ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,825 รายการ
ชื่อเรื่อง เทวทูตสุตฺต (เทวทูตสูตร)
สพ.บ. 436/2ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 46 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 40 ซม.หัวเรื่อง พระสูตร
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ทองทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
พระเจดีย์จุฬามณี
ลักษณะ : เจดีย์ทรงเครื่องตั้งอยู่บนฐานไพทีแปดเหลี่ยมมีพนักราวลูกกรงล้อมรอบประดับเสาเม็ด เว้นช่องเปิด 4 ด้าน ส่วนฐานรองรับองค์ระฆังเป็นฐานหน้ากระดาน และฐานสิงห์ย่อมุมไม้สิบสอง ต่อด้วยชั้นเชิงบาตร และฐานบัวคลุ่มรองรับองค์ระฆัง ประดับด้วยทับทรวงและสังวาล ถัดขึ้นไปเป็นบัลลังก์ ก้านฉัตร บัวฝาละมี บัวคลุ่มเถา ปลียอดและลูกแก้ว เจดีย์ถอดประกอบได้ 3 ส่วน คือ ส่วนฐานไพที องค์ระฆัง และส่วนก้านฉัตร ฐานหน้ากระดานด้านหนึ่งลงรักปิดทองเป็นแผ่นหนา สำหรับจารอักษรไทย ภาษาไทยระบุปีที่สร้าง วัตถุประสงค์การสร้าง แต่ชำรุดแตกกะเทาะ ใจความสำคัญหายไป แต่สามารถกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปกรรมได้ว่าเป็นงานช่างในช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 ที่สืบทอดมาจากสมัยอยุธยาตอนปลาย มีการพัฒนาทั้งรูปแบบและลวดลายตกแต่งให้งดงามวิจิตรยิ่งขึ้น
คติการบูชาพระเจดีย์จุฬามณีมีมาช้านานแล้ว ด้วยเชื่อว่าเป็นสถานที่บรรจุพระเกศโมลีและพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวพุทธล้วนปรารถนาจะได้ขึ้นไปสักการะบูชาพระเจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ดังนั้น ผู้มีกำลังทรัพย์จึงนิยมสร้างเจดีย์จำลองอุทิศถวายเป็นพุทธบูชาแทนเจดีย์จุฬามณี ถือว่าเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ ส่วนผู้มีกำลังทรัพย์น้อย หากปรารถนาจะได้สักการะพระเจดีย์จุฬามณี ให้ตั้งจิตอธิษฐานก่อนสิ้นลม ญาติจะแต่งกรวยดอกไม้ธูปเทียนใส่ในมือผู้ตายไว้ เพื่อนำไปนมัสการพระเจดีย์จุฬามณีเมื่อล่วงลับไปแล้ว
ขนาด : กว้าง 44.5 เซนติเมตร ยาว 47 เซนติเมตร สูงรวมฐาน 94 เซนติเมตร
ชนิด : โลหะผสม ลงรักปิดทอง
อายุ/สมัย : รัตนโกสินทร์พุทธศตวรรษที่ 24 (ประมาณ 200 - 220 ปีมาแล้ว)
ประวัติ/ตำนาน : คุณทิพย์สุดา ลัดพลี และนางสาวพลิพร ลัดพลี ทายาทของศาสตราจารย์ธรรมนูญ ลัดพลี มอบให้กรมศิลปากร เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2553
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=53057
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
ชื่อเรื่อง : หนังสือค่าวซอเรื่องธัมม์พุทธเสนะกะ ผู้แต่ง : บุญลือ ประทุมรัตน์ปีที่พิมพ์ : ๒๔๘๑สถานที่พิมพ์ : เชียงใหม่ สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์เจริญเมืองจำนวนหน้า : ๒๑๐ หน้าเนื้อหา : หนังสือเล่มนี้ชื่อ พุทธเสนะกะ พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์อักษร ที่โรงพิมพ์เจริญเมือง ถนนเจริญเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑ นายบุญลือ ประทุมรัตน์ ผู้แต่ง อักษรล้านนา ภาษาล้านนา พุทธเสนะกะเล่มนี้ มี ๑๕ บท เนื้อเรื่องโดยย่อว่า “เศรษฐีคนหนึ่งเป็นคนตระหนี่มาก เขามี ลูกสาว ๑๒ คน เขาคิดว่าลูกทั้ง ๑๒ คนนำมาซึ่งความยากจนจึงนำไปปล่อยไว้ในป่า นางยักษ์ผ่านมาเห็นจึงได้พาไปอยู่ด้วยและก็ได้ให้เด็กหญิงทั้ง ๑๒ คนช่วยเหลือทำงานต่าง ๆ เวลาผ่านไปเด็กโตขึ้นทราบว่าคนที่รับเลี้ยงดูเป็นยักษ์จึงได้พากันหนี เร่ร่อนไปจนไปพบเสนาอำมาตย์ซึ่งกำลังตามสตรีผู้มีบุญไปเป็นมเหสีของพระราชา นางยักษ์แปลงร่างเป็นสตรีรูปงามและกลายเป็นมเหสีเอก นาง ๑๒ เป็นสนม นางยักษ์ออกอุบายควักลูกตานาง ๑๒ และขังไว้ที่ถ้ำ นาง ๑๒ ได้ให้กำเนิดลูก คนที่ ๑-๑๑ ถูกนางยักษ์กิน เหลือคนสุดท้ายคือ พุทธเสนะกะ ลูกของน้องคนสุดท้อง พุทธเสนกะเล่นสกากับพระบิดาเป็นที่โปรดปราน นางยักษ์ออกอุบายให้พุทธเสนกะไปเมืองยักษ์เพื่อจะให้ลูกเลี้ยงจับกิน แต่พระฤาษีแผลงสารให้แต่งงานกัน พุทธเสนกะขโมยของวิเศษและตาของป้าและแม่ ลูกสาวยักษ์อกแตกตาย พุทธเสนะกะฆ่ายักษ์ และช่วยป้ากับแม่เรียบร้อยแล้วจึงกลับไปหาภรรยา แต่พบว่านางได้ตายเสียแล้วจึงตรอมใจตายตาม ตัวอย่างข้อความ
คำปรารภ
ท่านนักอ่านทั้งหลาย หนังสือซึ่งท่านถืออยู่ในมือของท่านเดี๋ยวนี้ เป็นหนังสือที่ได้แต่งขึ้นมาใหม่ๆ อีก เรื่องหนึ่ง การที่โรงพิมพ์พยายามนักหนาเอาคัมภีร์ที่เป็นแก่นของพระธรรมมาแต่งเป็นกลอนซอนี้ ก็เพราะอยากหื้อท่านผู้ที่สดับพระธรรมได้สดับในเวลาว่าง เมื่อตนบ่มีโอกาสได้สดับในวิหาร เพราะเหตุว่าคนเราย่อมมีอาชีพแตกต่างหัน หาเวลาว่างได้ยากนัก เมื่อมีติดตัวนำไปสู่ที่ใดแล้วต้องการฟังเมื่อใดก็ได้ แต่หื้อถือเสียเป็นดั่งได้สดับพระธรรมอันนี้เรื่องนี้
เรื่องพุทธเสนะกะนี้ เป็นพระธรรมที่หายากอยู่เล่มหนึ่งเหมือนกัน แต่ก็บ่หนีจากการค้นคว้าได้ จิ่งได้ถูกน้ำเอามาแปลแลแต่งเป็นกลอนคร่าวซอขึ้น การที่ได้นำมาตกแต่งหื้อมีสำนวนโวหารอันไพเราะเช่นนี้ขึ้นแล้วก็กระทำหื้อพระธรรมมีน้ำหนักขึ้นอีก ซึ่งกระทำหื้อเกิดความเลื่อมใสต่อพระธรรมมากขึ้นไป ก็เท่าเป็นการเผยแผ่พระศาสนาไปอีกเหมือนกัน ท่านที่สนใจในเรื่องพระธรรมควรหามาไว้อ่านเพื่อประดับความรู้ในส่วนวิณญานของท่านหื้อเจริญมากขึ้นไป การอ่านมากเท่าใดก็ยิ่งนำความรู้มาสู่ตัวท่านมากขึ้นทุกที
นายเมืองใจ ไชยนิลพันธ์
๕๑ วังสิงห์คำ อำเภอเมือง เชียงใหม่
๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๑
เลขทะเบียนหนังสือหายาก : ๖๑๘ เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ : E-book_๒๕๖๗_๐๐๒๗หมายเหตุ : โครงการจัดเก็บและอนุรักษ์หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ สื่อโสตทัศนวัสดุ และเอกสารโบราณ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
ชื่อเรื่อง : เบ็ญจภาคี
หัวเรื่อง : พระเครื่อง
คำค้น : พระเครื่อง
รายละเอียด : อนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพนางศิริ ดิษยทัต ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยาราม วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พุทธศักราช 2516
ผู้แต่ง : ไพบูลย์ ดิษยทัต
แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
หน่วยงานที่รับผิดชอบ : โรงพิมพ์เอเชีย
ปีที่พิมพ์ : 2516
วันที่เผยแพร่ : 29 มกราคม 2568
ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : -
ลิขสิทธิ์ : -
รูปแบบ : PDF
ภาษา : ภาษาไทย
ประเภททรัพยากร : หนังสืออนุสรณ์งานศพ
ตัวบ่งชี้ : -
รายละเอียดเนื้อหา : เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับพระเครื่อง ในชุดเบ็ญจภาคี ซึ่งมีรายละเอียดครบถ้วน
เลขทะเบียน : น. 32 บ. 2958 จบ.
เลขหมู่ : 294.312 พ978พศ
ชื่อผู้แต่ง หอสมุดแห่งชาติ
ชื่อเรื่อง จารึกในประเทศไทย เล่ม 1 อักษรปัลลวะ หลังปัลลวะ พุทธศตวรรษที่ 12-14
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ 1
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพมหานคร
สำนักพิมพ์ ภาพพิมพ์
ปีที่พิมพ์ 2529
จำนวนหน้า 311 หน้า : ภาพประกอบ
ISBN 974-7920-74-3
เลขเรียกหนังสือ 417 ศ587จ ล.1
เลขทะเบียนหนังสือ 012595
หมายเหตุ -
จารึกในประเทศไทย เล่ม 1 อักษรปัลลวะ หลังปัลลวะ พุทธศตวรรษที่ 12-14 มีเนื้อหาสาระในทางวิชาการอันสำคัญเป็นหลักฐานทางเอกสารในรูปลายลักษณ์อักษรซึ่งบ่งบอกถึงเรื่องราวของบรรพชนเป็นกระจกเงาที่ส่องสะท้อนให้เห็นอารยธรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตนับพันปีล่วงมา จารึกเป็นหลักฐานที่สามารถนำไปใช้ประกอบในวิชการด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ ศาสนา ศิลปกรรม อารยธรรมและวัฒนธรรมของไทยในยุคสมัยต่าง ๆ จึงเป็นมรดกวัฒนธรรมที่ควรอนุรักษ์และเผยแพร่ให้กว้างขวาง
ชื่อผู้แต่ง -
ชื่อเรื่อง ศตวรรษ ๒๐ ฉบับพิเศษ (ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๙ ,๒๒ ตุลาคม ๒๕๑๗)
พิมพ์ครั้งที่ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ฟาร์อีสต์เพรสส์
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๗
จำนวนหน้า ๖๔ หน้า
รายละเอียด
ศตวรรษ ๒๐ ฉบับพิเศษ ฉบับนี้ มีบทความพิเศษ รายงานข่าวด่วนพิเศษเนื่องในวันพระราชพิธีเพลิงศพวีรชน วันที่ ๑๔ ตุลาคม ณ ท้องพระสุเมรุ สนามหลวง บทความเกี่ยวกับวิกฤติการณ์น้ำมัน “สงครามน้ำมัน เมื่อไหร่?” และ “สนามหลวง-โฉมหน้าที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย”
รายงานผลการตรวจสอบโบราณสถานปราสาทโคกกระซ้กบ้านขมิ้น หมู่ที่ ๑ ตำบลเป็นสุข อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ จัดทำโดยกลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมากรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมพ.ศ. ๒๕๖๗
เนื่องในวันพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๓๐ พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ เพื่อน้อมรำลึกถึง
พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี ขอนำเสนอความรู้เรื่อง โรงพยาบาลพระปกเกล้า : พระบรมราชานุสรณ์รัชกาลที่ ๗ เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย
โรงพยาบาลพระปกเกล้า เดิมมีชื่อว่า “โรงพยาบาลจันทบุรี” โดยเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๐ หลวงนรินทร์ประสาทเวช (เจน สุนทโรทัย) อดีตสาธารณสุขมณฑลจันทบุรี ขณะที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดจันทบุรีอยู่นั้น ได้เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการจัดสร้างโรงพยาบาลขึ้นในจังหวัดจันทบุรี โดยคณะกรรมการจังหวัดจันทบุรีได้เลือกเอาพื้นที่ท้ายเนินปลัด (เนินป่าโรงไห) ริมถนนเลียบเนินตรงข้ามกับทุ่งนาเชยเป็นที่ก่อสร้างโรงพยาบาล ซึ่งได้รับบริจาคที่ดินจากราษฎร จำนวน ๗๗ ไร่ ๑ งาน ๘ ตารางวา การก่อสร้างโรงพยาบาลได้เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๑ และแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๒ เป็นโรงพยาบาลขนาด ๕๐ เตียง เปิดให้บริการในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๓ โดยให้ชื่อว่า “โรงพยาบาลจันทบุรี” มีนายแพทย์เลิศ สมบูรณ์ยิ่ง เป็นผู้อำนวยการคนแรกของโรงพยาบาล
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ ได้เสด็จมาประทับ ณ สวนบ้านแก้ว จังหวัดจันทบุรี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๓ และครั้งหนึ่งพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมา
ที่โรงพยาบาลจันทบุรี เพื่อทำแผลที่เกิดจากการถูกของมีคมบาด ภาพที่ปรากฏต่อสายพระเนตร คือภาพโรงพยาบาลเล็กๆ โทรมๆ เป็นที่สะท้อนพระราชหฤทัยยิ่งนัก พระองค์ทรงตระหนักพระราชหฤทัยด้วยกุศลจิตว่า อาคารต่างๆ ของโรงพยาบาลที่มีอยู่แล้วยังน้อยเกินไป ไม่เป็น การเพียงพอแก่การรักษาพยาบาล และเป็นการสมควรที่จะสร้างอาคารและจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ในการรักษาพยาบาลเพิ่มให้มากขึ้น จึงทรงดำริว่า ตึกผ่าตัดอันทันสมัยเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะสร้างขึ้นก่อน เพื่อจะเป็นการช่วยชีวิตประชาชนผู้เจ็บป่วย และผู้ต้องประสบอุปัทวันตราย ซึ่งจะต้องได้รับการรักษาพยาบาลทางผ่าตัดอย่างทันท่วงที
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ได้ทรงพยายามจัดหาทุนทรัพย์สำหรับใช้ในการก่อสร้าง โดยพระราชทานเงินส่วนพระองค์เป็นทุนส่วนใหญ่ไว้ และได้ทรงจัดให้มีการแสดงละครขึ้นที่จังหวัดพระนครเพื่อหารายได้มาสมทบทุนในการสร้างตึกผ่าตัดหลังนี้ โดยการก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๙ นับว่าเป็นตึกผ่าตัดที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น และสมเด็จฯ ได้ทรงพระราชทานนามตึกนี้ว่า “ตึกประชาธิปก” อันเป็นพระนามเดิมของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์และอุทิศส่วนพระราชกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ในขณะเดียวกันได้มีการปรับปรุงและขยายโรงพยาบาลประจำจังหวัดจันทบุรีให้ใหญ่ขึ้น จากเดิมที่เป็นเพียงโรงพยาบาลขนาด ๕๐ เตียง ได้ขยายให้เป็นโรงพยาบาลขนาด ๑๕๐ เตียง พร้อมด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย และต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้เปลี่ยนชื่อจาก “โรงพยาบาลจันทบุรี” เป็น “โรงพยาบาลพระปกเกล้า” เพื่อน้อมเกล้าถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์แด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
โรงพยาบาลพระปกเกล้ามีพัฒนาการความก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ มีศักยภาพสูงสามารถรองรับการให้บริการทางสาธารณสุขแก่ประชาชนครอบคลุมทั้งในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและในพื้นที่ภาคตะวันออก ปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลศูนย์ ขนาด ๗๕๕ เตียง มีบทบาทหน้าที่ให้บริการตามภารกิจกระทรวงสาธารณสุข โดยให้บริการแบบผสมผสาน (Integrated Service) ในด้านการส่งเสริมสุขภาพการป้องกันโรค การรักษาพยาบาล การฟื้นฟูสภาพ และเป็นศูนย์การรักษาเฉพาะโรคที่ต้องใช้ทรัพยากรระดับสูง (Excellent Center) ให้บริการทางการแพทย์ครบทุกสาขาวิชา เป็นสถานบริการที่จะรับการส่ง-ต่อผู้ป่วยเพื่อตรวจวินิจฉัยหรือรักษาพยาบาล เป็นศูนย์ความเชี่ยวชาญระดับสูง ๕ ด้าน ได้แก่ ด้านอุบัติเหตุฉุกเฉิน ด้านโรคมะเร็ง ด้านโรคหัวใจ ด้านทารกแรกเกิด และด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ นอกจากนี้ยังเป็นเป็นสถาบันร่วมผลิตแพทย์โดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอีกด้วย
โรงพยาบาลพระปกเกล้า พระบรมราชานุสรณ์แห่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ แห่งนี้ นับว่าเป็นอนุสรณ์แห่งพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีได้ทรงมีแก่ชาวจันทบุรีและประชาชนตลอดมาตราบจนปัจจุบัน
เรียบเรียงโดย นางสาวปริศนา ตุ้มชัยพร บรรณารักษ์ชำนาญการ
หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี กรมศิลปากร
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
๗๒ ปี โรงพยาบาลพระปกเกล้า. กรุงเทพฯ: จามจุรีโปรดักส์, ๒๕๕๕.
แผนยุทธศาสตร์โรงพยาบาลพระปกเกล้า ปี ๒๕๖๒ - ๒๕๖๕. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘, จาก https://www.ppkhosp.go.th
ศิบดี นพประเสริฐ. โรงพยาบาลพระปกเกล้า. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๘, จาก https://wiki.kpi.ac.th/index. php?title=โรงพยาบาลพระปกเกล้า
เลขทะเบียน : นพ.บ.716/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 38 หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 226 (303-316) ผูก 2 (2568)หัวเรื่อง : พระธรรมสามไตร--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม