ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,794 รายการ


         ระฆังสำริดมีจารึก          ศิลปะอยุธยา พุทธศักราช ๒๑๘๑          ปัจจุบันเก็บรักษาที่หอสวดมนต์ วัดโพธิ์คลาน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี          ระฆังทรงกลม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางปากระฆัง ๔๔.๕ ซม. สูง ๘๘ ซม. มีห่วงกลมสำหรับแขวนประดับลายช่อกระหนก ๔ ด้าน ตัวระฆังมีปุ่มกลม ปากระฆังผายออก มีเส้นคาดตามแนวนอน บริเวณขอบล่างมีจารึกระบุประวัติและศักราชการสร้าง จารเป็นอักษรไทยอยุธยา ภาษาไทย จำนวน จำนวน ๒ บรรทัด อ่านโดยนายประสาร บุญประคอง ดังนี้          คำจารึก “๑.   พรญารามแลออกหมีนเทพผูชาง่นนั ช้วย หล่อใว้ในพระส่าศ่หนาแลทาย่กทงัปวง  (เพือ) จ่ขอธรัรมพระศรีอานแล                        ๒.   .......ทงัปวงคุมใด ๑๕๐ ชงั สมิอ........ (นอดบน?)  สกัราช่ใด้แล้ว ๒๑๘๑ ปีกบัแปดเดิอนสีวนัเถิงวันเสารเดิอนญีอแรมสีคําจุลสกัราชใส ถ...................”            คำอ่าน “๑.   พระยารามและออกหมื่นเทพผู้ช่างนั้นช่วย หล่อไว้ในพระศาสนา แลทายกทั้งปวง (เพื่อ) จะขอทันพระศรีอารย์แล ฯ                        ๒.   .......ทั้งปวงคุมได้ ๑๕๐ ชั่ง เสมอ........(นอดบน?)  ศักราชได้แล้ว ๒๑๘๑ ปี กับ๘ เดือน ๔ วัน ถึงวันเสาร์เดือนยี่แรม ๔ คํ่า จุลศักราชใส่ ถ้ (วน)...................”          เนื้อความจารึกบนระฆังวัดโพธิ์คลานสามารถให้ข้อมูลได้ว่า ระฆังใบนี้สร้างโดยขุนนางและพุทธศาสนิกชนในปีพุทธศักราช ๒๑๘๑ ตรงกับสมัยอยุธยาตอนปลาย รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และมีคำอธิษฐานที่แสดงเจตนาว่าขอให้ทันพระศรีอาริย์ ระฆังใบนี้จึงสะท้อนคติความเชื่อเรื่องพระศรีอาริย์ในสมัยอยุธยาตอนปลายได้          อีกทั้งบนระฆังมีการระบุศักราชการสร้างที่ชัดเจน จึงเป็นตัวอย่างรูปแบบระฆังสำริดที่สร้างขึ้นสมัยอยุธยาที่แสดงให้เห็นถึงเทคนิคงานช่างในการหล่อระฆังอีกด้วย           นอกจากนี้ยังพบระฆังซึ่งมีจารึกระบุศักราชชัดเจนว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีอีกสองแห่ง อันได้แก่ วัดป่าพฤกษ์ และวัดพระรูป  สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อในการสร้างระฆังเพื่อถวายในพระพุทธศาสนา เช่นเดียวกับการสร้างพระพุทธรูป และยังสะท้อนให้เห็นว่าเมืองสุพรรณบุรียังคงเป็นเมืองที่ค่อนข้างสำคัญในสมัยอยุธยาตอนปลาย   เอกสารอ้างอิง ประสาร บุญประคอง, “คำอ่านจารึกบนขอบระฆัง ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง จังวัดสุพรรณบุรี,” ศิลปากร ๑๑, ๒ (กรกฎาคม ๒๕๑๐) : ๘๔-๘๕.


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           39/6ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              40 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 59 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


กฎหมายระว่างประเทศที่สำคัญฉบับหนึ่ง นั่นคือ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล (International Convention for the Safety of Life at Sea) หรือที่ชาวเรือรู้จักกันในชื่อย่อว่า SOLAS กัน เป็นอนุสัญญาที่ผู้ปฏิบัติงานในเรือที่รัฐเจ้าของธง (flag state) เป็นภาคีอนุสัญญาฯ จะต้องเรียนรู้และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ “ลูกเรือ” ย้ำอีกครั้ง “ลูกเรือ” วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 เวลาประมาณ 00.05 น. กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ กัปตันเอ็ดเวิร์ด สมิธ นายเรือบนเรือ อาร์เอ็มเอส ไททานิค เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ที่สุดในตอนนั้น ได้ออกคำสั่งให้นายประจำเรือและลูกเรือทุกคนเตรียมอพยพผู้โดยสารลงเรือช่วยชีวิต หลังจากที่ประสบเหตุชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็งที่ลอยตามกระแสน้ำออกจากแผ่นน้ำแข็งขั้วโลกจากอุณภูมิที่อุ่นขึ้นในเดือนเมษายน ส่งผลให้เกิดการรั่วที่ลำเรือ มีน้ำทะเลไหลท่วมห้อวระวางกั้นน้ำ 6 ระวาง เรือไททานิคได้รับการออกแบบมามีห้องระวางกั้นน้ำซึ่งสามารถปิดประตูกั้นน้ำไม่ให้ไหลถึงกันได้ในแต่ละระวางได้ แต่อย่างไรเสียเรือลำนี้สามารถรับน้ำท่วมห้องระวางได้เพียง 4 ห้องพร้อมกันที่หัวเรือเท่านั้น หากเกินกว่านั้น หัวเรือที่ค่อยจมลงจากน้ำหนักของน้ำจะทำให้น้ำล้นจากห้องระวางหนึ่งสู่อีกห้องระวางหนึ่งได้ คล้ายกับการที่เราเทน้ำใส่ถาดน้ำแข็งในตู้เย็น ดังนั้นน้ำที่ท่วมถึง 6 ห้องระวางจึงยืนยันว่า ไททานิค ต้องอับปาง! จากความมั่นใจในการออกแบบประกอบกับกฎระเบียบเกี่ยวกับความปลอดภัยของเรือเดินทะเลที่ยังไม่เข้มงวด เรือช่วยชีวิตมีจำนวนไม่เพียงพอต่อลูกเรือและผู้โดยสาร การจัดการอพยพคนลงเรือช่วยชีวิตที่ไม่มีประสิทธิภาพทำให้เรือช่วยชีวิตบางลำมีผู้โดยสารไม่เต็ม ผู้โดยสารชั้นสามที่ดีรับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม และเหตุปัจจัยอื่น ๆ ส่งผลให้เหตุอับปางของเรือไททานิคนั้น เกิดความสูญเสียอย่างมาก มีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำทะเลและหนาวตายถึง 1,500 ชีวิต โดยมีผู้รอดชีวิตเพียง 710 ชีวิต ไม่ถึงครึ่งของคนที่มากับเรือ จากเหตุการณ์การอับปางของเรือไททานิค ได้นำมาสู่การร่างสัญญาระหว่างประเทศ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นกฎหมายที่ชาติสมาชิกจะต้องปฏิบัติตามในเรื่องของความปลอดภัยและขั้นตอนวิธีปฏิบัติต่าง ๆ เมื่อเรือประสบภัยในทะเล SOLAS นับว่าเป็นสัญญาระหว่างประเทศฉบับแรกที่มุ่งให้ความสำคัญการความปลอดภัยของเรือพาณิชย์ บังคับใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2457 และมีการแก้ไขปรับปรุงเรื่อยมา ปัจจุบันคือ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล พ.ศ. 2517 (1974) อยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization) หรือ IMO มีประเทศร่วมเป็นภาคีสมาชิกเกือบทุกประเทศเว้นแต่เพียงประเทศที่ไม่มีอาณาเขตติดต่อทางทะเล (landlocked states) ภายในอนุสัญญาฯ ได้กำหนดให้เรือและรัฐเจ้าของธง ต้องกำหนดมาตรการให้สอกคล้องกับข้อกำหนดด้านความปลอยของ SOLAS เช่น ข้อกำหนดเกี่ยวกับมาตรฐานโครงสร้าง อุปกรณ์ความปลอดภัยภายในเรือ อุปกรณ์ช่วยชีวิต อุปกรณ์ดับไฟ เสื้อชูชีพ เรือและแพชูชีพ อุปกรณ์ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือต่าง ๆ ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นจะต้องมีเพียงพอต่อการช่วยเหลือลูกเรือและผู้โดยสารทุกคน รวมไปถึงการฝึกอบรมชาวเรือให้มีความรู้ความสามารถในการดำรงชีพในทะเลหากเกิดกรณีเรืออับปางด้วย นอกจากนั้น SOLAS ยังกำหนดให้รัฐเจ้าของธงต้องจัดให้มีหน่วยงานกำกับดูแลรวมทั้งออกใบอนุญาตให้เรือและบริษัทเจ้าของเรือต้องจัดให้เรือมีอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยตามข้อกำหนดของ SOLAS ซึ่งมนกรณีของประเทศไทยมี กรมเจ้าท่า เป็นหน่วยงานกำกับดูแล อย่างไรก็ตาม SOLAS เป็นอนุสัญญาภายใต้การกำกับดูแลของ IMO ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลเพียงเรือพาณิชย์และเรือพลเรือนเท่านั้น ไม่ได้บังคับแก่เรือของกองทัพเรือหรือเรือทางทหาร ซึ่งอาจปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยของกองทัพเหล่านั้นเอง


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 134/6 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 170/6 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           5/7ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              34 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 56.5 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนา                                                      พระอภิธรรมบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           50/1ประเภทวัดุ/มีเดีย                          คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                                22 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 57.5 ซม.หัวเรื่อง                                       พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ชื่อเรื่อง                                        สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม  (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ.                                           8/6ประเภทวัดุ/มีเดีย                       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                              48 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58.5 ซม.หัวเรื่อง                                        พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก               เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


28 เมษายน 2565 วันคล้ายวันประสูติปีที่ 159 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) กับพระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพรรณราย ทรงเป็นพระบรมวงศ์ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในงานช่างและศิลปะหลากหลายแขนง ทรงควบคุมงานด้านจิตรกรรมและสถาปัตยกรรมของราชสำนักสยาม ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) จนเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ทรงได้รับพระสมัญญานามว่า “สมเด็จครู” และ “นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม” พ.ศ. 2450 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้ออกแบบพระอุโบสถ กำแพงแก้ว และสะพานนาคหน้าพระอุโบสถวัดราชาธิวาส ซึ่งชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก นอกจากจะทรงออกแบบงานสถาปัตยกรรมแล้ว ภายในพระอุโบสถยังปรากฏภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องเวสสันดรชาดกครบทั้ง 13 กัณฑ์ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้ออกแบบ และโปรดให้ คาร์โล ริโกลี (Carlo Rigoli) จิตรกรชาวอิตาเลียน เป็นผู้ขยายแบบและลงสีด้วยเทคนิคเฟรสโก (การเขียนสีบนผนังปูนเปียก) ผลงานที่ปรากฏอยู่ด้านล่าง เป็นภาพร่างต้นแบบจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดราชาธิวาส จากคลังของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ที่สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเขียนด้วยสีฝุ่นบนแผ่นไม้ ภาพร่างดังกล่าวเป็นต้นแบบจิตรกรรมฝาผนังของพระอุโบสถด้านทิศเหนือ ผลงานชิ้นนี้นับเป็นต้นเค้าของการเขียนภาพจิตรกรรมเล่าเรื่องทางพุทธศาสนาที่ใช้หลักทัศนียวิทยา (Perspective) และการเขียนองค์ประกอบต่างๆ ทั้งคน สัตว์ และธรรมชาติอย่างสมจริง แตกต่างจากงานจิตรกรรมแบบไทยประเพณีที่เขียนภาพเป็น 2 มิติ และนิยมเขียนรูปคนแสดงท่าทางอย่างนาฏยลักษณ์ นอกจากขรัวอินโข่งที่เป็นผู้ริเริ่มการเขียนภาพจิตรกรรมไทยอย่างตะวันตกแล้ว ก็มีสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ที่ทรงนำเอาศิลปะตะวันตกซึ่งแพร่หลายในสยาม ณ ขณะนั้น มาประยุกต์ใช้กับงานช่างไทยได้อย่างกลมกลืน ลงตัว และมีเอกลักษณ์ ผลงาน: ภาพร่างต้นแบบจิตรกรรมฝาผนัง ภายในพระอุโบสถวัดราชาธิวาส ศิลปิน: สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เทคนิค: สีฝุ่นบนแผ่นไม้ ขนาด: 70.5 x 100 ซม.


ชื่อผู้แต่ง        เฉลียว  เอี่ยมตระกูล ชื่อเรื่อง         ปรัชญาชีวิต ครั้งที่พิมพ์      - สถานที่พิมพ์    กรุงเทพฯ  สำนักพิมพ์      โอเดียนสโตร์ ปีที่พิมพ์        ๒๕๒๐ จำนวนหน้า    ๒๐๘ หน้า รายละเอียด                   ปรัชญาชีวิตเป็นหนังสือที่สอนให้กล้าที่จะรับมือกับปัญหา หันหน้าเข้าศึกษาสาเหตุด้วยจิตใจอันมั่นคง พิจารณาสถานการณ์อย่างรอบครอบ ปราศจากความรู้สึกที่ท้อแท้หรือสิ้นหวังและช่วยกันเสริมสร้างให้ดีขึ้น หรืออย่างน้อยก็อย่าให้เลวร้ายลง ทั้งยังถือว่าเป็นหน้าที่ของเยาวชนทุกคน ที่ต้องช่วยกันแก้ไขให้สังคมมั่นคงตลอดไป


เลขวัตถุ ชื่อวัตถุ ขนาด (ซม.) ชนิด สมัยหรือฝีมือช่าง ประวัติการได้มา ภาพวัตถุจัดแสดง 50/2553 (4/2549) ส่วนฐานของแท่นหินบดยา สภาพชำรุด ด้านบนหักหายไป เหลือแต่ส่วนฐาน ส.10 ก.13.4 หิน ทวารวดี ได้จากแหล่งโบราณคดีบ้านดงละคร จ.นครนายก นายจำเนียร ทองจันทร์ มอบให้เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2549


เลขทะเบียน : นพ.บ.473/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 44 หน้า ; 4 x 51.5 ซ.ม. : ชาดทึบ-รักทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 161  (183-194) ผูก 3 (2566)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.607/3            ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 48 หน้า ; 4 x 55 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 195  (416-423) ผูก 3 (2566)หัวเรื่อง : สังฮอมธาตุ--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


          อักษรรูปแบบสมเด็จกรมพระยานริศฯ  คือ ลักษณะตัวอักษรที่สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้คิดรูปแบบขึ้น ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันมาก เพราะเป็นแบบทีใช้เขียนได้อย่างรวดเร็ว สะดวก และเหมาะสมกับการเขียนด้วยปากกาสปีดบอลล์ พู่กันแบน และสีเมจิกชนิดปลายตัด หรือที่เรียกว่า อักษรหัวตัด


black ribbon.