ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,749 รายการ


-คนเรือ- เรือเดินทะเลลำนึงจะท่องมหาสมุทรได้ ต้องมี คนเรือ เยอะพอสมควรครับ นึกภาพในหนังเรื่อง Pirates of the Carribbean ได้เลยครับ ลูกเรือ ไม่พอ ก็ไปไม่เป็น กัปตัน ไม่มี ก็ไม่รู้เป้าหมายปลายทาง เรือบางกะไชย ลำนี้ก็เช่นเดียวกันครับ เราขุดค้นพบ อะไร ที่พอจะให้เห็นภาพ คนเรือ ได้บ้าง หลักฐานที่พบมีจำนวนไม่มากครับ เป็นข้าวของเครื่องใช้ ของประเภทนี้คือของถนัดมือ ถนัดใช้มาแต่ไหนแต่ไร มาดูกันครับ คนเรือบางกะไชย ถนัดใช้ อะไร บ้าง กระบวยตักน้ำ ทำจากะลามะพร้าว ทัพพี ทำจากกะลามะพร้าว หม้อดินเผา ตะคันดินเผา(ใช้จุดไฟให้แสงสว่าง) เตาเชิงกรานดินเผา(ใช้จุดไฟทำอาหาร) กุญแจ+แม่กุญแจ ตะเกียบ ทำจากไม้ หวี ทำจากกระดองเต่า ไพ่ ทำจากไม้ ตราชั่งพร้อมกล่องไม้ ที่สลักตัวอักษรจีน ถ้วยลายคราม ผลิตในประเทศจีน จะเห็นว่า มีข้าวของที่ใช้ในชีวิตประจำวันบนเรือ ที่มาจากในสยามและจีน ชั่งใจยากเลยครับ คนเรือ จะเป็นคนสยาม หรือ คนจีน เป็นหลัก กัปตัน-ต้นหน-กะลาสี-พ่อครัว และที่แน่ๆ ต้องมีคนใช้ ตะเกียบ เป็น แน่นอน แต่ก็พอนึกว่าภาพออกว่า เรือบางกะไชยลำนี้ คงขึ้นล่องไปมา ระหว่างจีน-สยาม ฝ่าคลื่นลมมาหลายฤดูแล้ว ถึงมีข้าวของเครื่องใช้จากทั้งสองดินแดน เห็นจนชิน ใช้จนช่ำชอง



ชื่อเรื่อง                     สิริมหามายา (สีมหามายา)สพ.บ.                       288/2ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               54 หน้า : กว้าง 4.2 ซ.ม. ยาว 55.5 ซ.ม. หัวเรื่อง                     พุทธศาสนา                              สิริมหามายาบทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดบ้านหมี่ ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี  


ชื่อเรื่อง                                อุณฺหิสวิชย (อุณณหิสสวิไช) สพ.บ.                                  334/1งประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           22 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 54 ซม.หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                          บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ  ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


          ประติมากรรมดินเผารูปสิงห์ ขุนสุพรรณธานี อดีตนายอำเภออู่ทองมอบให้เมื่อ ๑ กรกฎาคม ๒๕๐๙ จัดแสดง ณ ห้องอู่ทองศรีทวารวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง          ประติมากรรมดินเผารูปสิงห์ ขนาดกว้าง ๘ เซนติเมตร สูง ๘.๓ เซนติเมตร สิงห์มีใบหน้ากลม มีคิ้วเป็นสันนูนต่อกันคล้ายปีกกา ดวงตากลมโต จมูกใหญ่ อ้าปากแยกเขี้ยวยิงฟัน มีแผงคอเป็นเม็ดกลมเรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยม อยู่ในท่านอนหมอบเอี้ยวตัว สองเท้าหน้ายื่นออกมาวางชิดกัน สองเท้าหลังวางพาดมาด้านหน้าลำตัวโดยขาซ้ายทับขาขวา ด้านหลังมีแนวสันหลังยกเป็นสันต่อด้วยหางยาวม้วนมาด้านหน้าสอดอยู่ใต้ขาหลัง มีการเจาะรูกลมสองรูบริเวณต้นขาหน้าด้านซ้าย และด้านหลังต้นขาหน้าด้านขวา แต่รูดังกล่าวไม่ได้เจาะทะลุถึงกัน ด้านล่างของประติมากรรมเป็นฐานกลม โค้งมนรองรับประติมากรรม ด้านในฐานกลวง สันนิษฐานว่าอาจเป็นส่วนฝาของภาชนะ ดังนั้นประติมากรรมรูปสิงห์ชิ้นนี้จึงอาจเป็นประติมากรรมประดับบนฝาภาชนะหรือเป็นส่วนจุกของฝาภาชนะดินเผาก็เป็นได้ กำหนดอายุสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๔ หรือประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว          ฝาภาชนะดินเผาสมัยทวารวดี พบทั้งฝาขนาดเล็กที่ขึ้นรูปด้วยมืออย่างหยาบ ๆ และฝาที่ขึ้นรูปด้วยแป้นหมุน ผลิตด้วยฝีมือประณีตและมีการตกแต่งอย่างงดงาม พบทั้งฝาที่มียอดเป็นปุ่มมนหรือแหลม และฝาที่มีประติมากรรมรูปสัตว์ประดับ นอกจากประติมากรรมรูปสิงห์ชิ้นนี้แล้ว ยังพบฝาภาชนะดินเผาที่มีรูปสิงห์ประดับที่เมืองโบราณซับจำปา จังหวัดลพบุรี จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จังหวัดลพบุรี อีกด้วย          ประติมากรรมดินเผารูปสิงห์ชิ้นนี้ ผลิตขึ้นด้วยฝีมือประณีตและแสดงถึงอารมณ์ที่ปรากฏบนใบหน้าอย่างชัดเจน สิงห์ถือเป็นสัตว์มงคลที่พบมากในงานศิลปกรรมสมัยทวารวดี ซึ่งพบทั้งบนตราดินเผา ประติมากรรมดินเผา และประติมากรรมปูนปั้นประดับศาสนสถาน จึงสันนิษฐานได้ว่า ประติมากรรมชิ้นนี้น่าจะเป็นประติมากรรมประดับฝาของภาชนะที่มีความสำคัญ อาจใช้สำหรับบรรจุของที่ใช้ในพิธีกรรม ที่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนา ความเชื่อ หรืออาจเป็นเครื่องใช้ของบุคคลชั้นสูง ก็เป็นได้-------------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง-------------------------------------------------------เอกสารอ้างอิง ผาสุข อินทราวุธ. ดรรชนีภาชนะดินเผาสมัยทวารวดี. กรุงเทพฯ : ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ, ๒๕๒๘. อนุสรณ์ คุณประกิจ. “การศึกษาคติและรูปแบบประติมากรรมดินเผาขนาดเล็กสมัยทวารวดีที่พบในบริเวณ ภาคกลางของประเทศไทย”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีสมัย ประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๒๙.


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทศนา (เทศนาสังคิณี-มหาปัฎฐาน)  ชบ.บ.46/1-1  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนี เผด็จมงคลสูตร)  ชบ.บ.88ข/1-21  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


เลขทะเบียน : นพ.บ.351/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 16 หน้า ; 4.5 x 56.5 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 135  (378-387) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : เทศนาสอนข้าราชการประชาชน--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม



ชื่อผู้แต่ง             - ชื่อเรื่อง              เรื่องดาราศาสตร์ไทย ครั้งที่พิมพ์          - สถานที่พิมพ์       กรุงเทพมหานคร สำนักพิมพ์         อรุณการพิมพ์ ปีที่พิมพ์             ๒๕๑๖ จำนวนหน้า         ๒๓๒  หน้า หมายเหตุ           อนุสรณ์เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ หลวงสวัสดิสารศาสตรพุทธิ ม.ว.ม. , ป.ช. , ท.จ.ว. (สวัสดิ์  สุมิตร)                         ๑.ดาวพระเคราะห์ ดาราศาสตร์ไทย ได้มาจากดาราศาสตร์ของอินเดีย แม้จะมีเป็นเรื่องนิยายมาตั้งแต่ก่อนพุทธกาล แต่ในส่วนหลักความคิดแห่งการคำนวณแล้ว นับว่าได้มาจาก Hipparchus (ประมาณก่อน ค.ศ. 125) หรือมาจาก Ptolemy รวมเรียกตำราเหล่านี้ว่า ดาราศาสตร์โบราณ                          ๒.ดาวนักษัตร์ ดาวในจักรราศี ดาวนักษัตร คือ ดาวประจำที่(กุจร) ปรากฏเป็นหมู่ เป็นเหล่า ชวนให้เห็นรูปต่างๆ ตั้งอยู่ในแถบบนท้องฟ้าเรียกว่า จักราศี


เขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท เป็นโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ริเริ่มมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) กระทั่งแล้วเสร็จในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เมื่อพ.ศ. 2446 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระราชดำริให้กระทรวงเกษตราธิการพิจารณาวางโครงการชลประทานในลุ่มน้ำภาคกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยให้สร้างเขื่อนชลประทานขนาดใหญ่ในแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อทดน้ำเข้าทุ่งนา กรมคลอง กระทรวงเกษตราธิการประมาณการว่าต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท แต่เนื่องจากขณะนั้นต้องนำเงินงบประมาณไปใช้บริหารจัดการด้านอื่นก่อน จึงเหลือเพียงโครงการรักษาน้ำในที่ลุ่ม ต่อมา รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดฝนแล้งถึงสองปีติดต่อกัน ทำให้การทำนาและการเพาะปลูกไม่ได้ผล เกิดสถานการณ์ข้าวยากหมากแพง ราษฎรเดือดร้อน กรมทดน้ำจึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายงานโครงการสร้างเขื่อนเจ้าพระยา แต่ด้วยขณะนั้นรัฐบาลกำลังดำเนินการโครงการก่อสร้างเขื่อนป่าสักใต้และโครงการอื่นๆ อยู่ก่อนแล้ว และประจวบกับเกิดเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 1 โครงการก่อสร้างเขื่อนเจ้าพระยาจึงต้องระงับไว้ พ.ศ. 2491 กรมชลประทาน กระทรวงเกษตราธิการ ได้เสนอโครงการก่อสร้างเขื่อนเจ้าพระยาอีกครั้ง รัฐบาลพิจารณาเห็นชอบ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2493 ได้เจรจาขอกู้เงินจากธนาคารโลกเพื่อเป็นเงินทุนซื้อเครื่องจักรและเครื่องมือในการก่อสร้าง และใช้เงินงบประมาณของประเทศสำหรับเป็นค่าแรง ค่าวัสดุก่อสร้างที่ผลิตได้ภายในประเทศ งบประมาณโครงการรวม 1,160 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างต้นปี พ.ศ. 2495 โครงการชลประทานเขื่อนเจ้าพระยา ประกอบด้วย การสร้างเขื่อนระบายและโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ประตูน้ำ ช่องลัดซึ่งเป็นทางน้ำใหม่ ทำนบดินปิดลำน้ำเดิม มีลักษณะเป็นเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาว 237.50 เมตร สูง 16.5 เมตร ติดตั้งบานประตูเหล็กรูปโค้งสูง 7.50 เมตร มีช่องระบายให้น้ำไหลผ่านขนาดกว้าง 12.50 เมตร จำนวน 16 ช่อง มีโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 300 กิโลวัตต์ เรือขนาดใหญ่สามารถผ่านเข้าออกได้ บนสันเขื่อนมีสะพานกว้าง 7 เมตร สามารถส่งน้ำเข้าคลองชลประทานไปยังพื้นที่นาและพื้นที่เพาะปลูกได้ประมาณ 5,700,000 ไร่ มีทางระบายน้ำล้นฉุกเฉินเพื่อช่วยระบายน้ำเมื่อเกิดอุทกภัย เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496 จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี และท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ การก่อสร้างเขื่อนเจ้าพระยาแล้วเสร็จปลายปีพ.ศ. 2499 และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อนเจ้าพระยา ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพายา จังหวัดชัยนาท เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 โดยมีพระราชดำรัสว่า “ข้าพเจ้ามีความยินดีที่ได้มีโอกาสมาร่วมในพิธีเปิดเขื่อนเจ้าพระยาในวันนี้ ประเทศของเราเป็นประเทศกสิกรรม ทั้งข้าวก็เป็นอาหารหลักของประชาชนพลเมือง การอยู่ดีกินดีของอาณาประชาราษฎร์และความสมบูรณ์มั่งคั่งของประเทศยังต้อง อาศัยอยู่กับการเพาะปลูกเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การปลูกข้าวในภาคกลางนี้ รัฐบาลของเราทุกยุคทุกสมัย ดังที่นายกรัฐมนตรีแถลงมา ได้เล็งเห็นความสำคัญและสนใจในการทำนุบำรุงประเทศโดยการที่จะสร้างโครงการชลประทานเพื่อส่งเสริมช่วยการเพาะปลูกและการทำนาให้ได้ผลดียิ่งขึ้น จึงเป็นที่น่ายินดียิ่งนักที่เขื่อนเจ้าพระยา อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการชลประทานที่ได้ดำริกันมาตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เป็นอันก่อสร้างสำเร็จลงได้ในปัจจุบัน ทั้งนี้เป็นหลักพยานอันหนึ่งถึงความเพียรพยายามที่จะดำเนินการอันจะก่อประโยชน์แก่ประเทศชาติโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค ซึ่งนับว่าเป็นคุณสมบัติอันดีของคนไทย... ...ได้เวลาแล้วข้าพเจ้าจะได้กระทำพิธีเปิดเขื่อนเจ้าพระยา ขอให้เขื่อนเจ้าพระยานี้จงสถิตอยู่ด้วยความมั่นคงถาวร ได้อำนวยบริการแก่ประเทศชาติและเพิ่มพูนประโยชน์แก่กสิกรต่อไปอย่างไพศาล สมตามปณิธานที่ได้ก่อสร้างขึ้นนั้นทุกประการ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุก ๆ คนทั่วกัน” ผู้เรียบเรียง : นางสาวดุษฎี ชัยเพชร นักจดหมายเหตุชำนาญการ คณะทำงานองค์ความรู้ของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ -------------------------------- อ้างอิง : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารสำนักนายกรัฐมนตรี กองกลาง สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (3) สร0201.30.1/2 เรื่อง การออกแบบรายละเอียดเขื่อนเจ้าพระยา (5 กันยายน 2493 – 6 มกราคม 2497) หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารสำนักนายกรัฐมนตรี กองกลาง สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (3) สร0201.30.1/9 เรื่อง พิธีเปิดเขื่อนเจ้าพระยา (17 สิงหาคม 2499 – 4 กุมภาพันธ์ 2500) หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกระทรวงมหาดไทย กองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย มท 0201.2.1.28/69 เรื่อง รัฐพิธีเปิดเขื่อนเจ้าพระยา (พ.ศ. 2500) หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ภาพจดหมายเหตุเหตุการณ์สำคัญ ฉ/ท/318, ฉ/ท/343 ภาพพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างเขื่อนเจ้าพระยา หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช. ภาพกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ภ หจภ (3) กษ1.1/1, ภ หจภ (3) กษ1.1/65, ภ หจภ (3) กษ1.2/1,3 ภาพเขื่อนเจ้าพระยา หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช. สไลด์ส่วนบุคคล นายสุทัศน์ พัฒนสิงห์ ฟ หจภ สบ1.1/842 ภาพเขื่อนเจ้าพระยา #จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจดหมายเหตุ




แนะนำหนังสือให้อ่านเรื่อง "จดหมายเหตุเรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์กรุงรัตนโกสินทร์" จดหมายเหตุเรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ กรุงรัตนโกสินทร์. พิมพ์ครั้งที่ 2. นนทบุรี: ศรีปัญญา, 2562. 619 หน้า. 550 บาท. ให้ข้อมูลจดหมายเหตุเรื่องทรงตั้งพระบรมวงศานุวงศ์กรุงรรัตนโกสินทร์ เป็นการสถาปนาพระเกียรติยศเจ้านายในพระบรมราชวงศ์จักรี ตั้งแต่รัชกาลที่ 1-6 พ.ศ. 2349-2451รวม 253 ครั้ง พร้อมทั้งนิพนธ์ของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพเกี่ยวกับยศเจ้านายในราชตระกูลคือ สกุลยศและอิศริยยศ คำที่ใช้เรียกพระเจ้าแผ่นดิน ตลอดจนพระนามของเจ้านายต่างกรมครั้งกรุงเก่า 929.709593 จ132 (ห้องหนังสือทั่วไป)



black ribbon.