ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,794 รายการ


"เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"พระปฐมบรมราชโองการในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครราชสีมากรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมจัดพิธีถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในพิธีถวายราชสักการะ"วันฉัตรมงคล"วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ณ ลานหน้าสำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครราชสีมาอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา


นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าฯ กรมพระยา และ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา.   สาส์นสมเด็จ (ภาคที่ 6).  พระนคร : กรมศิลปากร, 2499.                  หนังสือเรื่องสาส์นสมเด็จ ภาคที่ 6 นี้ เป็นลายพระหัตถ์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ กับสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงมีโต้ตอบกันในบั้นปลายแห่งพระชนมชีพเมื่อทรงวางจากภาระทางราชการการเมือง และทรงพักผ่อนอย่างเงียบ ๆ พระปรีชาสามารถของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอทั้งสองพระองค์นี้ เป็นที่รู้กันอยู่ทั่วไปในหมู่นักศึกษา โบราณคดี ศิลปและวรรณคดี และการปกครอง สาส์นสมเด็จนี้มีอยู่มากมายด้วยกัน ภาคนี้เป็น ภาคที่ 6



การปฏิบัติงานภาคสนามโครงการสำรวจรังวัดและปักหลักเขตที่ดินโบราณสถานของสำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครราชสีมา ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ณ เมืองโบราณบ้านแกใหญ่ ตำบลแกใหญ่ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์โดยนายประพันธ์ เนื่องมัจฉา นายช่างสำรวจชำนาญงาน และคณะ 


ชื่อเรื่อง : บุณโณวาทคำฉันท์และสุภาษิตอิศรญาณ ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2502 สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม จำนวนหน้า : 92 หน้า สาระสังเขป : เรื่องบุณโณวาทคำฉันท์ พระมหานาค วัดท่าทรายแต่งขึ้นในสมัยรัชกาลพระเจ้าบรมโกศ แต่งโดยกระบวนฉันท์ มีเนื้อหาพรรณาว่าด้วยลักษณะการสมโภชพระพุทธบาทตามราชประเพณีสมัยกรุงศรีอยุธยา และสุภาษิตอิศรญาณ เป็นพระนิพนธ์ของหม่อมเจ้าอิศรญาณ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เขียนเป็นคำประพันธ์ประเภทเพลงยาวจึงมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เพลงยาวเจ้าอิศรญาณ เป็นคำสั่งสอนแบบเตือนสติ สอนเรื่องการวางตัวในสังคม ให้คิดก่อนพูด ไม่สบประมาทดูแคลนผู้อื่น เคารพผู้อาวุโส รู้จักกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ และไม่หลงไหลในคำยกยอ


DIRECT METHOD READER


องค์ความรู้ เรื่อง เล่าเรื่องประติมานวิทยา : อาลีฒาสนะม ปรัตยาลีฒาสนะ / เรียบเรียงข้อมูลโดย นางสาวเด่นดาว ศิลปานนท์ ภัณฑารักษ์เชี่ยวชาญ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ


          เงินรูปีอินเดียเป็นเงินตราที่อังกฤษนำเข้ามาใช้ซื้อขายสินค้าในล้านนา โดยเข้ามากับการค้าไม้สักและการเปิดเสรีการค้าชายแดนล้านนากับพม่า ส่งผลให้เงินรูปีกลายเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจล้านนา           หลังจากที่อังกฤษเข้ามาปกครองอินเดียได้ตั้งโรงกษาปณ์ขึ้นที่เมืองมัทราส (Madras) เมื่อปีพ.ศ. ๒๑๘๓ เพื่อผลิตเหรียญกษาปณ์ขึ้นในในดินแดนอาณานิคม ต่อมาในปีพ.ศ.๒๓๓๓ ได้ตั้งโรงกษาปณ์ขึ้นอีกที่เมืองกัลกัตตา (Calculta) โดยนำเครื่องผลิตเหรียญเงินแบบยุโรปเข้าไปใช้ และใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายแลกเปลี่ยนเรื่อยมา ต่อมาเมื่ออังกฤษเข้ามามีอิทธิพลในพม่าและได้พม่าเป็นอาณานิคม อังกฤษได้นำเงินรูปีอินเดียเข้ามาใช้ในระบบเศรษฐกิจของพม่า ด้วยเหตุที่เหรียญเงินรูปีมีขนาด น้ำหนักและรูปร่างที่ได้มาตรฐานอีกทั้งมีปริมาณเหรียญจำนวนมาก จึงเป็นที่นิยมใช้โดยทั่วไป           หลังจากที่รัฐบาลสยามทำสนธิสัญญาเบาว์ริ่งกับอังกฤษในปีพ.ศ.๒๓๙๓ ได้มีการตกลงเรื่องการใช้เงินตราในการแลกเปลี่ยนสินค้าโดยอนุญาตให้ใช้เงินรูปีอินเดีย เงินแท่ง เงินบาทเป็นสื่อกลางในการค้าขายระหว่างพ่อค้าอังกฤษและคนในบังคับอังกฤษกับพ่อค้าในล้านนา ส่งผลให้เงินรูปีอินเดียแพร่สะพัดในล้านนามากขึ้น และส่งผลให้คนในบังคับอังกฤษทั้งพ่อค้าชาวพม่า ชาวไทยใหญ่ ชาวอินเดียเดินทางเข้ามาค้าขายในล้านนามากยิ่งขึ้น           เงินรูปีอินเดียเรียกกันโดยทั่วไปในล้านนาว่า “เงินแถบ” โดยเงินแถบชนิดแรกที่เข้ามาแพร่หลายในล้านนาเป็นเหรียญรูปพระนางเจ้าวิคตอเรียสวมมงกุฎ ต่อมาเป็นเหรียญรูปกษัตริย์เอ็ดเวิร์ด ในขณะที่เงินรูปีอินเดียถูกนำเข้ามาใช้ในล้านนาเป็นจำนวนมาก รัฐบาลสยามได้พยายามนำเงินบาทเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจล้านนาตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๔๑ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากในช่วงเวลานั้น สยามยังประสบปัญหาการผลิตเงินปลีกได้ในปริมาณที่ไม่มากพอกับความต้องการ ประกอบกับความไม่สะดวกในการขนส่ง แต่หลังจากที่มีการสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่แล้ว ระบบเศรษฐกิจทางภาคเหนือขยายตัวอย่างรวดเร็วมีการเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจส่วนกลางของไทยมากขึ้นเงินรูปีจึงค่อยๆ ลดบทบาทลง ต่อมาเมื่อไทยสามารถผลิตเหรียญกษาปณ์ได้ในปริมาณมากขึ้นประกอบกับค่าเงินรูปีลดต่ำลง เงินบาทจึงสามารถเข้ามาแทนที่และถูกใช้หมุนเวียนได้มากขึ้น           นอกจากเงินรูปีอินเดียแล้วเหรียญกษาปณ์อีกชนิดที่พบว่ามีการนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายในล้านนาอยู่บ้างคือเหรียญอินโดจีนของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเหรียญที่ฝรั่งเศสผลิตขึ้นเพื่อใช้ในประเทศแถบอินโดจีนที่เป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ---------------------------------------------------- ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ---------------------------------------------------- เอกสารอ้างอิง เงินตราล้านนา : นวรัตน์ เลขะกุล/ธนาคารแห่งประเทศไทย นพบุรีการพิมพ์ เชียงใหม่, ๒๕๕๕ เงินตราล้านนาและผ้าไท : ธนาคารแห่งประเทศไทย อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๔๓ เงินรูปีอินเดียในประวัติศาสตร์ล้านนา : อภิรัฐ คำวัง วารสารสังคมศาสตร์ ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑ (ม.ค.-มิ.ย.๒๕๕๖) เบี้ย บาท กษาปณ์ แบงค์ : นวรัตน์ เลขะกุล สนพ.สารคดี, ๒๕๔๗


          แหล่งโบราณคดีถ้ำเขาหลังโรงเรียนบ้านทับปริก ตั้งอยู่ที่ บ้านทับปริก หมู่ ๕ ตำบลทับปริก อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ ถูกค้นพบจากการสำรวจโดยความร่วมมือระหว่างคณะสำรวจไทย - อเมริกัน ในช่วงปีพ.ศ. ๒๕๑๗-๒๕๒๒ นำโดย ผศ.ดร. พรชัย สุจิตต์ จากภาควิชามานุษยวิทยา คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรในขณะนั้น ศาสตราจารย์ ดักลาส แอนเดอร์สัน และศาสตราจารย์ วรรณี วิบูลย์สวัสดิ์ แอนเดอร์สัน จากภาควิชามานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยบราวน์ ประเทศสหรัฐอเมริกา           ได้มีการขุดค้นทางโบราณคดี ที่แหล่งโบราณคดีแห่งนี้ในปีพ.ศ. ๒๕๒๖, ๒๕๒๘ และ ๒๕๓๓ ผลจากการตรวจสอบค่าอายุของโบราณวัตถุในแหล่งโบราณคดีนี้ปรากฎว่ามีการใช้พื้นที่ตั้งแต่ ๔๓,๐๐๐ ปีมาแล้ว ต่อเนื่องมาจนถึง ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว โดยสามารถแบ่งหลักฐานออกได้ ๓ กลุ่ม             สมัยไพลสโตซีนตอนปลาย ๔๓,๐๐๐-๒๗,๐๐๐ ปีมาแล้ว หลักฐานที่พบคือ กองไฟ เครื่องมือแกนหิน เครื่องมือสะเก็ดหิน เครื่องมือกระดูกสัตว์           สมัยโฮโลซีนตอนต้น  ๙,๖๐๐ - ๗๕๐๐ ปีมาแล้ว หลักฐานที่พบคือ เครื่องมือหินกะเทาะหน้าเดียวและสองหน้า เครื่องมือสะเก็ดหิน กระดูกสัตว์และเปลือกหอย           สมัยโฮโลซีนตอนปลาย ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว หลักฐานที่พบคือ โครงกระดูกฝังร่วมกับขวานหินขัด เศษภาชนะดินเผาแบบมีเชิง


องค์ความรู้ เรื่อง จารึกภาษามอญโบราณ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย จัดทำข้อมูล : นางสาวนัยนา มั่นปาน ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย



          ความหมายของคำว่า "อับเฉา" สามารถจำแนกได้ 3 ความหมาย ความหมายที่ 1 หมายถึง ไม่สดชื่น ไม่เบิกบาน ความหมายที่ 2 หมายถึง ของถ่วงเรือสำเภาเพื่อกันเรือโคลงซึ่งอาจเป็นหินและทราย หรือสิ่งของอื่น ๆ ที่มีน้ำหนักมาก เป็นคำที่ยืมมาจากภาษาจีนแต้จิ๋วว่า เอี๊ยบชึง แปลว่าของหนักที่ใช้ถ่วงใต้ท้องเรือเดินทะเล ความหมายที่ 3 หมายถึงจะใช้ระบบของน้ำอับเฉา (Ships’ Ballast Water) เพื่อปรับจุดศูนย์ถ่วงให้เรือสามารถทรงตัวได้ดี           อับเฉา ยังเป็นชื่อเรียกกลุ่มประติมากรรมหินศิลปะจีนที่พบได้ทั่วไปตามวัดวาอารามและสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร เนื่องด้วยช่วงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น (รัชกาลที่ 1 -รัชกาลที่ 3) สยามได้ทำการค้ากับจีน มีการบรรทุกสินค้า ที่มีน้ำหนักมาก เช่น เหล็ก ดีบุก ตะกั่ว ไม้ งาช้าง หนังสัตว์ และข้าว ไปขายยังจีน เมื่อขนถ่ายสินค้าออกจากเรือแล้ว ได้ซื้อสินค้าจากจีนกลับมา ซึ่งส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักเบา เมื่อเดินทางออกทะเลทำให้เรือโคลง จึงได้ซื้อประติมากรรมศิลา ซึ่งแกะสลักเป็นรูปต่างๆ เช่น เทพ ทวารบาล คน และสัตว์ เพื่อใช้ถ่วงน้ำหนักเรือไม่ให้เรือโคลงเมื่อออกทะเล และเมื่อนำกลับมาสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการประดับตกแต่งสถานที่ หรืออาคารต่างๆ ให้สวยงามได้-------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล :พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพาณิชย์นาวี จันทบุรี ------------------------------------------------อ้างอิง 1.ประติมากรรมศิลาจีนกับความนิยมศิลาในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ในสรรพศาสตร์ประวัติศาสตร์ศิลป์ เอกสารประกอบโครงการประชุมวิชาการด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ เนื่องในโอกาสครอบรอบ 40 ปี ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร 2557 2.เปรมวดี วิเชียรสรรค์.อับเฉา:ประติมากรรมเครื่องศิลาของจีนที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม.2527 3.กรมศิลปากร.โบราณคดีสีคราม.โครงการโบราณคดีใต้น้ำ งานโบราณคดีใต้น้ำ ฝ่ายวิชาการ กองโบราณคดี กรมศิลปากร ,2531 4.ไขแสง สุขะวัฒนะ.ประวัติศาสตร์ไทย ภาค 2 สวนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1-รัชกาลที่ 3,คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.2522 5.พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2544




black ribbon.