ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 41,342 รายการ
ชื่อเรื่อง มหานิปาตวณฺณนา (ทสชาติ) ชาตกฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา (มหาชนก)สพ.บ. 180/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 44 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 58.4 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับทองทึบ ภาษาบาลี-ไทย ได้รับบริจาคมาจากวัดพยัคฆาราม ต.ศรีประจันต์ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง นิพฺพานสุตฺต (นิพพานสูตร)สพ.บ. 223/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 38 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 59 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา พุทธประวัติ
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ภาษาบาลี-ไทยอีสาน ได้รับบริจาคมาจากวัดทุ่งอุทุมพร ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทสนา (เทศนาสังคิณี-มหาปัฏฐาน)สพ.บ. 160/3ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 30 หน้า กว้าง 4.5 ซ.ม. ยาว 56.5 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา บทสวดมนต์ พระอภิธรรม
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดน้อยชมภู่ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
อธิบดีกรมศิลปากรลงพื้นที่ตรวจติดตามโครงการพัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ และโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร กรมศิลปากร ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงคลังเก็บโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ พิพิธภัณฑสถาน แห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ และโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากรได้ดำเนินโครงการพัฒนา ปรับปรุงคลังเก็บโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จำนวน ๒ หลัง คือ อาคาร หลังที่ ๓ และหลังที่ ๔ ของหมู่ตึกพระประเทียบ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานงวดสุดท้าย นอกจากนี้ ยังได้ ตรวจติดตามการดำเนินโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ซึ่งตั้งอยู่ ในเขตพระราชฐานชั้นใน เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่ง องค์นี้ เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๒๓๑ ส่วนด้านหลังของพระที่นั่งเป็นที่ประทับของข้าราชบริพารฝ่ายใน ซึ่งบริเวณด้านหลังพระที่นั่งมีสภาพป่ารกร้างมานาน จนได้รับการพัฒนาพื้นที่และพบหลักฐานแนวอาคารเก่าที่สร้างซ้อนทับกันถึง ๒ สมัย คือ แนวอาคารเดิมสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งเป็นแนวเดียวกันกับอาคาร ด้านหน้าของพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ จำนวนกว่า ๒๐ หลัง ที่มีลักษณะเด่น คือ กลุ่มอาคาร ๔ หลัง ตั้งอยู่บนฐานไพทีเดียวกัน และแนวอาคารที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเรือนจำประจำจังหวัดขึ้น ก่อนย้ายออกไปยังพื้นที่ปัจจุบันเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ จากการขุดแต่งพบหลักฐานต่าง ๆ เช่น กระเบื้องเชิงชายลายเทพพนม กระเบื้องเชิงชายลายพันธุ์พฤกษา การวางแนวท่อน้ำดินเผาภายในอาคารที่สลับซับซ้อน แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้า ทางด้านระบบประปาในสมัยอยุธยา อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า พื้นที่ดังกล่าวนี้หากได้รับการอนุรักษ์และพัฒนา ในอนาคตจะ เป็นพื้นที่แหล่งการเรียนรู้และท่องเที่ยวใหม่ของประชาชนชาวลพบุรีและประชาชนทั่วไป เพราะนอกจากจะเป็นการอนุรักษ์พื้นที่ประวัติศาสตร์แล้วยังเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้โดยเฉพาะพืชสมุนไพรที่ปรากฏอยู่ในพื้นที่มากกว่า ๒๐ ชนิด และหลายชนิดอยู่ในตำรายาพระโอสถพระนารายณ์ รวมถึงเป็นสถานที่พักผ่อนและเพิ่มพื้นที่สีเขียว ตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้กับจังหวัดได้เป็นอย่างดีภาพ : หมู่ตึกพระประเทียบ
ตำรายาแผนโบราณ ชบ.ส. ๘๕
เจ้าอาวาสวัดเทพประสาท ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
มอบให้หอสมุด ๒๓ ก.ค. ๒๕๓๕
เอกสารโบราณ (สมุดไทย)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.29/1-6
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
กรมศิลปากร. จดหมายเหตุระยะทางเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลปักษ์ใต้ของสักขี ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน ถึงวันที่ 5 สิงหาคม พระพุทธศักราช 2458. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2560. เอกสารประวัติศาสตร์ เรื่อง “จดหมายเหตุระยะทางเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลปักษ์ใต้ของสักขี ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน ถึงวันที่ 5 สิงหาคม พระพุทธศักราช 2458” เป็นบันทึกเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลปักษ์ใต้ นับแต่เมืองนราธิวาส ปัตตานี สงขลา พัทลุง ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ ตามลำดับ รวม 62 วัน ซึ่งผู้บันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ ตลอดเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน คือ มหาเสวกโท พระยาศรีวรวงศ์ (หม่อมราชวงศ์จิตร สุทัศน์) ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งปลัดทูลฉลองกระทรวงมุรธาธร โดยใช้นามแฝงว่า “สักขี”
ของเก่าเล่าใหม่
นิทรรศการ ประวัติและเครื่องใช้ของรองอำมาตย์เอก เจ้าอุตรการโกศล (มหาไชย มหายศนันทน์) ซึ่งถูกนำกลับมาจัดแสดงใหม่อีกครั้ง
วันนี้แอดมินจึงนำภาพมาให้ชมกัน สำหรับผู้ที่อาจไม่มีโอกาสมาชมด้วยตนเอง ส่วนท่านที่สนใจเข้าชมด้วยตนเอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน เปิดทำการวันพุธ - อาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๓๐ น.
ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ
ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ : วันวิสาขบูชา
“วันวิสาขบูชา” เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า คือ เป็นวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งทั้งสามเหตุการณ์ล้วนเกิดขึ้นตรงกันในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ชาวพุทธจึงเรียกการบูชาในวันนี้ว่า “วันวิสาขบูชา” ซึ่งย่อมาจาก “วิสาขปุรณมีบูชา” หมายถึง “การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ” หรือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ (ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือนแปดสองหน ก็จะเลื่อนไปเป็นกลางเดือนเจ็ด) ซึ่งในปีนี้วันวิสาขบูชาตรงกับวันพุธที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๔
วันนี้จึงยกเอาหลักธรรม “เย ธมฺมาฯ” หรือที่มักเรียกว่า “คาถาเย ธมฺมาฯ” ที่ปรากฏอยู่บนผนังอุโบสถวัดสามแก้ว อำเภอเมืองฯ จังหวัดชุมพร มานำเสนอ ซึ่งคาถาเย ธมฺมา ดังกล่าวนี้ เขียนอยู่บนผนังหลังพระประธาน ภายในกรอบด้านล่างของจิตรกรรมภาพเทพชุมนุม ความว่า “เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต อาหเตสญฺจ โย นิโรโธจ เอวํ วาที มหาสมโณ” ซึ่งมีความหมายว่า “ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะทรงสั่งสอนอย่างนี้” พระคาถาเย ธมฺมา ภายในอุโบสถวัดสามแก้วดังกล่าวมานี้ เขียนขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๖ โดยช่างหลวงคนสำคัญ คือพระยาอนุศาสน์จิตรกร โดยเขียนร่วมกับภาพจิตรกรรมฝาผนัง ประกอบด้วยภาพเทพชุมนุม เทพเจ้าเนื่องในศาสนาพราหมณ์ พระฤาษี และโพธิสัตว์ในพุทธศาสนานิกายมหายาน ส่วนผนังส่วนล่างระหว่างช่องหน้าต่างเขียนเป็นภาพพุทธประวัติ
คาถาเย ธมฺมา เป็นคาถาคัดมาจากพระวินัยปิฎก มหาวรรค มหาขันธกะ ตอนพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะบรรพชา ซึ่งมีใจความกล่าวถึง พระสารีบุตรได้ดวงตาเห็นธรรม เนื่องจากได้ฟัง “พระคาถาเย ธมฺมา” จากพระอัสสชิ ดังความว่า “สมัยนั้น สัญชัยปริพาชกอาศัยอยู่ ณ กรุงราชคฤห์ พร้อมด้วยบริษัทปริพาชกหมู่ใหญ่ จำนวน ๒๕๐ คน และสมัยนั้น สารีบุตรและโมคคัลลานะประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักสัญชัยปริพาชก ต่างทำกติกากันว่า ใครได้บรรลุอมตธรรมก่อน จงบอกแก่อีกคนหนึ่ง สารีบุตรปริพาชกได้เห็นพระอัสสชิเข้าไปสู่กรุงราชคฤห์เพื่อบิณฑบาต มีความเลื่อมใสในความสงบเสงี่ยมเรียบร้อยของท่าน จึงรอจนได้โอกาสก็เข้าไปถามถึงหลักธรรมในศาสนาที่ท่านบวช ท่านกล่าวหลักธรรมเพียงย่อ ๆ ให้ฟังว่า “ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น” สารีบุตรได้ฟังก็ได้ดวงตาเห็นธรรม แล้วนำมาเล่าให้โมคคัลลานะฟัง โมคคัลลานะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม จึงพากันไปลาปริพาชก ๒๕๐ คน เพื่อจะไปบวชในสำนักพระบรมศาสดา แต่ปริพาชกเหล่านั้นขอไปด้วย จึงพร้อมกันไปลาสัญชัยผู้เป็นอาจารย์ สัญชัยขอให้อยู่กันบริหารหมู่คณะถึง ๓ ครั้ง แต่สาริบุตรกับโมคคัลลานะไม่ยอม คงลาไป พร้อมทั้งปริพาชก อีก ๒๕๐ คน สัญชัยเสียใจ ถึงอาเจียนเป็นโลหิต เมื่อปริพาชกทั้งหลาย ได้ไปเฝ้าทูลขอบวชในพระพุทธศาสนาต่อพระผู้มีพระภาคก็ได้รับพระพุทธานุญาตให้เป็นภิกษุ ด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา”
ด้วยความสำคัญของ พระคาถา เย ธมฺมาฯ ซึ่งสามารถยังบุคคลให้เข้าถึงธรรม แม้เพียงกล่าวธรรมโดยย่อ จึงมักปรากฏพระคาถา เย ธมฺมา ในงานศิลปกรรมทางพุทธศาสนาอยู่เสมอ โดยพบมากในเมืองโบราณสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในภาคกลางและภาคใต้ของไทย เช่น จารึกเยธมฺมาฯ ๒ (บนสถูปศิลา) พบที่วัดพระปฐมเจดีย์ ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม (อายุพุทธศตวรรษที่ ๑๒) จารึกเยธมฺมาฯ บนพระพุทธรูปศิลา พบที่วัดเพลง (ร้าง) ตำบลหลุมดิน อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี (อายุพุทธศตวรรษที่ ๑๒) และจารึกเยธมฺมาฯ บนพระสถูปพิมพ์ดินดิบ พบที่เมืองยะรัง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี (อายุพุทธศตวรรษที่ ๑๒) ด้วยเหตุนี้ "คาถา เย ธมฺมา" จึงนับเป็นหนึ่งหลักธรรมสำคัญ ซึ่งถือกันว่าเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา
เรียบเรียง/ภาพ: นภัคมน ทองเฝือ นักโบราณคดีชำนาญการ
กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช