ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,784 รายการ


ชื่อเรื่อง                           พาหุฎีกา (กตฺวานสุตฺตวณฺณนา เผด็จ)สพ.บ.                                  170/5-5กประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           38 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 55 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                           ธรรมเทศนาบทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ภาษาบาลี-ไทย ได้รับบริจาคมาจากวัดพยัคฆาราม ต.ศรีประจันต์ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี


ชื่อเรื่อง                                เทศนาสุนันทราชชาดก (สุนันทราชชาดก)สพ.บ.                                  120/1กประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           30 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 5ุ6 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 นิทานคติธรรมทางพุทธศาสนา                                           ชาดก  บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม  เส้นจาร ฉบับล่องชาด  ได้รับบริจาคมาจากวัดประสพสุข  ต.ทับตีเหล็ก อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี  


องค์ความรู้วิชาการ เรื่อง "ประวัติฤาษีมารกัณเฑยะ" จัดทำข้อมูลโดย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง


เลขทะเบียน : นพ.บ.141/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  44 หน้า ; 4.5 x 50.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา  ชื่อชุด : มัดที่ 84 (334-339) ผูก 2 (2564)หัวเรื่อง : ปุณฺณปทสังคหะ--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.89/6ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  52 หน้า ; 4.6 x 50 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา  มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 52 (103-117) ผูก 6 (2564)หัวเรื่อง : ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺปทฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฐกถา (ธรรมบท)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน) เลขที่ ชบ.บ.10/1-3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง : ประชุมพงศาวดาร เล่ม 23 (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 39 (ต่อ)-40) ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2511 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว จำนวนหน้า : 348 หน้า สาระสังเขป : ประชุมพงศาวดารขององค์การค้าคุรุสภาจัดพิมพ์ขึ้น โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงรวบรวม มีรายละเอียด ดังนี้ ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 39 เรื่องจดหมายเหตุของพวกบาทหลวงฝรั่งเศสฯ ตอนแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศ, ครั้งกรุงธนบุรี และครั้งกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งเป็นจดหมายรายการของคณะบาทหลวงฝรั่งเศสเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ในการมาสอนศาสนาคริสเตียน เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย และประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 40 เรื่อง จดหมายเหตุขอคณะพ่อค้าฝรั่งเศสซึ่งเข้ามาตั้งครั้งกรุงศรีอยุธยาตอนแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภาคที่ 1 ซึ่งเป็นการจดหมายรายการต่าง ๆ ของพ่อค้าฝรั่งเศส โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการค้าขาย และประวัติของบ้านเมืองที่ใครรู้เห็นอย่างไรก็บันทึกเอาไว้



          อาสนวิหารอัสสัมชัญ เป็นศาสนสถานในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ตั้งอยู่ในซอย โอเรียนเต็ล ถนนเจริญกรุง ๔๐ เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร           ประวัติความเป็นมาของอาสนวิหารอัสสัมชัญ เริ่มจากบาทหลวงยอน บัปติส ปาสกัล (Jean-Baptiste Pascal) ผู้มีเชื้อสายโปรตุเกส ได้รวบรวมเงินจากบรรดาคริสตศาสนิกชนคาทอลิก นำไปมอบให้แก่บาทหลวงเอสปรีต์ ฟลอรังส์ (Esprit-Marie-Joseph Florens) เพื่อสร้างวัดถวายเกียรติแด่พระแม่มารี บาทหลวงฟลอรังส์จึงได้นำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณฝั่งตรงข้ามวัดซางตาครู้สเพื่อเตรียมสร้างวัด            ภายหลัง เมื่อบาทหลวงฟลอรังส์ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสังฆราช และเดินทางไปเยี่ยมคริสตศาสนิกชนที่ปีนัง ได้มีผู้บริจาคเงินเพื่อสมทบทุนสร้างวัดพระแม่มารี ท่านจึงได้ซื้อที่ดินแปลงที่สองแล้วเริ่มดำเนินการก่อสร้างวัดอัสสัมชัญขึ้น โบสถ์หลังแรกสร้างด้วยอิฐ มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบ “วิลันดา” อันเป็นรูปแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมสยามและสถาปัตยกรรมตะวันตก ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยอยุธยาตอนปลายจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อาคารหลังนี้สร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๓๖๔ และทำพิธีเสก ในวันฉลองแม่พระลูกประคำ ใน พ.ศ. ๒๓๖๕          พระสังฆราชฌ็อง บัปติส ปัลเลอกัวซ์ (Jean-Baptiste Pallegoix) บาทหลวงชาวฝรั่งเศสที่เดินทางเข้ามายังประเทศสยามในสมัยรัชกาลที่ ๓ ได้บันทึกถึงโบสถ์หลังนี้ไว้ในหนังสือ “เล่าเรื่องกรุงสยาม” ดังปรากฏความตอนหนึ่งว่า           “มีสำนักคริสตจักร หรือชมรมพวกคริสตังอยู่ห้าแห่งด้วยกันในพระนครหลวง แห่งแรกชื่อชมรมอัสสัมชัญ ซึ่งวิทยาลัยเสมินาร์ตั้งอยู่ที่นั่น ใกล้กับตัวโบสถ์อันงามก่ออิฐถือปูน สร้างมาได้เกือบสี่สิบปีแล้ว ตัวโบสถ์นั้นมีสวนอันกว้างล้อมอยู่โดยรอบ มีบ้านเรือนของพวกคริสตังกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ห่างจากชายฝั่งแม่น้ำ (Me-nam) ลึกไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร จะเห็นทำเนียบอันสูงเด่นของมุขนายกมิซซังซึ่งสิ้นค่าก่อสร้างไปถึงสามพันฟรังก์เศษ ชั้นล่างของอาคารหลังนั้นประกอบด้วยห้องนอนสองห้องกับห้องรับแขกอันกว้างใหญ่”           ต่อมา บาทหลวงเอมีล กอลมเบต์ (Emile Genest Auguste Colombet) ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดอัสสัมชัญระหว่าง พ.ศ. ๒๔๑๘ - ๒๔๗๖ มีความเห็นว่าโบสถ์หลังเดิมคับแคบ ไม่สามารถรองรับคริสตศาสนิกชนซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น จึงได้หารือกับบาทหลวงปิแอร์ ฌ็อง-หลุยส์ โรมิเออ (Pierre Jean Louis Romieu) เหรัญญิกของคณะมิสซังสยามซึ่งรับผิดชอบโรงพิมพ์อัสสัมชัญอยู่ในขณะนั้น และตกลงว่าจะดำเนินการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ทดแทนหลังเดิม โดยจำลองรูปแบบภายนอกอาคารมาจากอาสนวิหารแม่พระแห่งเมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม ส่วนอาคารหลังเดิมได้ถูกรื้อถอนใน พ.ศ ๒๔๔๗           อาสนวิหารหลังใหม่เริ่มวางฐานรากเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๐ แต่การก่อสร้าง ใช้เวลาหลายปีเนื่องจากอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๑ ทำให้การคมนาคมไม่สะดวก และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ขาดแคลน อย่างไรก็ดี อาคารหลังใหม่นี้ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มเปิดใช้ในวันที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๖๑ แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ อาสนวิหารอัสสัมชัญได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด จึงต้องซ่อมแซมโดยใช้เหล็กยึดโยงกลางวัด           ภายในอาสนวิหารหลังปัจจุบันตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง เขียนโดยโจวานนี สกวานชิ (Giovanni Sguanci) จิตรกรจากเมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ภาพที่มีความโดดเด่นที่สุดคือ ภาพเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติพระแม่มารีซึ่งอยู่เหนือพระแท่นบูชา ส่วนสิ่งของที่ใช้ประดับตัวอาคาร รวมถึงรูปพระต่างๆ มีทั้งของเก่าที่นำมาจากอาสนวิหารหลังเดิม และของใหม่ที่บาทหลวงกอลมเบต์สั่งมาจากประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี รวมทั้งสิ่งของที่มีผู้บริจาคด้วย           อาสนวิหารอัสสัมชัญเคยได้รับเกียรติเป็นสถานที่ต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ ๒ เมื่อครั้งเสด็จเยือนประเทศไทยใน พ.ศ. ๒๕๒๗ นอกจากนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันยังได้เสด็จมาประกอบพิธีมิสซาเพื่อเยาวชน ในคราวเสด็จเยือนประเทศไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๒ ด้วย ซึ่งได้มีการเผยแพร่ภาพข่าวพิธีมิสซาดังกล่าวไปทั่วโลก(ภาพสเก็ตช์) อาสนวิหารอัสสัมชัญหลังเดิม ภาพจากหนังสือ “เล่าเรื่องกรุงสยาม” ของพระสังฆราชฌ็อง บัปติส ปัลเลอกัวซ์ภาพ อาสนวิหารอัสสัมชัญในปัจจุบัน------------------------------------------------------------เรียบเรียงโดย นางสาวพัชรา สุขเกษม นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มแปลและเรียบเรียง สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์------------------------------------------------------------


พระที่นั่งคชกรรมประเวศ ถ่ายเมื่อเป็นพิพิธภัณฑสถานในราวทศวรรษที่ ๒๔๓๐      ในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ สถาปนาพระบาทมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวให้มีพระราชอิสริยยศเทียบเท่ากับพระเจ้าแผ่นดิน  จึงทรงดำริให้สร้างพระที่นั่งคชกรรมประเวศ บริเวณชาลาหน้าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระบวรราชวัง เพื่อเป็นเครื่องเฉลิมพระเกียรติยศ  โดยพระที่นั่งโถงองค์นี้เป็นพระที่นั่งทรงปราสาทเพียงองค์เดียวที่เคยสร้างในวังหน้า      จาก “สาส์นสมเด็จ”  ลายพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทูลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ลงวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๔๗๔ ความตอนหนึ่งว่า   “...สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) โปรดปราสาทองค์นั้น (พระที่นั่งคชกรรมประเวศ) มาก ได้เคยทำพิธีพืชน์มงคลที่นั้นครั้งหนึ่ง....”            ตามหลักฐานที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาพบว่า ในพุทธศักราช ๒๔๔๒ (รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๘) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  โปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีพืชมงคลที่พระที่นั่งคชกรรมประเวศ  โดยมีรายละเอียดดังนี้  “วันที่ ๒๐ เมษายน เวลาเย็นได้ตั้งกระบวนแห่  พระพุทธรูปแลเทวรูปต่างๆ แลพระไชยวัฒน  แต่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปประดิษฐานที่มณฑลพระราชพิธี ณ พระที่นั่งคชกรรมประเวศ พระพุทธรูปตั้งที่เตียงมณฑลบนพระที่นั่งนั้น  เทวรูปตั้งบนโต๊ะที่ปรำด้านเหนือแห่งพระที่นั่ง...”    อย่างไรก็ดีพระที่นั่งโถงทรงปราสาทองค์นี้เป็นพระที่นั่งเครื่องไม้  ในปลายรัชกาลที่ ๕ ทรุดโทรมเสาผุจนไม่สามารถปฏิสังขรณ์ได้  จึงโปรดให้รื้อยังคงแต่ฐานปราสาทกับเกยช้างอยู่ข้างน่าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์จนทุกวันนี้      พระที่นั่งคชกรรมประเวศ ถ่ายในปลายรัชกาลที่ ๕


         ตามที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เสนอ เพื่อเป็นการจารึกพระนาม และเนื่องในวโรกาสครบรอบ ๖๔ พรรษา ของศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี และในวโรกาสที่ทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาทัศนศิลป์ คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ ตลอดจนเผยแผ่พระเกียรติคุณและพระมหากรุณาธิคุณในฐานะเจ้าหญิงของปวงประชา และองค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์อย่างกว้างไกลและยิ่งยืนนานและเผยแพร่ต่อประชาชนชาวไทย และใช้ในราชการ รวมถึงผู้คนทั่วโลก สามารถนำชุดแบบอักษรไปใช้อย่างแพร่หลาย เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบทอดภาษาและตัวอักษรไทย รวมถึงเป็นการจารึกพระนามขององค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์บนโลกดิจิทัล            สำหรับชุดแบบอักษรพระราชทาน “จุฬาภรณ์ลิขิต” ได้รับการออกแบบให้มีความคล้ายคลึงกับยอดอ่อนของดอกกล้วยไม้พันธุ์ Phalaenopsis Princess Chulabhorn  เพื่อเผยแผ่เกียรติคุณและรางวัลระดับนานาชาติที่ทรงได้รับอันเกี่ยวเนื่องกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยตัวอักษรไทยซึ่งมีโครงสร้างถูกต้องตามมาตรฐานโดยมีลักษณะเป็นตัว มีหัว มีปาก มีส่วนประกอบถูกต้องตามอักขรวิธี ไม่มีการประดับลวดลาย รายละเอียดมากจนเกินไป  สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายลักษณะ จึงเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในราชการ อย่างไรก็ตาม ครม.เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานดำเนินการติดตั้งชุดแบบอักษรพระราชทาน “จุฬาภรณ์ลิขิต” เป็นชุดแบบอักษรมาตรฐานราชการไทย แบบที่ ๑๔ เพิ่มเข้าไปในระบบปฏิบัติการ Thai OS และให้ถือเป็นมาตรฐานของหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วย ดาวน์โหลดชุดแบบอักษรพระราชทานจุฬาภรณ์ลิขิต https://www.cra.ac.th/th/download_fonts/no_donation



ชื่อเรื่อง                         ตำนานธาตุพนม (พื้นธาตุพนม)       สพ.บ.                           384/1 หมวดหมู่                       พุทธศาสนา ภาษา                           บาลี/ไทยอีสาน หัวเรื่อง                        พุทธศาสนา                                  พระธาตุพนม ประเภทวัสดุ/มีเดีย            คัมภีร์ใบลาน ลักษณะวัสดุ                   12 หน้า : กว้าง 5.2 ซม. ยาว 57.5 ซม.  บทคัดย่อ เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิน ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


องค์ความรู้ : กลุ่มภาษาและวรรณกรรม สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ เรื่อง "กรีนิรมิต" บทเสภาสรรเสริญพระคเณศ เทพแห่งศิลปวิทยา โดยนางสาวทิพพวรรณ บุญส่งเจริญ นักอักษรศาสตร์ชำนา่ญการ กลุ่มภาษาและวรรณกรรม


black ribbon.