ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 41,355 รายการ
วันเด็กแห่งชาติ
เรียบเรียงโดย : ภควรรณ คุณากรวงศ์ บรรณารักษ์ชำนาญการ
ชื่อเรื่อง สพ.ส.70 ตำรายาแผนโบราณประเภทวัสดุ/มีเดีย สมุดไทยขาวISBN/ISSN -หมวดหมู่ เวชศาสตร์ลักษณะวัสดุ 160; หน้า : ไม่มีภาพประกอบหัวเรื่อง ตำรายาแผนโบราณ ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก ประวัติวัดอู่ทอง ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี มอบให้หอสมุดฯ
พระพิมพ์ดินเผา
แบบศิลปะ : ทวารวดี
ชนิด : ดินเผา
ขนาด : กว้าง 6 เซนติเมตร สูง 9.5 เซนติเมตร
อายุสมัย : ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 - 13 (หรือราว 1,300 - 1,400 ปีมาแล้ว)
ลักษณะ : พระพิมพ์ดินเผารูปพระสาวก เป็นรูปพระภิกษุนั่งขัดสมาธิราบในท่าสมาธิ ครองจีวรห่มเฉียงไม่มีรัศมี สิ่งสำคัญคือด้านหลังองค์พระพิมพ์ มีจารึก อักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต
ประวัติ : ได้จากเจดีย์หมายเลข 11 อำเภออู่ทอง
สถานที่จัดแสดง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/uthong/360/model/03/
ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/uthong
ภาพปูนปั้นรูปบุรุษขี่ม้า (อัศวิน หรือ เสด็จออกมหาภิเษกกรมณ์ ) และรูปสิงห์
- ทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔)
- ปูนปั้น
- ขนาด กว้าง ๙๔.๕ ซม. ยาว ๘๖ ซม. หนา ๙ ซม.
เดิมประดับที่ฐานลานประทักษิณด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของเจดีย์จุลประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดี เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ภาพปูนปั้นทั้งสองนี้ ขณะขุดค้นพบ เห็นเป็นภาพสิงห์ ต่อมาขณะที่นายช่างของกรมศิลปากร คือ นายอาภรณ์ ณ สงขลา ทำการอนุรักษ์ จึงพบว่ามีภาพบุคคลขี่ม้าถูกครอบไว้ด้านใน รูปบุคคลขี่ม้าอาจจะมาจากชาดกตอนพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นม้า หรืออาจเป็นภาพพุทธประวัติตอนเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์(ออกผนวช)
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=40108
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
ปริวารปาลิ (ปริวารปาลิ)อย.บ. 298/9หมวดหมู่ พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 52 หน้า : กว้าง 4.7 ซม. ยาว 53.4 ซม. บทคัดย่อ เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคจากวัดประดู่ทรงธรรม อำเภอเมืองพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร ขอเชิญชมการถ่ายทอดสด Facebook Live การบรรยายทางวิชาการออนไลน์ ประจำปี ๒๕๖๗ ภายใต้โครงการจัดกิจกรรมเสริมสร้างให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเป็นแหล่งเรียนรู้ วันที่ ๒๘ - ๒๙ สิงหาคม และ ๖ กันยายน ๒๕๖๗ ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร : Kamphaeng Phet National Museum (https://www.facebook.com/kamphaengphetnationalmuseum) พบกับการบรรยายที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๗
- เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๐.๓๐ น. การบรรยาย เรื่อง “บ่อสามแสน แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองกำแพงเพชร” โดย นางสาวเมลดา มณีโชติ นักโบราณคดีปฏิบัติการ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย
- เวลา ๑๐.๓๐ - ๑๑.๓๐ น. การบรรยาย เรื่อง “ศิลาแลงแกร่ง แหล่งตัดศิลาแลงเมืองกำแพงเพชร” โดย นางสาวจินต์จุฑา เขนย นักโบราณคดีชำนาญการ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย
- เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. การบรรยาย เรื่อง “บันทึกจากรุ่นสู่รุ่น : สายตระกูลพระยากำแพงเพชร” โดย นางสาวนพรัตน์ รามสูต กุลทายาทเจ้าเมืองกำแพงเพชร
วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๗
- เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๐.๓๐ น. การบรรยาย เรื่อง “เครือข่ายการค้าโบราณ : กำแพงเพชร” โดย นายมนตรี ธนภัทรพรชัย ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย
- เวลา ๑๐.๓๐ - ๑๑.๓๐ น. การบรรยาย เรื่อง “เครื่องถ้วยลายครามที่พบจากวัดอาวาสใหญ่” โดย นางสาวพรรณลักษณ์ พันธ์วนิชดำรง ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย
วันศุกร์ที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๗
- เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๐.๓๐ น. การบรรยาย เรื่อง “ฟิล์มกระจก มรดกความทรงจำแห่งโลก” โดย นางภาวิดา สมวงศ์ นักจดหมายเหตุชำนาญการ กลุ่มอนุรักษ์เอกสาร สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
- เวลา ๑๐.๓๐ - ๑๑.๓๐ น. การบรรยาย เรื่อง “คุณค่าและการอนุรักษ์เอกสารจดหมายเหตุประเภทภาพถ่าย” โดย นางสาวอุไรวรรณ แสงทอง หัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมฯ สยามมกุฎราชกุมาร พะเยา สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่
- เวลา ๑๓.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. การบรรยาย เรื่อง “บันทึกความทรงจำ : ภาพถ่ายแห่งเมืองกำแพงเพชร” โดย นางสาวเบญจวรรณ จันทราช หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย ทั้งนี้ กำหนดการอาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. ๐ ๕๕๗๑ ๑๕๗๐ หรือทางกล่องข้อความ เพจเฟซบุ๊ก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร : Kamphaeng Phet National Museum
ชื่อเรื่อง เมืองโบราณอู่ทอง : รายงานสรุปผลการศึกษาโบราณสถานที่เนินพลับพลา ในปี 2560ผู้แต่ง สฤษดิ์พงศ์ ขุนทรงประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือท้องถิ่นหมวดหมู่ ประวัติศาสตร์เอเชีย เลขหมู่ 959.373 ส363มสถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ เปเปอร์เมท(ประเทษไทย)จำกัดปีที่พิมพ์ 2560ลักษณะวัสดุ 146 หน้า หัวเรื่อง โบราณคดีอู่ทองภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก เป็นหนังสือรายงานการสำรวจและการขุดค้นเมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ที่เนินพลับพลาปี 2560 เนื้อหาภายในเล่ม คือ ที่ตั้งและสภาพภูมิศาสตร์เมืองโบราณอู่ทอง การศึกษาเปรียบเทียบลักษณะที่ตั้งและสภาพภูมิศาสตร์ระหว่างเมืองอู่ทอง เมืองคูบัว และเมืองนครปฐม ศึกษาโบราณสถานสมัยทราวดีที่เมืองอู่ทอง ได้แก่ โบราณสถานทางพุทธศาสนา โบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับระบบจัดการน้ำและเทวาลัยในศาสนาพราหมณ์ การขุดศึกษาโบราณสถานที่เนินพลับพลา ในปี 2558 หลักฐานที่ค้นพบ เช่น ลูกปัดหิน หินบด ต่างหูโลหะ เป็นต้น พร้อมทั้งสรุปและข้อเสนอแนะ ภาคผนวก1 - 3 รายการโบราณวัตถุชิ้นพิเศษ รายงานผลการกำหนดอายุทางวิทยาศาสตร์ แผนผังท้ายเล่ม ตามลำดับ
การแจ้งการผลิตการค้า หรือมีไว้ในสถานการค้าซึ่งสิ่งเทียมโบราณวัตถุหรือสิ่งเทียมศิลปวัตถุ
ที่ ควบคุมการทําเทียม
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมหาราชเสด็จปราบดาภิเษกขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์แล้ว ทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าสุรสีห์พิศณวาธิราช เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลฝ่ายหน้า และโปรดฯ ให้ย้ายพระนครจากกรุงธนบุรีมาสร้างกรุงเทพมหานคร เป็นพระนครแห่งใหม่ยังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ให้สร้างวังหลวงและวังหน้าขึ้นในเขตกรุงธนบุรีเดิม โดยใช้คลองคูเมืองธนบุรี เป็นคลองคูเมืองชั้นใน และให้ขุดคลองใหม่เป็นคลองคูเมืองของกรุงเทพฯ เรียกว่าคลองรอบกรุง สร้างวังหลวงที่ตอนใต้ของพระนคร ระหว่างวัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) กับวัดสลัก (วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์) และตั้งวังหน้าขึ้นทางตอนเหนือระหว่างวัดสลักกับคลองคูเมืองเดิม กำหนดให้ท้องที่อาณาบริเวณฟากเหนือของพระนคร ตั้งแต่แนวถนนพระจันทร์ นับแต่ท่าน้ำตรงไปทางตะวันออกจนถึงประตูสำราญราษฎร์ (ถนนบำรุงเมือง) อันเป็นที่ตั้งของวังหน้า เป็น แขวงอำเภอพระราชวังบวร เป็นเขตปกครองของวังหน้า คือ ปกครองกึ่งพระนคร ตามธรรมเนียมประเพณีสืบมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา
“วังหน้า”มีประวัติการสร้างพร้อมกับวังหลวง โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระมหาอุปราชในรัชกาลที่ ๑ โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕ แล้วเสร็จเป็นเบื้องต้นเมื่อราว พ.ศ.๒๓๒๘ จากนั้นได้มีการก่อสร้างอาคารสถาน ตลอดจนการบูรณะปฏิสังขรณ์สืบมาเป็นลำดับ วังหน้าเมื่อแรกสร้างสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ คงยึดถือแบบแผนการสร้างวังแต่ครั้งกรุงเก่า กล่าวกันว่าวังหน้าได้รับแบบอย่างมาจากพระราชวังหลวง รวมถึงแบบแผนบางประการจากพระราชวังจันทรเกษมหรือวังหน้าในสมัยกรุงศรีอยุธยา กล่าวคือแผนที่ตั้งของวังตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าวังหลวงและสร้างหันหน้าวังไปทางทิศตะวันออกเช่นเดียวกับพระราชวังจันทรเกษม ส่วนอาคารพระที่นั่งพระราชมณเฑียรสถานบางแห่งวางผังตามแบบพระราชมณเฑียรสถานภายในพระราชหลวงพระนครศรีอยุธยา
พระราชวังบวรสถานมงคล มีกำแพงและป้อมปราการล้อมรอบทั้ง ๔ ด้าน เป็นกำแพงใบเสมาตามธรรมเนียมวังพระมหาอุปราช ป้อมที่มุมทั้ง ๔ ของพระราชวังบวรฯ ทำเป็นป้อมรูปแปดเหลี่ยม หลังคาทรงกระโจม ส่วนป้อมตามแนวกำแพงสร้างเป็นรูปหอรบ หลังคาทรงคฤห นอกกำแพงมีคูและถนนรอบวังทุกด้าน โดยที่ด้านทิศตะวันตกมีลำน้ำเจ้าพระยาแทนคู และใช้กำแพงพระนครเป็นกำแพงวังชั้นนอก ส่วนทิศเหนือเป็นคูพระนครเดิม มีถนนตัดผ่านพระราชวังตามแนวทิศเหนือ –ใต้ ๓ สาย สายตะวันตก คือ ถนนริมพระนครด้านใน สายกลาง คือ ถนนหน้าพระธาตุ เป็นเส้นทางพระมหาอุปราชเสด็จไปพระราชวังหลวง และถนนสายทิศตะวันออก คือ ถนนด้านหน้าพระราชวัง ด้านเหนือจรดสะพานเสี้ยว ใกล้กับแนวถนนราชดำเนินทุกวันนี้
วันอังคารที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ นางชุติมา จันทร์เทศ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา พร้อมด้วยนายชำนาญ กฤษณสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน ลงพื้นที่ตรวจสอบโบราณสถานปราสาทกู่ศิลา ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา
ปราสาทกู่ศิลา ตั้งอยู่ในเขตตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา มีลักษณะเป็นธรรมศาลา หรือศาสนสถานประจำที่พักคนเดินทาง ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗แห่งอาณาจักรเขมร (พ.ศ.๑๗๒๔ - ๑๗๖๑) ซึ่งปรากฏข้อความตามหลักศิลาจารึกปราสาทพระขรรค์ในประเทศกัมพูชา พระองค์ทรงโปรดให้สร้างธรรมศาลาขึ้นตามเส้นทางถนนโบราณเส้นต่าง ๆ เป็นจำนวน ๑๒๑ แห่ง โดยพบหลักฐานธรรมศาลา ตามเส้นทางจากเมืองพระนครถึงเมืองพิมาย จำนวน ๑๗ แห่งกรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานปราสาทกู่ศิลา ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๕๓ ตอนที่ ๓๔ ลงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๔๗๙ สภาพปัจจุบัน อยู่ในสภาพพังทลาย คงเหลือหลักฐานให้เห็นได้ชัดเจนที่สุด ที่ส่วนผนังด้านทิศใต้ การศึกษาเปรียบเทียบกับสิ่งก่อสร้างรูปแบบเดียวกัน พบว่าลักษณะแผนผังของโบราณสถานปราสาทกู่ศิลา เป็นสิ่งก่อสร้างหลังเดียว หันด้านหน้าไปทางทิศตะวันออก ไม่มีแนวกำแพงล้อมรอบ รูปแบบของสิ่งก่อสร้างประกอบด้วยสองส่วน ได้แก่ ส่วนที่อยู่ด้านหลังเป็นตัวปราสาท บริเวณด้านทิศตะวันออกของปราสาท มีอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งสร้างเชื่อมต่อจากตัวปราสาท ประตูทางเข้ามีสองทาง ได้แก่ ทางด้านหน้าด้านทิศตะวันออกของอาคารและทางด้านหลังด้านทิศตะวันตกของปราสาท สิ่งก่อสร้างทั้งหมดใช้หินทรายเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง
ข้อมูลโดย : นายนภสินธุ์ บุญล้อม นักโบราณคดีปฏิบัติการ สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา