ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ

เลขทะเบียน : นพ.บ.45/14ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  44 หน้า ; 4.4 x 54.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 27 (267-281) ผูก 13หัวเรื่อง :  ธรรมบท --เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม



นิตยสารรายสองเดือน กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม วัตถุประสงค์ : เพื่อเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมในสาระสำคัญต่าง ๆ และ เพื่ออนุรักษ์สืบทอดมรดกวัฒนธรรมของชาติ



 พร้อมพร  พุ่มพวง.  เทศกาล ถือศีลกินเจ.  จันทร์ยิ้ม.  (12) : 18 ; กันยายน. 2559.              ภายในเล่มอันดับแรกกล่าวถึง การถือศีลกินเจ สำหรับคนที่สามารถปฏิบัติได้จะต้องถือศีล 5 และสำหรับคนที่เคร่งมากๆ จะต้องถือศีล 8 การกินเจในเทศกาลกินเจนั้น คือจะเน้นไปในเรื่องของการงดทานเนื้อสัตว์ และผักบางชนิดที่มีกลิ่นฉุน สำหรับพิธีทางศาสนาอันดับแรก จะต้องทำพิธีอัญเชิญเทพเจ้าในวันกินเจวันแรก ประโยชน์ที่ได้รับจากการกินเจ เช่น ร่างกายสามารถขับถ่ายของเสียออกได้หมด ทำให้ไม่มีสารพิษตกค้างอยู่ภายใน และประโยชน์อีกด้านคือ ด้านจิตใจ เหมือนได้บุญเพราะไม่ฆ่าสัตว์ 


รวมเรื่องเมืองนครราชสีมา. พระนคร: ประจักษ์วิทยา, 2511.915.933 ร157บ     เนื้อหาในเล่มประกอบด้วยเรื่องต่างๆ 4 เรื่องดังนี้          w เมืองนครราชสีมา จากเรื่องเที่ยวตามทางรถไฟพระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ตัดตอนเฉพาะที่เกี่ยวกับเมืองนครราชสีมา          w จดหมายเมืองนครราชสีมา  ของนายปรีดา  ศรีชลาลัย ได้รวบรวมจากสมุดไทยดำ และกระดาษเพลา ในหอสมุดแห่งชาติ          w การสร้างทางรถไฟสายนครราชสีมา ซึ่งเป็นทางรถไฟหลวงสายแรกของประเทศไทย          w เรื่องกรมหมื่นสรรพสิทธิประสงค์ทรงจัดราชการ ณ เมืองนครราชสีมา ร.ศ.110-111 (พ.ศ. 2434-2435)  กล่าวถึง การจัดระเบียบการปกครองในเมืองนครราชสีมาและเมืองหลวงพระบางตลอดจนการปราบปรามโจรผู้ร้าย   -  จัดพิมพ์เพื่อเป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางบุญเหลือ พลราษฎร์บำรุง (บุญเหลือ อุเทนสุต) ณ เมรุสมานมิตร วัดแจ้งใน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา วันที่ 7 เมษายน 2511



ชื่อเรื่อง : ตำนานเมืองสยาม   ผู้แต่ง : สงวน  โชติสุขรัตน์   ปีที่พิมพ์ : ๒๕๑๖   สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ   สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์สุนทรกิจการพิมพ์                       หนังสือตำนานเมืองสยาม เล่มนี้ ได้กล่าวถึงประวัติของสยาม แบ่งออกได้ดังนี้  ยุคที่ ๑ กรุงสุโขทัย เป็นราชธานี ตั้งแต่ พ.ศ. ๑๗๙๐ ถึง พ.ศ. ๑๘๙๓ ยุคที่ ๒ กรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานี ตั้งแต่ พ.ศ. ๑๘๙๒ ถึง พ.ศ. ๒๓๑๐ ยุคที่ ๓ กรุงธนบุรี เป็นราชธานี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๓ ถึง พ.ศ. ๒๓๒๕ ยุคที่ ๔ กรุงเทพมหานคร เป็นราชธานี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๒๕ จนกระทั่งถึงปัจจุบัน




โครงการศึกษาดูงาน การบริหารจัดการทรัพย์สินทางศิลปวัฒนธรรมตาม พรบ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๔๒ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๗โดยได้รับเกียรติจาก นายพิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการกล่าวต้อนรับโดย นายธนธัช รุ่งธนเกียรติ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุรินทร์และกล่าวรายงานโดย นายขจร มุกมีค่า ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครราชสีมาในวันพุธที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๗ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์และเดินทางศึกษาดูงานวันที่ ๑๘-๑๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๗ในเขตพื้นที่ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ จ.อุบลราชธานี ดังนี้-การจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์-ปราสาทศรีขรภูมิ อ.ศรีขรภูมิ จ.สุรินทร์-ตึกขุนอำไพพาณิชย์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ-วัดมณีวนาราม(วัดป่าน้อย) อ.เมือง จ.อุบลราชธานี-การจัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี-วัดทุ่งศรีเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี -วัดแจ้ง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี-ปราสาทสระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ .....ดำเนินโครงการโดย กลุ่มอนุรักษ์โบราณสถานสำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครราชสีมา



อตีตังสญานหรือเครื่องวิทยาการกำหนดรู้เรื่องในอดีต




          อภยมุทรา หรือ อภยหัสตะ คือ ท่ามือยกขึ้นในระดับไหล่ ยื่นออกมาข้างหน้า หันฝ่ามือออก นิ้วทั้งห้าเหยียดตรงขึ้น เป็นท่าขจัดความหวาดกลัว เพราะแสดงการขับไล่สิ่งชั่วร้าย และป้องกันอันตรายของเทพเจ้าต่อผู้สักการบูชา ท่ามือดังกล่าวนี้ แสดงด้วยมือข้างขวา แทบไม่ปรากฏเลยในมือข้างซ้าย บางครั้งแสดงด้วยมือทั้งสองข้าง จัดเป็นมุทราทั่วไปของเทพและทิพยบุคคลต่าง ๆ ในทุกศาสนาของอินเดีย เทพเจ้าส่วนใหญ่แสดงมุทราดังกล่าวนี้           อาจเป็นไปได้ว่ากำเนิดของมุทรานี้เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง บางครั้งพบในศิลปะโรมัน รวมถึงในศิลปะคริสเตียน ในประเทศอินเดียจัดเป็นมุทราในยุคต้น ๆ นิยมทำในศิลปะคันธารราฐเนื่องในพุทธศาสนา แสดงในพระพุทธรูปปางแสดงธรรม ภายหลังแสดงในปางปราบช้างนาฬาคีรี ต่อมามีพัฒนาการทางความหมายหมายถึงการปกป้องคุ้มครอง เป็นลักษณะเฉพาะของรูปเคารพในพุทธศาสนาบางองค์ เช่น พระอโมฆสิทธิ (Amoghasiddhi) พระทีปังกร (Dipaṅkara) พระกนกมุนี (Kanakamuni) อโมฆปาศ (Amoghapāśa) อารยชางคุลี (Āryajāṅgulī) นามสังคีติ (Nāmasaṅgīti) ปัทมปาณิ (Padmapaṇi) ศิขิน (Śikhin) สิตาตปัตรา (Sitātapatrā) สุปริกีรติตนามศรี (Suparikīrtitanāmaśrī) อุษณีสวิชยา (Uṣṇīsavijayā) และอื่น ๆ            ในศาสนาฮินดู เป็นลักษณะของพระวิษณุ (Viṣṇu) ผู้ปกป้องระบบจักรวาล (อนันตาศายน-Anantāśayana) และพระศิวะนาฏราช (Śiva Nāṭarāja) ในท่าอนันทตาณฑวะ (Ānandatāṇḍava) และท่าเต้นรำอื่น ๆ มีความหมายถึงการปกป้องรักษาจักรวาล ในความหมายที่แคบลง เทพ และเทวีต่าง ๆ แสดงมุทรานี้ เพื่อแสดงการปกป้อง และแสดงความสง่างาม           อภยมุทรา เรียกอีกว่า อภยนททมุทรา (Abhyandada-mudrā) อภยประทานมุทรา (Abhyapratāna-mudrā) อภีติมุทรา (Abhīti-mudrā) ศานติทมุทรา (Śāntida-mudrā) และ วิศวาภยมุทรา (Viśvabhya-mudrā) บางครั้งจัดเป็นรูปแบบหนึ่งของ ปตากามุทรา (Patākā-mudrā) หรือ “มือรูปธง” ------------------------------------------ผู้เรียบเรียง เด่นดาว ศิลปานนท์ ภัณฑารักษ์เชี่ยวชาญ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ------------------------------------------หนังสืออ้างอิง1. Gupte, Ramesh Shankar. Iconography of the Hindus, Buddhists and Jains. Bombay : D.B. Taraporevala, 1980. 2. Liebert, Gosta. Iconographic Dictionary of the Indian Religions Hinduism-Buddhism-Jainism. Leiden: E.J. Brill, 1976. 3. Stutley , Margaret. The illustrated dictionary of Hindu iconography. London : Routledae & Kegan Paul, 1985. 4. Trilok Chandra Majupuria and Rohit Kumar Majuria. Gods, Goddesses & Religious Symbols of Hinduism, Buddhism & Tantrism [Including Tibetan Deities]. Lashkar (Gwalior): M. Devi, 2004.


black ribbon.