ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,682 รายการ
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญชมรายการแสดงงานสัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๗ วันอังคารที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๗ ถึง วันจันทร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๘.๐๐ - ๒๐.๐๐ น. ณ เวทีกลางแจ้ง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
วันอังคารที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๗
๑. การบรรเลง - ขับร้อง วงดุริยางค์สากล (ก่อนพิธีเปิด)
๒. การบรรเลงดนตรีไทย “เพลงเทพสมภพ เถา”
๓. การแสดงชุดเทพนารีถวายพระพร
๔. การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดพาลีสอนน้อง
วันพุธที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๗
๑. การบรรเลงดนตรีไทย “โหมโรงเพลงเทิด ส.ธ.”
๒. การแสดงละครนอก เรื่องแก้วหน้าม้า ตอนถวายลูก – ถอดรูป
วันพฤหัสบดีที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๗
๑. การบรรเลงดนตรีไทย “โหมโรงเพลงมหาสังข์”
๒. การแสดงละครพันทาง เรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสา
วันศุกร์ที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๗
๑. การบรรเลงดนตรีไทย “เพลงนาคพัน ๓ ชั้น”
๒. ละครเบิกโรง เรื่องพระไพศรพณ์เทพเจ้าแห่งธัญชาติ
๓. การแสดงละครตำนานพื้นเมือง เรื่องสงกรานต์ ตอน “เชิญศีรษะท้าวกบิลพรหม”
วันเสาร์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๗
๑. รำอาศิรวาทราชสดุดีจักรีวงศ์
๒. ละครเทพนิยายเบิกโรง เรื่องกำเนิดสุริยะและโสมเทพ
๓. การแสดงละคร เรื่องอานุภาพพ่อขุนรามคำแหง
วันอาทิตย์ที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๗
๑. การบรรเลงดนตรีไทย “โหมโรงเพลงศรีสุขสังคีต”
๒. การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดเล่ห์รักยักขินี
วันจันทร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๗
๑. การแสดงคอนเสิร์ต “เพชรในเพลง” รับฟังบทเพลงไพเราะจากศิลปินแห่งชาติและศิลปินทรงคุณวุฒิ อ.รวงทอง ทองลั่นธม อ.วิรัช อยู่ถาวร อ.วินัย พันธุรักษ์ อ.พิเชฏฐ ศุขแพทย์ อ.โฉมฉาย อรุณฉาน พร้อมด้วยศิลปินรางวัลเพชรในเพลง หนู มิเตอร์ ปาน ธนพร รัชนก ศรีโลพันธุ์ จ่อย รวมมิตร คงชาตรี ใบเฟิร์น สุทธิยา ธัช กิตติธัช โบ๊ท ปรัชญา นัน อนันต์ และเปาวลี พรพิมล บรรเลงโดยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร และยังสามารถรับชมการแสดงคอนเสิร์ตนี้ได้ผ่านทาง facebook live: กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
และในเวลา ๑๗.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. รับฟังการบรรเลงดนตรี ณ ศาลาลงสรง
ทั้งนี้ การแสดงในวันที่ ๓ - ๗ เมษายน ๒๕๖๗ นำแสดงโดยศิลปินสำนักการสังคีต /อำนวยการแสดงโดย ลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักการสังคีตชมฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒ และ ๐ ๒๒๒๑ ๐๑๗๑
ภาพถ่ายเก่าปราสาทพิมายสันนิษฐานว่าถ่ายโดยขุนสุนทรสาทิศลักษณ์ หรือ ฟรานซิส จิตร ช่างภาพหลวงรุ่นแรกของประเทศไทย สังเกตได้จากที่มุมของภาพจะปรากฏลายมือ F.Chit ภาพชุดนี้เป็นเป็นภาพถ่ายฟิล์มกระจกที่ถ่ายเมื่อพ.ศ.2411 (นับแบบปฏิทินสากลในปัจจุบัน หากนับแบบปฏิทินปีใหม่เดิมจะอยู่ในพ.ศ.2410)
กรมศิลปากร ขอเชิญชวนผู้สนใจร่วมท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ จังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมชมละครเรื่อง เลือดสุพรรณ ณ โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก จังหวัดสุพรรณบุรี ในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2567โดยรถบัสปรับอากาศ (ไป-กลับ) เพียงท่านละ 500 บาท จองบัตรได้ที่ Line OA ID : @743pznsd หรือคลิกลิงค์ : https://lin.ee/2ZxCKWP ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณภูริชญา ทองจีน โทร. 08 4874 8976
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ตามที่กรมศิลปากร ได้จัดการแสดงละครเรื่อง เลือดสุพรรณ บทประพันธ์ของ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2567 เวลา 18.00 น. ณ โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก จังหวัดสุพรรณบุรี กรมศิลปากรได้จัดบริการรถบัสเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้สนใจชมละครที่อยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พร้อมทั้งจัดเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี โดยออกเดินทางจากกรมศิลปากร (เทเวศร์) เวลา 12.30 น. สักการะหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์ ชมภาพจิตรกรรมฝาผนัง เสภาขุนช้างขุนแผน ช้อป ชิม ชม สินค้าจากชุมชน ไหว้พระขอพร ณ วัดแค ก่อนนำชมละครเรื่อง เลือดสุพรรณ ณ โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก จังหวัดสุพรรณบุรี และเดินทางกลับ (รวมค่าบัตรชมละครแล้ว)
ละคร เรื่อง เลือดสุพรรณ เป็นละครที่มีรูปแบบละครผสม คือ มีบทพูดแบบละครพูด การรำแบบละครรำ การบรรเลงและขับร้องเพลงไทย และเพลงไทยสากล จัดการแสดงเพื่อจูงใจให้ผู้ชมเกิดความสมัครสมานสามัคคี มีไมตรีต่อกัน และเสียสละชีวิตเพื่อชาติ ประพันธ์บทโดย พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ ขณะดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร ออกแสดงเผยแพร่ให้ประชาชนชมครั้งแรกเมื่อพุทธศักราช 2479 และได้รับความนิยมจากผู้ชมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเพลงร้องในละคร คือ เพลงเลือดสุพรรณ และเพลงดวงจันทร์ เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย สำนักการสังคีต กรมศิลปากร จึงกำหนดจัดการแสดงละครเรื่อง เลือดสุพรรณ ประกอบการบรรเลงและขับร้องเพลงไทย และเพลงไทยสากล โดยวงดุริยางค์ไทย และวงดุริยางค์สากล สำนักการสังคีต ในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม 2567 เวลา 18.00 น. ณ โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก จังหวัดสุพรรณบุรี นำแสดงโดยนาฏศิลปินรุ่นใหม่ อาทิ ปริญเมศร์ จูไหล รับบท มังราย นงลักษณ์ กลีบศรี รับบทดวงจันทร์ วัชรวัน ธนะพัฒน์ รับบทมังมหาสุรนาท กำกับการแสดงโดย ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ อำนวยการแสดงโดย ลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต บัตรราคา 80 บาท 60 บาท สอบถามรายละเอียดการจองบัตรได้ที่โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก จังหวัดสุพรรณบุรี โทร. 0 3553 5114 , 0 3553 5116 (วันและเวลาราชการ) เฟสบุ๊ก เพจ โรงละครแห่งชาติภาคตะวันตก จังหวัดสุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง พื้นเมืองศรีอยุธยา (พื้นเมืองสีอโยธิยา)สพ.บ. 480/1 ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 40 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ไม่มีไม้ประกับ ได้รับบริจาคมาจากวัดด่านช้าง ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากร โดยสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ปรับปรุงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย ทั้งด้านข้อมูลการจัดนิทรรศการ เทคนิคและรูปแบบการนำเสนอเพื่อให้มีความน่าสนใจและดึงดูดผู้ชมให้เข้ามาศึกษาเรียนรู้มรดกทางศิลปวัฒนธรรมเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้ส่วนจัดแสดงนิทรรศการชั้นล่างแล้วเสร็จ โดยมีไฮไลท์อยู่ที่การจัดแสดงทับหลังจากปราสาทพิมายและประติมากรรมพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อบริการผู้เข้าชมตามแนวทางการจัดแสดงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมื่อปี 2536 จัดแสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และความเป็นมาของเมืองพิมาย ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน กรมศิลปากรจึงได้พัฒนาและเพิ่มศักยภาพพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี ซึ่งมีการศึกษาทางโบราณคดีและพบหลักฐานโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาและสร้างสรรค์แหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ ในฐานะแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวด้านศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญในระดับภูมิภาคอีสานตอนล่าง โดยดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565
นิทรรศการถาวรในอาคารจัดแสดงที่ 1 (ชั้นล่าง) ที่ปรับปรุงแล้วเสร็จ และเปิดให้เข้าชมแบบ soft opening ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567 ประกอบด้วย
“ก่อร่างสร้างปราสาท พิมาย” บอกเล่าเรื่องราวปราสาทพิมาย ตั้งแต่ที่มาของชื่อ "พิมาย" และการก่อสร้างปราสาทพิมาย ไม่ว่าจะเป็นวัสดุ เครื่องมือ วิธีการ รวมถึงความเชื่อและพิธีกรรมในการก่อสร้าง “หลักฐานคนพิมาย” จัดแสดงหลักฐานที่บอกเล่าวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับและเครื่องแต่งกาย ภาชนะดินเผา เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องไทยธรรม และพาหนะในการเดินทาง
“ศาสนาในเมืองพิมาย” เมืองพิมาย เป็นศูนย์กลางสําคัญของศาสนาพุทธลัทธิมหายาน นิกายวัชรยาน ที่สําคัญในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา (ประมาณ 900 ปีมาแล้ว) นอกจากปราสาทพิมาย ยังปรากฏวัตถุเนื่องในพุทธศาสนาที่สะท้อนถึงความรุ่งเรืองของพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม เมืองพิมายยังพบการเคารพนับถือศาสนาฮินดูควบคู่กันไปด้วย
“เมืองพิมาย สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7” พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์ผู้ทรงสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์มหิธรปุระ ในรัชสมัยของพระองค์ เมืองพิมายมีนามว่า วิมายปุระ เป็นเมืองสำคัญยิ่งแห่งหนึ่งและเจริญรุ่งเรืองมากในขณะนั้น มีการสร้างประตูเมืองพิมายขึ้นทั้ง 4 ด้าน และโปรดให้สร้าง สถานพยาบาล (อาโรคยศาลา) ขึ้นที่เมืองพิมาย และสร้างที่พักคนเดินทาง (วหนิคฤหะ - บ้านมีไฟ) ตามถนนสายหลัก ที่ตัดจากเมืองพระนครหลวงมายังพิมายด้วย
“เมืองพิมาย หลังพุทธศตวรรษที่ 18” เมื่อสิ้นสุดรัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 อิทธิพลทางการเมืองของอาณาจักรเขมรโบราณเริ่มเสื่อมลง เป็นผลให้อาณาจักรอยุธยาขยายอํานาจเข้าสู่บ้านเมืองในบริเวณลุ่มแม่น้ำมูลตอนบน ดังพบหลักฐานรูปเคารพสมัยอยุธยาที่ถูกนําเข้าไปประดิษฐานภายในปราสาทเขมรโบราณ เช่น ปราสาทพนมวัน ปราสาทพิมาย รวมถึงการพบโบราณสถานสมัยอยุธยาในเมืองพิมาย เช่น อุโบสถวัดเจ้าพิมาย และเมรุพรหมทัต
“ลวดลายจําหลัก : ศิลปะแห่งเมืองพิมาย” ห้องจัดแสดงไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงทับหลังจากปราสาทพิมายและประติมากรรมพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 และประติมากรรมรูปสตรีที่สันนิษฐานว่าเป็นพระนางศรีชัยราชเทวี มเหสีองค์แรกของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สำหรับอาคารจัดแสดงชั้นบน ปิดให้บริการ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการจัดเตรียมพื้นที่เพื่อปรับปรุงนิทรรศการ โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย มีแผนการดำเนินงานปรับปรุงต่อไปในปีงบประมาณ 2568
ขอเชิญร่วมชมและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย ตําบลในเมือง อําเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เฉพาะส่วนจัดแสดงชั้นล่างที่ปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว และส่วนอาคารศิลาจำหลัก จัดแสดงโบราณวัตถุซึ่งเป็นส่วนประกอบสถาปัตยกรรมหินทรายที่พบจากโบราณสถานในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชม วันพุธ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 - 16.00 น.
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี จัดโครงการเนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย ประจำปี 2567 ในวันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2567 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 12.00 น. ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี พบกับนิทรรศการ “ตัวตน คนมอญ สุพรรณบุรี" สัมผัสอัตลักษณ์ชาวมอญบ้านทุ่งเข็น สุพรรณบุรี ชิมอาหารสำรับมอญ ชมสีสันการแต่งกายของชาวมอญ และทดลองประดิษฐ์ธงตะขาบธงที่ใช้ในงานประเพณี รับฟังการเสวนา เรื่อง “เหลียวหลัง แลหน้า ไทยรามัญสุพรรณบุรี” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ นางสาวสุกัญญา เบาเนิด ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา นางสาวนิษฐกานต์ คุณวัชระกิจ วัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี และผู้แทนชาวมอญชุมชนทุ่งเข็น สุพรรณบุรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0 3553 5330
ตอนนี้ ถนนจอมพล กำลังเป็นกระแสของชาวโคราชอีกครั้ง เพราะกำลังมีกิจกรรม “#GRAFFITTI X #ChompolFest.” โดย GRAFFITTI ทั้ง 4 จุดที่กระจายตัวอยู่บนถนนจอมพลนี้ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจของถนนเส้นนี้ได้ดีมากขึ้น พี่นักโบจึงหยิบยก บทความ “สืบร่องรอย “ถนนจอมพล” ผ่านหลักฐานทางโบราณคดี” มาเล่าให้ทุกท่านได้ฟัง ก่อนจะไปชมงานศิลปะ ดื่มด่ำวิถีชีวิตด้วยวิธีเดินเมืองกันครับ
.
หากเรามอง “#ถนนจอมพล” ในมิติทางประวัติศาสตร์ และโบราณคดีแล้ว ถนนเส้นนี้คือกระดูกสันหลังของเมืองนครราชสีมา มาช้านาน เป็นเส้นแกงกลาง เมืองนครราชสีมา ตามแนวแกนทิศตะวันออก-ทิศตะวันตก มีความยาวเท่ากับความกว้างของเมืองคือ 1,700 เมตร จุดสังเกตง่ายๆของถนนจอมพลคือตั้งอยู่ด้านหลังประตูชุมพล ซึ่งเป็นจุดหมายตาสำคัญ ทอดยาวไปทางด้านทิศตะวันออกจรดประตูพลล้าน ด้วยเป็นถนนแกนกลางของเมือง จึงมีโบราณสถานและศาสนสถานสำคัญตั้งอยู่ 2 ฝั่งถนน หลายแห่ง อาทิ ประตูชุมพลวัดบึง ศาลเจ้าบุญไพศาล ศาลหลักเมือง วัดกลางนคร (วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร) สถานพระนารายณ์ บ้านท่านท้าวสุรนารี และวัดบูรพ์
.
ในอดีตถนนเส้นนี้เป็นรู้จักกันในชื่อถนน “#เจริญพานิชย์” คงเพราะเป็นถนนที่มีการทำธุรกิจการค้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อ เป็นถนน “จอมพล” เพื่อเป็นเกียรติให้กับ จอมพลแปลก พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น คราวเดินทางมาตรวจราชการจังหวัดนครราชสีมา และยังเป็นถนนเส้นแรกของเมืองที่ลาดยางเนื่องจากเป็นถนนสายเศรษฐกิจ มีธุรกิจ ห้าง ร้าน หลายแห่ง
.
“#ถนนจอมพลจากหลักฐานทางโบราณคดี"
ผลการขุดค้นทางโบราณคดีที่ผ่านมา ภายใต้โครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าในเมืองใหญ่ พบโบราณวัตถุหลายประเภท ซึ่งแสดงถึงร่องรอยกิจกรรมของมนุษย์ในอดีตบริเวณถนนจอมพล ดังนี้
.
1. เครื่องถ้วยจีน โดยภาชนะทั้งหมดสามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วง ปลายพุทธศตวรรษที่ 24-25 จากการวิเคราะห์ลวดลายและเทคนิคที่พบ ได้จัดจำแนกเครื่องถ้วยจีน ที่พบจากแหล่งเตาชิงจี แหล่งเตาจิ่งเต๋อเจิ้น และแหล่งเตาเฉาอันและเหยาผิง รวมทั้งสิ้น 3 กลุ่ม
.
2. เครื่องถ้วยญี่ปุ่น พิมพ์ลายสีน้ำเงินลายดอกไม้ และก้านขด บนพื้นสีขาวด้านใน พิมพ์ลายเส้นบริเวณปากและก้น ผลิตจากแหล่งเตาในประเทศญี่ปุ่น โดยเทคนิคการพิมพ์ลายนี้ สามารถกำหนดอายุสมัยอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 25
.
3. เครื่องถ้วยฝรั่งเศส เคลือบน้ำเคลือบสีขาว ผลิตจากแหล่งเตาในประเทศฝรั่งเศส บริเวณก้นมีข้อความ “OPAQUE DE SARREGUEMINES” พร้อมสัญลักษณ์ โดย รูปแบบสัญลักษณ์ดังกล่าว เป็นตราผลิตภัณฑ์เครื่องถ้วยเนื้อกระเบื้อง ที่ผลิตจากเมืองแซร์กูมีนส์ (Sarreguemines) ซึ่งใช้เป็นเครื่องหมายการค้าอย่างเป็นทางการ ระหว่าง พ.ศ. 2400-2457 ตรงกับรัชกาลที่ 5-6
.
4. ภาชนะดินเผาเนื้อดินธรรมดา และเนื้อแกร่ง ผิวเรียบ ไม่ตกแต่ง สันนิษฐานว่าผลิตจากแหล่งเตาพื้นถิ่น ไม่สามารถกำหนดอายุสมัยและแหล่งที่มาได้ชัดเจน
.
5. หอยเบี้ย จำนวน 2 สำหรับหอยเบี้ยมีการใช้เป็นเงินตราแลกเปลี่ยนมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี ถึง สมัยรัตนโกสินทร์ จนกระทั่งใน พ.ศ. 2405 มีประกาศยกเลิกใช้หอยเบี้ย แล้วประกาศใช้เงินตราประเภท อัฐ โสฬส ซึ่งล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้จัดทำระบบแลกเปลี่ยนเงินตราขึ้นใหม่ ซึ่งใน พ.ศ. 2405 นั้นโรงกษาปณ์ได้ผลิตเหรียญดีบุกขึ้นเป็นครั้งแรก โดยหอยเบี้ยทั้ง 2 ชิ้น พบร่วมกับเครื่องถ้วยจีน จากแหล่งเตาจิ่งเต๋อเจิ้น ผู้เขียนจึงกำหนดอายุอยู่ในช่วงครึ่งแรกพุทธศตวรรษที่ 25
.
6. แผ่นไม้ ซึ่งสันนิษฐานว่า แผ่นไม้ดังกล่าวเป็นแผ่นไม้ปูพื้นถนนจอมพล โดยอ้างอิงจากภาพถ่ายเก่าถนนโพธิ์กลาง ซึ่งต่อเนื่องจากถนนจอมพลไปทางด้านทิศตะวันตก นอกเมืองเก่านครราชสีมา ซึ่งสันนิษฐานว่าถ่ายขึ้นในช่วงปลายรัชกาลที่ 5-6 ครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 25 เนื่องจากพื้นถนนเป็นเนินสูงสลับกับที่ลาดต่ำ จึงมีการปรับพื้นที่ถนน โดยใช้ไม้หมอนวางเรียงกันเป็นแนว แล้วปูทับด้วยไม้กระดาน เรียงเป็นลูกระนาด ในอดีตชาวโคราชจึงเรียกถนนลักษณะนี้ว่า “ถนนกระดาน”
.
#สรุป
พุทธศตวรรษที่ 25 เป็นช่วงเวลาที่เมืองนครราชสีมา มีความเจริญเติบโตมากขึ้นกว่าสมัยก่อนหน้า ในฐานะศูนย์กลางการปกครองเทศาภิบาลมณฑลลาวกลาง ตั้งแต่ พ.ศ. 2436 และศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ เพราะถือกำเนิดรถไฟสายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2443 ด้วยทั้ง 2 ปัจจัย ส่งผลให้เมืองนครราชสีมาเติบโตขึ้น มีการปลูกสร้างอาคาร ห้างร้าน บ้านเรือน ต่าง ๆ ที่ขยายตัวมากขึ้นตามลำดับ
.
ถนนจอมพล ในฐานะถนนเส้นแกนกลางของเมือง ช่วงเวลานั้น ถูกยกให้เป็นถนนเส้นสำคัญ เพราะเป็นทั้งศูนย์กลางความเชื่อของคนนครราชสีมา ด้วยปรากฏ ศาสนสถานหลากหลายความเชื่อบนถนนเส้นเดียวกันนี้ และเป็นถนนสายเศรษฐกิจ จนมีชื่อว่า “เจริญพานิชย์” โดยเฉพาะชาวจีนจากมณฑลกว่างตงที่อพยพโยกย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานทำการค้าตั้งแต่ พ.ศ. 2400 บริเวณนี้ จนกลายเป็นย่านธุรกิจการค้าสำคัญของเมืองนครราชสีมาจวบจนถึงปัจจุบัน
.
จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบกำหนดอายุร่องรอยกิจกรรมของมนุษย์ในอดีตบนถนนจอมพล มีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 25 เช่นเดียวกัน โดยอ้างอิงอายุสมัยจากรูปแบบเครื่องถ้วยต่างประเทศที่พบจากการขุดค้น เป็นหลัก โดยเครื่องถ้วยต่างประเทศและโบราณวัตถุต่าง ๆ ที่พบแสดงให้เห็นการอยู่อาศัยและการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างชาวนครราชสีมากับชุมชนต่างภูมิภาค ได้เป็นอย่างดี ด้วยเพราะนครราชสีมาในตอนนั้น เป็นทั้งศูนย์กลางการปกครองและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
.
พี่นักโบชวนอ่านบทความฉบับเต็ม เรื่อง สืบร่องรอย “ถนนจอมพล” ผ่านหลักฐานทางโบราณคดี” #นิตยสารศิลปากร ปีที่ 65 ฉบับที่ 5 (กันยายน-ตุลาคม 2565) หน้า 38-53 ได้ที่ website : https://digitalcenter.finearts.go.th/ หรือ คลังข้อมูลดิจิทัล – กรมศิลปากร ได้เลยครับ
.
เรียบเรียงนำเสนอโดย นายวรรณพงษ์ ปาละกะวงษ์ ณ อยุธยา นักโบราณคดีปฏิบัติการ
.
#ย่านจอมพล
#ถนนจอมพล
ปราสาทบ้านปราสาท
ตั้งอยู่ที่บ้านปราสาท ตำบลหาดนางแก้ว อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ประกอบด้วย ปราสาทประธานสร้างด้วยศิลาแลง ๑ หลัง หันหน้าไปทางตะวันออก บรรณาลัย ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วก่อด้วยศิลาแลง และมีสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือ
สันนิษฐานว่าเป็นศาสนสถานประจำสถานพยาบาล หรือที่เรียกว่า “อโรคยศาล” กำหนดอายุอยู่ในช่วงประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๘ หรือประมาณ ๘๐๐ ปีมาแล้ว สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗
แห่งอาณาจักรเขมรโบราณ และยังพบศาสนสถานที่สร้างขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันอีกหลายแห่งระหว่างเส้นทางติดต่อจากเมืองพระนครหลวงของอาณาจักรเขมรโบราณ ผ่านพื้นที่ทางภาคตะวันออกไปยังดินแดนภาคกลางและภาคตะวันตกของประเทศไทย ดังที่ได้พบหลักฐานศาสนสถานในลักษณะเดียวกันนี้ ได้แก่ ปราสาทบ้านน้อย อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว และโบราณสถานสระมรกต อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ปรางค์สามยอด จังหวัดลพบุรี และปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานปราสาทบ้านปราสาท
ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๔ ตอนที่ ๒๔๖ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๓๐ มีพื้นที่โบราณสถานประมาณ ๖ ไร่ - งาน ๒๘ ตารางวา
Prasat Ban Prasat
Prasat Ban Prasat is in Ban Prasat, Hat Nang Kaeo Subdistrict, Kabin Buri District, Prachin Buri Province. This laterite monument consists of a main tower as the center of the sanctuary, a Bannaraya, and an enclosed wall.
The ancient site is presumed to have been an Image House of a Buddhist Hospital or ‘Arogyasala’ that King ‘Jayavarman VII’ ordered to establish all over the ancient Khmer Empire in the late 12th century (800 years ago). Another Image Houses have been found in Eastern Thailand, such as Prasat Ban Noi (Watthana Nakhon District, Sa Kaeo Province) and Sa Morakot (Si Mahosot District, Prachin Buri Province). These Image Houses reveal the land routes from Angkor Thom to Central and Western Thailand through the Eastern area.
The Fine Arts Department announced the registration of Prasat Ban Prasat as an ancient monument in the Royal Gazette, Volume 104, Part 246, dated 1st December 1987. The total area is around 9,772 square meters.
กรมวิชาการ. แบบเรียนสังคมศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ไทย ประโยคมัธยมศึกษาตอนปลาย ของกระทรวงศึกษาธิการ. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2519.
นางบุญตา เขียนทองกุล
นักวิชาการละครและดนตรีเชี่ยวชาญ
ชื่อผู้แต่ง ฉวีงาม มาเจริญ
ชื่อเรื่อง บุษบกธรรมมาสน์
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ ๑
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพมหานคร
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์การศาสนา
ปีที่พิมพ์ ๒๕๒๐
จำนวนหน้า ก-ข , (๑-๕) , ๘๖ หน้า : ภาพประกอบ
ISBN -
เลขเรียกหนังสือ 726.7843 ฉ174ป
เลขทะเบียนหนังสือ 018733
หมายเหตุ -
ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมไทยส่วนใหญ่มีรากฐานมาจากพุทธศาสนา พุทธศาสนามิได้สอนให้ชาวไทยมีเพียงวัฒนธรรมทางวัตถุเท่านั้น แต่ได้สอนให้มีวัฒนธรรมทางจิตใจด้วย ดังนั้นศิลปในรูปแบบต่าง ๆ ของไทยจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องแสดงออกแห่งสภาวะทางจิตและความเป็นอยู่ ศิลปวัตถุประเภทหนึ่งซึ่งมีความงดงามน่าสนใจ ได้แก่ บุษบกธรรมมาสน์ หากเมื่อเข้าเที่ยวชม หรือทำบุญตามวัดทั่วไปทั้งในเมืองและในภูมิภาคอื่น ๆ จะสังเกตเห็นบุษบกธรรมมาสน์ตั้งเป็นสง่าอยู่ในศาลาการเปรียญ โรงธรรม หรือวิหาร ยิ่งต่างท้องถิ่นก็จะได้เห็นความแตกต่างของรูปทรงบุษบกธรรมมาสน์ยิ่งขึ้น
ได้มาจากวัดห้วยสะพาน ต.หนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2533
หอสมุดแห่งชาติขอเชิญชมละครโทรทัศน์ ย้อนวันวานละครไทยในอดีต ในวันศุกร์ เวลา 13.30 น. ณ ห้องจัดแสดง ชั้น 2 หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สำหรับวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม 2568 นี้ รับชมละครโทรทัศน์ ปากกาทอง ตอน เนื้อคู่สู่สม บทประพันธ์ โดย พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ (รับจำนวนจำกัด 100 ที่นั่ง) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2280 9828 - 32 สามารถติดตามข้อมูลกิจกรรมต่าง ๆ ของหอสมุดแห่งชาติ ได้ทาง Facebook : National Library of Thailand https://www.facebook.com/NationalLibraryThailand