ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,794 รายการ

ขุนเศรษฐอนุสรณ์.  กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์พระจันทร์, 2502.


          กรมศิลปากร ขอเชิญชวนประชาชนเลือกซื้อหนังสือกรมศิลปากร แบบออนไลน์ ได้ทางเว็บไซต์ของศูนย์หนังสือกรมศิลปากร bookshop.finearts.go.th ศูนย์รวมหนังสือทางมรดกศิลปวัฒนธรรมแขนงต่างๆ ทั้งด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี พิพิธภัณฑ์ งานช่าง วรรณกรรม ศาสนา วัฒนธรรม จารีตประเพณี ที่กรมศิลปากรจัดพิมพ์            การสั่งซื้อหนังสือออนไลน์ของกรมศิลปากร ทางเว็บไซต์ bookshop.finearts.go.th มี ๕ ขั้นตอน ดังนี้           ๑. ลงทะเบียน           ๒. กรอกข้อมูลและยืนยันในอีเมล์           ๓. สั่งซื้อหนังสือ           ๔. ชำระเงิน           ๕. รอรับหนังสือ           ผู้สนใจสามารถเลือกซื้อหนังสือออนไลน์ของกรมศิลปากร “สะดวกง่าย แค่ปลายนิ้ว” ทางเว็บไซต์ bookshop.finearts.go.th ทั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารหนังสือออกใหม่ ส่วนลดพิเศษ หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Page : ศูนย์หนังสือกรมศิลปากร    “หนังสือดี ราคาถูก เลือกซื้อง่าย จ่ายสะดวก รอรับสบายๆได้ที่บ้าน”






กรมศิลปากร.  ตำนานพระแก้วมรกตและตำนานพระพุทธสิหิงค์.  พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2513.       กล่าวถึงตำนานพระแก้วมรกตและตำนานพระพุทธสิหิงค์ ในเล่มมีการเรียบเรียงประวัติ นางจัด ลี้ศิริเสริญ ผู้วายชนม์.


          กระเบื้องเชิงชายลายเทพนม จากเจดีย์หมายเลข ๑ (วัดปราสาทร้าง) เมืองโบราณอู่ทอง           กระเบื้องเชิงชายลายเทพนม พบที่เจดีย์หมายเลข ๑ (วัดปราสาทร้าง) เมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดแสดง ณ ห้องโบราณคดีเมืองอู่ทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง           กระเบื้องเชิงชายรูปทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ภายในมีรูปเทพนมครึ่งองค์ สวมมงกุฎยอดสูง ประดับกรรเจียกจร ประนมมืออยู่ระดับกลางอุระ รองรับด้วยลายพรรณพฤกษาก้านยาวและซ้อนกันหลายชั้น ลวดลายเหล่านี้อยู่ภายในกรอบสามเหลี่ยมจำนวน ๓ ชั้น โดยเส้นตรงกลางมีความหนาและหยักเล็กน้อย            กระเบื้องเชิงชายใช้ประดับอยู่บริเวณส่วนปลายหลังคาของอาคารประเภทวิหาร อุโบสถ หรือปราสาท ทำหน้าที่อุดช่องว่างระหว่างแผ่นกระเบื้อง ป้องกันไม่ให้นกหรือสัตว์ชนิดอื่นเข้าไปภายใน จึงเรียกอีกอย่างได้ว่ากระเบื้องหน้าอุด  ส่วนรูปเทพนมหรือเทวดา ที่ปรากฏบนกระเบื้องเชิงชาย น่าจะหมายถึงผู้ปกปักษ์รักษา การประดับกระเบื้องเชิงชายบนหลังคาอาจจะทำให้ตีความได้ว่า ศาสนสถานนั้นๆ มีความสำคัญ ถือเป็นศูนย์กลางจักรวาลที่มีเทวดารายล้อม หรืออีกความหมายหนึ่งคือเทพนมแทนการเคารพบูชาต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีการสร้างรูปแทนพระพุทธองค์ ด้วยพระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในอาคารก็เป็นได้           กระเบื้องเชิงชายนี้พบที่เจดีย์หมายเลข ๑ (วัดปราสาทร้าง) ซึ่งพบหลักฐานการก่อสร้าง ๓ ระยะ ในระยะที่ ๑ และ ๒ พบฐานเจดีย์กำหนดอายุอยู่ในช่วงสมัยทวารวดี ส่วนระยะสุดท้ายมีการสร้างเจดีย์ในสมัยอยุธยา เหนือฐานเจดีย์ในสมัยทวารวดี กำหนดอายุสมัยอยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๒ หรือประมาณ ๓๐๐ ปีมาแล้ว และยังพบโบราณวัตถุในสมัยอยุธยา เช่น พระพุทธรูปหินทราย และภาชนะสำริด ซึ่งมีรูปแบบที่สามารถกำหนดอายุสอดคล้องกระเบื้องเชิงชายคือในสมัยอยุธยา แสดงถึงการเข้ามาใช้พื้นที่ของผู้คนยุคหลังจากสมัยทวารวดี      เอกสารอ้างอิง ประทีป เพ็งตะโก. “กระเบื้องเชิงชายสมัยอยุธยา.” วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปะศาสตร์มหาบัณฑิต  สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๐. กรมศิลปากร. รายงานการสำรวจและขุดแต่งโบราณวัตถุสถานเมืองเก่าอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัด สุพรรณบุรี. พระนคร : ศิวพร, ๒๕๐๙.


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ร่วมกับกลุ่มศิลปิน จัดทำพระคเณศจำลอง ต้นแบบจากการต่อยอดความรู้จากพระคเณศศิลาที่พบจากโบราณสถานหมายเลข 22 เมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี อายุเก่าแก่กว่า 1,400 ปี ซึ่งจัดแสดงอยู่ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี  ทั้งนี้ รายได้จากการจัดจำหน่ายหลังจากหักค่าใช้จ่าย กลุ่มศิลปินจะมอบให้แก่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ต่อไป ผู้สนใจสามารถสั่งจองได้ที่กล่องข้อความ Inbox เพจเฟสบุ๊ก Dinsor Art Gallery & Studio


           สำนักหอสมุดแห่งชาติ แจ้งปิดทางเข้าหอสมุดแห่งชาติ เขตดุสิต กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม  - 20 เมษายน 2567 โดยขอให้ผู้ใช้บริการหอสมุดแห่งชาติ ใช้ประตูทางเข้าตรงถนนศรีอยุธยา ใกล้กับทางเข้ากรมศิลปากร เป็นการทดแทน ///ขออภัยในความไม่สะดวก มา ณ โอกาสนี้           ทั้งนี้ หอสมุดแห่งชาติ ยังเปิดให้บริการตามปกติ วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 18.30 น. และเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 09.00 - 17.00 น. และปิดบริการวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี


           ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะคณะอนุกรรมการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ได้แจ้งให้กรมศิลปากรดำเนินการคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติและประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำ ซึ่งได้ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี เสียสละและอุทิศตนสร้างประโยชน์แก่ทางราชการและประเทศชาติ สมควรได้รับการยกย่องสรรเสริญเป็นเกียรติประวัติในการทำงาน โดยพิจารณาคัดเลือกให้เป็นข้าราชการและลูกจ้างประจำดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ซึ่งผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่นจะได้รับเข็มเชิดชูเกียรติ เกียรติบัตรยกย่องเชิดชูเกียรติ และได้รับบันทึกประวัติในหนังสือที่ระลึกข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖            คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการพลเรือนดีเด่นและผู้ปฏิบัติงานดีเด่นในสังกัดกรมศิลปากร ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ได้พิจารณาและมีมติคัดเลือกฯ เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ได้รับคัดเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ได้แก่            ๑. นางสาวมนัชญา  วาจก์วิศุทธิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ                 ตำแหน่งสถาปนิกชำนาญการพิเศษ สำนักสถาปัตยกรรม            ๒. นางสาวพิมพ์นารา  กิจโชติประเสริฐ ข้าราชการพลเรือนสามัญ                 ตำแหน่งนักโบราณคดีชำนาญการพิเศษ กองโบราณคดี



          อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ขอเชิญร่วมสะสมตราประทับ (stamp) แลกของที่ระลึกน่ารักๆ ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 หรือจนกว่าของจะหมด โดยกำหนดสถานที่สะสมตราประทับ จำนวน 4 จุด ได้แก่ จุดประชาสัมพันธ์, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง, วัดศรีชุม, วัดสะพานหิน           นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมสถานที่ข้างต้น และขอประทับตราได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดในสมุดสะสม (ไม่ต้องไปชมทั้งหมดใน 1 วันก็ได้) ขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่มีบัตรเข้าชม ในการขอรับสมุดสะสมตราประทับ (passport) ทั้งนี้ เมื่อสะสม Stamp ครบ 4 จุด สามารถแลกของที่ระลึก ได้ที่จุดประชาสัมพันธ์ภายในอาคารจำหน่ายบัตร ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง            สอบถามเพิ่มเติมได้ทาง inbox facebook : อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย (https://www.facebook.com/skt.his.park) หรือ โทร. 06 1656 0700 (ในวันและเวลาราชการ) สำหรับท่านที่ต้องการประทับตราลงบนสมุดหรือกระดาษที่เตรียมมาเองส่วนตัว สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ


ชื่อเรื่อง                                เทวทูตสุตฺต (เทวทูตสูตร) สพ.บ.                                  436/6ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           46 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 40 ซม.หัวเรื่อง                                 พระสูตร บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ-ทองทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


         เสาชิงช้ากรุงเทพมหานคร          ลักษณะ : เสาชิงช้าที่เก็บรักษาอยู่ในคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ประกอบด้วยส่วนของกระจังด้านบน 1 รายการ กระจังหูช้าง 2 รายการ ขื่อเอก (คานสำหรับผู้เชือกชิงช้า) 1 รายการ เสาและเสาตะเกียบ 8 รายการ และหัวเม็ดจากเสาตะเกียบ 1 รายการ          เสาชิงช้าสร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพระราชพิธีเดือนสอง ในพระราชพิธีสิบสองเดือน คือ พระราชพิธีตรียัมปวาย - ตรีปวายเพื่อรับเสด็จพระอิศวรและพระนารายณ์ เทพเจ้าสูงสุดของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ลงจากสวรรค์ พิธีนี้ถือเป็นพิธีขึ้นปีใหม่ของพราหมณ์ซึ่งในหนึ่งปีพระอิศวรจะเสด็จมาเยี่ยมโลก 10 วันพราหมณ์จะประชุมที่เทวสถานพระอิศวร แล้วผูกพรตชำระกาย สระผมเตรียมรับเสด็จพระอิศวร แต่เดิมนั้นพระราชพิธีตรียัมปวายจะจัดในเดือนอ้าย (ประมาณเดือนธันวาคม) ครั้นล่วงเข้าสู่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์จึงได้เปลี่ยนมาจัดในเดือนยี่ (ประมาณเดือนมกราคม) ด้วยว่าให้พ้นหน้าน้ำหลาก ถนนมีแต่โคลนเลนไปเสียก่อน เมื่อถึงเดือนยี่ดินแห้งดีเหมาะแก่การจัดพิธีสำคัญนี้          พิธีโล้ชิงช้าเป็นการแสดงตำนานสร้างโลก ที่กำหนดให้พระพรหมเป็นผู้สร้างโลก แล้วพระอิศวรเป็นผู้ทดทอบความแข็งแรงของโลก โดยให้พญานาคขึงตัวเองยึดภูเขาสองลูก แล้วดึงเขย่าไปมา พระอิศวรจะยืนบนภูเขาด้วยพระบาทข้างเดียว ถ้าภูเขาสั่นสะเทือน จนพระอิศวรล้มแสดงว่าโลกไม่แข็งแรงมั่นคง ดังนั้น เสาชิงช้าสองต้นเปรียบเสมือนภูเขา ผู้ขึ้นไปโล้ชิงช้าสมมติให้แทนพญานาค ซึ่งผู้โล้จะสวมหมวกรูปพญานาคด้วย จากนั้นไกวชิงช้าเป็นสัญญาณว่าโลกแข็งแกร่งเพียงพอ          พิธีโล้ชิงช้าเป็นงานสนุกสนานรื่นเริงประจำปีของพระนคร มีการเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่หลายวัน ออกร้านการละเล่น การแสดงมหรสพ มีต่อเนื่องยาวนานจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นประชาธิปไตย พิธีโล้ชิงช้าจึงถูกยกเลิกไปในที่สุด ด้วยเหตุปัจจัยหลายประการ          เสาชิงช้ามีความสำคัญในฐานะศูนย์กลางพระนคร เป็นโบราณสถานเก่าแก่ตั้งแต่แรกสร้างกรุงเทพมหานคร จึงได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2492 หน้า 5281          ขนาด : ยาว 832 เซนติเมตร สูง 155 เซนติเมตร          ชนิด : ไม้สักทาสี และโลหะ          อายุ/สมัย : รัตนโกสินทร์ พุทธศักราช 2463          ประวัติ/ตำนาน : สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสาชิงช้าต้นเดิมชำรุด บริษัท หลุยส์ ตี เลียวโนเวนส์ จำกัด พ่อค้าไม้รายใหญ่ได้มอบไม้ซุงท่อนใหญ่ให้สร้างเสาชิงช้าต้นใหม่ แล้วเสร็จวันที่ 12 เมษายน 2463 มีการบูรณะในปี 2490 เนื่องจากเหตุไฟไหม้ บูรณะอีกครั้งในปี 2513 โดยเปลี่ยนไม้เฉพาะเสาใหม่ ส่วนกระจังบนและกระจังหูช้างยังคงเป็นของเดิม ต่อมาปี 2525 มีการบูรณะอีกครั้งเพื่อฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พอถึงปี 2539 โคนเสาชำรุดมาก สำนักการโยธา กรุงเทพมหานครจึงบูรณะด้วยการสวมปลอกเหล็กรัดโคนเสายึดโครงสร้างหลัก เมื่อถึงปี 2548 ไม่อาจบูรณะเสาชิงช้าต้นนี้ได้อีก จึงทำพิธีรื้อถอนแล้วส่งเก็บรักษาในคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2550   แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=52865   ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th



black ribbon.