ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 41,355 รายการ
กองโบราณคดีใต้น้ำ ตรวจรับครุภัณฑ์ประจำปีงบประมาณ 2563 เครื่องมือสำรวจธรณีฟิสิกส์ Ground Penetration Radar (GPR) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสแกนตรวจสอบใต้พื้นผิว ด้วยการส่งสัญญาณคลื่นผ่านพื้นผิวลงไปแล้วสะท้อนกลับมาแสดงผลบนหน้าจอ โดยจะช่วยในการวิเคราะห์สิ่งที่ตรวจพบใต้พื้นผิว กองโบราณคดีใต้น้ำ มีแผนการใช้เครื่อง GPR ในการค้นหาแหล่งโบราณคดีบริเวณชายฝั่งหรือชายหาด เพื่อช่วยกำหนดตำแหน่งขุดค้นทางโบราณคดี
กรมศิลปากร โดยสำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญชม “นิทรรศการวารสาร และนิตยสารฉบับแรก” ระหว่างวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน - ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ ณ ห้องวชิรญาณ ๒ - ๓ ชั้น ๑ อาคาร ๒ สำนักหอสมุดแห่งชาติ ถนนสามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ นิทรรศการวารสาร และนิตยสารฉบับแรก เป็นกิจกรรมภายใต้โครงการพัฒนาและส่งเสริมหอสมุด แห่งชาติ เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยนำวารสาร และนิตยสารฉบับแรก หรือฉบับปฐมฤกษ์ ที่จัดเก็บและให้บริการที่สำนักหอสมุดแห่งชาติ มาจัดแสดงแบ่งเนื้อหาออกเป็น ๕ ส่วน ประกอบด้วย ส่วนที่ ๑ ประวัติความเป็นมาของวารสารในประเทศไทย จัดแสดงวารสาร นิตยสารหายาก ที่เผยแพร่ ก่อนปี พ.ศ. ๒๕๐๐ อาทิ บางกอกรีคอร์เดอร์ จัดทำโดยหมอบรัดเลย์และคณะมิชชันนารีชาวอเมริกา หนังสือราชกิจจานุเบกษา ที่จัดพิมพ์ขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ นิตยสารดรุโรนาท นิตยสารฉบับแรกของคนไทย ที่จัดพิมพ์โดยคนไทย ส่วนที่ ๒ วารสารและนิตยสาร จัดแสดงตามช่วงระยะเวลา ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ – ๒๕๕๙ ส่วนที่ ๓ วารสารและนิตยสาร แบ่งตามประเภทเนื้อหา ส่วนที่ ๔ วารสารของหน่วยงานภาครัฐ เช่น นิตยสารศิลปากร วารสารวิชาการหอสมุดแห่งชาติ ส่วนที่ ๕ วารสาร นิตยสารอิเล็กทรอนิกส์ และผลงานของอาจารย์ศุภชัย ราชพิตร ผู้ที่มอบวารสาร และนิตยสารฉบับปฐมฤกษ์ที่สะสมไว้ให้กับสำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญผู้สนใจชมความเป็นมาของวารสารและนิตยสารในประเทศไทยตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ. ๒๕๐๐ และการเปลี่ยนแปลงของวารสารและนิตยสารในช่วงเวลาต่าง ๆ ว่ามีความแตกต่างจากวารสาร และนิตยสารในยุคปัจจุบันอย่างไร ณ ห้องวชิรญาณ ๒ - ๓ ชั้น ๑ อาคาร ๒ สำนักหอสมุดแห่งชาติ ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓
ชื่อเรื่อง กลอนจารึกแต่งประทีปที่บางปะอิน เมื่องานรัชฎาภิเศก ในรัชชการที่ 5ผู้แต่ง -ประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ วรรณกรรมเลขหมู่ 895.91120082 ก294หสถานที่พิมพ์ พระนครสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากรปีที่พิมพ์ 2474ลักษณะวัสดุ 72 หน้า หัวเรื่อง พระนครศรีอยุธยา -- ประวัติศาสตร์ กลอนภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก เนื้อหาประกอบด้วยพระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าเหมวดี โปรดให้พิมพ์แจกในงานศพเจ้าจอมมารดาเหม รัชชกาลที่ รัชกาลที่ 5 ครบปัญญาสมวาร เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2474
วัดไทรอารีรักษ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลโพธาราม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
ประวัติ วัดไทรอารีรักษ์เป็นวัดของชาวมอญ ซึ่งอพยพย้ายถิ่นมาอยู่ในแถบริมแม่น้ำแม่กลอง ในเขตอำเภอบ้านโป่งและอำเภอโพธาราม สร้างขึ้นเมื่อประมาณสมัยรัชกาลที่ ๕ เดิมชื่อว่า วัดวิหาร ภาษารามัญ เรียกว่า “เพี้ยชาย”
สิ่งสำคัญในวัดไทรอารีรักษ์ มีดังนี้
อุโบสถ ลักษณะเป็นอาคารทรงไทยก่ออิฐถือปูน มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมใหม่ อุโบสถสร้างอย่างท้องถิ่นภาคกลาง หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ด้านหน้าและด้านหลังมีมุขลดด้านละ ๑ ห้อง ช่อฟ้าใบระกาปูนปั้นประดับกระจก หน้าบันตกแต่งด้วยปูนปั้นลายพันธุ์พฤกษา ผนังก่ออิฐถือปูนด้านหน้ามีประตูทางเข้า ๒ ประตู มีซุ้มประตูซึ่งทำขึ้นใหม่ ด้านข้างซุ้มประตูมีภาพเขียนรูปทหารแต่งเครื่องแบบยืนตรง มือขวาถือปืนยาวแนบลำตัว และภาพร่างด้วยดินสอเป็นภาพยักษ์ถือตะบอง ส่วนกลางผนังระหว่างซุ้มประตูมีภาพพุทธประวัติ ปางเสด็จลงจากดาวดึงส์ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ทางวัดได้จัดสร้างซุ้มประตูขึ้นทับภาพเขียนพระอัครสาวกทั้งสองจนเกือบหมด ผนังสกัดด้านหลังมีประตูทางเข้า ๑ ประตู ซุ้มประตูเป็นภาพเขียนรูปซุ้มยอดปราสาทข้างซุ้มประตูทั้งสองด้านเป็นรูปยักษ์ยืนถือตะบอง กรอบประตูด้านในเป็นภาพทวารบาล ส่วนพื้นฝาผนังด้านบนเขียนภาพพุทธประวัติ ตอน เสด็จโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ ส่วนกลางเป็นภาพพระอาทิตย์และพระจันทร์ทรงรถ และหมู่ดวงดาวต่างๆ ด้านขวาสุดเป็นภาพรามสูรขว้างขวาน ด้านซ้ายสุดเป็นภาพนางมณีเมขลาล่อแก้ว ผนังส่วนล่างเป็นภาพพระพุทธเจ้าแสดงปางต่างๆ เช่น ปางนาคปรก ปางป่าเลไลย์ และปางเสด็จลงจากดาวดึงส์
อุโบสถ
อุโบสถ ลักษณะเป็นอาคารทรงไทยก่ออิฐถือปูน มีกำแพงแก้วล้อมรอบ ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมใหม่ อุโบสถสร้างอย่างท้องถิ่นภาคกลาง หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ด้านหน้าและด้านหลังมีมุขลดด้านละ ๑ ห้อง ช่อฟ้าใบระกาปูนปั้นประดับกระจก หน้าบันตกแต่งด้วยปูนปั้นลายพันธุ์พฤกษา ผนังก่ออิฐถือปูนด้านหน้ามีประตูทางเข้า ๒ ประตู มีซุ้มประตูซึ่งทำขึ้นใหม่ ด้านข้างซุ้มประตูมีภาพเขียนรูปทหารแต่งเครื่องแบบยืนตรง มือขวาถือปืนยาวแนบลำตัว และภาพร่างด้วยดินสอเป็นภาพยักษ์ถือตะบอง ส่วนกลางผนังระหว่างซุ้มประตูมีภาพพุทธประวัติ ปางเสด็จลงจากดาวดึงส์ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ทางวัดได้จัดสร้างซุ้มประตูขึ้นทับภาพเขียนพระอัครสาวกทั้งสองจนเกือบหมด ผนังสกัดด้านหลังมีประตูทางเข้า ๑ ประตู ซุ้มประตูเป็นภาพเขียนรูปซุ้มยอดปราสาทข้างซุ้มประตูทั้งสองด้านเป็นรูปยักษ์ยืนถือตะบอง กรอบประตูด้านในเป็นภาพทวารบาล ส่วนพื้นฝาผนังด้านบนเขียนภาพพุทธประวัติ ตอน เสด็จโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ ส่วนกลางเป็นภาพพระอาทิตย์และพระจันทร์ทรงรถ และหมู่ดวงดาวต่างๆ ด้านขวาสุดเป็นภาพรามสูรขว้างขวาน ด้านซ้ายสุดเป็นภาพนางมณีเมขลาล่อแก้ว ผนังส่วนล่างเป็นภาพพระพุทธเจ้าแสดงปางต่างๆ เช่น ปางนาคปรก ปางป่าเลไลย์ และปางเสด็จลงจากดาวดึงส์
ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธานปูนปั้น ปางมารวิชัย ด้านข้างซ้าย-ขวามีพระอัคร-สาวกยืนพนมมือ ที่ฐานชุกชีด้านหน้าพระประธาน ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่ง ปางมารวิชัยจำนวน ๑ องค์ และพระพุทธรูปขนาดเล็กอีกหลายองค์ ทั้งหมดเป็นพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ ที่ฝาผนังด้านในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ ๕ มีตัวหนังสือระบุว่าเขียนขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๕๑ ผนังด้านหน้าเหนือกรอบประตูเป็นภาพเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ตอน เสด็จมหาปรินิพพาน ผนังด้านหลังพระประธานแบ่งออกเป็นสองแนว ตอนบนเป็นภาพพระพุทธรูปปางไสยาสน์ประดิษฐานอยู่ในปราสาท ๔ หลังเรียงเป็นแถวต่อกัน มีเหล่าเทวดาและนางอัปสรมาเฝ้า ตอนล่างเป็นพระพุทธรูปประทับนั่ง แสดง ปางสมาธิ อยู่ในปราสาท ๔ หลังเรียงต่อกัน
ภาพจิตรกรรม
ผนังด้านข้างทั้งสองด้านมีภาพจิตรกรรม เฉพาะส่วนที่อยู่เหนือกรอบหน้าต่างโดยลักษณะการเขียนภาพจะแบ่งเป็นแนวยาวสองแนว แถวบนเป็นภาพพระอดีตพุทธเจ้า ประทับนั่งอยู่บนบัลลังก์แสดงปางสมาธิ มีรัศมีเป็นรูปดอกไม้รอบพระเศียร ด้านข้างเป็นภาพพระอัครสาวกนั่งพนมมือและฉัตรรูปพุ่มดอกไม้ ส่วนบนเป็นภาพดอกไม้ร่วง แถวที่สองเป็นภาพพุทธประวัติ และขบวนแห่ไปนมัสการมณฑปพระพุทธบาท
วิหาร
วิหาร ตั้งอยู่ภายในกำแพงแก้ว ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมใหม่ ลักษณะเป็นอาคารทรงไทยก่ออิฐถือปูน หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องซ้อนกัน ๓ ตับ ด้านหน้ามีพาไลยื่นออกมามีเสาปูนสี่เหลี่ยมรองรับ ๔ ต้น ช่อฟ้าใบระกาและหางหงส์ปูนปั้นประดับกระจก หน้าบันปูนปั้นประดับกระจกลวดลายพันธุ์พฤกษา ด้านหน้าพระวิหารมีระเบียงเตี้ยและประตูก่ออิฐถือปูนเตี้ย ผนังสกัดด้านหน้ามีประตูทางเข้า ๒ ประตู ผนังสกัดด้านหลังทึบ ผนังด้านข้างมีหน้าต่าง ๕ ช่อง บานประตูและหน้าต่างเป็นไม้ทาสีแดง ภายในวิหารประดิษฐานมีซุ้มทรงจินคลุมรอบพระพุทธบาท มีการเขียนจิตรกรรมลวดลายและเรื่องราวอย่างจีนประดับอยู่โดยรอบ
หอระฆัง
หอระฆัง อาคารไม้ทรงไทยสูง ปัจจุบันได้รับการบูรณะใหม่ ลักษณะเป็นอาคารยกพื้นสูง ชั้นล่างสุดเป็นฐานซีเมนต์ทรงสี่เหลี่ยม มีระเบียงล้อมรอบและบันไดซีเมนต์เป็นทางขึ้น ส่วนบนเป็นอาคารไม้ มีทั้งหมด ๘ เสา โดยหอระฆังเป็นอาคารทรงไทยรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็ก หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง มีช่อฟ้า รวยระกาและหางหงส์ หน้าบันเป็นลายไม้แกะสลักประดับกระจกมีงานไม้แกะสลักประดับเป็นระบายที่ชายคาตัวเรือนโปร่งทั้งสี่ด้านฝาไม้ขนาดเล็กลบมุมบนของแต่ละด้านด้วยการประดับแผ่นไม้แกะสลัก ประเภทที่เรียกว่า ลายขนมปังขิง โดยรอบมีระเบียงยื่นออกมาเป็นชานสำหรับพักมีหลังคาปีกนกยื่นออกมาทั้งสี่ด้านมีเสากลมรองรับ สิ่งที่สำคัญของหอระฆังนี้ก็คือ บริเวณไม้คอสองจะมีภาพจิตรกรรมเป็นภาพพุทธประวัติ และภาพหม่าเหมี่ยว แสดงภูมิทัศน์ของบ้านเรือนแบบตะวันตก เป็นภาพจิตรกรรมในสมัยรัชกาลที่ ๔-๕
ซุ้มประตูทางเข้าวัด ลักษณะเป็นประตูซุ้มทรงคล้ายศาลามีเสาสูง หลังคาเครื่องไม้มุง กระเบื้องลด ๒ ชั้น มีปั้นลมด้านบนเชิงชายประดับด้วยไม้ฉลุลาย เสาด้านข้างส่วนบนมีฝากระดานปลูกในลักษณะขวางประตูทางเข้าวัด
เจดีย์ราย
เจดีย์ราย ลักษณะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ก่อเป็นแถวภายในลานพระอุโบสถในเขตกำแพงแก้ว เป็นเจดีย์ที่มีรูปแบบพื้นบ้านก่ออิฐถือปูน ฐานเจดีย์เป็นฐานสี่เหลี่ยมซ้อนกันเป็นชั้นๆ องค์ระฆังยืดยาวย่อมุมไม้สิบสอง มีบัวรองรับปากระฆัง ส่วนยอดเป็นชุดบัวคลุ่มเถาและปลียอด เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองที่กรุงเทพฯ สืบทอดมาจากแบบอย่างของกรุงศรีอยุธยา และนิยมอยู่จนสิ้นรัชกาลที่ ๓ ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๔ ความนิยมได้เปลี่ยนไปเป็นเจดีย์ทรงระฆังแทน แต่ที่วัดไทรอารีรักษ์นี้สันนิษฐานว่าคงมีการนำรูปแบบของเจดีย์ที่นิยมสร้างกันในสมัยรัชกาลที่ ๓ กลับมาสร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๕
***หมายเหตุ สำหรับวัดมอญอื่นๆ นั้นกลุ่มโบราณคดี ยังมิได้ทำการสำรวจ ในเบื้องต้นได้ดำเนินการตรวจสอบประวัติการสร้างวัดซึ่งพบว่า ประวัติการสร้างวัดเก่าแก่ถึงสมัยกรุงธนบุรี จนถึงรัชกาลที่ ๘ แต่อย่างไรก็ตามการพิจารณาจากประวัติจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบร่วมกับสิ่งสำคัญภายในวัดด้วยเพื่อให้หลักฐานต่างๆ สอดคล้องกัน
จะเห็นได้ว่าวัดมอญเหล่านี้จะมีเอกลักษณ์ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของชาวมอญร่วมกัน เช่น เจดีย์มอญ เสาหงส์ พระพุทธรูปศิลปะมอญ เป็นต้น แม้บางวัดจะมีรูปแบบการก่อสร้างอุโบสถ วิหารในแบบศิลปะจีนปะปนอยู่บ้างก็เป็นการผสมผสานทางวัฒนธรรมผ่านกาลเวลาที่แสดงถึงการอยู่ร่วมกันของชาติพันธ์ที่หลากหลายในลุ่มแม่น้ำแม่กลองในพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง – เจ็ดเสมียนทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตาม ประเพณีและภาษามอญซึ่งแม้กาลเวลาจะผ่านไปกว่าร้อยปีแล้วก็ตามชุมชนมอญก็ยังสืบสานวัฒนธรรมของชนชาติตนเองได้อย่างเหนียวแน่นมาจนทุกวันนี้
เรียบเรียง : นางจิรนันท์ คอนเซพซิออน
นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี
หนังสืออ้างอิง
สุภาภรณ์ จินดามณีโรจน์. ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นลุ่มแม่น้ำแม่กลอง ความหลากหลายของผู้คน ชุมชน และวัฒนธรรม บ้านโป่ง-เจ็ดเสมียน ,มปท. หจก.เอราวัณการพิมพ์ , ๒๕๕๔.
สำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี กลุ่มโบราณคดี , รายงานการสำรวจโบราณสถาน จังหวัดราชบุรี ,เอกสารโรเนียว , ๒๕๓๙ -ปัจจุบัน .
เลขทะเบียน : นพ.บ.118/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 82 หน้า ; 4.7 x 57 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 66 (209-213) ผูก 2 (2564)หัวเรื่อง : สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (พระวิภงฺคปกรณา-พระสมนฺต มหาปฎฺฐาน)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ขอมภาษา : บาลี-ไทยบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.147/10ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 60 หน้า ; 4 x 51 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 90 (377-391) ผูก 10 (2564)หัวเรื่อง : ธมฺมปปทวณฺณนา ธมฺมปทฎกถา ขุทฺทกนิกายฎฐกถา (ธรรมบท)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.126/4กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 34 หน้า ; 4.5 x 50.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 73 (257-266) ผูก 1 (2564)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์ (8 หมื่น)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.16/1-3
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง : รู้ไว้ ชื่อผู้แต่ง : เสฐียรโกเศศ ปีที่พิมพ์ : 2509 สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : สำนักพิมพ์คลังวิทยา จำนวนหน้า : 336 หน้า สาระสังเขป : หนังสือของท่านเสฐียรโกเศศ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่ท่านเขียนไว้ ทุกเรื่องมีประโยชน์มากหลาย สมกับที่จะเป็นเครื่องประดับปัญญาของคนทุกคน มีบางคนมาปรารภให้ฟังว่า ท่านสามารถแทรกสำนวนขบขัน และแทรกภาษิตอันคมคายเข้าไว้ในเรื่องได้สนิทสนม หนังสือเรื่อง “รู้ไว้” อันเป็นชื่อสั้นๆ นี้ก็เหมือนกัน ได้เก็บจากที่ต่างๆ มารวมไว้ในเล่มเดียวกัน ทุกเรื่องมีประโยชน์ และเมื่อมีโอกาสภายหลังจะได้จัดเข้าเรื่องได้สะดวก
ชื่อผู้แต่ง สมพงษ์ เกรียงไกรเพชร
ชื่อเรื่อง ๑๗ สมเด็จพระสังฆราชไทย ตอนที่ ๑
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ แพร่พิทยา
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๕
จำนวนหน้า ๔๓๖ หน้า
หนังสือ ๑๗ สมเด็จพระสังฆราชไทย ประกอบด้วย พระประวัติ งานพระอนุสรณ์และบันทึกเหตุการณ์ของสมเด็จพระสังฆราชแต่ละพระองค์ ตั้งแต่สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑ ถึงองค์ที่ ๑๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ งานพระราชอนุสรณ์ในด้านต่างๆ ได้แก่ งานพระนิพนธ์ พระโอวาท คำอวยพร ตลอดจนคำสั่งสอนต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นคติเตือนใจ สำหรับเหตุการณ์ต่างๆ ได้แก่ การที่สมเด็จพระสังฆราช ทรงแนะนำ เผยแพร่คุณงามความดีของพุทธศาสนาให้แก่ชาวต่างประเทศจนเป็นที่ศรัทธาและเลื่อมใสหันมานับถือศาสนาพุทธ เป็นตัน พร้อมภาพประกอบ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก จัดนิทรรศการพิเศษ เรื่อง “เส้นสาย ลายเครื่องถ้วย” เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับลวดลายที่ประดับบนเครื่องถ้วยสุโขทัยที่นิยมในอดีต จัดแสดงระหว่างเดือนมกราคม – สิงหาคม ๒๕๖๔ นิทรรศการนี้จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับที่มา รูปแบบและลวดลายต่างๆ ที่ปรากฏบนเครื่องถ้วยสังคโลกสุโขทัย อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติให้แก่นักเรียน นักศึกษา นักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป รวมทั้งยังเป็นการสร้างสำนึกรักและหวงแหนในการร่วมกันดูแลรักษามรดกทางวัฒนธรรมในท้องถิ่น นอกจากจะได้รับความรู้จากนิทรรศการแล้ว ผู้เข้าชมยังสามารถชมลวดลายบนเครื่องสังคโลกที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายกได้อีกด้วย ขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการ “เส้นสาย ลายเครื่องถ้วย” ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สวรรควรนายก จังหวัดสุโขทัย ได้ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๔ เปิดทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ ปิดวันจันทร์ - วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐ ๕๕๖๔ ๑๕๗๑