ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 41,688 รายการ

ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา, 2405-2486.  คำแปลปาฐกถา เรื่องคติของฝรั่งเข้ามาเมืองไทยของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ.  แพร่: โรงพิมพ์แพร่การช่าง, 2503.


ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ สลักดุนโลหะ ปิดทอง ลงยาสีและประดับคริสตัล กว้าง ๓๐ เซนติเมตร สูง ๖๐ เซนติเมตร กลุ่มงานช่างบุและช่างศิราภรณ์The Royal Emblem on the Auspicious Occasion of the Coronation of King Rama X Gilded and enameledsheet metal with repousse technique and crystal embellishment w.30 cm,h 60 cm Sheet Metal ant Headdress Groupข้อมูล: นิทรรศการเถลิงรัชช์หัตถศิลป์


"ทับหลังสลักภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์" ศิลปะ/อายุ : ศิลปะเขมรในประเทศไทย แบบบาปวน อายุราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๗ แหล่งที่พบ : ศาลสูง (ศาลพระกาฬ) จังหวัดลพบุรี ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ ชั้น ๒ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ------------------------------ ทับหลังสลักภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ว่าด้วยเรื่องราวของพระวิษณุหรือพระนารายณ์ เทพเจ้าผู้ทำหน้าที่รักษาความสงบสุขของโลก ตามคัมภีร์ในศาสนาฮินดูกล่าวว่า การบรรทมของพระวิษณุเกิดขึ้นเมื่อโลกถูกทำลาย บรรดาเหล่าพรหมและฤษีได้ขอให้พระวิษณุสร้างโลกขึ้นใหม่ พระวิษณุจึงกระทำโยคนิทราระหว่างบรรทมเหนือพระยาอนันตนาคราชกลางเกษียรสมุทร และบังเกิดดอกบัวผุดขึ้นจากพระนาภี (สะดือ) ซึ่งมีพระพรหมประทับอยู่บนนั้น โดยพระพรหมจะทำหน้าที่สร้างโลกและสรรพสิ่งต่าง ๆ ขึ้นอีกครั้ง ภาพเล่าเรื่องตอนนี้นิยมสลักอยู่บนทับหลังหรือหน้าบันของปราสาทเขมร และมักจะอยู่ในตำแหน่งสำคัญของเทวสถาน . สำหรับรูปแบบของทับหลังแผ่นนี้ เป็นแผ่นหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สลักภาพเล่าเรื่องขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ โดยสลักรูปพระนารายณ์บรรทมตะแขงซ้ายเหนือพระยาอนันตนาคราช พระกรขวาประคองพระเศียร ส่วนประกรอื่น ๆ สภาพลบเลือนและแตกกะเทาะ จึงไม่เห็นสิ่งที่ถือในพระหัตถ์ ซึ่งปกติจะถือจักร สังข์ และคทา บริเวณพระนาภี (สะดือ) มีก้านดอกบัวผุดออกมา สภาพแตกกะเทาะเช่นกัน หากมีสภาพสมบูรณ์จะมีรูปพระพรหมประทับอยู่เหนือดอกบัว และบริเวณเบื้องพระบาทมีรูปพระชายา คือ พระลักษมี ประทับนั่งประคองพระชงฆ์ (แข้ง) และพระบาท . สภาพของทับหลังแผ่นนี้บางส่วนหักหาย ภาพสลักแตกกะเทาะและลบเลือน แต่จากรูปแบบศิลปกรรมสังเกตได้ว่าพระยาอนันตนาคราชยังไม่มีมกรมารองรับเหมือนศิลปะแบบนครวัด และทับหลังแผ่นนี้อาจเทียบได้กับทับหลังสลักภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่พบที่ปราสาทสระกำแพงใหญ่ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑ (พ.ศ. ๑๕๔๕-๑๕๙๓) ตรงกับศิลปะเขมรแบบบาปวน สอดคล้องกับจารึกพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑ (จารึกศาลสูง) ที่พบร่วมกับทับหลังที่ศาลพระกาฬ . อย่างไรก็ตาม ทับหลังแผ่นนี้และจารึกดังกล่าวอาจถูกรวบรวมนำมาเก็บไว้ที่ศาลพระกาฬในภายหลังก็ได้แต่อย่างน้อยหลักฐานนี้แสดงให้เห็นว่าเมืองลพบุรีมีความสำคัญในสมัยบาปวนหรือในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑ และแสดงถึงความต่อเนื่องของวัฒนธรรมเขมรในเมืองลพบุรีที่ปรากฏหลักฐานมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๕ ------------------------------ อ้างอิง . ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ. ศิลปกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมเขมร (พุทธศตวรรษที่ ๑๗-๑๘). โครงการพัฒนาการของงานศิลปกรรมเมืองลพบุรีตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 ถึงพุทธศตวรรษที่ 24. นครปฐม : สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๕. . สมิทธิ ศิริภัทร์ และมยุรี วีรประเสริฐ. ทับหลัง : การศึกษาเปรียบเทียบทับหลังที่พบในประเทศไทยและประเทศกัมพูชา. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๓๓. . สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์, หม่อมราชวงศ์. ทับหลังในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๓๑. . อรุณศักดิ์ กิ่งมณี. ทิพยนิยายจากปราสาทหิน. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๕๕. ------------------------------ เรียบเรียง : นายกฤษฎา นิลพัฒน์ ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์


เนื่องในวันแม่แห่งชาติ ๑๒ สิงหาคม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสมเด็จพระนารายณ์ขอนำเสนอองค์ความรู้เรื่อง "ตุ๊กตาดินเผารูป "แม่" (?) และเด็ก " ------------------------------ ในอดีตการสร้างตุ๊กตามักทำเป็นรูปคนหรือสัตว์ สันนิษฐานว่ามีมาแล้วตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และปรากฏหลักฐานชัดเจนในสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๖ หรือประมาณ ๑,๐๐๐-๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว ในสมัยนี้นิยมทำตุ๊กตาดินเผาขนาดเล็ก พบอยู่ทั่วไปตามเมืองโบราณหรือแหล่งโบราณคดีสมัยทวารวดี เช่น เมืองโบราณซับจำปา อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี เมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เมืองโบราณจันเสน อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เป็นต้น โดยตุ๊กตาที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ ตุ๊กตารูปคนจูงลิง แต่มีตุ๊กตาที่น่าสนใจอีกกลุ่มหนึ่ง คือ . ๑. ตุ๊กตารูปผู้หญิงอุ้มเด็กหรือผู้หญิงให้นมบุตร ลักษณะเป็นรูปผู้หญิงนั่ง ใบหน้ากลม ตาโปน จมูกใหญ่ ปากแบะ แบบพื้นเมือง หน้าอกใหญ่ และรูปร่างอ้วน แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ อยู่ในท่าอุ้มเด็กคล้ายกำลังให้นมบุตร ซึ่งแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์เช่นกัน ตุ๊กตารูปผู้หญิงอุ้มเด็กชิ้นนี้อาจเป็นรูปของแม่กับลูกหรือผู้อุปการะเด็ก หากตุ๊กตาชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นตามความเชื่อท้องถิ่น อาจเทียบได้กับรูปแม่ซื้อในคติความเชื่อของไทย ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนชีวิตและความผาสุกของเด็กทารกเมื่อแรกเกิด นอกจากนี้ บางท่านสันนิษฐานว่าอาจหมายถึงรูปนางหาริตี ซึ่งเป็นยักษิณีทำหน้าที่คุ้มครองเด็กตามคติในพุทธศาสนามหายาน . ๒. ตุ๊กตารูปผู้หญิงกับเด็กหญิงถือชามหรือเด็กหญิงหลังค่อม ประกอบด้วย รูปผู้หญิงในอิริยาบถยืน ใบหน้ากลม ตาโปน จมูกใหญ่ ปากแบะ แบบพื้นเมือง เกล้าผมเป็นมวยอยู่ที่ท้ายทอย สวมต่างหูกลม นุ่งผ้ายาวกรอมเท้า เหน็บชายผ้าไว้ที่เอว มีชายผ้าพาดเฉียงด้านหน้า แขนขวาแนบลำตัว ไม่สวมเครื่องประดับ แขนซ้ายสวมกำไลจำนวนมาก มือซ้ายมีของถือยกมือขึ้นระดับอก อีกรูปหนึ่งเป็นรูปเด็กผู้หญิงยืนอยู่ขางซ้าย เกล้าผมและนุ่งผ้าแบบเดียวกัน แต่ไม่สวมเครื่องประดับ มือซ้ายยกขึ้นถือภาชนะคล้ายชาม และมีแผ่นหลังนูนคล้ายกับเด็กพิการหลังค่อม บางท่านสันนิษฐานว่าอาจเป็นรูปเด็กกำลังขอทานจากผู้หญิง แต่บางท่านสันนิษฐานว่าอาจเป็นรูปของแม่และเด็ก โดยการปั้นรูปเด็กหลังค่อมอาจใช้เป็นรูปแทนตัวบุคคลหรือตุ๊กตาสะเดาะเคราะห์เพื่อแก้เคล็ดเรื่องโรคภัยที่เกิดกับเด็ก . ตุ๊กตาดินเผาสมัยทวารวดีมีรูปแบบหลายหลาย แต่ละชิ้นอาจมีความหมายเฉพาะที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับการตีความของแต่ละท่าน แม้ปัจจุบันจะยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าตุ๊กตาดินเผาเหล่านี้ทำขึ้นเพื่ออะไร และแต่ละชิ้นมีความหมายอย่างไร อาจสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นของเล่นหรือใช้ประกอบพิธีกรรมความเชื่อในระดับท้องถิ่น เพราะตุ๊กตาเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับรูปเคารพในศาสนา แต่ปัจจุบันมีข้อสันนิษฐานที่ยอมรับกันทั่วไปว่า น่าจะทำขึ้นเพื่อใช้สำหรับการสะเดาะเคราะห์ หรือบางรูปอาจใช้สำหรับอุทิศถวายให้เป็นข้าทาสแก่ศาสนสถานหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับวัตถุประสงค์การสร้างตุ๊กตาขนาดเล็กในปัจจุบันที่นอกจากจะใช้เป็นของเล่นแล้ว ยังถูกนำไปไว้ในศาลปู่ตาหรือศาลพระภูมิด้วย โดยตุ๊กตาในศาลเหล่านี้อาจถวายให้เป็นของเล่นของผีบรรพบุรุษ หรือถวายเพื่อเป็นข้าทาสของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แทนที่จะใช้มนุษย์จริง ๆ ------------------------------ อ้างอิง . ผาสุข อินทราวุธ. ทวารวดี : การศึกษาเชิงวิเคราะห์จากหลักฐานทางโบราณคดี. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์อักษรสมัย, ๒๕๔๒. . เพ็ญพรรณ เต็มสุข. “ตุ๊กตาสมัยต่าง ๆ ที่พบในประเทศไทย.” ศิลปากร ๑๗, ๒ (กรกฎาคม ๒๕๑๖) : ๗๕-๘๔. . รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง. มรดก ๑,๐๐๐ ปี เก่าที่สุดในสยาม. นนทบุรี : มิวเซียมเพรส, ๒๕๕๖. . ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะทวารวดี : วัฒนธรรมพุทธศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๗. . อนุสรณ์ คุณประกิจ. “การศึกษาคติและรูปแบบประติมากรรมดินเผาขนาดเล็กสมัยทวารวดีที่พบในบริเวณ ภาคกลางของประเทศไทย.” วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๓๐. ------------------------------ ตุ๊กตาดินเผา ศิลปะ/อายุ : ศิลปะทวารวดี อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๖ ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ ชั้น ๑ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ------------------------------ เรียบเรียง : นายกฤษฎา นิลพัฒน์ ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ #ตุ๊กตาดินเผา #MuseumInsider ------------------------------ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เปิดให้บริการ วันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ปิดให้บริการ วันจันทร์ - วันอังคาร


พระราชพิธีอภิเษกสมรส สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ผู้แต่ง : เพลินพิศ กำราญ ต้นฉบับอยู่ที่ : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี (ห้องกรมศิลปากร) โรงพิมพ์ : กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์, กรมศิลปากร ปีที่พิมพ์ : 2521 รูปแบบ : PDF ภาษา : ไทย เลขทะเบียน : น. 34 ร 110 46 จบ เลขหมู่ : 394.4 พ925พ สาระสังเขป : หนังสือรวบรวมเนื้อหาของพระราชพิธีอภิเษกสมรส สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2520 พร้อมประมวลภาพเหตุการณ์สำคัญของพระราชพิธีอภิเษกสมรส รวบรวมและเรียบเรียงเนื้อหาโดย นางสาวเพลินพิศ กำราญ นักอักษรศาสตร์ 4 งานวัฒนธรรมและจารีตประเพณี กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร


ชื่อเรื่อง                     วัดพระรูปเมืองสุพรรณ : รวมข้อเขียนว่าด้วย เรื่องเล่า คน ข้าวของ จากพิพิธภัณฑ์วัดสู่แหล่งเรียนรู้ผู้แต่ง                       มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN                978-616-488-351-2หมวดหมู่                   ศาสนาเลขหมู่                      294.31 ว416สถานที่พิมพ์               กรุงเทพฯสำนักพิมพ์                 สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปีที่พิมพ์                    2565ลักษณะวัสดุ               204 หน้า : ภาพประกอบ ; 21 ซม.หัวเรื่อง                     พิพิธภัณฑ์ – แหล่งเรียนรู้                             รวมเรื่อง – วิจัย                             สุพรรณบุรีภาษา                      ไทยบทคัดย่อ/บันทึก           วัดพระรูปเมืองสุพรรณ : รวมข้อเขียนว่าด้วย เรื่องเล่า คน ข้าวของ จากพิพิธภัณฑ์วัดสู่แหล่งเรียนรู้ เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินภารกิจด้านบริการวิชาการเพื่อสังคมของสถาบันไทยคดีศึกษา นำความรู้และประสบการณืจากการทำงานพัฒนาพิพิธภัณฑ์วัดประรูปให้เป็นต้นแบบของพิพิธภัณฑ์วัดและแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต


           สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว หรือผู้ที่สนใจ เข้าร่วมสักการะพิธีบวงสรวงพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ บ้านแข้ด่อน ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี



           กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม กำหนดจัดงานสัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทย เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมฟังการเสวนาทางวิชาการ และชมการแสดงนาฏศิลป์ - ดนตรี ๒ – ๘ เมษายน ๒๕๖๗ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร            นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๘ กำหนดให้วันที่ ๒ เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็น “วันอนุรักษ์มรดกไทย” เพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีคุณูปการอย่างอเนกอนันต์และทรงเป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติตลอดมา กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร จึงกำหนดจัดงานสัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๗ ระหว่างวันที่ ๒ – ๘ เมษายน ๒๕๖๗ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ประกอบด้วย            - การเสวนาทางวิชาการ “สุดยอดการค้นพบใหม่” ในทศวรรษที่ผ่านมาของกรมศิลปากร ระหว่างวันที่ ๓ – ๘ เมษายน ๒๕๖๗ ตั้งแต่เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๘.๐๐ น. ณ ห้องประชุมดำรงราชานุภาพ โดยจัดการเสวนาวันละ ๓ หัวข้อ รวม ๑๘ เรื่อง อาทิ ๑๐ สุดยอดโบราณวัตถุหายากที่สูญหายไปจากความทรงจำ, ผ่าโลกใต้พิภพเกาะกรุงรัตนโกสินทร์, ทศวรรษแห่งการค้นพบเรือโบราณพนมสุรินทร์ : เรือโบราณที่เก่าที่สุดในประเทศไทย, ข้อมูลใหม่จากวรรณกรรมอำพราง, การค้นพบหลักฐานใหม่สมัยทวารวดีในรอบทศวรรษ, ข้อมูลใหม่ด้านโบราณคดีของเมืองโบราณยะรัง เมืองโบราณสำคัญที่ปลายด้ามขวาน สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมการเสวนาล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์กรมศิลปากร https://www.finearts.go.th/main/view/48102 หรือรับชมผ่านทาง facebook live: กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม            - การแสดงนาฏศิลป์และดนตรี ระหว่างวันที่ ๒ – ๗ เมษายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๘.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. ณ เวทีกลางแจ้ง โดยสำนักการสังคีต กรมศิลปากร มีการแสดงที่น่าสนใจ เช่น การแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ การแสดงละครนอก เรื่องแก้วหน้าม้า การแสดงละครตำนานพื้นบ้าน เรื่อง สงกรานต์ ละครเรื่อง อานุภาพพ่อขุนรามคำแหง              - การแสดงคอนเสิร์ต “เพชรในเพลง” ในวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๗.๓๐ – ๑๙.๓๐ น. ณ เวทีกลางแจ้ง พบกับศิลปินที่ได้รับรางวัลเพชรในเพลง อาทิ รวงทอง ทองลั่นธม หนู มิเตอร์ เปาวลี พรพิมล ธนพร แวกประยูร นัน อนันต์ อาศัยไพรพนา บรรเลงโดยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร           ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยทุกคนซึ่งล้วนมีส่วนเป็นเจ้าของมรดกวัฒนธรรมของชาติเข้าร่วมกิจกรรมในงานสัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และร่วมใจกันอนุรักษ์ ส่งเสริม และฟื้นฟู ตลอดจนถ่ายทอดความรู้ ปลูกฝังความรักและความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทยให้แก่ลูกหลาน เพื่อรักษาไว้เป็นมรดกล้ำค่าให้ยั่งยืนสืบไป


ชื่อโบราณวัตถุ : ภาชนะดินเผาทรงบาตรแบบศิลปะ : สมัยก่อนประวัติศาสตร์ชนิด :  ดินเผาขนาด : สูง 18 เซนติเมตร ปากกว้าง 16.3 เซนติเมตรอายุสมัย : วัฒนธรรมบ้านเชียงสมัยต้น 4,500 - 3,000 ปีมาแล้วลักษณะ : ภาชนะดินเผาทรงบาตร มีสัน มีการตกแต่งด้วยลายเชือกทาบ ขูดขีด ปั้นแปะ และรมควันให้เป็นสีดำสภาพ : ...ประวัติ : ...สถานที่จัดแสดง :พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานีแสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่  http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/banchiang/360/model/05/ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/banchiang


มหาวิทยาลัยขอนแก่น (เวลา 14.00 - 15.00 น.) จำนวน 25 คนคณะผู้บริหาร และบุคลากร จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น จ.ขอนแก่น จำนวน ๒๕ คน เข้าศึกษาดูงาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์ โดยมีว่าที่ร้อยตรี รุ่งเรือง ชื่นชม ตำแหน่งพนักงานประจำพิพิธภัณฑ์ เป็นวิทยากรนำชม ในครั้งนี้


งานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันฉัตรมงคล 4 พฤษภาคม 2567 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล อำนวยเพลงโดย ดร.วานิช โปตะวนิช ขับร้องโดย คีตศิลปินสากล กรมศิลปากร ควบคุมการแสดงโดย ธนู รักษาราษฎร์ ผู้อำนวยการวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร


ชื่อเรื่อง                                นิสัยจตุวีก(นิไสจตุวีก) สพ.บ.                                  438/1ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           80 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 40 ซม.หัวเรื่อง                                 พระพุทธศาสนา บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ-ทองทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


         ชามดินเผา          - อายุสมัย ก่อนประวัติศาสตร์          - ชนิด ดินเผา          - ขนาด กว้าง ๑๔.๘ ซม. สูง ๖.๒ ซม.          ได้จากการขุดค้นของคณะสำรวจไทย-เดนมาร์ก พ.ศ.๒๕๐๓-๒๕๐๕ ที่ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี   แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=40385   ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th


             พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย ขอเชิญชวนไปเที่ยวงานเทศกาลไหว้พระนอน ประจำปี 2567 จัดโดยอำเภอสูงเนิน ระหว่างวันที่ 12 - 14 กรกฎาคม 2567 ณ วัดธรรมจักรเสมาราม อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งนับเป็นงานบุญ งานสำคัญประจำปีงานหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา นอกจากจะมีซุ้มนิทรรศการและกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว ยังมีกิจกรรมเสวนาเรื่อง “หินตั้ง : จากวัฒนธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์สู่เสมาศักดิ์สิทธิ์ในพุทธศาสนา” ในวันที่ 13 กรกฎาคม.2567 เวลา 17.30 น. ร่วมพูดคุยเรื่องหินตั้งและวัฒนธรรมการปักเสมาโดยมุมมองจาก 3 ด้าน ได้แก่ ด้านวิชาการ โดยรศ.ดร.รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เจ้าของผลงานหลักหิน-ใบเสมาในวัฒนธรรมทวารวดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ด้านการจัดการมรดกทางวัฒนธรรม โดยคุณทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา มุมมองของคนบ้านหินตั้งกับการใช้ชีวิตร่วมกับโบราณสถาน โดยคุณเอนก. หุนสูงเนิน คุณเปรมฤดี ลาสูงเนิน คน “บ้านหินตั้ง” ดำเนินรายการโดยคุณจิตจา ที่หนองสังข์ คน “สูงเนิน” สามารถรับชมการถ่ายทอดสด Facebook Live และรอติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่เฟซบุ๊ก เพจ Phimai National Museum:พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย             นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรม "กรมศิลป์ชวนตามรอย คนก่อนสูงเนิน" ที่จะพาทุกท่านทัวร์ชมโบราณสถานสำคัญในพื้นที่อำเภอสูงเนิน ฟรี !! วันที่ 12 - 14 กรกฎาคม 2567 วันละ 2 รอบ 10.30 น. และ 13.30 น.  (เวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม)  ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนผ่านเฟซบุ๊ก เพจ Phimai National Museum:พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย หรือพบกันที่บูธกิจกรรม ณ วัดธรรมจักรเสมาราม อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา *พิเศษ ! รับจำนวนจำกัดเพียง 30 ท่าน/รอบ