ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 41,342 รายการ
มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนี เผด็จมงคลสูตร)
ชบ.บ.88ก/1-9
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.343/6ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 64 หน้า ; 5 x 57.5 ซ.ม. : ทองทึบ-ชาดทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 134 (370-377) ผูก 6 (2565)หัวเรื่อง : สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (พระยมกปกรณา)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผลงาน: เสียงขลุ่ยทิพย์
ศิลปิน: เขียน ยิ้มศิริ (พ.ศ. 2465 - 2514)
เทคนิค: ประติมากรรมสำริด
ขนาด: สูง 58.5 ซม.
ปีที่สร้างสรรค์: พ.ศ. 2492
รางวัล/เกียรติยศ: เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง ประเภทประติมากรรม จากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 1 พุทธศักราช 2492
รายละเอียดเพิ่มเติม: เขียน ยิ้มศิริ ศิลปินชั้นเยี่ยม สาขาประติมากรรม หนึ่งในศิลปินคนสำคัญในยุคบุกเบิกสร้างสรรค์งานศิลปะสมัยใหม่ ในประเทศไทย และหนึ่งในลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ผลงาน “เสียงขลุ่ยทิพย์” เป็นประติมากรรมชิ้นที่โดดเด่นที่สุดชิ้นหนึ่ง ในชีวิตการทำงานของศิลปิน งานของเขียน ยิ้มศิริ เป็นการผสมผสานระหว่างแรงบันดาลใจในความพริ้วไหวของรูปทรงและโครงร่างลายเส้นรอบนอกของงานศิลปะไทยประเพณี กับการแสดงออกแบบลดทอนรูปทรงในแนวทางงานศิลปะสมัยใหม่
Title: Musical Rythm
Artist: Khien Yimsiri (1922 - 1971)
Technique: bronze casting
Size: 58.5 cm. (H.)
Year: 1949
Award: Honorary gold medal award on sculpture, from the 1st National Exhibition of Art in 1949.
Detail: Khien Yimsiri, artist of distinction on sculpture and a pioneer sculptor of modern Thai art whom is considered as early pupil of Silpa Bhirasri. His well-known sculpture entitled “Musical Rythm” is regarded as one his best, Khien's sculptures likely take an inspiration especially on fluidity of forms and contour from traditional Thai art but at the same time being contorted as modern expression.
ชื่อผู้แต่ง ศิลปากร , กรม
ชื่อเรื่อง คู่มือนำชม เมืองสุโขทัย เมืองศรีสัชชนาลัยและเมืองกำแพงเพชร
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ -
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์การศาสนา
ปีที่พิมพ์ ๒๕๒๐
จำนวนหน้า ๑๙๐ หน้า
หมายเหตุ กรมศิลปากร จัดพิมพ์เนื่องในการจัดโบราณคดีสัญจร สู่เมืองพระร่วง วันที่ ๔ - ๖ มีนาคม ๒๕๒๐
เพื่อเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลในด้านการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมแก่ประชาชนชาวไทย ให้ตระหนักและทราบซึ่งถึงคุณค่า ซึ่งก่อให้เกิดความรักหวงแหนและร่วมใจกันอนุรักษ์สมบัติทางด้านศิลปวัฒนธรรม เป็นมรดกของอนุชนชาวไทยทุกท่าน กรมศิลปากรมีหน้าที่เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมจึงได้สนองนโยบาย โดยจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ+สังคมแห่งชาติ กรมศิลปากรจึงได้กำหนดจัดโบราณคดีสัญจรสู่เมืองสุโขทัย เมืองศรีสัชชนาลัย เมืองกำแพงเพชร และนำชมเมืองพระร่วง ซึ่งเคยเป็นอาณาจักรสุโขทัยที่มีความเจริญรุ่งเรืองแล้ะวในอดีตเมื่อ ๗๐๐ ปีล่วงมา
ชื่อเรื่อง จักรทีปนี ตำราโหราศาสตร์ พระนิพนธ์ สมเด็จฯ กรมพระปรมานุชิตชิโนรสผู้แต่ง กรมศิลปากรประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ ปรัชญาเลขหมู่ 133.53 ป169จบสถานที่พิมพ์ ม.ป.ท.สำนักพิมพ์ ม.ป.พ.ปีที่พิมพ์ 2508ลักษณะวัสดุ 44 หน้าหัวเรื่อง โหราศาสตร์ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก จักรทีปนี ตำราโหราศาสตร์ เป็นหนังสือเกี่ยวกับการพยากรณ์
วันพืชมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕วันพืชมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีการซึ่งกระทำขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลและส่งเสริม บำรุงขวัญเกษตรกร เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการเพาะปลูก ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในเดือนหกของทุกปีอันถือเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นฤดูกาลแห่งการทำนาในทวาทศมาส (โคลงดั้น) เอกสารยุคต้นกรุงศรีอยุธยา พรรณนาฤดูเดือนหก (ไพศาขย) เริ่มมีฝนตกแล้ว ต่อจากนี้ไปจะมี พิธีแรกนาขวัญทั่วไปในชนบทหมู่บ้านเพื่อสร้างขวัญ และกําลังใจให้ชาวนาชาวไร่ ในพื้นที่ต่างๆ จะมีการปักธงธวัช ทวาทศมาส (โคลงดั้น) พรรณนาดังนี้๏ เดือนหกเรียมไห้รํ่า ฤๅวายยามย่อมชนบทถือ ท่องหล้าธงธวัชโบกโบยปลาย งอนง่าคิดว่ากรกวักข้า แล่นตาม ฯ๏ ทันธงบใช่น้อง เรียมทรุดหิวคระหนรนกาม พรั่นกว้าธวัชงอนโบกโบยสุด ลิวลี่กรใช่กรหน้าหน้า ใช่น้องนาไถ ฯ๏ ฤดูเดือนเชษฐฟ้า ครรชิตสายพรุณรองไร เรื่อยฟ้าไพศาขยรํ่าแรมนิทร นงโพธ เดียวแม่แรมรํ่าแรมโรยหน้า เร่งโรยแรมโรย ฯ๏ วรรณาโมลิศแล้ง แดงเดียวอกกระอุเกรียมโกรย กระด้างอัมพรอุทรเขียว ครางคร่ำฟื้นฟั่นโหยไห้ช้าง เชี่ยวสินธุ์ ฯ๏ อักขนิษฐเลื่องโลกล้ำ โสฬศบัณฑุกัมพลอินทร์ อาสน์แก้วเมรุทองรรองทศ ศาภาคย์ฤๅอาจทรงทุกข์แผ้ว ที่ตรอม ฯ๏ ฤดูเดือนเมฆนํ้า นองหาวขุกข่มเขียวไพรดอม ยอดย้อมไฟกามรลุงจาว ทองเทศเห็นลบัดเสรียวอ้อม อาตม์เรียม ฯ๏ อัญชันชรอุ่มแต้ม ตาไพรเพราเพริดนัยนุชเทียม แต่งแต้มบัวกามจำรัสไร รัตนเรขชมช่อไม้เหมือนแก้ม โกศเกลาฯ๏ พระพรุณรายเรื่อยฟ้า เฟ็ดโพยมอกราษฎร์ชนบทเทา ทั่วหล้าเริ่มการสำเร็จโถม ไถแล่นเจียรอนุชน้องถ้า ไป่ยลฯ๏ แถลงวรรสวาดิเกี้ยว กรองบัตรลมปั่นหาวเหินบน แบ่งไส้เล็บนางแน่งเนาวรัตน์ โชรช่อแลแล่งเล็บแก้วไล้ ลวดทอง ฯ๏ ฟ้าดินเลียมลอบกลํ้า กลืนนุช แดฤๅซงซ่อนไกลใจปอง ขาดขวํ้าแดนใดลอบเลงบุษป บัวมาศ กูเฮยเรียมบำบวงบนก้ำ ก่ำสมร ฯ๏ ร่ำรักแรมราศแก้ว เจียรจินต์กรมโกรธเททวารถอน ถอดไส้ลุกแลรลุงถวิล หาอ่อน อวลเอยเยียวข่าวขวัญน้องไข้ พี่ถ้าถามขวัญ ฯเอกสารอ้างอิง"โคลงทวาทศมาส" เข้าถึงได้โดย https://vajirayana.org/โคลงทวาทศมาส/โคลงทวาทศมาส“แรกนาขวัญ-นาตาแฮก” การสร้างขวัญและกําลังใจของเกษตรกร. เข้าถึงได้โดย https://www.silpa-mag.com/culture/article_32683
ทรงพระเจริญ๒ เมษายน วันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมข้าพระพุทธเจ้า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สงขลา กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ สงขลา ขอนำเสนอประมวลภาพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ วางศิลาฤกษ์อาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ สงขลา /เข้าเฝ้ารับเสด็จเนื่องในพิธีต่าง ๆ และประมวลภาพจัดนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขล
112 ปี แห่งการเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้า เจ้าสยาม
23 ตุลาคม 2565 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป มีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้งกับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี แรกเริ่มเดิมทีสถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งพระตำหนักของเจ้านายฝ่ายวังหน้า ต่อมาในรัชกาลของพระองค์จึงทรงมีพระราชดำริให้รื้อถอนและก่อสร้างโรงงานผลิตเหรียญขึ้นบนที่ดินแห่งนี้ พระราชทานนามว่า “โรงกษาปณ์สิทธิการ” เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ พระองค์ได้เสด็จฯ มาทรงเปิดและเดินเครื่องจักรเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2445 โรงกษาปณ์แห่งนี้ใช้งานเรื่อยมาจนถึง พ.ศ. 2511 และถูกทิ้งร้างนับแต่นั้นเป็นต้นมา ในวาระครบรอบ 100 ปี การพิพิธภัณฑ์ไทย พ.ศ. 2517 กรมศิลปากรจึงได้เสนอขอใช้อาคารโรงกษาปณ์สิทธิการจากกรมธนารักษ์เพื่อปรับปรุงและจัดตั้งเป็น “หอศิลปแห่งชาติ”
เมื่อโรงกษาปณ์สิทธิการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น ได้ปรับปรุงและเปลี่ยนสถานะเป็นหอศิลป์/พิพิธภัณฑ์ทางด้านศิลปะสมัยใหม่ สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นแหล่งรวบรวมผลงานศิลปะที่เป็นสมบัติของชาติ ห้องจิตรกรรมในราชสำนักภายในอาคารนิทรรศการถาวรเป็นห้องที่จัดแสดงพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ หนึ่งในนั้นคือพระบรมสาทิสลักษณ์ครึ่งพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เขียนโดย เอ็ดวาร์โด เยลลี (Edoardo Gelli) จิตรกรชาวอิตาเลียน ที่พำนักอยู่ในเมืองฟลอเรนซ์ ภาพเขียนชิ้นนี้มีความงดงาม โดดเด่น และสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการนำพาสยามให้อยู่รอดในระเบียบโลกแบบใหม่ โดยมีสถาบันกษัตริย์เป็นศูนย์กลางอำนาจของราชอาณาจักร
เอ็ดวาร์โด เยลลี เกิดที่เมืองซาโวนา (Savona) ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2395 เริ่มศึกษาการเขียนภาพที่สถาบันศิลปะลุคคา (Accademia di Lucca) ต่อมาได้เป็นลูกศิษย์ของ แอนโตนิโอ ซิเซริ (Antonio Ciseri) ที่เมืองฟลอเรนซ์ เยลลีเริ่มมีชื่อเสียงในด้านการเขียนภาพสีน้ำมัน ได้รับการว่าจ้างให้เขียนพระบรมสาทิสลักษณ์ของจักรพรรดิแห่งออสเตรียและกษัตริย์ยุโรปอีกหลายพระองค์ ต่อมาจึงได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสมาคมศิลปะแห่งเมืองฟลอเรนซ์ (Circols Artistico di Firenze) เยลลีถึงแก่กรรมที่เมืองฟลอเรนซ์ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2476 ในการเสด็จประพาสยุโรปทั้ง 2 ครั้ง (พ.ศ. 2440 และ พ.ศ. 2450) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จฯ มายังสตูดิโอของเยลลีเพื่อประทับเป็นแบบให้เขียนภาพและเลือกซื้อผลงานของเขา
สำหรับพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (ภาพที่ 1) เยลลีจัดวางตำแหน่งของพระพักตร์และพระวรกายให้ทำมุมเฉียงเล็กน้อย พระเนตรสงบนิ่ง เยือกเย็น แต่มีชีวิตชีวา มองตรงมายังผู้ชมภาพ พระศอยืดตรง พระอุระกว้าง ผึ่งผาย ดูสง่างาม สัดส่วนของพระเศียรดูเล็กกว่าปกติเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับพระวรกาย นับเป็นเรื่องปกติที่จิตรกรซึ่งช่ำชองในการเขียนภาพเหมือนบุคคลจะปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างเพื่อนำเสนอและส่งเสริมภาพลักษณ์ของบุคคลต้นแบบให้ออกมาสมบูรณ์ตามที่จิตรกรหรือผู้ว่าจ้างต้องการ ในกรณีนี้ เยลลีได้ขับเน้นความสง่างามของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในฐานะพระมหากษัตริย์แห่งสยามผ่านพระบรมสาทิสลักษณ์ได้อย่างสมพระเกียรติ นอกจากนี้ การจัดแสงเงาและการให้สีของวัตถุที่แสงตกกระทบยังช่วยขับองค์ประกอบต่างๆ บนฉลองพระองค์ให้มีความโดดเด่น ชัดเจน และจับสายตาของผู้ชมภาพมากยิ่งขึ้น
ด้านขวาล่างของพระบรมสาทิสลักษณ์ปรากฏข้อความในภาษาอิตาเลียนที่แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า (ภาพที่ 2)
“ให้แก่เพื่อน
วิตตอริโอ เซจโจ้
อี. เยลลี เป็นที่ระลึก”
โดยตัวอักษร E (Edoardo) และ G (Gelli) ใบบรรทัดสุดท้ายเขียนซ้อนกัน ตามด้วยตัวอักษร elli แบบตัวเขียนภาษาอังกฤษ รวมเป็น E. Gelli หรือ Edoardo Gelli ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในการลงชื่อบนภาพเขียนของเยลลี (ภาพที่ 3) ส่วนวิตตอริโอ เซจโจ้ (Vittorio Zeggio) คนนี้คือ กงสุลกิตติมศักดิ์แห่งราชอาณาจักรสยาม ผู้จัดการเรื่องการเสด็จประพาสอิตาลีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2450 ขณะที่พระองค์ประทับอยู่ ณ บ้านของเซจโจ้ในเมืองฟลอเรนซ์ เซจโจ้ได้จัดการให้พระองค์ทรงพบปะกับจิตรกรและประติมากรชาวอิตาเลียนที่มีชื่อเสียงในขณะนั้นหลายคน นอกจากนี้ ยังทรงประทับเป็นแบบให้จิตรกรได้เขียนพระบรมสาทิสลักษณ์ระหว่างเสด็จฯ เยือนสตูดิโอด้วยความอดทน
หากพระมหากษัตริย์ทรงเป็นสมมุติเทพ พระบรมสาทิสลักษณ์ก็เป็นดั่งประกาศกของพระองค์ ภาพเหมือนบุคคลมิได้เป็นเพียงภาพแทนตัวหรือสิ่งที่แสดงรสนิยมส่วนพระองค์เท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่พระมหากษัตริย์ทรงใช้ในการประกาศและสื่อสารนัยทางสังคมและการเมือง ตลอดรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 - 20 ต้องเผชิญกับการแผ่ขยายของลัทธิจักรวรรดินิยม โดยเฉพาะอังกฤษและฝรั่งเศส การเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมตะวันตกจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การแสดงออกให้ชาติตะวันตกเห็นว่าสยามยอมเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระเบียบโลกแบบใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็น การว่าจ้างศิลปินชาวยุโรปให้เขียนพระบรมสาทิสลักษณ์ ปั้นหล่อพระบรมรูป และสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ ก็เป็นหนึ่งในกลไกที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรงเป็นศูนย์กลางอำนาจและสำนึกร่วมของราษฎรในราชอาณาจักรผ่านงานศิลปกรรม
ในอนาคตอันใกล้นี้ พระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฝีมือ เอ็ดวาร์โด เยลลี จะได้กลับมาจัดแสดง ณ ห้องจิตรกรรมในราชสำนักอีกครั้ง หลังจากที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ดำเนินการปรับปรุงอาคารนิทรรศการถาวรมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2564 หลังจากปิดปรับปรุง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ได้เริ่มอนุรักษ์ผลงานศิลปะที่จัดแสดงภายในอาคารนิทรรศการถาวร พระบรมสาทิสลักษณ์ชิ้นนี้ผ่านการอนุรักษ์อย่างพิถีพิถันโดย คุณขวัญจิต และคุณสุริยะ เลิศศิริ ซึ่งเผยให้เห็นสีสันที่แท้จริงและความงดงามของพระบรมสาทิสลักษณ์ในแบบที่เยลลีต้องการให้ผู้ชมภาพได้เห็น (ภาพที่ 4) หากการปรับปรุงอาคารนิทรรศการถาวรแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้เข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป จะแจ้งให้ทุกท่านทราบโดยเร็วที่สุด
อ้างอิงจาก
1. หนังสือ “จิตรกรรมและประติมากรรมแบบตะวันตกในราชสำนัก” โดย ศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ โปศยานนท์
2. หนังสือ “ชาวอิตาเลียนในราชสำนักไทย” โดย กระทรวงวัฒนธรรม
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 39/1ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 42 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 59 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 134/1 เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)