๕๔๕. ณัฏฐภัทร  จันทวิช. “อารยธรรมโบราณที่อู่ทอง”. ศิลปากร ๔๐, ๔ (กรกฎาคม - สิงหาคม ๒๕๔๐) :  ๖๓ - ๘๓.  อนันต์ กลิ่นโพธิ์กลับ. “การศึกษาความหมายและรูปแบบตราประทับสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๗.


สวน.  โคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี.  พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2469.


องค์ความรู้: สำนักหอสมุดแห่งชาติ เรื่อง: เข็มข้าหลวงเดิม            เครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือที่เรียกกันว่า ตรา เป็นเครื่องหมายแสดงเกียรติยศและบำเหน็จความชอบที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างขึ้นสำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในราชการ รวมถึงเหรียญที่ระลึกที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างในโอกาสสำคัญต่าง ๆ เมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ ทรงนำรูปวชิราวุธมาใช้ประกอบในเครื่องหมายและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในรัชกาลของพระองค์ และเมื่อวันที่ 15 เมษายน ร.ศ.130 (พ.ศ.2454) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้ "พระราชบัญญัติเข็มข้าหลวงเดิม"               เข็มข้าหลวงเดิม เป็นเข็มชั้นเดียว มีลักษณะเป็นรูปวชิราวุธแนวตั้ง คมเงินด้ำทอง พระราชทานแก่ข้าราชบริพารในพระองค์ ผู้ได้รับราชการในพระองค์มาแต่ก่อนเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ และยังคงรับราชการสืบมา แม้ไม่ได้ถวายตัวด้วยดอกไม้ธูปเทียนก็ตาม ผู้ที่ได้รับพระราชทานเข็มนี้แล้ว เมื่อมีความผิดรับพระอาญาต้องคืนเข็มยกเว้นแต่จะได้รับพระราชทานพระมหากรุณาเป็นพิเศษจึงสามารถประดับเข็มต่อไปได้ เข็มข้าหลวงเดิมนั้นให้ประดับที่เสื้อข้างซ้ายได้ทุกเวลา ให้ติดระหว่างกระดุมเม็ดที่ 2 และเม็ดที่ 3 ยกเว้นถ้าแต่งเครื่องยศประดับเครื่องราชอิศริยาภรณ์ ห้ามประดับเหนือเครื่องราชอิศริยาภรณ์และเหรียญ             เข็มข้าหลวงเดิมนี้ พระราชทานแต่เฉพาะฝ่ายหน้า ต่อมาวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2463 โปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มเติมเข็มข้าหลวงเดิมสำหรับสตรี ลักษณะลวดลายเหมือนเข็มข้าหลวงเดิมของบุรุษ มีขนาดสูง 5.5 เซนติเมตร สามารถประดับเพชรพลอยเพิ่มขึ้นที่ลายริมคมและที่ลายต้นเข็ม พระราชทานเป็นเครื่องเชิดชูเกียรติยศแก่ข้าราชบริพารฝ่ายในที่เคยรับราชการสนองพระเดชพระคุณมาแต่ก่อนเสด็จเสวยราชย์สมบัติ   ----------------------------------------------- รายการอ้างอิง  สารานุกรมพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว.  กรุงเทพฯ: มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว,  2540.  พระราชบัญญัติเข็มข้าหลวงเดิม.  [ออนไลน์].  สืบค้นเมื่อ 29 มิถุนายน 2565, จาก: http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2454/A/7.PDF   เรียบเรียงโดย: นางสาวพีรญา ทองโสภณ บรรณารักษ์ปฏิบัติการ สำนักหอสมุดแห่งชาติ  



           พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป จัดกิจกรรมเนื่องในวันศิลป์ พีระศรี “Silpa Bhirasri Day : 131 ปี ศิลป์ พีระศรี” ในศุกร์ที่ 15 กันยายน 2566 ตั้งแต่เวลา 09.00 - 16.30 น. ณ อาคารนิทรรศการถาวร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (แผนที่ https://maps.app.goo.gl/FDkNftAJToFoUrTs9?g_st=ic)            ขอเชิญชวนทุกคนไปร่วมวางดอกไม้สักการะอัฐิศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี รำลึกถึงครูผู้วางรากฐานทางด้านศิลปะ เดินชมนิทรรศการพิเศษ “131 ปี ศิลป์ พีระศรี” ฟังดนตรีสดสบายๆ ทำ Workshop งานอาร์ต โดยมีกิจกรรมดีๆ ให้เข้าร่วมตลอดทั้งวัน พร้อมรับของที่ระลึกสุดพิเศษ ฟรี! เมื่อลงทะเบียนเข้างาน            ผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรม Workshop Monoprint ภาพพิมพ์จากผ้า โดย ศ. (เกียรติคุณ) ญาณวิทย์ กุญแจทอง ศิลปินชั้นเยี่ยมด้านภาพพิมพ์ ฟรี ! ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยลงทะเบียนล่วงหน้าได้ทาง : https://forms.gle/c3DWkUAueio3uRz76 รับจำนวนจำกัดเพียง 30 ท่าน เท่านั้น            สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : The National Gallery of Thailand (https://www.facebook.com/TheNationalGalleryThailand)


“ย้อนอดีต เทศกาลลอยกระทงเมืองปราจีนบุรี” - เนื่องในโอกาสวันลอยกระทงที่เวียนมาถึง ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี จึงขอย้อนรำลึกถึงบรรยากาศเทศกาลลอยกระทงเมืองปราจีนบุรีในอดีต มาให้ทุกท่านได้ชมกัน - ภาพถ่ายชุดนี้เป็นภาพรถขบวนกระทงใหญ่ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ในงานเทศกาลลอยกระทงจังหวัดปราจีนบุรี ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยในครั้งนั้น มีการตั้งขบวนกระทงจากหน่วยงานราชการ สถานศึกษาต่าง ๆ ในจังหวัดปราจีนบุรี รวมถึงรถขบวนกระทงของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ตกแต่งรถขบวนกระทงใหญ่เข้าร่วมประกวด แห่เคลื่อนไปตามถนนภายในเมืองปราจีนบุรี โดยมีประชาชนชาวเมืองปราจีนบุรีรอรับชมเป็นจำนวนมาก ก่อนจะนำกระทงประกวดที่ตกแต่งอย่างสวยงามไปลอยในสระน้ำหน้าศาลาว่าการจังหวัดปราจีนบุรีหลังเก่า - สำหรับเทศกาลลอยกระทง ถือเป็นงานประเพณีประจำจังหวัดที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยในปี ๒๕๖๖ นี้ กำหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ณ ริมเขื่อนข้างศาลพระหลักเมืองปราจีนบุรี ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี จึงขอเชิญชวนชาวจังหวัดปราจีนบุรี และนักท่องเที่ยวร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามนี้ให้คงอยู่สืบไป ผู้เรียบเรียง : นายเพิ่มพันธ์ นนตะศรี ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี





black ribbon.