ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,783 รายการ
ชื่อเรื่อง ภูมินามอำเภอบางบัวทองผู้แต่ง พิศาล บุญผูกประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN 978-616-505-490-4หมวดหมู่ ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ เลขหมู่ 959.312 พ757ภสถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ โครงการบริการวิชาการแก่สังคม สำนักบรรณสารสนเทศ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชปีที่พิมพ์ 2554ลักษณะวัสดุ 276 หน้า : ภาพประกอบ ; 23 ซม.หัวเรื่อง อำเภอ -- ไทย -- นนทบุรี บางบัวทอง (นนทบุรี) -- ประวัติ บางบัวทอง (นนทบุรี) -- ความเป็นอยู่และประเพณี บางบัวทอง (นนทบุรี) -- ภูมิประเทศและการท่องเที่ยวภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก รวบรวมข้อมูลสำคัญที่ทำให้ทราบความเป็นมาตั้งแต่อดีตของอำเภอบางบัวทองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
องค์ความรู้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านตั๋วเมืองน่ารู้...ร่วมอนุรักษ์และสืบสานอักษรธรรมล้านนา"หอฅำ/หอคำ" --- ตามความหมายในพจนานุกรมภาษาล้านนา หมายถึง ปราสาท, ราชวัง, เรือนของเจ้าผู้ครองแคว้น--- ในอดีตพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน คือ หอคำของเจ้าผู้ครองนครน่าน สร้างขึ้นในปีพุทธศักราช ๒๔๔๖ ในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าเมืองน่านองค์ที่ ๖๓ (ครองเมืองน่าน พุทธศักราช ๒๔๓๖ - ๒๔๖๑) บริเวณหอคำหรือคุ้มหลวงเป็นที่พำนักและที่ออกว่าราชการของเจ้าเมืองน่านในอดีต อาคารที่ใช้จัดแสดงในปัจจุบันเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนสองชั้นแบบตรีมุขหรือรูปตัวที รูปแบบผสมผสานระหว่างศิลปะไทยและศิลปะตะวันตก โครงสร้างภายในเป็นไม้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก--- หลังจากที่เจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์ที่ ๖๔ (เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้าย) ถึงแก่พิราลัย พุทธศักราช ๒๔๗๔ และเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปีพุทธศักราช ๒๔๗๕ ตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครน่านจึงถูกยุบยกเลิกไป อาคารหอคำถูกใช้เป็นศาลากลางจังหวัดน่าน ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๗๖ เป็นต้นมา--- เมื่อมีการก่อสร้างศาลากลางจังหวัดน่านหลังใหม่ขึ้น กระทรวงมหาดไทยจึงมอบอาคารหอคำพร้อมกับพื้นที่คุ้มหลวงให้กรมศิลปากร เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๑๗--- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามความในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๐๓ ตอนที่ ๒๕ วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๒๙ และได้เปิดให้บริการแก่ประชาชนอย่างเป็นทางการ โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐--- นอกจากนั้น หอคำ หรือ อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ยังได้รับการพิจารณาคัดเลือกจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เป็นอาคารอนุรักษ์ศิลปะสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทอาคารสาธารณะ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๒ และในปีพุทธศักราช ๒๕๔๖ จังหวัดน่าน โดยสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดน่าน ได้กำหนดให้ หอคำ (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน) เป็นศูนย์กลางของพื้นที่เมืองประวัติศาสตร์น่านชั้นใน (หัวแหวนเมืองน่าน) ลงวันที่ ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๖ เพื่อคุ้มครองโบราณสถาน อาคารประวัติศาสตร์ รวมทั้งปกป้องภูมิทัศน์และสิ่งแวดล้อมอันเป็นเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรมของเมืองน่าน ภายในบริเวณพื้นที่แห่งนี้ให้คงอยู่เป็นมรดกของแผ่นดินสืบไป...อ้างอิง: ศาสตราจารย์ ดร.อุดม รุ่งเรืองศรี. พจนานุกรมล้านนา - ไทย ฉบับแม่ฟ้าหลวง. เชียงใหม่; โครงการสารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคเหนือ. ปรับปรุงครั้งที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗, หน้า ๘๑๗.#องค์ความรู้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน #อักษรธรรมล้านนา
โทร. 035 535 501 - ติดต่องานบริหารเอกสาร, เรื่องทำลาย, เรื่องรับมอบเอกสาร, งานบันทึกเหตุการณ์ ต่อ 101 - ติดต่องานเอกสารจดหมายเหตุและบริการ, การทำสำเนาเอกสารจดหมายเหตุ ต่อ 108 - ติดต่องานธุรการ การเงินและพัสดุ ต่อ 101
ปราสาทเมืองแขก
ปราสาทเมืองแขก ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเสมาไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ ๔ กิโลเมตร ในเขตบ้านกกกอก ตำบลโคราช อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ก่อสร้างด้วยอิฐและ หินทราย ประกอบไปด้วยปราสาทประธานขนาบข้างด้วยปราสาทบริวาร ๒ หลังตั้งอยู่บน ฐานเดียวกัน หันหน้าไปทางทิศเหนือ ปราสาทประธานมีมณฑปยื่นออกมาข้างหน้า ส่วนปราสาทบริวารมีมุขยื่นออกมาท้งสองข้าง มีบรรณาลัย ข้างละ ๑ หลัง หันหน้าเข้าสู่ มณฑป อาคารทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว มีซุ้มประตูทางเข้าอยู่ตรงกลาง และแนว กำแพงทางด้นทิศตะวันออกมีลักษณะเป็นห้องยาว ถัดออกมาเป็นกำแพงชั้นนอก มีซุ้มประตูทางเข้าอยู่ตรงกลางโดยกำแพง ชั้นนอกนี้ด้านทิศเหนือก่อด้วยอิฐ ส่วนด้านอื่น ๆ ใช้แนวคันดินของสระน้ำรูปตัวยู (U) ที่ล้อมรอบปราสาทเป็นแนวขอบเขตด้วย ถัดออกมาเป็นอาคารขนาดใหญ่สองหลัง ตั้งหันหน้าเข้าหากัน สันนิษฐานว่าปราสาทหลังนี้สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕ โดยมีรูปแบบของ ศิลปะเขมรแบบเกาะแกร์-แปรรูป (ครึ่งหลังของพุทธศตวรรษที่ ๑๕)
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ขอเผยแพร่ องค์ความรู้ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖ เรื่อง "ไหตะเกียงสังคโลกจากเตาหมายเลข ๖๑" ไหตะเกียงสังคโลก จัดแสดง ณ ศูนย์ศึกษาและอนุรักษ์เตาสังคโลกหมายเลข ๖๑ เป็นภาชนะดินเผาสังคโลกที่มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากสังคโลกชิ้นอื่นที่พบจากการขุดค้นทางโบราณคดีแหล่งเตาบ้านเกาะน้อยหมายเลข ๖๑ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๖ มีลักษณะเป็นภาชนะทรงไหไม่เคลือบเนื้อแกร่ง (Stoneware) ปากผายกว้าง มีไหขนาดเล็กรูปทรงเดียวกันจำนวน ๔ ใบ (ชำรุดไป ๑ ใบ) ประดับอยู่ที่ไหล่ของภาชนะ บางครั้งก็เรียกว่า “หม้อมีลูก” โดยไหขนาดเล็กที่ไหล่ทั้ง ๔ ใบ ทำหน้าที่เป็นปล่องสำหรับใส่ไส้ตะเกียง ส่วนน้ำมันบรรจุภายในไห สันนิษฐานว่าภาชนะประเภทนี้ผลิตขึ้นเป็นตะเกียงใส่น้ำมันจุดเพื่อให้แสงสว่างในพิธีกรรมในศาสนสถานเป็นหลัก สัมพันธ์กับภาชนะทรงไหไม่เคลือบใบอื่นๆ ที่ขุดพบร่วมกันได้ถูกคนในสมัยสุโขทัยนำมาใช้ในการบรรจุอัฐิฝังไว้ใกล้ฐานเจดีย์และวิหาร ดังได้พบจากการขุดค้นขุดแต่งทางโบราณคดีโบราณสถานหลายแห่ง อายุสมัยไหสังคโลกนี้คงผลิตขึ้นในช่วงราวพุทธศตวรรษที่ ๒๑ จากผลการกำหนดอายุทางวิทยาศาสตร์จากชิ้นส่วนผนังเตาหมายเลข ๖๑ ด้วยวิธีเทอร์โมลูมิเนสเซนซ์ (Thermoluminescence Dating - TL) มีค่าอายุราว ๔๔๓ ±๒๙BP หรือราวปีพุทธศักราช ๒๐๒๑ - ๒๐๗๘ เป็นช่วงเวลากรุงศรีอยุธยาเข้าปกครองเมืองศรีสัชนาลัยแล้ว อันเป็นช่วงที่มีการผลิตสังคโลกเพิ่มมากขึ้นเพื่อส่งออกทำให้เกิดขยายตัวของเตาเผาสังคโลกและรูปแบบสังคโลกที่มีความหลากหลายมากขึ้น เอกสารอ้างอิงกรมศิลปากร. เซรามิกแห่งแหลมทองและแดนอาทิตย์อุทัยสานตำนานสายใยไม่เสื่อมคลายในพาณิชยวัฒนธรรมโลก(ระเบียนรูปเซรามิกไทย-ญี่ปุ่น). กรุงเทพฯ : สำนักบริหารกลาง กรมศิลปากร, ๒๕๖๕. บริษัท นอร์ทเทริ์นซัน (๑๙๓๕) จำกัด. รายงานการขุดค้นทางโบราณคดี : โครงการงานอนุรักษ์หลุมขุดค้นทางโบราณคดีภายในอาคารศูนย์ศึกษาและอนุรักษ์เตาสังคโลกหมายเลข ๖๑ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย. ปีงบประมาณ ๒๕๕๕. (เอกสารอัดสำเนา)อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย. รายงานการขุดค้นทางโบราณคดีเตาเผาสังคโลกหมาย ๖๑, ๑๗๖, ๑๗๗ และ ๑๗๘. งานโบราณคดี โครงการอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย กองโบราณคดี กรมศิลปากร ปีพุทธศักราช ๒๕๒๙-๓๐. (เอกสารอัดสำเนา)
ภาพปูนปั้นรูปนรสิงห์
- ทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔)
- ปูนปั้น
- ขนาด กว้าง ๙๓.๓ ซม. ยาว ๘๒ ซม. หนา ๕ ซม.
เดิมประดับที่ฐานลานประทักษิณด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของเจดีย์จุลประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดี เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ นรสิงห์ มีร่างกายท่อนบนเป็นสิงโต และร่างกายท่อนล่างเป็นมนุษย์ นั่งชันเข่า หันหน้าตรง แขนทั้งสองข้างท้าวอยู่บนเข่า ข้อศอกกางออกคล้ายท่าแบก
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=40072
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
คณะอนุกรรมการกลั่นกรองและพิจารณาการจัดทำหนังสือที่ระลึกงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ขยายเวลากำหนดส่งคำขอจัดทำหนังสือที่ระลึกเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567
เนื่องจากขณะนี้ยังมีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน มูลนิธิ สมาคม ชมรม หรือบริษัท/ห้าง/ร้าน ที่มีความประสงค์จะร่วมจัดทำหนังสือที่ระลึกเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จึงขยายเวลาการส่งแบบคำขอจัดทำหนังสือที่ระลึกฯ โดยขอความร่วมมือดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางการพิจารณาที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้การจัดทำหนังสือมีวัตถุประสงค์และลักษณะเนื้อหา รูปแบบ ที่ถูกต้อง เหมาะสม และกรอกแบบการขอจัดทำหนังสือที่ระลึกฯ ตามที่กำหนด ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐจะต้องผ่านการพิจารณาและกลั่นกรองจากหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่าขึ้นไป ส่วนหน่วยงานภาคเอกชนจะต้องผ่านการพิจารณาและกลั่นกรองจากหัวหน้าหน่วยงาน/องค์กร จากนั้นส่งมายัง ฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการกลั่นกรองและพิจารณาการจัดทำหนังสือที่ระลึกฯ สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร ถนนสามเสน แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2567
สามารถดูรายละเอียดหลักเกณฑ์และแนวทางการพิจารณากลั่นกรอง และดาวน์โหลดแบบการขอจัดทำหนังสือที่ระลึกฯ ได้ที่ https://shorturl.at/betJ8 หรือเว็บไซต์ nat.go.th ของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2281 1599 ต่อ 141, 143, 145 โทรสาร 0 2282 3826 E-mail: Korbokor57@gmail.com
แบบฟอร์ม พ.๓ แบบจดแจ้งการพิมพ์ เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกรายการหลักฐานการจดแจ้งการพิมพ์
กรมศิลปากร โดยสำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญผู้สนใจชมนิทรรศการ เรื่อง "ยลสยามผ่านหนังสือ Temples and Elephants” ณ ห้องวชิรญาณ 2 - 3 อาคาร 2 ชั้น 1 สำนักหอสมุดแห่งชาติ เขตดุสิต กรุงเทพฯ
นิทรรศการ เรื่อง "ยลสยามผ่านหนังสือ Temples and Elephants” จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่พระอัจฉริยภาพด้านการต่างประเทศในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับยุโรปในขณะนั้น และให้ความรู้เกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรม สภาพสังคม ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสยาม ตลอดจนการติดต่อกับชาวต่างชาติ ผ่านหนังสือ Temples and Elephants: The narrative of a journey of exploration through upper Siam and Lao เขียนโดยนายคาร์ล บ็อค นักชาติพันธุ์วิทยาชาวนอร์เวย์ เมื่อครั้งเดินทางมาสำรวจประเทศสยามในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายและได้ถูกตีพิมพ์เป็นภาษาต่างประเทศ ได้แก่ ภาษานอร์เวย์ ภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมัน ภาษาสวีเดน และภาษาฝรั่งเศส ทำให้นานาประเทศได้รู้จักสยามผ่านเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จะเสด็จฯ ประพาสยุโรปอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี พ.ศ. 2440 ภายในนิทรรศการฯ มีการจัดแสดงภาพสเก็ตช์ที่ นายคาร์ล บ็อค วาดขึ้นประกอบการบันทึกช่วยอธิบายเรื่องราวที่บันทึกไว้ให้เข้าใจได้ดีขึ้น ทั้งภาพวัดวาอาราม เจดีย์ ทิวทัศน์ สัตว์ แมลง ผู้คน เครื่องแต่งกาย และเครื่องใช้ ที่สะท้อนให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ สภาพสังคม ลักษณะทางชาติพันธุ์ของผู้คนในสถานที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีการนำภาพถ่ายจากฟิล์มกระจกของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ที่ใกล้เคียงกับเรื่องราวและเหตุการณ์อันทรงคุณค่าที่บันทึกไว้ในหนังสือ Temples and Elephants มาจัดแสดง รวมถึงสื่อวีดีทัศน์เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับยุโรป ในสมัยรัชกาลที่ 5 ตัวอย่างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ Temples and elephant 5 ภาษา และแนะนำหนังสือที่เกี่ยวข้อง พร้อมบรรณานิทัศน์และภาพตัวอย่างประกอบ จำนวน 32 เล่ม นิทรรศการ "ยลสยามผ่านหนังสือ Temples and Elephants" เปิดให้เข้าชมตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 วันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 09.00 - 16.00 น. วันเสาร์ อาทิตย์ เวลา 09.00 - 17.00 น. (ปิดวันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี)
ชื่อเรื่อง : ระโนตสังสรรค์ ครั้งที่ 5 19 ธันวาคม 2507หัวเรื่อง : ระโนต(สงขลา) -- รวมเรื่องคำค้น : อำเภอระโนต สงขลา
รายละเอียด : -
ผู้แต่ง : -
แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรีหน่วยงานที่รับผิดชอบ : โรงพิมพ์แพร่การช่างปีที่พิมพ์ : 2507วันที่เผยแพร่ : 4 กุมภาพันธ์ 2568
ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : -
ลิขสิทธิ์ : -
รูปแบบ : PDFภาษา : ภาษาไทยประเภททรัพยากร : หนังสือหายากตัวบ่งชี้ : -รายละเอียดเนื้อหา : การจัดงานระโนตสังสรรค์ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ พระนคร จัดขึ้นเพื่อพบปะชาวอำเภอระโนต จังหวัดสงขลา เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ชาวระโนตที่ต้องจากบ้านไปอยู่ห่างไกล และถ้าหากมีเงินเหลือจากการจัดงาน ก็จะนำไปสร้างสาธารณกุศลเลขทะเบียน : บ. 181487เลขหมู่ : 089.95911 ร228
"อโหวนา ปรมาลาภี" การมีหัวหน้าที่ดีเป็นลาภอันประเสริฐ
คำกล่าวนี้อาจไม่ใช่พุทธพจน์ประโยค แต่เป็นสัจธรรมจริงในโลกแห่งการทำงาน คงไม่มีพนักงานที่ทำงานแล้วมีความสุขคนไหนอยากจะลาออกไปที่อื่นหรือมาเซ็นชื่อทำงานเพื่อนั่งถอนหายใจรอเวลาเลิกงาน
แล้วปัจจัยไหนกระทบต่อความสุขของพนักงานของเราบ้างนะ ทั่วไปก็คงไม่พ้น ลักษณะงาน ความรับผิดชอบ เงินเดือน สวัสดิการ วัฒนธรรมองค์กร และเพื่อนร่วมงาน แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่พนักงานทั่วทั้งโลกแทบจะประสานเสียงตอบพร้อมกันก็คือ “หัวหน้างาน” นั่นก็เป็นเพราะว่า หัวหน้า เป็นผู้ดูแล มอบหมายงาน สอนงาน เป็นคนถ่ายทอดนโยบายจากผู้บริหารมาสู่การปฏิบัติ รวมถึงมีอำนาจให้คุณให้โทษแก่พนักงาน
โดยทั่วไปมาถึงจุดนี้เราคงต้องพูดถึง “ลักษณะหัวหน้าที่ดี” หรือ “หัวหน้าที่ดีควรเป็นอย่างไร”แต่ไม่ดีกว่า เราจะมาพูดถึงหัวหน้าที่เราเจอกันได้ทั่วไป ก็คือ “หัวหน้าผู้เป็นพิษ” หรือ “หัวหน้า Toxic”เผื่อหัวหน้าท่านใดผ่านมาอ่านอาจได้ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ และนำไปพิจารณาปรับปรุงตนเอง ท่านต้องนึกเสมอว่าท่านไม่จำเป็นต้องเป็นที่รักของทีม/ทุกคนแต่ท่านต้องไม่เป็นมลภาวะในการทำงานของผู้อื่น และบริหารจัดการให้ทีมงานของท่านทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข
หัวหน้า Toxic ลักษณะเบื้องต้นยังไงบ้างนะ ?
เจ้าอารมณ์
โมโหง่าย ควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้ อะไรจี้ใจนิดนึงก็จะจี๊ดหนัก วีนแตก ดุดันไม่เกรงใจใคร ทำตัวเป็นคน EQ ต่ำ โดยทั่วไปมักพูดจาไม่ดีไปจนถึงด่าทอพนักงาน ส่งผลให้พนักงานเกิดความเครียดได้
จอมเผด็จการ
ใช้อำนาจที่ตนเองมีในเชิงกดขี่พนักงาน ทำอะไรไม่สนใจข้อเท็จจริงและระเบียบหลักเกณฑ์ ทุกอย่างนอกเหนือจากความเชื่อมั่นของตนเองล้วนไม่ถูกต้อง ตั้งตนเป็นศูนย์กลางจักรวาล ไม่รับฟังข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นของพนักงาน รวมถึงการจู้จี้คอยควบคุมในเรื่องหยุมหยิมที่ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อการทำงาน หัวหน้างานประเภทนี้ย่อมทำให้พนักงานรู้สึกกลัว เครียด และอึดอัดที่จะร่วมงานด้วย
จอมบูลลี่
ควบคุมพนักงานโดยการใช้คำพูดล้อเลียน คุกคาม มักพุ่งเป้าไปที่พนักงานคนใดคนหนึ่ง หรือสร้างบรรยากาศให้พนักงานคนนั้น ๆ เกิดความรู้สึกว่ากำลังถูกขมขู่ หรือถูกคุกคามด้วยคำพูด ส่งผลให้พนักงานเกิดความรู้สึกอับอาย
จอมปากพล่อย
ใช้ถ้อยคำที่ไม่ได้รับการคัดกรองแซะพนักงานไปเรื่อยอย่างไม่มีเหตุผล รวมถึงการพูดในเรื่องที่ไร้สาระที่ผู้อื่นไม่ได้ให้ความสนใจ และไม่เกิดประโยชน์ต่อการทำงาน ส่งผลให้เกิดบรรยากาศที่น่ารำคาญในการทำงานของพนักงาน
จอมเล่ห์เหลี่ยม
ใช้คำพูดที่บิดเบือนความจริงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง อีกทั้งยังชอบใช้คำพูดยุแยงพนักงานให้ทะเลาะกันเอง ทำให้เกิดการแบ่งพรรคพวกในการทำงาน นอกจากนี้หัวหน้าประเภทนี้มักจะหาผู้อื่นมาเป็นแพะรับบาปในกรณีที่การทำงานเกิดปัญหาอีกด้วย
จอมหลงตัวเอง
คิดว่าตนเองอยู่เหนือกว่าผู้อื่นเสมอ เป็นบุคคลที่ต้องการความสนใจและคำชื่นชม หากผลงานใดได้รับคำชม หัวหน้าประเภทนี้ก็มักจะเอางานของพนักงานในทีมมาเป็นเครดิตของตนเอง
จอมใจดำ
ขาดความเมตตา ไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจในตัวผู้อื่น ยึดมั่นในตนเอง โดยไม่สนใจความต้องการ หรือคำแนะนำของพนักงานในทีม
หัวหน้างาน Toxic ส่งผลกับพนักงานอย่างไร?
หัวหน้างานที่ Toxic ย่อมส่งผลกับพนักงานโดยตรง ไม่ว่าจะเป็น ด้านสุขภาพจิต ทำให้พนักงานเกิดความวิตกกังวล หมดไฟในการทำงาน การทำงานร่วมกันในทีมก็จะติดขัด บรรยากาศในการทำงานภายในองค์กรแย่ ส่งผลอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพการทำงาน
ขอขอบคุณบทความตั้งต้นจาก สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ - FTPI https://www.ftpi.or.th/2024/119985