ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,794 รายการ
เลขทะเบียน : นพ.บ.160/6ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4 x 50.5 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 96 (27-34) ผูก 6 (2565)หัวเรื่อง : ปริวารปาลิ(ปาลีปริวาน) --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
ชบ.บ.45/1-2
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนี เผด็จมงคลสูตร)
ชบ.บ.88ก/1-14
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
มหานิปาตวณฺณนา(เวสฺสนฺตรชาตก) ชาตกฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฺฐกถา (มทฺรี-นครกัณฑ์)
ชบ.บ.106ข/1-12
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.346/1ขห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 56 หน้า ; 4.5 x 52 ซ.ม. : ทองทึบ-ชาดทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 134 (370-377) ผูก 1ข (2565)หัวเรื่อง : นิพฺพานสุตฺต (นิพพานสูตร)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชิ้นส่วนพระพุทธรูปนาคปรก
พบที่เมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
จัดแสดง ณ ห้องบรรพชนคนอู่ทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
แผ่นปูนปั้นภาพพระพุทธรูปนาคปรก ชำรุดส่วนบนหักหายไป เหลือเพียงส่วนพระเพลาและขนดนาค พระหัตถ์แสดงปางสมาธิ ประทับขัดสมาธิราบโดยไขว้พระบาทหลวม ๆ บนขนดนาค ๓ ชั้น ทั้งนี้รูปแบบการนั่งขัดสมาธิราบแบบหลวม ๆ เป็นลักษณะที่พบทั่วไปในศิลปะอินเดียแบบอมราวดี เช่น พระพุทธรูปที่นาคารชุนโกณฑะ ซึ่งกำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๙ – ๑๐ (ประมาณ ๑,๖๐๐ – ๑,๗๐๐ ปีมาแล้ว)
ความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบศิลปกรรม และคติการสร้างพระพุทธนาคปรก ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในศิลปะอินเดียแบบอมราวดี ที่เจริญขึ้นทางภาคใต้ของประเทศอินเดีย อาจเป็นเพราะอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นเขตร้อนชื้น มีงูชุกชุม จึงเกิดลัทธิบูชางูของคนพื้นเมืองขึ้น ต่อมาเมื่อศาสนาพุทธได้เผยแผ่ไปยังอินเดียใต้ ความเชื่อเรื่องงูกับความเชื่อในพุทธศาสนาจึงผสมผสานกัน ดังปรากฏเรื่องงูหรือนาคในพุทธประวัติตอนสำคัญ เช่น พญานาคมุจลินท์ใช้กายกำบังให้พระพุทธเจ้าเมื่อเกิดพายุฝนเป็นเวลาเจ็ดวันขณะเสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ ๖ ภายหลังทรงตรัสรู้ ทั้งนี้ต่อมารูปแบบและคติการสร้างพระพุทธรูปนาคปรกจึงได้แพร่หลายมายังลังกา และดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในระยะแรกยังคงแสดงให้เห็นรูปแบบศิลปกรรมที่รับมาจากประเทศอินเดีย จนกระทั่งมีพัฒนาการเป็นรูปแบบเฉพาะของท้องถิ่นนั้น ๆ ในระยะเวลาต่อมา
ชิ้นส่วนพระพุทธรูปนาคปรกนี้ จึงถือเป็นหลักฐานสำคัญ สันนิษฐานว่าเป็นประติมากรรมที่สร้างขึ้นในท้องถิ่น เนื่องจากทำจากปูนปั้นเพื่อประดับติดเข้ากับผนังศาสนาสถาน โดยอาจเป็นหลักฐานที่เก่าที่สุดชิ้นหนึ่ง เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางด้านรูปแบบศิลปกรรมจากอินเดีย และยังอาจจะแสดงถึงการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในดินแดนไทย แสดงให้เห็นว่าในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๙ – ๑๑ ชุมชนที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ได้เริ่มนับถือศาสนาพุทธ และสร้างศาสนสถานแล้ว โดยเมืองโบราณอู่ทองอาจเป็นศูนย์กลางสำคัญของการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในระยะแรก ที่เผยแผ่มาจากประเทศอินเดียก็เป็นได้
ที่มาข้อมูล
เชษฐ์ ติงสัญชลี. ประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. นนทบุรี : มิวเซียมเพรส, ๒๕๕๘
ผาสุข อินทราวุธ. ทวารวดี : การศึกษาเชิงวิเคราะห์จากหลักฐานทางโบราณคดี. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อักษรสมัย, ๒๕๔๒.
รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง, รู้เรื่องพระพุทธรูป. นนทบุรี : มิวเซียมเพรส, ๒๕๖๐
ศักดิ์ชัย สายสิงห์. พระพุทธรูปสำคัญและพุทธศิลป์ในดินแดนไทย. กรงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๕๔.
ชื่อผู้แต่ง สุขเกษมสโมทัย , หลวง (ซุ่ยต่ง หิรัญวรชาติ)
ชื่อเรื่อง คำสอนบุตรหลาน
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ นครหลวง
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๕
จำนวนหน้า ๖๘ หน้า
หมายเหตุ อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นางกอบกุล รัตนปราการ
คำสอนบุตรหลานของตาทวด ซึ่งได้เขียนไว้แต่ พ.ศ. ๒๔๕๔ (ร.ศ. ๑๓๐) คำสอนนี้เคยมีผู้นำออกมาพิมพ์แจกบ้างแล้วปรากฏว่ามีผิดตกอยู่ทุกครั้งไม่มากก็น้อย อาจเป็นเพราะรีบร้อนไม่ได้ตรวจทานให้ถูกต้อง ในโอกาสนี้ได้จัดให้ถ่ายพิมพ์ต้นฉบับที่ตาทวดได้เขียนไว้ด้วยตนเอง
วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๑๐.๐๐ น. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยนายพนมบุตร จันทรโชติ รองอธิบดีกรมศิลปากร นางรักชนก โคจรานนท์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง นายลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต นายชินณวุฒิ วิลยาลัย ผู้อำนวยการกองโบราณคดี และนางสาวธัชรีน สุวรรณวัฒนะ ผู้อำนวยการกลุ่มแผนงานโครงการและวิเทศสัมพันธ์ ประชุมร่วมกับนางสุจิตรา ทุไร (Ms. Suchitra Durai) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย พร้อมคณะ ในเรื่องความร่วมมือด้านวัฒนธรรมกับกรมศิลปากร เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ ๗๕ ปี วันประกาศอิสรภาพสาธารณรัฐอินเดียในปี ๒๕๖๔ และการครบรอบ ๗๕ ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับอินเดียในปี ๒๕๖๕ ณ ห้องประชุมชั้น ๘ อาคารกรมศิลปากร เทเวศร์
เรื่องพนัสนิคม. พระนคร: กรมศิลปากร, 2483. เรื่องพนัสนิคมที่พิมพ์ในเล่มนี้มี 2 ตอน คือตอนต้นชื่อว่าเรื่องพนัสนิคมเป็นข้อความที่รวบรวมมาสำหรับตรวจชำระเรียงเข้าชุดอักขรานุกรมภูมิศาสตร์ไทย ส่วนตอนที่ 2 เป็นทำเนียบนามข้าราชการเมืองพนัสนิคมสมัย ท้าวทุม ทุมมานนท์
ส่งเสริมการอ่านผ่าน Facebook กับหอสมุดแห่งชาติชลบุรี
เรื่อง อ่านใจคนได้ในเสี้ยววินาที
ไนโต, โยชิฮิโตะ. อ่านใจคนได้ในเสี้ยววินาที แปลโดย อาคิรา รัตนาภิรัต.
พิมพ์ครั้งที่ 8. กรุงเทพฯ: อมรินทร์ฮาวทู อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิช
ชิ่ง, 2562
ห้องหนังสือทั่วไป 1 เลขเรียกหนังสือ 138 น977อ
มนุษย์คือสัตว์สังคมจำเป็นต้องพบปะ พูดคุย ทำความรู้จักกับบุคคล การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก เริ่มตั้งแต่วัยเรียนที่ต้องทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมชั้น วัยทำงานต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งในแต่ละคนนั้นย่อมมีบุคลิก นิสัย และตัวตนที่ต่างกัน จึงจำเป็นต้องมีเทคนิควิธีในการรับมือและสร้างความสัมพันธ์ผ่านการอ่านบุคลิกและท่าทาง เพราะการแสดงออกทางพฤติกรรมเป็นการสื่อสารอย่างหนึ่งของมนุษย์
อ่านใจคนได้ในเสี้ยววินาที เล่มนี้ผู้เขียนพาเราไปพบกับเทคนิคการอ่านใจคนผ่านบุคลิกภาพที่บุคคลนั้นๆ แสดงออกมา เพราะ 90% ของความรู้สึกในจิตใจจะแสดงออกทางบุคลิกภาพ นิสัย และท่าทางโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว หากเราสังเกตและจับจุดได้ถูกต้องก็จะสามารถปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสม การยิ้มและหัวเราะสามารถวัดระดับความจริงใจได้ หากสังเกตให้ดีคุณจะเห็นรอยยิ้มที่จริงใจและเสแสร้งในชั่วพริบตา โดยการสังเกตที่แก้มของคู่สนทนา หากกล้ามเนื้อแก้มยกขึ้นขณะยิ้มหรือหัวเราะนั่นหมายถึงการมีส่วนร่วมและรู้สึกสนุกไปกับเรื่องราวที่ได้รับฟังเป็นรอยยิ้มจากใจ และในทางตรงกันข้ามแม้ปากและดวงตาจะยิ้มแต่กล้ามเนื้อแก้มไม่ยกตัวขึ้น ให้เดาได้เลยว่าคู่สนทนาไม่ได้มีส่วนร่วมกับการสนทนาครั้งนี้ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นบุคลิกและตัวตน คนที่สวมเสื้อผ้าเป็นระเบียบเรียบร้อยมักจะเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ค่อยวิตกกังวล และคนที่ชอบใส่เสื้อผ้าสีดำหรือมีของใช้ส่วนตัวจำพวกกระเป๋า นาฬิกา เป็นสีดำ มักมีนิสัยแข็งกร้าว เด็ดเดี่ยว จึงเป็นเหตุผลให้บางประเทศออกกฎหมายให้ผู้พิพากษาต้องมีเครื่องแบบเป็นสีดำเพื่อแสดงถึงความน่าเกรงขาม ทั้งนี้ เทคนิคการอ่านใจคนยังเป็นเครื่องมือในการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทำให้เกิดความช่างสังเกตต่อคู่สนทนาและบรรยากาศโดยรอบ ซึ่งจะส่งผลต่อการแสดงออกทางพฤติกรรมได้อย่างถูกกาลเทศะ ผู้สนใจสามารถหาอ่านได้ที่หอสมุดแห่งชาติชลบุรี (วันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 09.00 - 17.00 น.)
กระเบื้องเชิงชาย ลายดอกบัว เมืองกำแพงเพชร ...กระเบื้องเชิงชายหรือที่เรียกว่ากระเบื้องหน้าอุด คือกระเบื้องมุงหลังคาแถวล่างสุดของหลังคาแต่ละตับทำหน้าที่อุดช่องว่างที่ชายคาเพื่อกันฝน และสัตว์เข้าไปตามแนวกระเบื้อง ส่วนใหญ่ทำเป็นทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่ว หรือสามเหลี่ยมด้านเท่าพร้อมลวดลายต่างๆ เช่น ลายเทพนม ลายดอกบัว ประดับที่ชายคาสถาปัตยกรรมประเภทอาคารที่มีฐานานุศักดิ์อันสื่อถึงการแสดงฐานะของผู้ใช้อาคาร โดยสามารถแบ่งประเภทตามการใช้ประโยชน์เป็น ๒ ประเภท คือ ประเภทศาสนสถานเนื่องในศาสนาพุทธ เช่น อุโบสถ วิหาร และประเภทที่อยู่อาศัยซึ่งพบหลักฐานจากการขุดแต่งสิ่งก่อสร้างอันเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้แก่ พระมหาปราสาท พระที่นั่ง และตำหนักต่างๆ...ในคัมภีร์พระไตรปิฎก ดอกบัว ใช้สื่อถึงแผ่นดินซึ่งเป็นที่เกิดของ ปทุม (ภาษาบาลี หมายถึง ต้นไม้ต้นแรก) และใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการอุบัติตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ตัวอย่างความเกี่ยวข้องในทางพุทธศาสนา ดอกบัว ได้ถูกยกมาเทียบเคียงถึงความสามารถในการเข้าใจหลักคำสอนและธรรมะของบุคคลที่แตกต่างกัน รวมถึงการนำรูปดอกบัวมาทำเป็นภาพประกอบกับรูปเคารพของพระพุทธเจ้า เช่น ฐานที่ประทับของพระพุทธรูป เป็นส่วนประกอบของทิพยบุคคล และเป็นลวดลายประดับ อันสื่อถึงการกำเนิดอันบริสุทธิ์ (โลกแห่งธรรม) ความอุดมสมบูรณ์ และแสงสว่าง...จากการศึกษากระเบื้องเชิงชายสมัยอยุธยาประเภทลายดอกบัว ของ นายประทีป เพ็งตะโก สันนิษฐานว่า...ลวดลายประดับรูปดอกบัวปรากฏตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นตลอดจนถึงอยุธยาตอนปลาย ลักษณะสำคัญคือรูปดอกบัวที่มีก้านมารองรับมีลักษณะธรรมชาติซึ่งพบในช่วงเวลาสั้นๆ และในระยะเวลาเดียวกันนั้นก็ทำเป็นรูปดอกบัวบานที่ไม่มีก้านมารองรับอันเป็นลักษณะที่นิยมในเวลาต่อมา วิวัฒนาการของกลีบบัวแรกเริ่มมีลักษณะเรียวยาวใกล้เคียงธรรมชาติ จากนั้นคลี่คลายเป็นกลีบดอกมีขอบหยัก คาดว่าได้รับอิทธิพลมาจากลายประเภทพันธุ์พฤกษาช่วงสมัยอยุธยาตอนกลาง (ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ – ๒๒) ในเวลาต่อมากลีบบัวปรับเปลี่ยนเป็นลายกระหนก (ราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๒) จนถึงระยะสุดท้ายที่มีลายใบไม้สามแฉกเข้ามาแทนที่เค้าโครงเดิม ...การกำหนดอายุโดยวิธีการเปรียบเทียบ (Relative Dating) พบว่าลวดลายในกระเบื้องเชิงชายที่พบจากการขุดแต่งวัดพระแก้ว และวัดช้างรอบ เมืองกำแพงเพชรนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับกระเบื้องเชิงชายที่พบในโบราณสถานของเมืองพระนครศรีอยุธยา โดยอ้างอิงภาพเปรียบเทียบลายกระเบื้องเชิงชายจากการศึกษาของ นายประทีป เพ็งตะโก ดังนี้...กระเบื้องเชิงชายลายดอกบัวที่พบจากเมืองกำแพงเพชร จำนวน ๒ รูปแบบ ได้แก่๑. กระเบื้องเชิงชายลายดอกบัว (ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ – พุทธศตวรรษที่ ๒๒) ลักษณะทรงสามเหลี่ยมมีหยักที่ขอบนอก ทำเส้นนูนล้อกับทรงกระเบื้องล้อมรอบลายดอกบัวจำนวนสองเส้น ไม่ทำก้านดอก กลีบดอกคลี่คลายไม่เป็นธรรมชาติ กลีบบัวเรียวยาว ขอบกลีบเริ่มทำเป็นหยัก อาจทำเพียงบางกลีบ หรือหลายกลีบ นอกจากนี้ยังพบลักษณะคล้ายใบไม้ ๓ แฉก หรือทรงพุ่มแหลมด้านบนของดอกบัว อันเริ่มแปรเปลี่ยนจนคล้ายกับดอกบัวดอกเล็กซ้อนอยู่ข้างบน จากการขุดแต่งวัดช้างรอบพบกระเบื้องเชิงชายลายดอกบัวลักษณะคล้ายกับที่พบจากการขุดแต่งบริเวณวัดสุวรรณาวาส วัดไชยวัฒนาราม วัดขุนแสน วัดพระยาแมน และตำหนักสวนกระต่าย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา๒. กระเบื้องเชิงชายลายดอกบัว (ราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๒) ลักษณะทรงสามเหลี่ยมมีหยักที่ขอบนอก มีการทำเส้นล้อกับทรงกระเบื้องล้อมรอบลายดอกบัวจำนวนสองเส้น มีร่องรอยเม็ดปุ่มอยู่บนสันนูนระหว่างเส้นกรอบดังกล่าว ลักษณะโครงสร้างลายคล้ายมีดอกขนาดเล็กซ้อนอยู่ข้างบน กลีบบัวมีทั้งทำหยักที่ขอบคล้ายใบไม้ และมีพัฒนาการรูปแบบประดิษฐ์เป็นลายกนกทั้งหมด จากการขุดแต่งวัดพระแก้ว และวัดช้างรอบพบกระเบื้องเชิงชายลายดอกบัวลักษณะนี้คล้ายกับที่พบจากการขุดแต่งวัดสุวรรณาวาส วัดพลับพลาชัย และบริเวณตำหนักวัดมเหยงคณ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา...จากการกำหนดอายุลวดลายในกระเบื้องเชิงชายที่พบจากการขุดแต่งวัดพระแก้ว และวัดช้างรอบ เมืองกำแพงเพชร เปรียบเทียบกับผลการศึกษาลักษณะลวดลายจากหลักฐานที่พบในวัด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สอดคล้องไปในทางเดียวกันว่าหลักฐานที่พบมีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๑ – ๒๒________________________________________ เอกสารอ้างอิงคณะกรรมการดำเนินงานจัดทำศัพทานุกรมด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์. ศัพทานุกรมโบราณคดี. กรุงเทพฯ : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จำกัด, ๒๕๕๐.ประทีป เพ็งตะโก. กระเบื้องเชิงชายสมัยอยุธยา. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๐. ประทีป เพ็งตะโก. ประทีปวิทรรศน์ : รวมเรื่องโบราณคดีอยุธยา. กรุงเทพฯ : บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๖๔.วิบูลย์ ลี้สุวรรณ. พจนานุกรมศัพท์ศิลปกรรมไทย. นนทบุรี : เมืองโบราณ, ๒๕๕๙.
วันนี้ในอดีต... 27 กันยายน 2520 พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ยืนโรง ณ โรงช้างต้น วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ประวัติของคุณพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ มิพลนวมนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาสบรมกมลาสนวิศุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิ์ประสิทธิ์ร้ตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรบพิตรสารศักดิเลิศฟ้าฯ
เป็นพระยาช้างเผือกประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร เป็นช้างสำคัญในตระกูลพรหมพงศ์ จำพวกอัฏฐทิศ ชื่อ กมุท สีกายดังดอกกมุท หรือบัวสายแดง ได้รับพระราชทานนามเต็มว่า
"พระเศวตอดุลยเดชพาหน ภูมิพลนวมนาถบารมี ทุติยเศวตกรีกมุทพรรโณภาส บรมกมลาสนวิศุทธวงศ์ สรรพมงคลลักษณคเชนทรชาติ สยามราษฎรสวัสดิ์ประสิทธิ์ รัตนกุญชรนิมิตบุญญาธิการ ปรมินทรบพิตรสารศักดิเลิศฟ้า ฯ"
พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ เติบโตขึ้นโดยการดูแลขององค์การสวนสัตว์ ที่สวนสัตว์ดุสิต และมีอาการดุร้ายมากขึ้นจนควาญช้างควบคุมไม่ได้ จึงต้องจับยืนมัดขาทั้งสี่ไว้กับเสา เป็นที่เกรงกลัวของบุคคลทั่วไป
พอได้ก้าวเท้าเข้าไปในบริเวณพระราชวัง คุณพระก็เปลี่ยนไปทันที จากความดุร้ายก็กลายเป็นความสงบเสงี่ยม เดินอย่างเรียบร้อยไปสู่โรงช้างต้น และเข้าอยู่อย่างสงบเรื่อยมา
ปัจจุบัน พระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ย้ายไปยืนโรง ณ โรงช้างต้น วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ขอขอบคุณข้อมูล : wikipedia และThe Crystal Ekamai-Ramindra
#พระเศวตอดุลยเดชพาหน
#โรงข้างต้น
#สวนจิตรลดา
#กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์กรมศิลปากร
#สำนักศิลปากรที่5ปราจีนบุรี
#กรมศิลปากร
#กระทรวงวัฒนธรรม