ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ

เลขทะเบียน : นพ.บ.321/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 24 หน้า ; 4.5 x 54.5 ซ.ม. : ชาดทึบ-ทองทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 129  (321-328) ผูก 2 (2565)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์(8หมื่น)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


          ชื่อผลงาน: Untitled          ศิลปิน: พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9)          เทคนิค: จิตรกรรมสีน้ำมันบนผ้าใบ         ขนาด: กว้าง 60 ซม. สูง 46 ซม.         ปีที่ทรงวาด: พ.ศ. 2506         รายละเอียดเพิ่มเติม: : พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงโปรดการเขียนภาพจิตรกรรม ตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงประทับศึกษาอยู่ต่างประเทศ เมื่อทรงเสด็จนิวัติพระนครและเริ่มทรงงานศิลปะเป็นงานอดิเรกราวช่วงต้น พ.ศ.2500 พระองค์ทรงยินดีที่จะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นและทรงสดับข้อเสนอแนะในการสร้างสรรค์งานศิลปะจากศิลปินระดับแนวหน้าของประเทศ เพื่อนำมาพัฒนาแนวทางการสร้างสรรค์งานศิลปะของพระองค์ ภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ในแนวกึ่งนามธรรม (semi-abstract) แบบเอ็กซ์เพรสชั่นนิสม์ (expressionism) ชิ้นนี้ ซื่งใช้โทนสีที่ร้อนแรงในการแสดงอารมณ์ความรู้สึก สะท้อนให้เห็นถึงความสนพระทัยในรูปแบบและแนวทางการแสดงออกของงานจิตรกรรมสมัยใหม่ของพระองค์            Title: Untitled          Artist: His Majesty King Bhumibol Adulyadej (Rama IX)         Technique: oil on canvas         Size: 60 × 46 cm.         Year: 1963        Detail: His Majesty King Bhumibol Adulyadej (Rama IX) had an interest on painting ever since his adolescence years of studying abroad. When His Majesty came back to Thailand and started to paint as amateur painter on the early 1960s, His Majesty is pleased to take advice and criticism from professional and avant-garde artists in a country, in order to develop and create His Majesty’s own unique style. This semi abstract and expressionist painting clearly reflects his Majesty's impression on the trends & expressions of modern art



ชื่อเรื่อง : โหงวโฮ้วเพงไซ โหงวโฮ้งเพงหน่า เล่ม ๒ ชื่อผู้แต่ง : โหงวโฮ้วเพงปีที่พิมพ์ : 2513สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : คุรุสภาลาดพร้าว จำนวนหน้า : 276 หน้าสาระสังเขป : โหงวโฮ้วเพงไซ โหงวโฮ้งเพงหน่า เป็นนิยายอิงพงศาวดารจีนที่แพร่หลายในเมืองไทย เนื้อเรื่องสนุกสนาน ปูมหลังก็ยอดเยี่ยม ซึ่งจะทำความเข้าใจตัวละครและการดำเนินเรื่องได้อย่างลึกซึ้ง


จารึกขุนศรีไชยราชมงคลเทพ นอกจากจารึกวัดจงกอ แล้ว ในเขตพื้นที่อำเภอด่านขุดทด ยังพบจารึกอีกหลักหนึ่งที่เราไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นคือ #จารึกขุนศรีไชยราชมงคลเทพ เดิมทีจารึกหลักนี้พบในเขตพื้นที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา พบอยู่กับไม่ไกลกับ #เหวตาบัว ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทางสัญจรธรรมชาติเชื่อมต่อระหว่างที่ราบภาคกลางกับที่ราบสูงโคราช โดยเป็นจารึกสำคัญที่แสดงความมีตัวตนของ #เมืองพิมาย และเมืองพนมรุ้ง ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 20 ว่ามิได้รกร้าง มีการอยู่อาศัย ต่อเนื่องเรื่อยมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 16 แม้แต่กรุงศรีอยุธยา ในช่วงเวลานั้น ก็รู้จักและมีความต้องที่จะขยายพระราชอำนาจเหนือเมืองพิมาย เเละเมืองพนมรุ้ง อีกด้วย จารึกขุนศรีไชยราชมงคลเทพ เป็นจารึกหินทราย ด้านที่ 1 จารึกด้วยอักษรไทย ภาษาไทย จำนวน 26 บรรทัด ด้านที่ 2 จารึกด้วยอักษรขอม ภาษาเขมรโบราณ จำนวน 27 บรรทัด #ข้อความในจารึกกล่าวถึง สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสาทพระยา) โปรดให้ขุนศรีไชยราชมงคลเทพเอกมนตรีพิเศษและเหล่าขุนนาง ยกทัพไปตีเมืองพิมาย เมืองพนมรุ้ง และเมืองพระนคร ภายหลังได้รับชัยชนะจึงยกทัพกลับ สอดคล้องกับข้อความที่ปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ และพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับปลีกของหอสมุดวชิรญาณ ตรงกับปี พ.ศ.1974 ปัจจุบันจารึกหลักดังกล่าว ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ณ วัดบ้านฉางประชานิมิต ตำบล เขาน้อย อำเภอลำสนธิ จังหวัดลพบุรี เรียบเรียงนำเสนอโดย นายวรรณพงษ์ ปาละกะวงษ์ ณ อยุธยา นักโบราณคดีปฏิบัติการ



สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร กำหนดจัดการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง "เสภารัตนโกสินทร์" เนื่องในงาน "ใต้ร่มพระบารมี ๒๔๐ ปี กรุงรัตนโกสินทร์" ในวันพุธที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๕ เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องออดิทอเรียม หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน เพื่อความปลอดภัยตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) จึงสามารถรับผู้สนใจเข้าร่วมการเสวนา ณ สถานที่จัดงานได้จำกัดเพียง ๓๐ ท่านเท่านั้น โดยสามารถสมัครเข้าร่วมงานได้ทางแบบฟอร์มตามลิงก์ด้านล่างนี้ https://docs.google.com/.../1L67ktMWVTt5ulv2AV5wv.../edit... ทั้งนี้ ท่านสามารถรับชมการแพร่ภาพสด ผ่าน facebook live และ youtube live ของกรมศิลปากรได้ตลอดการเสวนา



          สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จัดการเสวนาประกอบนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช 2565 เรื่อง อาโรคยปณิธาน ในหัวข้อ "พระกริ่ง :ศาสตร์แห่งการรักษากับพุทธวิธีว่าด้วยการรักษาโรค" ในวันอังคารที่ 19 กรกฎาคม 2565 เวลา 13.30-15.30 น.           ขอเชิญชวนผู้สนใจ ร่วมศึกษาความเชื่อเรื่องเวทมนตร์คาถา และพิธีกรรมการสร้างพระกริ่งสายวัดสุทัศน์​ ต้นตำรับจากสมเด็จพระสังฆราช​ (แพ​ ติสสเทวมหาเถร)​ กับพระมหาธีระวัฒน์ ธิติโชติ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม และ ดร.อุเทน วงศ์สถิต คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ติดตามรับชมผ่าน Facebook Live Page : Office of National Museums, Thailand


          วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ โบราณสถานเมืองรุกขนคร วัดร้างศรีจันทร์ วัดร้างนาป่ง และวัดแต้มร้าง ตำบลท่าค้อ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี โดยมีผู้บริหารกรมศิลปากร หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ ทั้งนี้ท่านอธิบดีได้ให้แนวทาง ทิศทางในการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ ในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น





  โบราณสถานวัดแก้ว (วัดรัตนาราม) ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 บ้านวัดแก้ว ถนนสันตินิมิต ตำบลเลม็ด อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นวัดโบราณคู่กับวัดหลง มีโบราณสถานที่สำคัญ คือ เจดีย์ทรงปราสาทโครงสร้างก่ออิฐไม่สอปูน อยู่ในผังรูปกากบาทประกอบด้วย เรือนธาตุ และมุขทั้งสี่ด้าน ฐานชั้นล่างสุดเป็นฐานเขียงรูปกากบาท ลักษณะเป็นฐานประทักษิณ มีบันไดทางขึ้นด้านตะวันออก และตะวันตก ผนังด้านนอกอาคารมีการตกแต่งด้วยเสาติดผนัง และเซาะร่องผ่ากลางเสาจากโคนไปถึงยอดเสา            ลักษณะดังกล่าวคล้ายกับจันทิกะลาสันในศิลปะชวาภาคกลาง ประเทศอินโดนีเซีย และปราสาทมิเซน และปราสาทดงเดือง ในศิลปะจาม ประเทศเวียดนาม จึงกำหนดอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 14-15           ปัจจุบันอาคารโบราณสถานพังทลายเหลือเพียงส่วนฐานถึงเรือนธาตุ ส่วนเครื่องยอด หรือหลังคาหักพังลงมาหมดแล้ว กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 53 หน้า 1532 วันที่ 27 กันยายน 2497            ใน พ.ศ. 2564 สำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช ดำเนินการขุดค้นเจดีย์วัดแก้วบริเวณทิศใต้ติดกับส่วนฐานเจดีย์ ขนาดหลุมกว้าง 2 เมตร ยาว 2 เมตร ความลึก 1.20 เมตรจากระดับผิวดิน เพื่อตรวจสอบฐานอาคารโบราณสถานเจดีย์วัดแก้ว ผลจากการขุดค้นพบสิ่งสำคัญ ได้แก่           1. เศษภาชนะดินเผาเนื้อดิน พบในระดับผิวดิน โดยจะพบเป็นเศษภาชนะดินเผาผิวเรียบมี 2 สี ได้แก่ สีเทา และสีส้ม สันนิษฐานว่าผลิตจากแหล่งเตาพื้นเมือง           2. เศษแก้ว และลูกปัดแก้ว พบในระดับผิวดิน เป็นเศษแก้วใสสีฟ้า และลูกปัดแก้วสีเหลือง           3. เศษเครื่องถ้วยจีน พบในระดับลึกลงไปจากระดับผิวดิน พบเครื่องถ้วยจีนเคลือบเขียว เคลือบน้ำตาล และลายคราม บางชิ้นสามารถกำหนดอายุสมัยราชวงศ์หมิง (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 21-22) ลักษณะเป็นเครื่องถ้วยจีนลายคราม เขียนลายดอกไม้ และเส้นรอบก้นถ้วย 2 เส้น           4. แนวฐานเจดีย์โบราณสถานวัดแก้ว พบแนวอิฐเรียงตัวในแนวเดียวกัน นับจากระดับผิวดินลงไปได้ 7 ชั้น ซึ่งชั้นล่างสุดของอาคารโบราณสถานมีการนำเศษอิฐมาปรับพื้นที่ให้ได้ระนาบ หรือบดอัดเป็นส่วนฐานรากก่อนการก่อสร้างอาคาร จากการขุดค้นโบราณสถานวัดแก้ว พบโบราณวัตถุประเภทเศษภาชนะดินเผาเนื้อดิน สันนิษฐานว่าเศษภาชนะดินเผาเหล่านี้ผลิตขึ้นจากแหล่งเตาพื้นเมือง และพบเศษเครื่องถ้วยจีน ซึ่งบางชิ้นสามารถบอกอายุสมัยได้ว่าอยู่ช่วงราชวงศ์หมิง (ประมาณพุทธศตวรรษที่ 21-22) แสดงให้เห็นการใช้งานพื้นที่โบราณสถานแห่งนี้ในสมัยอยุธยา           นอกจากนี้ ยังพบว่าส่วนฐานอาคาร มีการนำเศษอิฐมาปรับพื้นที่ให้ได้ระนาบหรือบดอัดเป็นส่วนฐานรากก่อนการก่อสร้างอาคาร และพบร่องรอยการปรับพื้นที่ก่อนการบูรณะอาคารโบราณสถานอีกด้วย ------------------------------------------------------------- เรียบเรียง/กราฟิก : นายณัฐพล พิทักษ์รัตน์ นักวิชาการวัฒนธรรม ตรวจทาน : นายจักรพันธ์ เพ็งประไพ นักโบราณคดีชำนาญการ -------------------------------------------------------------   อ้างอิง 1. กรมศิลปากร. โบราณสถานแหล่งโบราณคดีจังหวัดสุราษฎร์ธานี, 2553. (อัดสำเนา) 2. กรมศิลปากร. รายงานการบรรยาย และเสวนา คาบสมุทรภาคใต้ตอนบนของไทย ข้อมูลใหม่จากหลักฐานโบราณคดี. กรุงเทพฯ : เรือนแก้วการพิมพ์. 2564. 3. เขมชาติ เทพไชย. การสำรวจขุดค้นวัดแก้ว อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี. นิตยสารศิลปากร. 24, 2523. หน้า 13-23. 4. นภัคมน ทองเฝือ. โบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนในเขตพื้นที่สำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช. นครศรีธรรมราช: สำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม, 2563.   -------------------------------------------------------------- ที่มาของข้อมูล : สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช https://www.facebook.com/100055227468299/posts/pfbid025navCF8gEisfk6FtAk6nxJp8B3aD98pQX4ppaMbai41BhGatDoToVfaF67btkPK4l/?d=n --------------------------------------------------------------- *เผยแพร่ข้อมูลทางเว็บไซต์ โดยกลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร  


ใกล้ถึงงานประเพณีลอยกระทงประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ แล้ว #พี่โข่ทั๋ยมี๋เรื๋องเล๋า ขอนำเสนอ ❝ รวมข้อมูลองค์ความรู้ : ลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ❞.เพื่อให้ผู้สนใจทุกท่านได้รับทราบข้อมูลองค์ความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ #งานประเพณีลอยกระทง ไม่ว่าจะเป็นตำนาน ความเป็นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งคำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง เช่น พระประทีป ไฟพระฤกษ์  พระแว่นสูรยกานต์ ฯลฯ โดยทีมงาน #พี่โข่ทั๋ยมี๋เรื๋องเล๋า ได้รวบรวมมาไว้ ณ ที่นี้แล้ว และหวังว่าทุกท่านจะร่วมเที่ยวชมงานประเพณีลอยกระทง ณ ทุกสถานที่อย่างสุขสันต์มีอรรถรสกันยิ่งขึ้นนะคะ.. ::: จัดทำข้อมูลและ infographic เผยแพร่ โดย ::: สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ๒๑๖ ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ๖๔๒๑๐ โทร. ๐๕๕๖๙๗๓๖๔ email : fad_060@hotmail.com.::: ที่มา ::: ข้อมูลเกี่ยวกับงานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย โดย นายธนากรณ์ มณีกุล นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มจารีตประเพณี สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ค้นคว้าเรียบเรียง.#พี่โข่ทั๋ยมี๋เรื๋องเล๋า #องค์ความรู้ออนไลน์#ลอยกระทง2565 #งานประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟจังหวัดสุโขทัย #อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย #มรดกโลก #งานประเพณีระดับชาติ #แหล่งข้อมูลองค์ความรู้_ประเพณีลอยกระทง#ไฟพระฤกษ์ #ไฟพระฤกษ์พระราชทาน #ขบวนอัญเชิญไฟพระฤกษ์ #พระประทีป #พระประทีปพระราชทาน #พระแว่นสูรยกานต์.……………………………………………………………………………………….☆ ช่องทางออนไลน์ : สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย ☆กดไลก์ กดแชร์ กดกระดิ่ง และกดติดตาม เพื่อไม่พลาดข่าวสารกันได้ที่Facebook Fanpage  https://www.facebook.com/fad6sukhothaiYoutube  https://www.youtube.com/c/สํานักศิลปากรที่6สุโขทัย




black ribbon.