ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
ประติมากรรมปูนปั้นศีรษะชาวต่างชาติ พบที่โบราณสถานหมายเลข ๕ เมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดแสดง ณ ห้องอู่ทองศรีทวารวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทสนา (เทศนาธาตุกถา-มหาปัฎฐานเผด็จ)สพ.บ. 169/3ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 32 หน้า กว้าง 4.5 ซ.ม. ยาว 55.3 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา ธรรมเทศนาบทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ภาษาบาลี-ไทย ได้รับบริจาคมาจากวัดพยัคฆาราม ต.ศรีประจันต์ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทสนา (เทศนาสังคิณี-มหาปัฏฐาน)สพ.บ. 117/4ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 30 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 54 ซ.ม. หัวเรื่อง พระอภิธรรม พระไตรปิฎก
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจาก วัดประสพสุข ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.76/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 40 หน้า ; 4.4 x 56 ซ.ม. : ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 47 (52-58) ผูก 1 (2564)หัวเรื่อง : สติปฏฺฐานสุตฺต (สติปัฏฐานสูตร) --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อวัตถุ สถูปดินเผาจำลอง ทะเบียน ๒๗/๑๕๓/๒๕๓๒ อายุสมัย สมัยศรีวิชัย วัสดุ ดินเผา ขนาด สูง ๔.๕ เซนติเมตรกว้าง ๔.๕เซนติเมตร แหล่งที่พบ พบจากการดำเนินงานทางโบราณคดีที่แหล่งโบราณคดี ควนสราญรมย์ (ควนพุนพิน, ควนท่าข้าม) ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี สถานที่เก็บรักษา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง “สถูป” มีพัฒนาการมาจากเนินดินฝังศพหรือสิ่งก่อสร้างเพื่อบรรจุอัฐิธาตุของบุคคลสำคัญ สำหรับการสร้างสถูปในศาสนาพุทธมีกล่าวถึงในคัมภีร์มหาปรินิพพานสูตรว่า เป็นพุทธประสงค์ของพระพุทธเจ้าซึ่งให้สร้างสถูปเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและเพื่อเป็นสถานที่ให้ชาวพุทธได้สักการบูชา ต่อมาได้มีการทำสถูปจำลองขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ดังที่ได้กล่าวถึงในบันทึกการเดินทางของหลวงจีนเหี้ยนจัง ซึ่งเดินทางมายังอินเดียในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๓ ว่าประชาชนจะสร้างสถูปจำลองเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ดังได้พบสถูปดินเผาจำลองที่นาลันทาและพุทธคยา ในประเทศไทยพบสถูปจำลองที่เมืองโบราณสมัยทวารวดี เช่น เมืองโบราณนครปฐม และเมืองโบราณคูเมือง ส่วนในภาคใต้พบสถูปจำลองในถ้ำในเขตจังหวัดยะลาและพบในโบราณสถาน เช่น แหล่งโบราณคดีควนสราญรมณ์(ควนพุนพิน/ควนท่าข้าม) และวัดหลง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่เมืองโบราณยะรัง จังหวัดปัตตานี ที่เมืองโบราณยะรังได้พบสถูปจำลองเป็นจำนวนมาก สถูปจำลองในภาคใต้ส่วนใหญ่พบทำจากดินมีทั้งดินดิบและดินเผาและทำจากหิน พบ ๒ รูปแบบ คือ - สถูปจำลองที่มีลักษณะองค์ระฆังคล้ายหม้อน้ำและส่วนยอดซ้อนกันคล้ายฉัตร - สถูปจำลองที่มีลักษณะองค์ระฆังคล้ายโอคว่ำและส่วนยอดเป็นกรวยแหลม การพบสถูปจำลองทั้งในภาคกลางและภาคใต้แสดงให้เห็นถึงคติในการทำสถูปจำลองเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาซึ่งเป็นคติที่รับมาจากอินเดีย อมรา ศรีสุชาติ เสนอข้อคิดเห็นว่า การพบสถูปจำลองเป็นจำนวนมากที่เมืองโบราณยะรังเป็นหลักฐานของการนับถือศาสนาพุทธมหายาน นิกายไจตยะหรือเจติยวาท อันเป็นนิกายที่เน้นการบูชาเจดีย์ซึ่งมีหลักธรรมคำสอนที่สำคัญว่าการสร้างเจดีย์ การประดับเจดีย์ และการบูชาเจดีย์เป็นบ่อเกิดแห่งบุญอันใหญ่หลวง “สถูปดินเผาจำลอง” จึงเป็นหลักฐานทางโบราณคดีสำคัญที่แสดงถึงคติในพระพุทธศาสนาของคนในภาคใต้ -----------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง-----------------------------------------------------เอกสารอ้างอิง - นิตยา กนกมงคล. “สถูปทรงหม้อน้ำ ศิลปะทวารวดีที่พบในเขตภาคกลางของประเทศไทย” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศษสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๗. - ผาสุขอินทราวุฒิ. “คติความเชื่อของชาวพุทธในรัฐทวารวดี,” เอกสารประกอบการสัมมนาทางวิชาการเรื่องพัฒนาการทางโบราณคดี. กรุงเทพ : โรงพิมพ์ อักษรสมัย, ๒๕๔๒. - อมรา ศรีสุชาติ. “ยะรัง : ชุมชนโบราณ,” สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคใต้ (๒๕๔๒): ๖๒๔๕ – ๖๒๕๘.
เลขทะเบียน : นพ.บ.135/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 56 หน้า ; 4.2 x 55 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 81 (322-325) ผูก 4 (2564)หัวเรื่อง : บาลีการก (ศัพท์การก)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.88/10ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4.5 x 52.4 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 51 (94-102) ผูก 10 (2564)หัวเรื่อง : วิสุทธิมคฺคปาพัตถพฺยาขฺยาน (วิสุทธิมัคปาฬัตถพยาขยาน)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.9/1-3
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง : เอกสารของโครงการส่งเสริมสวัสดิภาพสตรีวัยรุ่น เล่ม 2 ชื่อผู้แต่ง : สถาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ปีที่พิมพ์ : 2509 สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ จำนวนหน้า : 100 หน้าสาระสังเขป : คณะกรรมการสวัสดิภาพสตรีวัยรุ่นมีความห่วงใยสตรีที่อาจได้รับเคราะห์และประสพเหตุกาณณ์ที่ไม่คาดฝันและไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างใด เกิดให้มีความกระทบกระเทือนทางจิตใจและร่างกาย ซึ่งทางกรรมการเห็นว่าถ้าสตรีวัยรุ่นได้มีที่ปรึกษา เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้จึงใช้ไปชี้แจงแนะแนวปฏิบัติตนตามโรงเรียนและสถานศึกษาหลายแห่งปรากฏว่านักเรียนวัยรุ่นได้มีปัญหาข้องใจมากจึ้งได้ตอบปัญหาข้อฉงนและข้องใจของนักเรียนวัยรุ่น แล้วมาเกิดความคิดว่าถ้าได้พิมพ์คำถามคำตอบเหล่านั้นเป็นเล่ม อาจจะเป็นทางชี้แจง เป็นทางช่วยเหลือสตรีวัยรุ่น หนังสือจึงเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับสตรีวัยรุ่น
รัตนโกสินทร์ ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๔ หรือประมาณ ๒๐๐ ปีมาแล้ว
ทองเหลือง
สูง ๒๗.๕ เซนติเมตร
สมบัติเดิมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ประติมากรรมลอยตัว มีพระพักตร์ค่อนข้างกลม พระเกศารวบมุ่นมวยกลางพระเศียร ประดับด้วยรัดเกล้า และมีเครื่องหมายอุณาโลมด้านหน้ามวยผม ทรงเครื่องประดับ คือ อุณหิศ (กระบังหน้า) กุณฑล (ต่างหู) กรองศอ พาหุรัด ทองพระกร และสายยัชโญปวีตเฉวียงบ่าซ้าย ในหัตถ์ขวาทรงคันศรรูปนาค ทรงสะพายกระบอกลูกศรเบี่ยงไว้ด้านหลัง ประทับบนหลังโคในท่ายกเข่าขวาขึ้นชัน
พระศุกร์ หรือ ศุกราจารย์ เทวดานพเคราะห์ประจำวันศุกร์ ในทัศนะของชาวอินเดียเชื่อว่าพระศุกร์นั้นเป็นเพศชายมีฤทธิ์เดชสามารถอำนวยความสำเร็จแก่มนุษย์ เป็นอาจารย์ของเหล่ายักษ์อสูรทั้งหลาย คัมภีร์เฉลิมไตรภพรจนาไว้ว่า “พระอิศวรทรงสร้างจากโค ๒๑ ตัว เอามาร่ายพระเวทย์จนละเอียดเป็นผง ห่อด้วยผ้าสีฟ้าอ่อน พรมด้วยน้ำอมฤตจนเป็นพระศุกร์ จึงมีผิวกายเป็นสีฟ้า ทรงพระโคอุสุภราชเป็นพาหนะ” พระศุกร์ประจำอยู่ทิศเหนือ เป็นเทพนพเคราะห์ประเภทศุภเคราะห์ กิริยาน่ารัก อ่อนหวาน ชื่นชอบงานศิลปะทุกแขนง
ปัจจุบันรูปพระศุกร์ เก็บรักษาภายในคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ค้นคว้าโดย นางสาวณิชากร ปุงคานนท์
นิสิตฝึกงาน สาขานวัตกรรมการจัดการการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ คณะวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ มหาวิทยาลัยศรีนครินทวิโรฒ
หอแจก (ศาลาการเปรียญ) วัดราษฎร์ประดิษฐ์
หอแจก (ศาลาการเปรียญ) วัดราษฎร์ประดิษฐ์ ตั้งอยู่บ้านกระเดียน ตำบลกระเดียน อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี เป็นโบราณสถานที่สำคัญอีกหนึ่งหลังในวัดราษฎร์ประดิษฐ์ หากแต่มีความแตกต่างกับกุฏิ คือ ตัวอาคารเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ส่วนโครงสร้างหลังคาจึงใช้ไม้เป็นวัสดุในการก่อสร้าง
คำว่า หอแจก มีความหมายคือ เป็นสถานที่ซึ่งใช้แจกจ่ายหรือแผยแผ่คำสอนทางพุทธศาสนา องค์ประกอบที่สำคัญของหอแจก คือ ธรรมาสน์ อันหมายถึงที่นั่งหรืออาสนะหรือแท่นของพระภิกษุสามเณรสำหรับแสดงธรรม
หอแจก วัดราษฎร์ประดิษฐ์ ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2468 เป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะญวน เนื่องด้วยมีช่างชาวญวนร่วมสร้างกับประชาชนชาวบ้านกระเดียน ซึ่งสถาปัตยกรรมในโซนอีสานจะพบว่ามีร่องรอยศิลปะทั้งจีนและยุโรปปะปนอยู่ในงานศิลปะ ซึ่งในทัศนะส่วนตัวขอใช้คำว่า ศิลปะอีสานที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะญวนนะคะ ด้วยศิลปะดังกล่าวส่วนหนึ่งถูกสร้างหรือนำเข้าจากช่างชาวญวนที่อพยพย้ายถิ่นมาจากประเทศเวียตนามในปัจจุบันหรือที่รู้จักกันในชื่อคนญวน ด้วยชาวไทยอีสานมีความชำนาญในงานไม้มากกว่างานปูน ในส่วนของการปั้นแอวขันหรืองานปูนส่วนหนึ่งจึงได้ว่าจ้างช่างญวนก่อสร้าง ทำให้เราพบเห็นประติมากรรมในศาสนสถานหลายแห่งที่มีความแตกต่างจากศิลปะไทยภาคกลาง เช่น การปั้นตัวนาก (กินปลา) บริเวณหน้าสิมหรืออุโบสถแทนการปั้นพญานาค (ความจริงชาวบ้านต้องการพญานาค แต่ช่างไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับพญานาคจึงได้ปั้นตัวนากขึ้นแทน เป็นต้น) โดยการก่อสร้างนั้นประชาชนชาวบ้านกระเดียนได้ร่วมแรงกันเผาอิฐที่ได้จากดินหนองคันไส (อยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน)
หอแจก วัดราษฎร์ประดิษฐ์ เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ลักษณะเป็นอาคารทรงจั่ว มีหลังคาหลุมหรือปีกนกทั้งสี่ด้าน โดยด้านหน้า(ทิศตะวันตก) และด้านหลัง (ทิศตะวันออก) มีการทำมุขลดหรืออาคารลดชั้นด้านละหนึ่งชั้น ลักษณะมุขลดเป็นหลังคาทรงจั่วเช่นเดียวกัน เป็นห้องโปร่ง มีเสาหน้าสองต้นและเสาหลังสองต้น โครงหลังคาหอแจกก่อสร้างจากไม้ มุงด้วยแป้นเกล็ด ประดับ โหง (ช่อฟ้าด้านหน้า) ใบระกา หางหงส์ และประดับช่อฟ้าที่บริเวณกลางสันหลังคา ตัวอาคารหอแจกผนังทึบทั้งสี่ด้าน ผนังด้านสกัดหรือด้านกว้าง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีบันไดอยู่ตรงกลาง ผนังด้านข้างแต่ละด้านมีการเจาะช่องเป็นหน้าต่างเป็นรูปวงโค้งครึ่งวงกลมจำนวน 2 ช่อง และเจาะช่องแสงเป็นทรงกลมประดับกรงซี่รูปดอกไม้ที่ผนังช่องสุดท้ายซึ่งติดกับมุมอาคาร ส่วนผนังด้านแปหรือด้านยาวหรือด้านข้าง แบ่งผนังออกเป็น 7 ช่วงเสา ส่วนที่ติดมุมอาคารนั้นเป็นผนังทึบ อีก 5 ช่วง เจาะเป็นหน้าต่างรูปทรงโค้งครึ่งวงกลมเช่นเดียวกัน ลักษณะหน้าต่างของหอแจกมีลักษณะเด่นที่ด้านล่างทำเป็นราวเจาะช่องทรงรีประดับและใช้บานหน้าต่างไม้
บันไดหอแจกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนของราวบันไดมีการปั้นปูนประดับเป็นรูปสัตว์ ด้านหน้า(ทิศตะวันตก) เป็นสัตว์ผสมซึ่งมีกีบเท้า อาจเป็นสัตว์ที่มีส่วนผสมของม้า ทำให้สันนิษฐานว่า น่าจะเป็น กิเลน ส่วนราวบันไดด้านหลัง(ทิศตะวันออก) ปั้นปูนเป็นรูปมกรคายนาคซึ่งมีรูปสิงห์อยู่ด้านหน้า
ภายในหอแจก ประดิษฐานธรรมาสน์ ลักษณะเป็นธรรมาสน์ติดแน่นกับตัวโบราณสถาน ส่วนฐานก่ออิฐถือปูน ส่วนเรือนธาตุและส่วนยอดเป็นการแกะสลักจากไม้ โดยส่วนเรือนธาตุแกะสลักเป็นลายเคลือเถาทอดลงทอดจากบนลงล่างเป็นช่องยาวสลับกับช่องไม้ทึบทาสี บริเวณฐานของเรือนประดับด้วยฐานบัวลูกฟักลงรักปิดทอง สำหรับส่วนหลังคาเป็นหลังคาทรงมณฑปซ้อนสองชั้น มีนาคพาดประดับบริเวณสันทั้งสี่ด้านทั้งสองชั้น ส่วนยอดเป็นชั้นบัวหงายซ้อนส่วนบนเป็นกิ่งหลาวหลายกิ่งลักษณะกิ่งตรงกลางสูงกว่ากิ่งโดยรอบคล้ายพุ่มดอกไม้ โดยธรรมาสน์ในหอแจกวัดราษฎร์ประดิษฐ์จะใช้เทศนาในช่วงงานบุญเทศมหาชาติในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม ของทุกปี
ผู้เรียบเรียง
นางสาวสิริพัฒน์ บุญใหญ่ นักโบราณคดีชำนาญการ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี
--------------------------------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี .รายงานการบูรณะโบราณสถานกุฏิไม้วัดราษฎร์ประดิษฐ์ บ้านกระเดียน ตำบลกระเดียน อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี,พ.ศ. 2556