ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 41,347 รายการ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง ขอเสนอองค์ความรู้เนื่องในวันพิพิธภัณฑ์สากล ๑๘ พฤษภาคม โดยนางสาวภัสอาภา ธีรวุฒิชูวงศ์ ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ พิพิธภัณสถานแห่งชาติ บ้านเชียง
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ผลงาน Application AR Smart Heritage ของกรมศิลปากร ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านสื่อและการสื่อสาร ประเภทผลงานนวัตกรรมสื่อและการสื่อสาร ประจำปี 2566 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เนื่องในวันนวัตกรรมแห่งชาติ 5 ตุลาคม 2566
AR Smart heritage เป็นแอพพลิเคชั่นที่สามารถใช้ได้กับโทรศัพท์ Smart Phone และ Tablet บนระบบ Android และ iOS ซึ่งกรมศิลปากร โดยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรมได้พัฒนาขึ้น เพื่อสร้างการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยวโบราณสถานผ่านสื่อเทคโนโลยีระบบ AR หรือ Augmented Reality ภายใต้แนวความคิดเรื่องการย้อนรอยความรุ่งเรืองในอดีต สู่ความภาคภูมิใจในปัจจุบัน โดยนำรูปแบบสันนิษฐานโบราณสถานมาผสานเข้ากับโบราณสถานในสถานที่จริง เพื่อให้ผู้เข้าชมได้จินตนาการถึงความรุ่งเรือง ความงดงามของสถาปัตยกรรมไทยและความยิ่งใหญ่แห่งมรดกโลกของไทย ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร และอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยมีรูปแบบสันนิษฐานโบราณสถาน รวมทั้งสิ้น 36 แห่ง ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับการชมโบราณสถานในรูปแบบใหม่ได้อย่างเต็มอิ่มและมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย สะดวก ส่งเสริมเพิ่มมูลค่าและคุณค่า ให้แก่แหล่งโบราณสถาน กระตุ้นให้นักท่องเที่ยว ผู้เข้าชมโบราณสถานเรียนรู้ศึกษาเพิ่มเติม เข้าใจในรูปแบบของ โบราณสถานและสถาปัตยกรรมไทยมากยิ่งขึ้น
รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นรางวัลทรงเกียรติสูงสุดในแวดวงนวัตกรรมของประเทศไทย เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณและเชิดชูเกียรติแก่คนไทยที่ริเริ่มสร้างสรรค์ผลงานที่มีความเป็นนวัตกรรม มีความโดดเด่นและเกิดคุณค่าที่ชัดเจนต่อประเทศชาติ ในหลากหลายด้านซึ่งจะสร้างให้เกิดความตื่นตัวด้านนวัตกรรมขึ้นในทุกภาคส่วนของสังคมไทย เกิดความภาคภูมิใจในศักยภาพนวัตกรรมจากฝีมือคนไทย และสร้างภาพลักษณ์สู่การเป็นประเทศแห่งนวัตกรรมผ่านการสื่อสารให้เกิดการรับรู้ผลงานนวัตกรรมของประเทศไทยในวงกว้าง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ชื่อเรื่อง วิถีชุมชนคนบางขันหมากผู้แต่ง -ประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN -หมวดหมู่ ประเพณี ขนบธรรมเนียม คติชนวิทยาเลขหมู่ 390.0959 ร425วสถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ บริษัท พี.เอ. ลีฟวิ่ง จำกัดปีที่พิมพ์ 2551ลักษณะวัสดุ 116 หน้า : มีภาพประกอบ ; 21 ซม.หัวเรื่อง มอญ -- การละเล่นพื้นบ้าน มอญ -- รวมเรื่อง มอญ -- การละเล่นพื้นบ้านภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก “วิถีชุมชนคนบางขันหมาก” เป็นผลงานลำดับที่สามของสาขาภาษาไทย นำเสนอในรูปแบบของสารคดีเชิงวิชาการ เผยแพร่ความเป็นมาและภูมปัญญาของท้องถิ่น
กรมศิลปากร โดย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐเม็กซิโกประจำประเทศไทย ขอเชิญชมนิทรรศการ Buscando México ค้นพบเม็กซิโก โดย ดิเอโก โรดาร์เต (Diego Rodarte) ศิลปินชาวเม็กซิกัน ระหว่างวันที่ 4 – 26 พฤศจิกายน 2566 ณ อาคาร 6 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า กรุงเทพฯ
นิทรรศการ Buscando México จัดแสดงผลงานของ ดิเอโก โรดาร์เต ได้แก่ ภาพเขียนสีน้ำมันบนผ้าใบขนาดเล็กจำนวน 32 ภาพ ที่แสดงถึงสถานที่และสัญลักษณ์ของทั้ง 32 รัฐและภูมิภาคต่างๆ ในประเทศเม็กซิโก รวมถึงภาพเขียนสีน้ำมันบนผ้าใบขนาดใหญ่ จำนวน 3 ภาพ และผลงานศิลปะอื่นๆ อีกจำนวน 6 ชิ้น ซึ่งซานติอาโก เอสปิโนซา เด โลส โมนเตโรส (Santiago Espinosa de los Monteros) นักวิจารณ์ชื่อดังชาวเม็กซิโก ได้กล่าวถึงนิทรรศการไว้ว่า “หัวใจสำคัญของนิทรรศการ Buscando México นี้คือ การพิสูจน์ให้เห็นถึงภาพทิวทัศน์อันงดงามจากหลากหลายสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในประเทศเม็กซิโก ได้แก่ ชายหาด ภูเขา แหล่งโบราณคดี ตลอดจนจัตุรัสประจำเมืองใหญ่ต่างๆ Buscando México คือ มิติภายในของประเทศเม็กซิโกที่ถูกมองผ่านมุมมองภายนอกของประเทศ ภูมิศาสตร์ และสิ่งที่อาศัยอยู่ในขอบเขตอันผิวเผินของผืนแผ่นดินของประเทศเม็กซิโก
ดิเอโก โรดาร์เต สั่งสมประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี ได้นำเสนอนิทรรศการเดี่ยว 14 นิทรรศการทั้งภายในประเทศเม็กซิโก และนอกประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส โปแลนด์ และเวียดนาม นอกจากนี้ยังจัดนิทรรศการร่วมอีก 14 นิทรรศการ ผลงานของเขาได้ถูกนำเสนอในนิทรรศการระดับสากลต่างๆ เช่น Zona Maco Art Week (กรุงเม็กซิโกซิตี, 2021) และ Art Miami International Fair (2021)
ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ Buscando México ค้นพบเม็กซิโก ได้ตั้งแต่วันที่ 4 – 26 พฤศจิกายน 2566 วันพุธ – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 – 16.00 น. (ปิดวันจันทร์ – วันอังคาร) ณ อาคาร 6 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ค่าเข้าชม ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท
------------------------------------------------
The Embassy of Mexico in the Kingdom of Thailand and the National Gallery of Thailand have the honour to present the exhibition Buscando México by the Mexican artist Diego Rodarte: 32 small oil-in-canvas paintings portraying symbolic and imaginary places in each of the 32 states or regions of Mexico and 3 large oil-on-canvas paintings and objects.
.
The renowed Mexican critic Santiago Espinosa de los Monteros has written: “the heart of the Buscando México exhibitions to verify the images of the idyllic landscapes that are offered to us in the most important places in Mexico: beaches, mountains, archaeological remains, squares of the big cities. BuscandoMéxico is an inside look at the external dimension of the country, its geography and what inhabits the superficial limits of skin of Mexican territory”.
.
Diego Rodarte is an artist with more than 20 years of experience. He has presented 14 individual exhibitions in Mexico, United States, France, Poland and Vietnam, and has participated in 14 collective exhibitions. His work has been exhibited at international fairs such as the Zona Maco Art Week (Mexico City, 2021) and the prestigious Art Miami International Fair (2021).
ชื่อผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ชื่อเรื่อง หลักราชการและประโยชน์แห่งการอยู่ในธรรม
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ ม.ป.ท.
สำนักพิมพ์ ม.ป.พ.
ปีที่พิมพ์ ๒๕๒๗
หมายเหตุ พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายฮิ้น ทิวถนอม
เรื่องหลักราชการ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชนิพนธ์สำหรับแจกข้าราชการในวันสงกรานต์ เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๕๗ ส่วน เรื่อง ประโยชน์แห่งการอยู่ในธรรม ทรงพระราชนิพนธ์ เพื่อเป็นพระบรมราชาธิบาย ให้ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนสุจริต มีศีลธรรมประจำใจ ย่อมได้รับเกียรติเป็นที่นิยมยกย่อง มีความเจริญก้าวหน้าในการประกอบอาชีพ
รางวัลโนเบล (Nobel Prize) นับว่าเป็นรางวัลเกียรติยศที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง มอบให้กับผู้ที่ได้สร้างผลงานอันเป็นคุณประโยชน์แก่มวลมนุษย์ซึ่งเป็นที่ยอมรับต่อนานาอารยชน รางวัลโนเบลเกิดมาจากแรงบันดาลใจที่ต้องการจะเห็นมนุษย์ทำประโยชน์ให้แก่กันของ อัลเฟร็ด โนเบล (Alfred Nobel) นักเคมีชาวสวีเดน ผู้ประดิษฐ์ดินระเบิดไดนาไมต์ เมื่อโนเบลล่วงลับไปแล้วในปี ค.ศ. 1896 เขาได้เขียนพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติให้นำไปจัดตั้ง มูลนิธิโนเบล (Nobel Foundation) ขึ้น มูลนิธินี้จะสนับสนุนและมอบรางวัลให้กับนักวิทยาศาสตร์และบุคคลที่มีผลงานดีเด่นสร้างสรรค์ในแต่ละปี ซึ่งมีทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ สาขาฟิสิกส์ สาขาเคมี สาขาการแพทย์และสรีรวิทยา สาขาวรรณกรรม สาขาสันติภาพ และสาขาเศรษฐศาสตร์ พิธีมอบรางวัลโนเบลจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในวันที่ 10 ธันวาคม โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากโนเบลเสียชีวิตได้ 5 ปี ตรงกับปี ค.ศ. 1901 ผู้พระราชทานรางวัลคือ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งสหราชอาณาจักรสวีเดน เหรียญรางวัลที่มอบให้แก่บุคคลที่เหมาะสมประกอบด้วยเหรียญทองซึ่งด้านหน้าสลักเป็นรูปหน้าของอัลเฟร็ด โนเบล พร้อมใบประกาศเกียรติคุณและเงินรางวัล โดยผู้รับรางวัลแต่ละสาขาได้รับรางวัลร่วมกันได้ไม่เกิน 3 คน และจะมอบรางวัลให้แก่สถาบันหรือองค์กรนิติบุคคลก็ได้
รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม (Nobel Prize in Literature) เป็นรางวัลที่มอบให้แก่นักเขียนผู้สร้างสรรค์ผลงานโดดเด่นที่สุดในแนวทางอุดมคติและมีคุณค่าในเชิงวรรณศิลป์เป็นประจำทุกปี โดยราชบัณฑิต กรุงสตอกโฮล์มเป็นผู้คัดเลือก ในช่วงปี ค.ศ. 1946 ได้มีการขยายขอบเขตของรางวัล โดยคัดเลือกนักเขียนที่สร้างมุมมองใหม่ต่อโลกและภาษา ต่อมาในช่วงปี ค.ศ. 1978 คณะกรรมการเริ่มให้ความสำคัญกับนักเขียนผู้มีผลงานโดดเด่น แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักของสาธารณชนมากนัก เพื่อไม่ให้ผู้อ่านพลาดงานชิ้นสำคัญของนักเขียนเหล่านั้น และเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับบทกวีมากขึ้น ปัจจุบันรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมได้มอบให้แก่บุคคลแล้ว จำนวน 121 ราย ผู้เขียนขอแนะนำนักเขียนที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมที่น่าสนใจ จำนวน 7 ท่าน ดังนี้
1. ซุลลี พรูดอม (Sully Prudhomme) เป็นนามแฝงของ เรอเน ฟรองซัวร์ อาร์มองด์ พรูดอม กวีชาวฝรั่งเศส เป็นนักเขียนคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในปี ค.ศ. 1901 มีชื่อเสียงจากผลงานรวมบทกวีนิพนธ์ชุดแรกชื่อ “Stances et Poèmes” (Stanzas and Poems) นอกจากนี้ผลงานอื่นๆ ของเขาก็ได้รับความนิยมอย่างมาก เช่น “La Justice” ได้รับการยกย่องว่าเป็นบทกวีนิพนธ์เชิงวิเคราะห์ที่งดงามมาก “La Bonheur” เป็นกวีนิพนธ์แนวปรัชญาเชิงวิทยาศาสตร์ มีความยาวถึง 4,000 บรรทัด และบทกวีนิพนธ์เรื่อง “La Vase Brisé” (The Broken Vase) ได้รับการยกย่องจนถึงปัจจุบันในด้านความงามและไพเราะของภาษาที่ใช้ มีผู้นิยมนำไปขับขานกันอย่างกว้างขวาง พรูดอมได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของราชบัณฑิตยสภาแห่งประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ ค.ศ. 1881 จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
2. รุดยาร์ด คิปลิง (Rudyard Kipling) ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมปี ค.ศ. 1907 เขาเกิดที่กรุงบอมเบย์ ประเทศอินเดีย เป็นอดีตผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ชาวอังกฤษที่ผันตัวมาเป็นนักเขียนนวนิยาย เรื่องสั้น และกวีนิพนธ์ เจ้าของนวนิยายเรื่อง “The Jungle Book” ซึ่งเป็นวรรณกรรมคลาสสิกสำหรับเด็กทั่วโลกและได้รับความนิยมมากที่สุด เป็นเรื่องเกี่ยวกับสัตว์ที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดและสามารถพูดได้ มีตัวละครเอกของเรื่องชื่อว่า “เมาคลี” โดยในช่วงทศวรรษ 1880 เรื่องสั้นและกวีนิพนธ์ของคิปลิงได้รับความนิยมมากในประเทศอังกฤษ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นทายาททางวรรณกรรมของชาร์ล ดิกเกนส์ (Charles Dickens)
3. ฮอร์มันน์ เฮสเส (Hermann Hesse) ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมปี ค.ศ. 1946 เป็นกวีและนักเขียนแนวจินตนิยม (Romanticism) ชาวเยอรมัน เป็นนักเขียนที่ได้รับความนิยมและมีผลงานขายดีที่สุดทั่วโลก ได้รับรางวัลทางด้านวรรณกรรมมากมาย นวนิยายเรื่องแรกของเขาคือ “Peter Camenzide” มีเนื้อหาสะท้อนให้เห็นถึงการไม่ยอมรับระบบการศึกษาของเฮสเส ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1904 และได้รับความสำเร็จทันทีที่วางจำหน่าย ผลงานอื่นๆ ที่โดดเด่นและมีชื่อเสียง เช่น Demian, Siddhartha, Der Steppenwolf และผลงานชิ้นเอก คือ Das Glasperlenspiel ซึ่งใช้เวลาเขียนกว่า 12 ปี และแสดงให้เห็นถึงความรอบรู้และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในโลกตะวันตกของเขา
4. เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ (Ernest Hemingway) ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมปี ค.ศ. 1954 เป็นนักเขียนชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงด้านวรรณกรรมมากที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 หนังสือเล่มแรกของเขาชื่อ Tree Stories and Ten Poems ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1923 มีวิธีการเขียนที่เรียบง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็เปรียบเสมือนการปฏิวัติรูปแบบการเขียนด้วยการใช้โครงสร้างต่าง ๆ ในเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อแวดวงวรรณกรรมในยุคนั้น นวนิยายเรื่อง The Sun Also Rises และ A Farewell to Arms ถูกจัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อนวนิยายภาษาอังกฤษที่ดีที่สุด 100 เล่ม แห่งศตวรรษที่ 20 และนวนิยายเรื่อง The Old Man and the Sea ก็ได้รับความชื่นชมจากผู้อ่านมากจนได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ ในปี ค.ศ. 1953
5. กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ (Gabriel García Márquez) ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมปี ค.ศ. 1982 เป็นนักประพันธ์ นักเขียนบท และนักหนังสือพิมพ์ชาวโคลอมเบีย ผลงานที่โดดเด่นของเขาคือนวนิยายแนวสัจนิยม เรื่อง “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” (Cien años de soledad, 1967) ซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากนักอ่านเป็นอย่างมาก มาร์เกซได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเขียนผู้สร้างสรรค์งานเขียนแนว “สัจนิยมมหัศจรรย์” (Magical Realism) ซึ่งผสานโลกแห่งความจริงเข้ากับโลกแห่งจินตนาการ และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักเขียนที่สำคัญที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20
6. บ็อบ ดีแลน (Bob Dylan) ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมปี ค.ศ. 2016 ดีแลนมีเชื้อสายยิว-อเมริกัน เป็นหนึ่งในนักดนตรีและนักแต่งเพลงชาวอเมริกันที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในวงการเพลงโฟล์กป็อป และได้รับรางวัลเกียรติยศมากมายในฐานะนักดนตรี คณะกรรมการรางวัลโนเบลยกย่องดีแลนว่าเป็นผู้สร้างสรรค์การแสดงออกด้วยบทกวีแบบใหม่ผ่านดนตรีอเมริกัน ซึ่งสะท้อนสังคมอเมริกัน และกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวทางสิทธิมนุษยชน นับได้ว่าเขาเป็นศิลปินทางด้านดนตรีคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ผลงานบทเพลงที่กลายเป็นตำนาน และสะท้อนปัญหาของสังคมอเมริกัน เช่น Blowin’ in the Wind, Subterranean Homesick Blues และ The Times They are A-Changin
7. ฮัน คัง (Han Kang) นักเขียนหญิงชาวเกาหลีใต้ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมคนล่าสุด ในปี ค.ศ. 2024 จากผลงานร้อยแก้วเชิงกวีอันเข้มข้นที่เผชิญหน้ากับความเจ็บปวดทางประวัติศาสตร์ และเปิดเผยความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ ฮัน คัง มีผลงานเรื่องสั้นที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นจำนวนมาก และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในปี 2007 จากผลงานนวนิยายเหนือจริงเรื่อง “Vegetarian” ซึ่งผลงานฉบับแปลเป็นภาษาอังกฤษเรื่องนี้ได้รับรางวัลหนังสือนานาชาติในปี 2016 เช่นกัน ทั้งนี้ผลงานที่โดดเด่นไม่แพ้กันอีกเรื่อง คือ “Human Acts” ได้รับรางวัล Manhae Prize ในปี 2014
หากผู้ใช้บริการสนใจหนังสือที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม สามารถสืบค้นข้อมูลหนังสือผ่านบริการสืบค้นข้อมูลฐานบรรณานุกรมออนไลน์ของหอสมุดแห่งชาติ ได้ที่ http://search.nlt.go.th:1701/primo-explore/search?vid=NLT ซึ่งเป็นหนังสือฉบับแปลภาษาไทยของนักเขียนที่ได้รับรางวัลบางท่าน และเข้าใช้บริการได้ที่สำนักหอสมุดแห่งชาติ หรือหอสมุดแห่งชาติส่วนภูมิภาค 11 แห่งทั่วประเทศ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
วารี วิไล. Bob Dylan ศิลปินวัยใกล้ 80 เจ้าของโนเบลวรรณกรรม: กับอัลบั้มใหม่ในรอบ 8 ปี Rough and Rowdy Ways. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 10 ตุลาคม 2567, จาก: https://www.matichonweekly.com/column/article_322074
สิทธา พินิจภูวดล. อัลเฟรด โนเบล. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2542.
สุทัศน์ ยกส้าน. 100 ผู้พิชิตรางวัลโนเบล. กรุงเทพฯ: ปาเจรา, 2549.
ฮัน คัง นักเขียนหญิงโสมใต้ คว้าโนเบลสาขาวรรณกรรม จากผลงานสะท้อนความเปราะบางของ มนุษย์. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 10 ตุลาคม 2567, จาก: https://www.matichon.co.th/foreign/news_4839612
The Nobel Prize in Literature 2024. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 10 ตุลาคม 2567 จาก: https://www.nobelprize.org/.../lit.../2024/bio-bibliography/
ผู้เรียบเรียง : นางสาวปริศนา ตุ้มชัยพร
บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี
#องค์ความรู้หอสมุดแห่งชาติ
#รางวัลโนเบล
#รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม
#NobelPrizeinLiterature
#HanKang
#SullyPrudhomme
#RudyardKipling
#HermannHesse
#ErnestHemingway
#GabrielGarcíaMárquez
#BobDylan
โบราณสถานศาลาบ่อเก๋ง
ศาลาบ่อเก๋ง ตั้งอยู่ที่ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เป็นท่าเรือโบราณในพุทธศตวรรษที่ ๒๔ ถึงพุทธศตวรรษที่ ๒๕ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบสงขลา โดยซุ้มทางเข้าศาลาตั้งอยู่บนแนวกำแพงเมืองสงขลาเก่า ลักษณะศาลาบ่อเก๋งเป็นพื้นที่รูปสี่เหลี่ยม ภายในประกอบด้วย ๑.กำแพงและซุ้มประตูเก๋งจีนก่ออิฐฉาบปูน หลังคามุงกระเบื้องดินเผา ๒.บ่อน้ำทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑.๕ - ๒ เมตร ลึกประมาณ ๔ - ๕ เมตร ก่อด้วยหินดินดานเสริมขอบบ่อด้วยอิฐ ปัจจุบันบ่อแห่งนี้ยังมีน้ำจืดที่ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงสามารถนำไปใช้อุปโภคบริโภคได้ตลอดปี ๓. ซากอาคารตรงข้ามบ่อน้ำมีลักษณะเป็นแท่นโค้ง ๒ แท่น ขนาบแท่นสี่เหลี่ยมจัตุรัสก่อด้วยอิฐ สันนิษฐานว่าน่าจะใช้เป็นที่อาบน้ำ และ ๔.ซากอาคารด้านหลัง เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ปัจจุบันเหลือเพียงพื้นผนังและเสา รูปทรงของอาคารหลังนี้น่าจะเป็นอาคารทึบแบบจีน
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานศาลาบ่อเก๋ง ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๑๖
ตอนพิเศษ ๗ ง วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๒
Bo Geng Pavilion
Bo Geng Pavilion is an ancient boat pier by Songkhla Lake in Hua Khao subdistrict, Singhanakhon district, Songkhla Province. The site comprises a wall and an archway made of bricks and mortar. The archway was built in Chinese style (as was Songkhla’s city gate) and roofed with terracotta tiles. There is a circular well with an approximate diameter of 1.5 to 2 meters and 4 to 5 meters deep. It was made of mudstone and added with bricks along the top edge. Today, the well is still providing underground freshwater, which nearby residents can use all year round.
The Fine Arts Department announced the registration of Bo Geng Pavilion as
a national monument in Government Gazette Volume 116, Special Part 7, dated January 22, 1999.
***บรรณานุกรม***
คณะผู้แนสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์
บันทึกการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ของ คณะผู้แทนสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ วันที่ 20 กันยายน ถึง 5 ตุลาคม พุทธศักราช 2522
กรุงเทพฯ
เอราวัณการพิมพ์
2522