ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 41,688 รายการ




ชื่อเรื่อง                                ปทุมชาตก (บัวหอม) สพ.บ.                                  205/4ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           42 หน้า กว้าง 4.5 ซ.ม. ยาว 57 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                           ชาดก                                           เทศน์มหาชาติ                                           คาถาพัน บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดกกม่วง ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


ชื่อเรื่อง                                มหานิปาตวณฺณนา (เวสฺสนฺตรชาดก)ชาตกฎฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา (ทานขันธ์-นครกัณฑ์)  สพ.บ.                                  250/10ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           32 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา--การศึกษาและการสอน                                           ชาดก บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ-ล่องรัก  ได้รับบริจาคมาจากวัดทุ่งอุทุมพร ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


กู่เจ้านายฝ่ายเหนือสายเชียงใหม่กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ เป็นอนุสรณ์สถานหรืออนุสาวรีย์ที่บรรจุพระอัฐิของอดีตเจ้าหลวงและอัฐิของเจ้านายฝ่ายเหนือ โดยกู่เจ้านายฝ่ายเหนือที่วัดสวนดอกเป็นสถานที่บรรจุพระอัฐิและอัฐิของเจ้านายฝ่ายเหนือสายเชียงใหม่ กู่เจ้านายฝ่ายเหนือที่วัดสวนดอก เกิดจากพระดำริของเจ้าดารารัศมี พระราชชายา เมื่อคราวเสด็จกลับเชียงใหม่ เมื่อ ร.ศ. ๑๒๗ - ๑๒๘ (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๕๑) ว่าจะรวบรวมพระอัฐิเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่และอัฐิพระญาติวงศ์ในราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน ซึ่งขณะนั้นประดิษฐานกระจัดกระจายในข่วงเมรุ* มาประดิษฐานไว้ที่เดียวกัน ณ บริเวณลานวัดสวนดอก ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง เมื่อก่อสร้างกู่เรียบร้อยแล้วจึงอัญเชิญพระอัฐิและอัฐิของพระญาติผู้ใหญ่มาประดิษฐานไว้เป็นปฐม ดังจารึกการย้ายพระอัฐิซึ่งประดิษฐานด้านหน้ากู่บรรจุพระอัฐิของพระเจ้าอินทวิชยานนท์ ดังนี้๑. พระเจ้ากาวิละ๒. เจ้าหลวงธรรมลังกา (ช้างเผือก)๓. เจ้าหลวงคำฟั่น (เศรษฐี)๔. เจ้าหลวงพุทธวงษ์๕. พระเจ้ามโหตระประเทศ ๖. พระเจ้ากาวิโลรส๗. พระเจ้าอินทวิชยานนท์๘. แม่เจ้าอุสาอัยกี๙. แม่เจ้าทิพเกสรพระชนนี๑๐. แม่เจ้ารินคำชนนีเจ้าอินทวโรรส๑๑. แม่เจ้าพิณทองนับจากนั้น เมื่อมีการปลงศพเจ้าหลวงและพระญาติแล้วก็ได้มีการนำพระอัฐิและอัฐิไปบรรจุไว้ในกู่ที่สร้างขึ้น ณ สุสานวัดสวนดอกเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยในวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๗ หนานปวงคำ ตุ้ยเขียว ได้สำรวจและบันทึกว่ามีจำนวนกู่ จำนวน ๑๐๕ กู่ ต่อมาใน พ.ศ.๒๕๒๗ ศาสตราจารย์ ดร. อุดม รุ่งเรืองศรี ได้สำรวจและจัดทำบัญชีอีกครั้ง และบันทึกว่ามีจำนวนกู่ทั้งหมด ๑๑๓ กู่ทายาทเจ้านายฝ่ายเหนือได้ร่วมกันจัดงานบุญถวายราชกุศลแด่ดวงพระวิญญาณของเจ้าหลวงเชียงใหม่และเจ้านายฝ่ายเหนืออย่างต่อเนื่อง ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๙ นครเชียงใหม่อายุครบ ๗๐๐ ปี หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และคณะเจ้านายฝ่ายเหนือได้ร่วมกันจัดพิธีสักการะดำหัวกู่เจ้าหลวงเชียงใหม่อย่างยิ่งใหญ่ และเชิญชวนประชาชนร่วมพิธีด้วย ปัจจุบันมีการกำหนดจัดพิธีสักการะกู่เจ้าหลวงเชียงใหม่ ในวันที่ ๑๗ เมษายน ของทุกปี ณ บริเวณกู่เจ้านายฝ่ายเหนือ วัดสวนดอก   ผู้เรียบเรียง : นางเกษราภรณ์ กุณรักษ์ นักจดหมายเหตุชำนาญการ ภาพ : ๑. หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่. ภาพส่วนบุคคล ชุด นายบุญเสริม สาตราภัย๒. หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่. หมายเหตุ : ข่วงเมรุ เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีศพเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่มาตั้งแต่อดีต ตั้งอยู่บริเวณท้องทุ่งริมแม่น้ำปิงฝั่งตะวันตกระหว่างคุ้มท่าเจดีย์กิ่วทางตอนเหนือลงมาถึงท่าแพตอนใต้ ปัจจุบันเป็นพื้นที่ตลาดวโรรสอ้างอิง : ๑. พิเชษฐ์ ตันตินามชัย.  ๒๕๖๒. “ดำหัวกู่เจ้านายเชียงใหม่.” ใน วงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ (บรรณาธิการ).  เชียงใหม่ นครแห่งอมต.  เชียงใหม่: วิทอินดีไซน์, ๑๑๙-๑๓๒.๒. วรชาติ มีชูบท. ๒๕๕๔. พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ศรีแห่งนครเชียงใหม่. กรุงเทพมหานคร: เลิฟแอนด์ลิพเพรส.๓. ศิริศักดิ์ อภิศักดิ์มนตรี. ๒๕๕๕. เวียงสวนดอก. เชียงใหม่: ชุติมาพริ้นติ้ง.


เลขทะเบียน : นพ.บ.181/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  46 หน้า ; 4 x 48 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 103 (91-100) ผูก 4 (2565)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันธ์ขันธ์ --เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


อุโปสถสีลรกฺขานิสํสกถา (อานิสงสรกฺขาสีลอุโปสถ)  ชบ.บ.61/1-1ก  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง                                มิลินฺทปญฺหาสงฺเขป (มิลินทปัญหา) สพ.บ.                                  322/4 ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลาน หมวดหมู่                               พุทธศาสนา ลักษณะวัสดุ                           52 หน้า กว้าง 4.7 ซม. ยาว 57 ซม. หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                            ชาดก                       บทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจาก วัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


เลขทะเบียน : นพ.บ.283/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4.5 x 55.5 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 119  (248-252) ผูก 3 (2565)หัวเรื่อง : สังฮอมธาตุ--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


วัดถัมภาวาส (วัดบางตะโละ) ตำบลปะเสยะวอ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี         วัดแห่งนี้สร้างขึ้นราวพ.ศ.๒๓๙๑ (สมัยรัชกาลที่ ๓) โดยมีพ่อท่านลังกาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก อุโบสถของวัดแห่งนี้มีลักษณะพิเศษคือการเขียนภาพจิตรกรรมบนผนังด้านนอกของอุโบสถ จิตรกรรมเหล่านี้เขียนภาพเรื่องพุทธประวัติเช่นตอนแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา ตอนเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เรื่องรามเกียรติ์ตอนทศกัณฑ์ลักนางสีดา ตอนพระยาพาลีรบทรพี และเรื่องจันทโครพตอนโจรป่าฆ่าจันทโครพไปจนถึงตอนโจรป่าหนีไป รวมถึงสอดแทรกภาพชาวบ้านไว้ในมุมของภาพต่างๆด้วย ------------------ เรียบเรียง/ภาพถ่าย นายสารัท ชลอสันติสกุล นักโบราณคดีชำนาญการ


ครงการดนตรีสำหรับประชาชน ปีที่ ๖๕วันอาทิตย์ที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ณ สังคีตศาลา บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครเวลา ๑๗.๓๐ – ๑๙.๓๐ น. การบรรเลงขับร้องดนตรีสากลโดย มูลนิธิสุนทราภรณ์ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีบัตรราคา ๒๐ บาท (จำหน่ายบัตรก่อนเข้าชมการแสดง ๑ ชั่วโมง)สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒ และ โทร. ๐๒๒๒๑ ๐๑๗๑การจัดการแสดงอยู่ภายใต้มาตรการป้องกันโรคตามแผนมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยและมาตรการที่ทางราชการกำหนด 


บทความวิชาการจดหมายเหตุเรื่อง ภาพเก่าเล่าอดีต : สืบสานสัมพันธไมตรีไทย-เนเธอร์แลนด์ผู้แต่ง : บุศยารัตน์ คู่เทียม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจดหมายเหตุ สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากรตีพิมพ์ลงนิตยสารศิลปากร ปีที่ ๔๙ ฉบับที่ ๒ (เดือนมีนาคม-เมษายน ๒๕๔๙)หน้า ๖๓-๗๙


“พระพุทธรูปสามฤทธิ์” แห่งเมืองสวรรคโลกหากมีโอกาสเดินทางมาที่อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย นอกจากจะได้ซึมซับบรรยากาศวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยเรื่องราวความเป็นจังหวัดในอดีตแล้ว ผู้คนที่อำเภอสวรรคโลกยังมีความเชื่อความศรัทธาในพระพุทธรูปที่มีนามมงคลที่คนสวรรคโลกส่วนมากเรียกขานว่า “พระพุทธรูปสามฤทธิ์” พระพุทธเรืองฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง (วัดพระปรางค์) กระทั่งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๔ พระยาวิชิตภักดี (นก) เจ้าเมืองสวรรคโลกในขณะนั้น อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ วัดสว่างอารมณ์วรวิหาร จวบจนปัจจุบัน ถือเป็นพระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่งของเมืองสวรรคโลกที่มีเจ้านายเสด็จฯ มานมัสการหลายพระองค์ เช่น สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระศรีสวรินทราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เสด็จฯ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕ พระพุทธลือฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย ที่พระสวรรค์วรนายก อดีตเจ้าอาวาสวัดสวรรคารามและเจ้าคณะจังหวัดสวรรคโลก รวบรวมไว้ เดิมประดิษฐานอยู่ในอุโบสถ วัดสวรรคาราม ซึ่งในช่วงสงกรานต์จะมีประเพณีอัญเชิญออกมาให้ผู้คนสรงน้ำ ภายหลังได้ยกเลิกไปเนื่องจากเกรงว่าการสรงน้ำจะทำให้พระพุทธรูปเสียหาย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ ตึกสวรรค์วรนายก ถือเป็นพระพุทธรูปคู่วัดคู่ชุมชนที่ชาวบ้านมักเรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อบุญลือ” และให้ความเคารพศรัทธากราบไหว้มาตลอดหลวงพ่อสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่อุโบสถ วัดคลองกระจง เป็นที่นับถือของชาวบ้านตำบลคลองกระจงและในอำเภอสวรรคโลก ตามประวัติว่ากันว่ามีพรานป่าชื่อนายนวล ยิ่งสกุล เข้าไปล่าสัตว์แถววัดกรงทอง กระทั่งตกเย็นแว่วเสียงพระสวดมนต์จึงได้ตามเสียงไปและพบเจดีย์เก่าที่มีเศียรพระโผล่ออกมา เลยกลับมาตามชาวบ้านไปช่วยกันขุดเอามาเก็บรักษาไว้ที่วัดคลองกระจง บริเวณฐานขององค์พระปรากฏจารึกว่า “แต่แม่ชีเสน โกนเก้า เข้าบวช บ่เคยถูกต้องมือชาย มาเถิงนึกอันมาดบูชา จึงสร้างพระผู้เป็นเจ้า โสงองค์ ถวายไว้ในพระศาสนาสิ้นปัจจัยหกล้านแล”



เรื่องห้ามไม่ให้เจ้าไปเมืองสุพรรณกับอักขรานุกรมภูมิศาสตร์ จังหวัดสุพรรณบุรี.  พระนคร : กรมศิลปากร, 2491.          กล่าวถึงนิทานโบราณคดีเรื่องห้ามไม่ให้เจ้าไปเมืองสุพรรณ พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และอักขรานุกรมภูมิศาสตร์ของจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งให้รายละเอียดความรู้เกี่ยวกับชื่อบ้านนามเมือง ภูเขา แม่น้ำ โบราณสถาน และสถานที่สำคัญของจังหวัดสุพรรณบุรี