ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,754 รายการ

ประเพณี “เทศน์มหาชาติ” ซึ่งนิยมจัดในเดือนสิบสอง ตรงกับประเพณี “ตั้งธัมม์หลวง”ของภาคเหนือ นับเป็นพิธีใหญ่คู่กับประเพณีทานสลากภัตต์ และประเพณี “บุญผะเหวด” ตามฮีตสิบสองทางภาคอีสานคำว่า “มหาชาติ” หมายถึง พระเวสสันดรชาดก มีความสำคัญด้วยบารมีของพระโพธิสัตว์ครบบริบูรณ์ ๑๐ ประการ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระราชพิธีเทศน์มหาชาติถือเป็นการบำเพ็ญกุศลครั้งใหญ่ภายในพระบรมมหาราชวัง มีการประดับตกแต่งพรรณไม้ล้อมรอบธรรมมาสน์ และจัดเครื่องบูชาถวายกัณฑ์เทศน์อย่างเอิกเกริกสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงเกณฑ์พระบรมวงศานุวงศ์ทำกระจาดใหญ่บูชากัณฑ์เทศนา โปรดฯ ให้นิมนต์พระพิมลธรรม พระธรรมอุดม พระพุทธโฆษาจารย์ มาถวายพระธรรมเทศนาคาถาพัน โดยพระองค์ได้ถวายไตรจีวรและบริขาร พร้อมด้วยเครื่องกัณฑ์เทศน์บรรทุกเรือพระที่นั่งบรรลังก์ประดับโคมแขวนและปักธงมังกรจอดเทียบไว้หน้าพระตำหนักแพ ครั้งจบกัณฑ์ก็มีเรือคู่ชักและเรือพายข้าราชการมาส่งพระภิกษุสงฆ์ถึงพระอารามในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา กล่าวว่า มีเครื่องบูชาถวายกัณฑ์มหาชาติครั้งนี้ ถึง ๑๓ กระจาด ตั้งหน้ากำแพงพระมหาปราสาทมาจนถึงหน้าโรงทองและหอนาฬิกา สำหรับประกวดประชันกัน โดยคุณแว่น (คุณเสือ) พระสนมเอกได้ใส่ทาสเด็กศีรษะจุกแต่งตัวหมดจดถวายพระสงฆ์ไปเป็นสิทธิ์ขาดด้วยพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องพระราชพิธีสิบสองเดือน กล่าวถึง พระราชพิธีเดือนอ้าย : พระราชกุศลเทศนามหาชาติ มีการตกแต่งเครื่องบูชาเทศนาภายในพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ความว่า“...หลังพระที่นั่งเศวตฉัตรผูกกิ่งไม้ มีดอกไม้ร้อยห้อยย้อยเป็นพวงพู่ผูกตามกิ่งไม้ทั่วไป ...ตั้งหมากพนมพานทองมหากฐินสองพาน หมากพนมใหญ่พานแว่นฟ้าสองพาน แล้วพานนี้เปลี่ยนเป็นโคมเวียน มีต้นไม้เงินทองตั้งรายสองแถว กระถางต้นไม้ดัดลายคราม โคมพโอมแก้วรายตลอดทั้งสองข้าง หน้าแถวมีกรงนกคิรีบูน ซึ่งติดกับหม้อแก้วเลี้ยงปลาทองตั้งปิดช่องกลาง ปลายแถวตั้งขันเทียนคาถาพัน ตามตะเกียงกิ่งที่เสาแขวนฉากเทศน์ทั้ง ๑๓ กัณฑ์...”ทั้งนี้ยังมีธรรมเนียมให้แสดงให้เห็นเครื่องบูชากัณฑ์เรียงรายจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ "โคมเวียน" เป็นโคมชนิดที่มีที่ครอบหมุนได้ บนที่ครอบเขียนรูปภาพลำดับเรื่องในพระพุทธศาสนา เมื่อจุดไฟแล้วที่ครอบจะหมุนไปช้า ๆ ทำให้รูปภาพบนที่ครอบหมุนเวียนตามไปด้วย ใช้เป็นเครื่องตั้งดูเล่นตามงานในเทศกาลต่างๆทั้งนี้ยังปรากฏธรรมเนียมให้พระราชโอรสฝึกหัดกัณฑ์เทศน์ถวายด้วย ครั้งพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ (รัชกาลที่ ๕) เป็นสามเณรและได้ถวายเทศน์นั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้จัดเครื่องบูชากัณฑ์สำหรับเฉพาะพระองค์ อันเป็นกระจาดใหญ่รูปเรือสำเภาบริเวณหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเล่าไว้ว่า “...พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๔ คราวผนวชเป็นสามเณรได้ถวายกัณฑ์เทศน์แทบทุกองค์ โปรดให้พระราชครูพิราม (ชู) อยู่ในกรมราชบัณฑิตเป็นผู้ฝึกหัด”จากพระราชพิธีพระราชกุศลเทศนามหาชาติภายในพระบรมมหาราชวัง นับเป็นพระราชพิธีบำเพ็ญราชกุศล ซึ่งทำให้เห็นความเลื่อมใสศรัทธาและสถานะองค์ศาสนูปถัมภก ตามเจตนาน้อมในพระบรมพุทธาภิเษกสมบัติ อันได้นำพาสรรพสัตว์เข้าสู่นิพพานอย่างสมบูรณ์_____________________ภาพประกอบ : โคมเวียน สมัยรัชกาลที่ ๒ (พุทธศตวรรษที่ ๒๔) ภายในคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประกอบด้วย ตัวโคมและที่ครอบ ทำรูปร่างคล้ายมณฑปทรงแปดเหลี่ยม มีสามชั้น แต่ละชั้นทำมุขโถงยื่นออกมา ๔ ทิศ มีพนักระเบียง ผนังลงรักปิดทองประดับกระจกสี และเจาะเป็นช่องหน้าต่างลายอย่างเทศ เพื่อให้มองเห็นจิตรกรรมเวสสันดรชาดก มีหลังคาทรงกระโจมยอดดอกบัวตูม เมื่อจุดไฟแล้วครอบนั้นหมุนได้ สำหรับใช้ประกอบสถานที่ในพิธีเทศน์มหาชาติ..อ้างอิงจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ" พระราชพิธีสิบสองเดือน". กรุงเทพฯ: บรรณาการ, ไม่ปรากฎปีที่พิมพ์.ธนิต อยู่โพธิ์. ตำนานเทศน์มหาชาติ. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๒๔.จารุณี อินเฉิดฉาย และคณะ. คุณธรรม จริยธรรม ตามรอยพระโพธิสัตว์. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร. ๒๕๕๑เทศม์หาชาติ อนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพนางมรรคาคำณวน ( ละมูล ปิ่นแสง ). กรุงเทพฯ : วรวุฒิการพิมพ์. ๒๕๑๖.ประสงค์ รายณสุข และสมิทธิพล เนตรนิมิตร .ประเพณีการเทศน์มหาชาติ ใน วารสารมจร พุทธศาสตร์ปริทรรศน์. ๒,๒(กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๕๒)


กลุ่มภาษาและวรรณกรรม สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กำหนดจัดกิจกรรมเสวนาทางวิชาการประกอบนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๗ "เอกสารล้ำค่า จารึกสยาม (Priceless Document of Siam)"เรื่อง " สามก๊ก : จากเรื่องจีนสู่เอกสารล้ำค่าจารึกสยาม"ในวันเสาร์ที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๒.๓๐ – ๑๖.๐๐ น.ณ ห้องประชุมอาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครท่านผู้สนใจสามารถลงทะเบียน (google form) ได้ทางhttps://docs.google.com/.../1nXkYOBy0yDnH1Kkbg.../edit...หรือติดตามรับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง facebook กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม


องค์ความรู้เรื่อง สงกรานต์…ประเพณีไทย ผู้เรียบเรียง : นางสาววารุณี วิริยะชูศรี บรรณารักษ์


           พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ขอชวนนักสะสมผู้ชื่นชอบงานอาร์ตทอย ร่วมลุ้นกาชาปองชุดพิเศษ “คืนถิ่น” Welcome Back Home  มีจำนวน 3 แบบ ได้แก่ Golden boy, Deified king, Kneeling Lady ออกแบบและผลิตโดย มือกระบี่ ราคาจุ่มละ 150 บาท พบกันวันพุธที่ 12 มิถุนายน 2567 เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ณ อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร


         กำไลสำริด(มีลวดลายก้านขด)          - อายุสมัย ก่อนประวัติศาสตร์ ๑,๕๐๐-๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว          - ชนิด สำริด          - ขนาด เส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๓.๔ ซม. หนา ๓ ซม.          กำไลสำริด มีลวดลายก้านขดและลายเส้นเชือก ถอดแยกเป็น ๒ ชิ้นได้ พบที่ไร่นายบุญมี ชำนาญกุล ใกล้วัดท่าโป๊ะ หมู่ที่ ๓ ตำบลบ้านเก่าอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๓   แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=40917   ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th



ชื่อเรื่อง :  เรื่อง ฆราวาสธรรมกถา หรือ ปัญหาของสฟิงซู (Riddle of Sphinx)ผู้แต่ง : พุทธทาส ภิกขุปีที่พิมพ์ : ๒๔๙๑สถานที่พิมพ์ :  เชียงใหม่ สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์แสงธรรมจำนวนหน้า : ๒๘ หน้าเนื้อหา : หนังสือ เรื่อง ฆราวาสธรรมกถา หรือ ปัญหาของสฟิงซู (Riddle of Sphinx) แต่งโดย พุทธทาส ภิกขุ คณะธรรมทาน เชียงใหม่ ผู้จัดพิมพ์ เนื้อหาประกอบด้วยคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในเรื่องการแก้ปัญหาชีวิตทั้งฝ่ายกายและฝ่ายใจ โดยได้นำเรื่องราวของสฟิงซฺ สัตว์สี่เท้าในตำนานของชาวอียิปต์ที่ได้ยืมเรื่องราวมาจากกรีกที่ว่า สฟิงซฺจะอยู่ที่ทางคนเดินและคอยตั้งปริศนาคำถาม หากผู้ใดตอบไม่ได้ก็จะกินบุคคลผู้นั้น โดยท่านพุทธทาสได้แสดงธรรมดังกล่าว เชื่อมโยงถึงหลักธรรมในพุทธศาสนาที่เรียกว่า “ฆราวาสธรรม” เช่น สัจจะ ทมะ ฐิติ จาคะเป็นต้น โดยแสดงธรรม ณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี วันที่ ๕ มิถุนายน ๒๔๘๔ เลขทะเบียนหนังสือหายาก : ๘๗๕ เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ : E-book_๒๕๖๗_๐๐๓๖หมายเหตุ : โครงการจัดเก็บและอนุรักษ์หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ สื่อโสตทัศนวัสดุ และเอกสารโบราณ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗



ชื่อเรื่อง                    พระพุทธศาสนาในไต้หวันผู้แต่ง                       -ประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ศาสนาเลขหมู่                      294.395125 พ354สถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัยปีที่พิมพ์                    2511ลักษณะวัสดุ               50 หน้า หัวเรื่อง                     ศาสนาภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึกหนังสือเล่มนี้แปลมาจากเอกสาร ชิ่อ BUDDHISM IN TAIWAN มีเรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาน้อย ส่วนมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับเทพเจ้ากวนอิม อันเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน เพราะพระพุทธศาสนาที่ไต้หวันนั้นเป็นนิกายมหายาน และนับถือกวนอิมมาก


ชื่อเรื่อง : 84 ปี อภัย จันทวิมล คำค้น : อภัย จันทวิมล, ลูกเสือ, โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์มะขาม, ค่ายลูกเสือจังหวัดจันทบุรี, ศูนย์กลางอบรมการศึกษาผู้ใหญ่จังหวัดอุบลราชธานี รายละเอียด : จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสนายอภัย จันทวิมล อายุครบรอบ 84 ปี ผู้แต่ง : ศูนย์กลางอบรมการศึกษาผู้ใหญ่จังหวัดอุบลราชธานี แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี หน่วยงานที่รับผิดชอบ : โรงพิมพ์ปากเพรียวการช่าง 2 วันที่ : 2535 วันที่เผยแพร่ : 12 ตุลาคม 2567 ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : - ลิขสิทธิ์ : - รูปแบบ : PDF. ภาษา : ภาษาไทย ประเภททรัพยากร : หนังสือท้องถิ่น (ห้องจันทบุรี) ตัวบ่งชี้ :  - รายละเอียดเนื้อหา : หนังสือจัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติ นายอภัย จันทวิมล รวมบทความและข้อเขียนจากศิษย์ เพื่อนร่วมงาน และมิตรที่เขียนถึงนายอภัย จันทวิมล นอกจากนี้ยังมีข้อมูลประวัติความเป็นมาของศูนย์กลางอบรมการศึกษาผู้ใหญ่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งนายอภัย จันทวิมล เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการก่อตั้ง เลขทะเบียน : - เลขหมู่ : 923 อ247ป


           สำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมโครงการรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รับฟังการบรรยายพร้อมการแสดงดนตรี เรื่อง “สืบสานบทเพลงพระราชนิพนธ์ เล่าขานผ่านดนตรีแจ๊ส” วิทยากรโดย นายประทักษ์ ใฝ่ศุภการ ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีแจ๊ส ผู้ช่วยศาสตราจารย์กฤษติ์ บูรณวิทยวุฒิ รองคณบดีฝ่ายบริหาร วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ นายดริน พันธุมโกมล รองคณบดีฝ่ายศึกษาวิชาการและวิจัย วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในวันพุธที่ 4 ธันวาคม 2567 เวลา 13.00-16.30 น. ณ ห้องจัดแสดง ชั้น 2 หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สำนักหอสมุดแห่งชาติ สามารถลงทะเบียนออนไลน์ด้วยการสแกน QR-Code (บนโปสเตอร์) หรือลงทะเบียนผ่านลิงก์ https://forms.gle/dFTMdGSEteBBCx2t9 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ 0 2280 9856 ในวันและเวลาราชการ




ตำนานเมืองจันทบุรี พระนางกาไว        ตามตำนานพระนางกาไว ฉบับเรียบเรียงโดยครูโพธิ์ เรืองเวชติวงศ์ ที่เรียบเรียงมาจากสมุดข่อยโบราณได้กล่าวไว้ว่า กาลครั้งหนึ่งมีกษัตริย์ผู้ครองนครบริเวณเชิงเขาสระบาป ทรงมีพระนามว่าพระเจ้าพรหมทัศน์ พระองค์มีอัครมเหสีพระนามว่า พระนางเจ้าจงพิพัฒณ์ และมีพระราชโอรสด้วยกัน 2 พระองค์ โดยองค์พระเชษฐาทรงพระนามว่า เจ้าไกรวงษ์ และองค์อนุชาทรงพระนามว่า เจ้าพงษ์สุริยามาศ ภายหลังอัครมเหสีสิ้นพระชนม์ พระเจ้าพรหมทัศน์ได้ทรงอภิเษกมเหสีองค์ใหม่ขึ้นมา ทรงนามว่าพระนางกาไว เป็นเชื้อชาติชอง ทรงพระสิริโฉมงดงามเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าพรหมทัศน์เป็นอย่างมาก และได้มีพระโอรสด้วยกันอีกหนึ่งพระองค์ ทรงพระนามว่า พระไวยะทัศน์      หลังจากทรงอภิเษก และมีราชโอรสแล้วจึงได้วางแผนกำจัดเจ้าไกรวงษ์และเจ้าพงษ์สุริยามาศซึ่งมีสิทธิ์ได้ครองราชสมบัติต่อจากผู้เป็นพระราชบิดา โดยการทำเสน่ห์ยาแฝดให้พระเจ้าพรหมทัศน์ทรงเสวย เพื่อให้โปรดปรานลุ่มหลงตนมากยิ่งขึ้น และหากสบโอกาสคราวใดก็จะทรงทูลพระเจ้าพรหมทัศน์ โดยหาเรื่องยุยงว่าร้ายลูกเลี้ยงทั้งสองของตนอยู่เสมอ แม้พระเจ้าพรหมทัศน์จะตกอยู่ในอำนาจมนต์เสน่ห์ก็ยังคงทรงมีสติ ไม่ทำอะไรรุนแรงแก่โอรสทั้งสอง แต่ด้วยเกรงว่าท้ายที่สุดโอรสตนจะถูกลอบปลงพระชนม์ จึงทรงเรียกพระราชโอรสมาชี้แจงให้ทราบเหตุ และมอบทรัพย์สินเงินทอง พร้อมด้วยเพชรพลอยให้อีกองค์ละ 1 ทนาน เพื่อให้หลบหนีออกจากเมือง แม้จะทรงอาลัยในราชโอรสอยู่ แม้พระราชโอรสทั้ง 2 พระองค์จะทรงทราบเบื้องหลัง แต่ด้วยความเกรงพระทัยในพระราชบิดา ทั้ง 2 พระองค์ก็เสด็จออกจากเมืองไปในที่สุด       เมื่อพระนางกาไวทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสองของตนออกจากเมืองได้แล้ว ด้วยความกลัวว่าพระเจ้าพรหมทัศน์จะยกราชสมบัติแก่เจ้าไกรวงษ์และเจ้าพงษ์สุริยามาศ จึงจัดการวางยาพิษเพื่อปลงพระชนม์พระเจ้าพรหมทัศน์ และได้สถาปนาพระไวยะทัศน์โอรสตนขึ้นเป็นกษัตริย์ และตั้งตนเป็นผู้สำเร็จราชการโดยอ้างว่าราชบุตรยังทรงพระเยาว์ นับได้ว่าพระนางกาไวบรรลุเป้าหมายโดยไร้อุปสรรคและได้อำนาจมาไว้ในมือสมใจหวัง       ฝ่ายเจ้าไกรวงษ์และเจ้าพงษ์สุริยามาศที่ทรงไปตั้งหลักอยู่ที่เมืองในแคว้นพระตะบอง เมื่อทรงทราบว่าพระบิดาทรงสวรรคต และพระนางกาไวขึ้นครองเมืองก็ไม่พอพระทัย รีบกรีฑาทัพมาเพื่อชิงเมืองคืนเพราะถือว่าตนมีสิทธิ์ในราชสมบัติกว่าใคร ทั้งสองพระองค์จัดทัพเข้ามีเมืองโดยเป็นรูปปีกกาเรียงลำดับทหารไพร่พล ทัพช้าง ทัพม้า ตามแผนยุทธศาสตร์สมัยนั้น โดยเจ้าไกรวงษ์ยกเข้าตีทางปีกซ้ายด้านตะวันออกโอบเข้าไปสกัดและโจมตีทางใต้ของเมือง ส่วนเจ้าพงษ์สุริยามาศยกทัพเข้าตีทางปีกขวาเดินทัพแต่ทิศเหนือแล้วตีโอบล้อมไปทางทิศตะวันตกของเมืองเพื่อตีล้อมหนุนเข้าไปทางทิศตะวันตกของเมืองเพื่อไม่ให้เหลือทางหนีแก่พระนางกาไว      ทางพระนางกาไวก็จัดทัพสู้และป้องกันเมืองไว้ทุกด้าน กองทัพทั้งสองฝ่ายเข้ารบกันรุนแรง ทางด้านตะวันตกช้างทรงของเจ้าพงษ์สุริยามาศพบกับช้างทรงของพระไวยะทัศน์ก็ขับช้างวิ่งพุ่งเข้าชนรบ ช้างของพระไวยะทัศน์เสียที เจ้าพงษ์สุริยามาศสบโอกาสก็ฟันด้วยของ้าวถูกพระไวยะทัศน์สิ้นพระชนม์บนหลังช้าง ช้างวิ่งหนีกลับเข้าเมือง ทหารรบตลุมบอน ท้ายสุดทหารพระนางกาไวก็แตกถอยหนีเข้าไปในเมือง      เมื่อพระนางกาไวทราบว่าพระไวยะทัศน์สิ้นพระชนม์ในการรบ ทั้งทหารก็แตกหนีถอยร่นกลับมา ก็คิดจะตัดศึกไม่ให้ทหารฝ่ายตรงข้ามตีเข้ามาและเกิดการนองเลือดไปมากกว่านี้ จึงออกอุบายให้ทหารนำทองคำส่วนหนึ่งไปหว่านให้ทหารของเจ้าพงษ์สุริยามาศตามแนวรบซึ่งล้อมไปด้วยกอไผ่และบริเวณโดยรอบ แล้วยอมจำนนยุติการสู้รบ      จากนั้นพระนางกาไวก็ได้สั่งรวบรวมทรัพย์สินที่มีค่าที่เหลือทิ้งลงเว็จของพระองค์ให้หมดปิดให้มิดชิด แล้วเข้าห้องบรรทมสั่งห้ามผู้ให้รบกวนเป็นอันขาด แล้วสั่งข้าราชบริพารให้ยอมจำนอน ส่วนพระองค์จะเฝ้าเมืองไว้เอง แล้วก็เสด็จเข้าห้องบรรทม ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ขอปิดเมืองไว้จนกว่าเรื่องราวจะถูกเปิดเผยและเป็นที่ยอมรับของทุกคน ใครที่หวังในสมบัติของข้า ขอให้มีอันเป็นไป หากผู้ใดเลื่อมใส ขอให้ประสพแต่ความสำเร็จ ความสุข ความเจริญ ข้าจะอยู่กับเมืองนี้ตลอดไป” แล้วพระนางกาไวก็เปิดยาพิษชื่อ มหาไว ดื่มจนสิ้นพระชนม์อยู่ในห้องบรรทมนั้นเอง        ในตำนานกล่าวถึงสถานที่ต่างๆไว้มากมาย ซึ่งผู้เรียบเรียงไม่ได้กล่าวถึงทั้งหมด ท่านผู้อ่านสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือเรื่อง ตำนานพระนางกาไว พระนางกาไว นิทานคำกลอนพระนางกาไว หรือนิทานพื้นบ้านจันทบุรี ณ หอสมุดแห่งชาติฯ จันทบุรี      ซึ่งสถานที่ที่ถูกกล่าวถึงในเนื้อเรื่องนั้น หลายแห่งปรากฏเป็นสถานที่จริงในปัจจุบัน ทั้งยังมีเรื่องเล่าในภายหลังต่างๆมากมาย อาทิเช่น พื้นที่บริเวณที่พระนางกาไวให้ทหารไปหว่านทอง เรียกว่าทองทั่ว หรือโคกทองทั่วนั้น แต่ก่อนเคยมีผู้พบทอง ณ บริเวณนั้นจริงๆ และเว็จพระนางกาไว ก็มีคนขุดเจอทองบ้างไม่เจอทองบ้าง ภายหลังเล่าต่อกันมาว่าหากใครไปขุดแล้วใกล้เจอทอง จะมีดังลั่นทำให้ทองหนีลึกลงไปอีก      ว่ากันว่าเมืองเพนียตเป็นเมืองคำสาปของพระนางกาไวอย่างแท้จริง เพราะท่านพ่ายศึกชิงเมืองในตอนนั้น ท่านหวงทรัพย์สมบัติมาก ท่านขุดฝังทรัพย์ไว้แล้วสละชีวิตปกป้องเมืองของท่าน แรงอาถรรพ์นี้เองที่ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถเปิดเมืองเพนียตได้ เมืองเพนียตจึงถูกปิดมานานหลายร้อยปี จนภายหลังด้วยแรงศรัทธาจากชาวบ้านที่บูชากราบไหว้แม่ย่ากาไว และการเซ่นไหว้ของอนุญาตของคณะทำงาน แรงอาถรรพ์ในการปิดเมืองก็คลายลง ทำให้เมืองค่อยๆกลับมาเปิด และถูกบูรณะฟื้นฟูอีกครั้ง   เรียบเรียงโดย นางสาวทิพวรรณ จันทร์ปัญญา บรรณารักษ์ปฏิบัติการ         หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี        สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี  กรมศิลปากร     แหล่งข้อมูลอ้างอิง:      โพธิ์ เรืองเวชติวงค์.  ตำนานพระนางกาไว.  ม.ป.ท.: ม.ป.พ., ม.ป.ป.      ธรรม พันธุศิริสด.  พระนางกาไว.  พิมพ์ครั้งที่ 2.  ระยอง: ร้านลุงคอม, 2541.        ศุภวัฒน์ เอมโอช.  นิทานพื้นบ้านจันทบุรี.  จันทบุรี: สำนักศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี, 2555.  


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       77/6หมวดหมู่                   พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               64 หน้า : กว้าง 4.3 ซม. ยาว 56 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก                    เป็นคัมภีร์ใบลานได้รับจาก วัดประดู่ทรงธรรม  อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา


black ribbon.