ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ

ส่งเสริมการอ่านผ่าน Facebook กับหอสมุดแห่งชาติชลบุรี เรื่อง วันหนังสือโลก (World Book Day) วันหนังสือโลก หรือ วันหนังสือและลิขสิทธิ์โลก (World Book and Copyright Day) ตรงกับวันที่ ๒๓ เม.ย. ของทุกปี ริเริ่มและดำเนินการโดยยูเนสโก เพื่อประชาสัมพันธ์การอ่าน การตีพิมพ์ และลิขสิทธิ์ โดยเริ่มครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๕๓๘


       รถไฟจำลอง        สมัยรัตนโกสินทร์ ปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๔        สมบัติเดิมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร        ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ ห้องรัตนโกสินทร์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร        รถไฟจำลอง เป็นรถไฟขนาดเล็กซึ่งย่อส่วนมาจากรถไฟไอน้ำของจริง ประกอบด้วยส่วนหัวรถจักรไอน้ำประเภทมีปล่องควัน ประดับอักษรโรมันคำว่า VICTORIA ถัดมาคือรถพ่วงบรรทุกถ่านหิน มีตู้โดยสารชั้นหนึ่งที่ประตูห้องโดยสารเขียนว่า First Class 102  ตู้โดยสารชั้นสามที่ประตูห้องโดยสารเขียนคำว่า THIRD CLASS 1000 และรถพ่วงคันสุดท้ายสันนิษฐานว่าเป็นตู้บรรทุกของ        รถไฟจำลองชิ้นนี้เป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการที่ เซอร์ แฮรี่ สมิท ปาร์ค (Sir Harry Smith Parkes) หรือในพงศาวดารไทยออกนามว่า “ฮาริปาก” ราชทูตอังกฤษ เป็นผู้นำมาน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) ดังความในพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๔ ของเจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี กล่าวว่า        “...ครั้น ณ วันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๐ ค่ำ* มิศเตอฮาริปากกับขุนนางอังกฤษ 17 นาย เข้าเฝ้าออกใหญ่ถวายพระราชสาสน์ ณ พระที่นั่งดุสิดามหาปราสาท ถวายเครื่องมงคลราชบรรณาการอย่างรถไฟ 1 อย่างกำปั่นไฟ 1 กระจกฉากรูปกวินวิกตอเรียเมื่อได้รับราชาภิเษก 1 เมื่อมีพระราชบุตรทั้งแปด 1 (รวม) 2 ฉาก กับเครื่องเขียนสำรับ 1 เครื่องคิดเลขสำรับ 1 เครื่องโต๊ะกาไหล่เงินสำรับ 1 แลของต่าง ๆ เป็นอันมาก เจ้าพนักงานในตำแหน่งทั้งปวงมารับไปต่อมือฮาริปาก...”       ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงโปรดให้นำรถไฟจำลองชิ้นนี้จัดแสดงอยู่ในหอมิวเซียม (ศาลาสหทัยสมาคม ในปัจจุบัน) ในพระบรมมหาราชวัง กระทั่ง พ.ศ. ๒๔๓๐ จึงโปรดให้ย้ายมาเก็บรักษาไว้ที่หอมิวเซียม พระราชวังบวรสถานมงคล เรื่อยมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๗ เมื่อโปรดให้ตั้งพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร ระยะแรกรถไฟจำลองชิ้นนี้จัดแสดงอยู่ ณ พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข หมู่พระวิมาน         ครั้นในวาระครบรอบการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี กรมศิลปากรได้ย้ายรถไฟจำลองชิ้นนี้มาจัดแสดง ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ภายใต้ชื่อ “นิทรรศการประวัติศาสตร์ชาติไทย” นิทรรศการชุดนี้จัดแสดงอยู่ถึง พ.ศ. ๒๕๕๘ การจัดแสดงภายในพระที่นั่งศิวโมกขพิมานได้เปลี่ยนเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน ส่วนรถไฟจำลองได้ย้ายมาจัดแสดงอยู่ที่ห้องรัตนโกสินทร์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์         ความสำคัญของรถไฟจำลองชิ้นนี้ นอกจากเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับอังกฤษ นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ยังเป็นตัวอย่างรถไฟชิ้นแรกที่เข้ามาในไทย ซึ่งเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับคนไทยในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๔ ดังเช่นการพรรณนาเกี่ยวกับรถไฟ ของ หม่อมราโชทัย (ม.ร.ว. กระต่าย อิศรางกูร) ในเรื่อง นิราศลอนดอน เป็นต้น . *ตรงกับวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๘    อ้างอิง กรมศิลปากร. นำชมห้องจัดแสดงประวัติศาสตร์ชาติไทย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๔๕. ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค), เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร รัชกาลที่ ๔. พิมพ์ครั้งที่ ๖. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, ๒๕๔๘. ราชบัณฑิตยสภา. อธิบายว่าด้วยหอพระสมุดวชิรญาณ แลพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร. พระนคร: โสภณพิพรรฒธนากร, ๒๔๖๙. ราโชทัย, หม่อม [ม.ร.ว.กระต่าย อิศรางกูร]์. นิราศลอนดอน. กรุงเทพฯ: องค์การค้าคุรุสภา, ๒๕๐๔.



          กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักบริหารกลาง กรมศิลปากร เปิดรับสมัครนักวิชาการโสตทัศนศึกษา จำนวน ๑ ตำแหน่ง (ลูกจ้างชั่วคราว) วุฒิปริญญาตรี (สาขาที่เกี่ยวข้อง) อัตราค่าจ้างเดือนละ ๑๕,๐๐๐ บาท  สมัครได้ตั้งแต่วันที่ ๑๓ กรกฎาคม – ๘ สิงหาคม ๒๕๖๖ ในวันเวลาราชการ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการสมัคร สามารถอ่านรายละเอียดและดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่เว็บไซต์กรมศิลปากร https://www.finearts.go.th/promotion/view/43254 หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐ ๒๑๖๔ ๒๕๐๑ - ๒ ต่อ ๓๐๓๔, ๓๐๔๔


ชื่อเรื่อง                      ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏธกถา ขุทฺทกนิกายฏธกถ (ธมฺมปทขั้นปลาย)อย.บ.                           240/7หมวดหมู่                     พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               56 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ; ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง                        พุทธ                                      ศาสนา                                                           บทคัดย่อ/บันทึก     เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับทองทึบ


องค์ความรู้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านตั๋วเมืองน่ารู้...ร่วมอนุรักษ์และสืบสานอักษรธรรมล้านนาตอน "งาช้างดำ"--- งาช้างดำ เดิมเป็นสมบัติของเจ้าผู้ครองนครน่าน ที่รักษาสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน ซึ่งยังคงอยู่คู่กับหอคำ หรืออาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน มาจนถึงปัจจุบัน--- ลักษณะเป็นงาปลี (งาที่มีความยาวไม่มากนัก แต่มีวงรอบขนาดใหญ่) สีน้ำตาลเข้ม มีจารึกอักษรธรรมล้านนา ถอดความเป็นภาษาไทยว่า "กิ่งนี้หนักหนึ่งหมื่นห้าพัน" ขนาดของงาช้างดำยาว ๙๗ เซนติเมตร วัดโดยรอบตรงส่วนที่กว้างที่สุดได้ ๔๗ เซนติเมตร มีโพรงตอนโคนลึก ๑๔ เซนติเมตร มีน้ำหนัก ๑๘ กิโลกรัม --- จากการศึกษาทางวิชาการพบว่า เป็นงาช้างตันที่ถูกถอดมาจากตัวช้าง โดยช้างเจ้าของงาน่าจะมีอายุ ๖๐ ปี สันนิษฐานว่าเป็นงาช้างข้างซ้าย เพราะมีรอยเสียดสีกับงวงชัดเจน--- อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่างาช้างดำกิ่งนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร แต่มีตำนานและความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับงาช้างดำ ดังนี้--- ตำนานที่ ๑ กล่าวว่าพญาการเมือง เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ ๖ แห่งราชวงศ์ภูคา (ครองเมืองพุทธศักราช ๑๘๙๖ - ๑๙๐๖) ได้ทำพิธีสาปแช่งให้งาช้างดำกิ่งนี้เป็นของคู่บ้านคู่เมืองน่านตลอดไป ห้ามผู้หนึ่งผู้ใดนำไปเป็นสมบัติส่วนตัว ต้องไว้ที่หอคำหรือวังเจ้าผู้ครองนครน่านเท่านั้น เมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงแก่พิราลัย ในพุทธศักราช ๒๔๗๔ เจ้านายบุตรหลานจึงได้มอบงาช้างดำให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน--- ตำนานที่ ๒ กล่าวว่าในสมัยเจ้าสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ ๕๗ (ครองเมือง พ.ศ.๒๓๕๓ - ๒๓๖๘) มีพรานคนเมืองน่านเข้าป่าล่าสัตว์ไปถึงเขตแดนระหว่างไทยกับเชียงตุง ได้พบซากช้างตัวดำสนิทตายอยู่ในห้วย พอดีกับพรานชาวเชียงตุงมาพบด้วย พรานทั้งสองจึงแบ่งงาช้างดำกันคนละกิ่ง ต่างคนต่างก็นำมาถวายเจ้าเมือง ต่อมาเจ้าเมืองเชียงตุงได้ส่งสารมาทูลเจ้าสุมนเทวราชว่า ตราบใดที้งาช้างดำคู่นี้ไม่สูญหาย เมืองน่านกับเมืองเชียงตุงจะเป็นมิตรไมตรีกันตลอดไป--- ตำนานที่ ๓ กล่าวว่ากองทัพเมืองน่านยกทัพไปล้อมเมืองเชียงตุงหลายเดือน  ทำให้ชาวเมืองเชียงตุงเดือดร้อน โหรเมืองเชียงตุงทูลเจ้าเมืองว่าเป็นเพราะมีงาช้างดำอยู่ด้วยกัน ทางที่ดีควรแยกกันอยู่ จึงได้นำงาช้างดำกิ่งหนึ่งมอบให้กองทัพเมืองน่าน แล้วกระทำสัตย์สาบานเป็นมิตรไมตรีกันตลอดไป--- ส่วนฐานที่เป็นครุฑแบกรับงาช้างอยู่นั้น ทำจากไม้สักทั้งท่อน สร้างขึ้นในพุทธศักราช ๒๔๖๙ เนื่องจากในช่วงเวลานั้นมีข่าวว่าเจ้าเมืองทางเหนือบางเมืองแข็งข้อก่อกบฏ เจ้าเมืองน่านจึงให้ทำครุฑขึ้นมาแบกงาช้างดำ วัตถุคู่บ้านคู่เมือง เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ให้เห็นว่า นครน่านยังจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ไม่เสื่อมคลาย#องค์ความรู้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน #อักษรธรรมล้านนา


            พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี เชิญชมนิทรรศการหมุนเวียน "Object of the Month" วัตถุจากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี ประจำเดือนมกราคม ๒๕๖๗ เชิญพบกับ "คันฉ่องสำริด"              โบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ ได้แก่ "คันฉ่องสำริด" มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๐.๗ เซนติเมตร วัสดุเป็นสำริด อายุสมัยอยุธยา พบในจังหวัดสุพรรณบุรี โดยสำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี มอบในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี มีลักษณะเป็นแผ่นรูปกลมแบน ด้านที่ใช้สำหรับส่องหน้ามีขอบมน ผิวแบนเรียบ ด้านหลังยกขอบเป็นสันขึ้นมา ใกล้ขอบตกแต่งลายขีดวงกลมซ้อนกัน ๒ เส้น             ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ "คันฉ่องสำริด" ได้ในเดือนมกราคม ๒๕๖๗ เปิดวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ปิดวันจันทร์ - วันอังคาร  ณ ห้องโถงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๓๕๕๓ ๕๓๓๐ หรือเฟสบุ๊ก: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี


องค์ความรู้เรื่อง ขมิ้น เรียบเรียง นางสาวกาญจนา ศรีเหรา บรรณารักษ์


           พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จังหวัดลพบุรี ขอเชิญรับชมรับฟังรายการ "เสาร์นี้...มี LIVE" โดยในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 ร่วมพูดคุยในหัวข้อ "ว่าด้วยโบราณวัตถุ & ศิลปวัตถุ" สามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ : King Narai National Museum ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป




            พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร จัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ทุกวันเสาร์ – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัว เด็กและเยาวชน ได้ร่วมทำกิจกรรมศิลปะ ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และสานความสัมพันธ์กับคนในครอบครัว โดยกิจกรรมจะหมุนเวียนเปลี่ยนรูปแบบทุกเดือน             พบกับกิจกรรม D.I.Y. กุหลาบแสนสวยจากแผงไข่ ได้ทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ ตลอดเดือนมิถุนายน ๒๕๖๗ ณ อาคารจัดแสดงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร เลขที่ ๑๒๐ ถนนปิ่นดำริห์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองฯ จังหวัดกำแพงเพชร            ขอเชิญชวนผู้สนใจร่วมกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ได้ทุกวันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร ติดตามรายละเอียดกิจกรรมแต่ละเดือนได้ทางเฟซบุ๊ก เพจ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร : Kamphaeng Phet National Museum” https://www.facebook.com/kamphaengphetnationalmuseum สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๕๕๗๑ ๑๕๗๐


           ศูนย์หนังสือกรมศิลปากร ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปากร ปี ๒๕๖๗ เพื่อรับนิตยสารศิลปากรจำนวน ๖ ฉบับ (ออกทุก ๒ เดือน) เพียงปีละ ๖๐๐ บาท สมัครตอนนี้ รับฟรี!!! หนังสือกากีคำกลอนและลิลิตกากี และหนังสือไตรภูมิกถา หรือ ไตรภูมิพระร่วง พระราชนิพน์พระมหาธรรมราชาที่ ๑ ลิไทย รายการละ ๑ เล่ม ผู้ที่สนใจสมัครสมาชิกได้ที่ร้านหนังสือกรมศิลปากร (อาคารเทเวศร์) ชั้น ๑ โทรศัพท์ ๐-๒๑๒๖-๖๖๖๐ และ ๐-๒๑๖๔-๒๕๐๑ ต่อ ๓๐๔๒ , ๑๐๐๔ ระหว่างวันจันทร์ - วันศุกร์ (ในวันและเวลาราชการ) หรือสอบถามเพิ่มเติม Facebook : นิตยสารศิลปากร, Facebook : ศูนย์หนังสือกรมศิลปากร 



               นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากรได้อนุมัติงบประจำปีงบประมาณ 2568 (งบฉุกเฉิน) จำนวน 2 ล้านบาท บูรณะโบราณสถานพลับพลา ร.7 ในโครงการบูรณะโบราณสถานตามรอยเสด็จประพาสน้ำตกกะช่องเพื่อเสริมการท่องเที่ยวเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ตำบลช่อง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง                 อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ 11สงขลา ได้ดำเนินโครงการฯ มาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 แต่ไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้ เนื่องจากการขออนุญาตใช้พื้นที่จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด และสวนพฤกษศาสตร์เขาช่อง ยังไม่ได้รับการอนุมัติเห็นชอบใช้พื้นที่ ทั้งนี้ กรมศิลปากรไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังคงหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อเดือนมกราคม 2567 ได้รับแจ้งว่า อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาเห็นชอบให้ใช้พื้นที่ และมอบหมายให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด และสวนพฤกษศาสตร์เขาช่อง ร่วมกับสำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา กรมศิลปากร ดำเนินโครงการบูรณะดังกล่าว ขณะนี้ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบหลักเขตโบราณสถานและประชุมหารือแนวทางในการบูรณะโบราณสถานพลับพลา ร.7 ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด และศาลาแปดเหลี่ยม ซึ่งตั้งอยู่ในเขตสวนพฤกษศาสตร์เขาช่อง ตำบลช่อง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง เพื่อดำเนินการบูรณะต่อไป               พลับพลา ร.7 เป็นอาคารประทับพักร้อนริมน้ำตกโตนใหญ่ และได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ.2455 ว่า “ธารหทัยสำราญ” โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอาคารที่มีชื่อว่า “ตำหนักโปร่งฤทัย” ซึ่งพระยารัษฎานุประดิษฐ์ มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) สมุหเทศาภิบาลมณฑลภูเก็ต สร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เมื่อ พ.ศ. 2452 ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ในคราวเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลภูเก็ตได้เสด็จมาเสวยพระกระยาหาร ณ พลับพลาแห่งนี้ จึงได้รับการเรียกชื่อว่า “พลับพลา ร.7” ตราบจนมาถึงปัจจุบัน                กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานตำหนักโปร่งฤทัย (พลับพลา ร.5) ในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 113 ตอนพิเศษ 50 ง วันที่ 18 ธันวาคม 2539 ซึ่งในช่วงที่กรมศิลปากรสำรวจขึ้นทะเบียนตำหนักโปร่งฤทัยเป็นโบราณสถานนั้น ตัวตำหนักได้ปรักหักพังไปหมดแล้ว  จึงได้กำหนดขึ้นทะเบียนศาลาริมทาง 2 แห่ง เพื่อเป็นอนุสรณ์การเสด็จคือ ศาลาแปดเหลี่ยมที่น้ำตกโตนน้อย และพลับพลา ร.7 ที่น้ำตกโตนใหญ่ ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ตำบลช่อง อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง


black ribbon.