ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,588 รายการ
เลขทะเบียน : นพ.บ.746/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 26 หน้า ; 4.5 x 59 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 232 (355-361) ผูก 5 (2568)หัวเรื่อง : ธัมมสังคิณี--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อเรื่อง : แถลงการณ์ก่อนพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปกครองสงฆ์ พุทธศักราช 2480
ผู้แต่ง : -
ปีที่พิมพ์ : 2480
สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย
จำนวนหน้า : 26 หน้า
สาระสังเขป : แถลงการก่อนพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปกครองสงฆ์ พุทธศักราช 2480 กรรมการเถรสมาคมได้รับก่อนประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ. มีการกล่าวถึงเรื่องราวการบวชเป็นบรรพชิตในพระพุทธศาสนา พระสงฆ์ในประเทศสยาม ความประพฤติของบรรพชิต บรรพชิตในสมัยรัชกาลที่ 3 -6 การจัดการคณะสงฆ์ พระในนิกายต่างๆ และพระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ฉบับเก่าในบางประการที่ยังคงใช้กันต่อมาไม่ได้มีการยกเลิก
เลขทะเบียนหนังสือหายาก : 314
เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ : nlcm_rb2568_00314
โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568
ชื่อเรื่อง : ดรรชนีราชกิจจานุเบกษา (แผนกกฤษฎีกา) เล่มที่ 81-85 (พ.ศ. 2507-2511) ชื่อผู้แต่ง : ห้องสมุดกลางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปีที่พิมพ์ : 2514 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : ห้องสมุดกลางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวนหน้า : 472 หน้า สาระสังเขป : ราชกิจจานุเบกษา (แผนกกฤษฎีกา) เป็นสิ่งพิมพ์ของทางราชการที่สำคัญเป็นแหล่งรวบรวมของประกาศพระบรมราชโองการ ตัวบทกฎหมาย ตลอดจนกฎข้อบังคับและระเบียบปฏิบัติราชการของกระทรวง ทบวงกรมต่างๆ ดังนั้น "ดรรชนีราชกิจจานุเบกษา (แผนกกฤษฎีกา) เล่มที่ 81-85 (พ.ศ. 2507-2511) " นี้เป็นคู่มือสืบค้นที่รวบรวมและจัดหมวดหมู่เนื้อหาสำคัญจากราชกิจจานุเบกษา แผนกกฤษฎีกา ในช่วงปี พ.ศ. 2507 ถึง 2511 ซึ่งเป็นดรรชนีที่เรียงลำดับอักษรตามหัวเรื่องและชื่อเรื่อง เช่น ชื่อกฎกระทรวง ประกาศ พระราชบัญญัติและระเบียบ ฯลฯ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลกฎหมาย ข้อบังคับ และประกาศต่างๆ ของทางราชการที่ตีพิมพ์ในช่วงเวลา 5 ปี โดยทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการเข้าถึงสารสนเทศทางกฎหมายได้อย่างมีระบบ สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
พระราชหัตถเลขาเรื่องเสด็จประพาสแหลมมลายู
ชื่อเรื่อง : พระราชหัตถเลขาเรื่องเสด็จประพาสแหลมมลายู
หัวเรื่อง : มลายู -- ภูมิประเทศและการท่องเที่ยว
คำค้น : -
รายละเอียด : -
ผู้แต่ง : จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ, 2396-2453
แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
หน่วยงานที่รับผิดชอบ/โรงพิมพ์/สำนักพิมพ์ : องค์การค้าคุรุสภา
ปีที่พิมพ์ : 2506
วันที่เผยแพร่ : 26 สิงหาคม 2568
ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : -
ลิขสิทธิ์ : -
รูปแบบ : PDF.
ภาษา : ภาษาไทย
ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก
ตัวบ่งชี้ : -
รายละเอียดเนื้อหา : พระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บันทึกการเสด็จประพาสแหลมมลายูจำนวน 4 ครั้ง ในปีรัตนโกสินทรศก 108 (พ.ศ. 2432) รัตนโกสินทรศก 109 (พ.ศ. 2433) รัตนโกสินทรศก 117 (พ.ศ. 2441) และรัตนโกสินทรศก 120 (พ.ศ. 2444) พระราชหัตถเลขาเรื่องเสด็จประพาสแหลมมลายูนี้นับเป็นเอกสารที่มีคุณค่ายิ่งทั้งด้านประวัติศาสตร์ภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ การคมนาคม ฯลฯ
เลขทะเบียน : น. 30 ร. 1964
เลขหมู่ : ห
915.938
จ657พ
ชื่อเรื่อง : กลองหลวงลำพูน ผู้แต่ง : สภาวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน ปีที่พิมพ์ : 2546 สถานที่พิมพ์ : ลำพูน สำนักพิมพ์ : สภาวัฒนธรรมจังหวัดลำพูน กลองหลวง เป็นภูมิปัญญาด้านศิลปะการแสดงที่สำคัญหนึ่งของจังหวัดลำพูน มีลักษณะเป็นกลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของชาวล้านนา เดิมเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ในการประกอบจังหวัด ประเภทฟ้อนรำต่างๆ แต่ในปัจจุบันกลับถูกพัฒนานำมาปรับโครงสร้าง เละขนาดให้มีลักษณะเล็กลง เพื่อใช้สำหรับการแข่งขัน ซึ่งต่อมาได้เป็นที่นิยมแพร่หลายจนกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญของชาวลำพูน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำปิง และน้ำแม่ทา ผู้มีบทบาทสำคัญ คือชาวไทยยอง ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองลำพูน อำเภอป่าซาง อำเภอบ้านโฮ่ง กิ่งอำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน ในปัจจุบันจังหวัดลำพูนถือเป็นศูนย์กลางของกลองหลวงที่มีจำนวนอยู่ประเพณีแข่งขัน การผลิต การปรับแต่งและพัฒนากลองหลวง ซึ่งถือเป็นแหล่งภูมิปัญญาของชาวล้านนาไทย ดังนั้นสภาวัฒนธรรม จังหวัดลำพูน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ เละประเพณี ตลอดจนกระบวนการผลิต รวมถึงวิถีชีวิตระหว่างคนกับกลองหลวงในจังหวัดลำพูน
วันพุธที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ เวลา ๐๙.๐๐ น. หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ : พระประทีปแห่งประวัติศาสตร์ไทย” ณ ห้องประชุมหอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ สำนักหอสมุดแห่งชาติ โดยมี นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้กล่าวรายงาน ทั้งนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมฟังการเสวนาทั้งนักวิชาการ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร กว่า ๒๙๐ คน
เมื่อวันพุธ ที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๓.๐๐ น. คณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านหนองไหล อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี ครู ๒ คน และนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ ๑-๓ จำนวน ๘๓ คน
พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภา
เลขทะเบียน ๐๙/๒/๒๕๓๔
ศิลปะลพบุรี พุทธศตวรรษที่ ๑๘
สำริด ขนาด สูง ๒๐.๕ เซนติเมตร หน้าตักกว้าง ๙ เซนติเมตร
วิทยาลัยเกษตรกรรมนครราชสีมามอบให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีรวงศ์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๔
พระไภษัชยคุรุสร้างในรูปพระพุทธรูปนาคปรกทรงเครื่องปางสมาธิประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระพักตร์รูปสี่เหลี่ยม พระขนงต่อกันเกือบเป็นเส้นตรง พระเนตรเปิดพระโอษฐ์แย้มแสดงความเมตตา พระนาสิกแบน พระกรรณยาวสวมกุณฑลหรือตุ้มหู ทรงสวมมงกุฎทรงกรวยหรือชฎามกุฎ สวมกรองศอ พาหุรัด กำไลข้อ พระกร หงายพระหัตถ์ทั้งสองวางบนพระเพลา ถือหม้อน้ำอมฤตอยู่บนพระหัตถ์ ขอบสบงเว้าต่ำ ประทับนั่งบนขนดนาคสามชั้น ด้านหน้ามีชายผ้าทิพย์ มีเศียรนาคเจ็ดเศียร แผ่พังพานอยู่ด้านบน
พระไภษัชยคุรุนี้คงสร้างตามอย่างคติที่พระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ (พ.ศ.๑๗๒๔ – พ.ศ.๑๗๕๗) แห่งกัมพูชา ทรงสร้างอโรคยาศาลขึ้นทั่วราชอาณาจักร และสร้างพระไภษัชยคุรุหรือพระพุทธเจ้าผู้รักษาโรคตามพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ไว้เป็นผู้คุ้มครองอโรคยาศาลเหล่านั้น
Phra Bhaisajyaguru Vaitoonprapha (Medicine Buddha)
Registration No. 09/2/2534
Lopburi Art, ca.13th century
Bronze, Height 20.5 cm. Width9 cm.
Donated by Nakhon Ratchasima College of Agriculture to Maha Viravong National Museum in 1991.
The Medicine Buddha is sitting in the meditation mudra on the intertwined coil of naga as a throne. Its seven-headed hood is spread over the Buddha offering him shelter. The Buddha’s face is square with connected curving eyebrows above the large nose; he has wide eyes and thick smiling lips. He is wearing a crown, earrings, necklace and a bracelet. In his hands he holds a holy water container.
Such sculptures were usually found in Khmer temples said to have been used as hospital during Khmer King Jayavarman VII’s time. It is believed that bodily pain such as an eye ache, for example, can be cured by touching the eye of Phra Bhaisajyaguru Vaitoonprapha.