ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,683 รายการ

          วัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหาร ตั้งอยู่ ณ ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร เป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ฝั่งเหนือของคลองบางกอกใหญ่ เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อว่า วัดเจ้าสัวหง หรือวัดเจ้าขรัวหง ตามชื่อเศรษฐีจีนผู้สร้างวัด เมื่อราวปีพุทธศักราช ๒๓๑๔ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์และขยายอาณาเขตให้กว้างใหญ่ขึ้น พระราชทานนามใหม่ว่า วัดหงส์อาวาสวิหาร ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ ได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดหงส์อาวาสบวรวิหาร และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดหงส์อาวาสวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ พร้อมด้วยสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๔ ขณะดำรงพระอิสรยยศเป็นเจ้าฟ้าหญิงบุญรอด และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์พระอาราม แต่ก็เสด็จสวรรคตและสิ้นพระชนม์เสียก่อนที่การบูรณปฏิสังขรณ์จะแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ จึงทรงรับพระราชภาระในการบูรณปฏิสังขรณ์จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ ต่อมาในปีพุทธศักราช ๒๔๕๘ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ได้มีการเปลี่ยนชื่อพระอารามเป็น วัดหงส์รัตนาราม ดังในปัจจุบัน           โบราณวัตถุสถานสำคัญ           ๑. พระอุโบสถ            สร้างสมัยกรุงธนบุรี และบูรณะสมัยรัชกาลที่ ๓ ต่อเนื่องถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ ทิศหลักหันไปทางด้านทิศใต้  เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคา ๒ ซ้อน ๒ ตับ เครื่องลำยองปิดทองประดับกระจก มีพะไลรองรับด้วยเสาและทวยโดยรอบ หน้าบันไม้แกะสลักปิดทองประดับกระจกรูปเทวดาทรงหงส์ ๓ เศียร ล้อมรอบด้วยลายกนกและลายก้านต่อดอก หน้าบันชั้นลด ทำเป็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ๒ ช่อง ภายในมีประติมากรรมหงส์ปูนปั้นประดับกระเบื้องเคลือบ ซุ้มประตูและหน้าต่างประดับลวดลายปูนปั้นลายเทศศิลปะจีนผสมตะวันตก บานประตูและหน้าต่างด้านนอกแกะสลักรูปหงส์และลายพรรณพฤกษา บานประตูด้านบนเป็นลายพระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว บานประตูและหน้าต่างด้านในเขียนภาพจิตรกรรมเครื่องบูชา จิตรกรรมฝาผนังภายในอาคารด้านหลังพระประธานเขียนลายดอกไม้ร่วง ส่วนด้านอื่นๆ เขียนภาพพุทธประวัติ เสาร่วมในเขียนลายดอกลอยก้านแย่ง ดาวเพดานลายทองบนพื้นแดง เหนือกรอบประตูและหน้าต่างมีภาพจิตรกรรมสีฝุ่นในกรอบกระจก เรื่อง รัตนพิมพวงศ์ (ตำนานพระแก้วมรกต) ฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ ๓ - ๔ ซุ้มเสมาเป็นศิลปะผสมระหว่างจีนและยุโรป           พระประธาน ปางมารวิชัย พุทธศิลป์สมัยต้นรัตนโกสินทร์ พระพักตร์เหลี่ยม พระรัศมีเปลว นิ้วพระหัตถ์ทั้ง ๔ ยาวเสมอกัน สังฆาฏิแผ่นใหญ่อยู่กึ่งกลางพระอุระยาวจรดพระนาภี ประดิษฐานเหนือรัตนบัลลังก์ ใต้เศวตฉัตร ๗ ชั้น มีพระสาวกขนาบ ๒ ข้าง ใต้ฐานพระประธานบรรจุพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เบื้องหน้าพระประธานประดิษฐาน พระแสน พระพุทธรูปสำริด นวโลหะ ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ศิลปะล้านช้าง ตามตำนานกล่าวว่าพระครูโพนเสม็ด ชาวเมืองพาน ผู้ก่อตั้งเมืองแตงและนครจำปาศักดิ์ หล่อขึ้น ณ นครจำปาศักดิ์ และกรุงพนมเปญ แล้วนำมาประกอบเป็นองค์พระ ซึ่งมีสีของโลหะในแต่ละส่วนที่แตกต่างกัน รอบพระรัศมีฝังแก้วผลึก ๑๕ เม็ด แต่เดิมประดิษฐานอยู่ที่เมืองแตง ในอาณาจักรล้านช้าง ปัจจุบันคือจังหวัดสตรึงเตรง ประเทศกัมพูชา เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๐๑ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอพระราชทานให้ข้าหลวงนำท้องตราไปอัญเชิญลงมาประดิษฐาน ณ วัดหงส์รัตนาราม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างฐานพระที่ประดิษฐานพระแสนตามแบบสกุลช่างวังหน้า และทรงรับปิดทองฐานพระส่วนที่ยังค้างอยู่           ๒. พระวิหาร           เดิมเป็นพระวิหารร้าง ซึ่งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ตั้งอยู่ในแนวแกนตะวันออกและตะวันตก ขวางกับแนวพระอุโบสถ มีประตูทางเข้าทางด้านข้างหรือทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศที่ตั้งของพระอุโบสถ มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมคล้ายคลึงกับพระอุโบสถ หลังคา ๒ ซ้อน ๒ ตับ มีพะไลรอบรองรับด้วยเสาและทวย เครื่องลำยองปิดทองประดับกระจก หน้าบันและหน้าบันชั้นลดเป็นไม้แกะสลักปิดทองประดับกระจกและปูนปั้นลายหงส์เช่นเดียวกับพระอุโบสถ ซุ้มประตูและหน้าต่างเป็นลวดลายปูนปั้นปิดทองลายเทศ บานประตูและหน้าต่างด้านนอกเป็นลายรดน้ำภาพแจกัน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูป หลวงพ่อทองคำ หรือหลวงพ่อสุข ศิลปะสุโขทัย ปางมารวิชัย เนื้อทองผสมนวโลหะ ซึ่งแต่เดิมถูกฉาบหุ้มไว้ด้วยปูน เมื่อราวปีพุทธศักราช ๒๔๙๙ พระสุขุมธรรมาจารย์ อดีตเจ้าอาวาส พบรอยปูนกะเทาะบริเวณอุระและเห็นว่าภายในเป็นเนื้อโลหะสีทอง จึงกะเทาะปูนที่หุ้มออก มีจารึกระบุว่า สมเด็จท้าวพระยาศรียศราช สร้างถวายเป็นพุทธบูชา เมื่อปีพุทธศักราช ๑๙๖๓            ๓. หอไตร           เรือนไทย ยกใต้ถุนสูง หลังคาทรงจั่ว ฝาปะกนเขียนลายรดน้ำปิดทอง บานประตูไม้แกะสลักลายเครือเถา ฝีมือช่างสมัยรัตนโกสินทร์            ๔. สระน้ำมนต์           สร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี มีขนาดยาว ๒๖ วา กว้าง ๖ วา ลึก ๑ วา สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดเกล้าฯ ให้อาราธนาสมเด็จพระสังฆราช (ดี) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑ แห่งกรุงธนบุรี พร้อมด้วยสมเด็จพระสังฆราช (ชื่น) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๓ แห่งกรุงธนบุรี ขณะที่ทรงเป็นพระโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสในสมัยนั้น มาประกอบพิธีปลุกเสกลงอาคม ตามตำนานกล่าวว่าหินอาคมในสระน้ำมนต์นี้ ได้รับมาพระเถราจารย์วัดประดู่ทรงธรรม พระนครศรีอยุธยา เมื่อโยนลงไปในสระน้ำได้กลายเป็นก้อนหินขนาดใหญ่ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จมาทรงสรงน้ำมนต์ในพระราชพิธีสำคัญทุกครั้ง ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ ให้อาราธนาสมเด็จพระสังฆราช (สุก ไก่เถื่อน) มาปลุกเสกอาคมตามทิศทั้ง ๔ ของสระน้ำมนต์ ให้มีฤทธานุภาพในด้านต่างๆ ได้แก่ ทิศตะวันออก ดีทางเมตตามหานิยม, ทิศใต้ ดีทางมหาลาภและค้าขาย, ทิศเหนือ ดีทางบำบัดทุกข์ โศก โรคภัย และทิศตะวันตก ดีทางแคล้วคลาดอยู่ยงคงกระพันชาตรี             รูปสระน้ำมนต์            ๕. ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน           ด้วยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงอุปถัมภ์วัดหงส์รัตนาราม ประชาชนจึงได้ร่วมกันสร้างศาลเพื่อสักการะบูชาดวงพระวิญญาณขึ้น ณ ริมคลองบางหลวง ทางด้านทิศตะวันตกของพระอุโบสถ            รูปศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน           กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน            ๑. กำหนดบัญชีโบราณวัตถุสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๖๖ ตอนที่ ๖๔ วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๔๙๒           ๒. ขึ้นทะเบียนโบราณสถานและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๔๑ ตอนพิเศษ ๓๔ ง วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗  


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       81/4หมวดหมู่                   พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               50 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 54 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก                    เป็นคัมภีร์ใบลานฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา 




            หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี ชวนผู้อ่านไปค้นพบหลากหลายเรื่องราวความรู้ที่น่าสนใจจากหนังสือกรมศิลปากร วันนี้ขอนำเสนอเรื่อง “เส้นทางรถไฟหลวงสายแรกของไทย”           การดำเนินงานเกี่ยวกับการรถไฟของไทยเริ่มมีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกรมรถไฟขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2433 สังกัดกระทรวงโยธาธิการ พระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเป็นเสนาบดี และได้ดำเนินการว่าจ้างนายคาร์ล เบทเก (Karl Bethge) วิศวกรชาวเยอรมันเป็นเจ้ากรมรถไฟคนแรก ทำหน้าที่ควบคุมการสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ซึ่งเป็นทางรถไฟสายแรกของรัฐบาล โดยทำสัญญาจ้างกำหนดเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2433           หลังจากนั้นมีการเปิดประมูลการก่อสร้างทางรถไฟระหว่างกรุงเทพฯ ถึงนครราชสีมา โดย นายจี. เมอร์เรย์ แคมป์เบลล์ (G. Murray Campbell) ชาวอังกฤษ เป็นผู้ประมูลได้ในราคา 9,956,164 บาท การก่อสร้างทางรถไฟสายนี้ได้เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2434 ซึ่งกรมรถไฟได้ขยายการเดินรถถึงแก่งคอยเมื่อ พ.ศ. 2440 และการสร้างทางรถไฟสายนครราชสีมาได้เสร็จเรียบร้อยและเปิดการเดินรถสายนครราชสีมาตลอดสายเมื่อ พ.ศ. 2443           ผู้อ่านที่สนใจเรื่องราวของการก่อสร้างเส้นทางรถไฟหลวงสายแรก และผลงานของ นายคาร์ล เบทเก เจ้ากรมรถไฟคนแรกของสยาม สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่หนังสือ “ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติในประเทศไทย เล่ม 4” ณ ห้องศิลปากรและหนังสือหายาก หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี   ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ กรมศิลปากร สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์.  ประวัติและผลงานของชาวต่างชาติในประเทศไทย เล่ม 4.  กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม, 2566.


ได้มาจากวัดห้วยสะพาน ต.หนองโรง อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2533


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน)อย.บ.                       138/1ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               24 หน้า กว้าง 5.2 ซม. ยาว 52.2 ซม.หัวเรื่อง                     พระอภิธรรมปิฎก                              พระสังคิณ๊บทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน  ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


          หนังสือที่ระลึกทักษิณบอลล์ ครั้งที่ ๑๐ ๔ ธันวาคม ๒๕๑๑ กล่าวถึงการจัดงานทักษิณบอลล์ของสมาคมชาวปักษ์ใต้ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้บำรุงห้องสมุดของสมาคมและช่วยเหลือนักเรียนภาคใต้ที่เรียนดีแต่ขาดแคลน ภายในเล่มเป็นเนื้อหารวมเรื่องที่รวมบทความน่าสนใจ ได้แก่ ข้อน่าสงสัยในดวงตราประจำจังหวัดปักษ์ใต้ จากเบิ่งอีสานถึงแลใต้ รัฐมนตรีชาวปักษ์ใต้ อเมริกันเลือกตั้งประธานาธิบดีกันอย่างไร นิราศเมืองเทศ และพุทธทาสภิกขุกับสวนโมกข์วัย ๓๕บรรณานุกรมที่ระลึกทักษิณบอลล์ ครั้งที่ ๑๐.  พระนคร: โรงพิมพ์บรรณาคม, ๒๕๑๑.


                พระอนุสรณ์ธรรมศาสตร์ ( ประสิทธิ์ วัชราภรณ์ ).  กรุงเทพฯ : อักษรสมัย,  2518.                       พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระอนุสรณ์ธรรมศาสน์( ประสิทธิ์ วัชราภรณ์ ตารโก )พระสังฆาธิการวัดไทร อเมือง จ.สุราษฏ์ธานี เนื้อหาสาระของหนังสือประกอบด้วยเรื่อง วัดไทร บ้านดอนในเชิงประวัติศาสตร์พระอนุสรณ์ธรรมศาสน์ ผลงานและประวัติ ร้อยกรองไว้อาลัยโดยพระราชรัตนกวีเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี และบทความเรื่องมารยาทในการเยี่ยมไข้ของนายแพทย์เสนออินทรสุขศรี 


เลขทะเบียน : นพ.บ.729/7ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 80 หน้า ; 4 x 50 ซ.ม. : ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 228 (326-331) ผูก 7 (2568)หัวเรื่อง : วิภังคปกรณ์--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.790/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 62 หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 243 (477-487) ผูก 3 (2568)หัวเรื่อง : สงฺคีติกถา--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


***บรรณานุกรม*** สุนทรภู่ โคลงนิราศสุพรรณ ของ สุนทรภู่ ฉบับสมบูรณ์ พิมพ์เป็น อนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ พันจ่าอากาศโท สุรพล สมบัติ เจริญ ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ 16 สิงหาคมพุทธ ศักราช 2512 พระนคร ห้างหุ้นส่วนจำกัดศิวพร 2512





วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๙ นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร และนายบุญเตือน  ศรีวรพจน์ แถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “นิราศหนองคาย” แต่งโดยนายทิม สุขยางค์ (หลวงพัฒนพงศ์ภักดี) เมื่อพุทธศักราช ๒๔๑๘ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร  ซึ่งกรมศิลปากร โดยสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์จัดพิมพ์แล้วเสร็จเป็นเล่มแรกของปีนี้ จัดเป็นหนังสือหายากและมีความสำคัญยิ่งสำหรับวงการประวัติศาสตร์และวรรณคดีไทย พร้อมนี้ ในช่วงเย็น อธิบดีกรมศิลปากรได้มอบลายเซ็นเป็นที่ระลึกในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ บูธ X15 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์


black ribbon.