ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 40,723 รายการ
ชื่อเรื่อง ประชุมโคลงโลกนิติ ฉบับหอสมุดแห่งชาติผู้แต่ง -ประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ ขนบธรรมเนียมประเพณี นิทานพื้นเมืองเลขหมู่ 398.9 ล964ปสถานที่พิมพ์ พระนครสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์อักษรบริการปีที่พิมพ์ 2506ลักษณะวัสดุ 322 หน้าหัวเรื่อง สุภาษิตและคำพังเพย คติพจน์ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึกโคลงโลกนิตินี้เป็นสุภาษิตเก่าแก่ แต่งมาแต่โบราณครั้งกรุงเก่า เดิมนักปราชญ์ผู้แต่งเที่ยวเลือกคาถาสุภาษิต ภาษาบาลีและสันสกฤต อันมีอยู่ในคัมภีร์ต่างๆ คือ คัมภีร์โลกนิติบ้าง คัมภีร์โลกนัยบ้าง ตลอดจนคัมภีร์พระธรรมบทก็มีเลือกคาถาสุภาษิตเหล่านั้นมาตั้งแล้วแปลแต่งเป็นคำโคลงไปทุก ๆ คาถา รวมเป็นเรื่องเรียกว่าโคลงโลกนิติเป็นสุภาษิตที่นั้บถือกันมาช้านาน
ชื่อเรื่อง บทสุคโต (พุทธคุณบทสุคโต)
สพ.บ. 367/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 52 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 59 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา เทศน์มหาชาติ คาถาพัน ชาดก
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ ๒๕๖๕ กระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดโครงการ “ส่งสุขวิถีใหม่ สืบสานวิถีไทย ปลอดภัยสร้างสรรค์” เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน โดยกรมศิลปากร ร่วมจัดกิจกรรมเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้ เชิงสร้างสรรค์ทางศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ “ของขวัญปีใหม่ จากใจกระทรวงวัฒนธรรม” ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ดังนี้ ๑. กิจกรรมสักการะพระพุทธรูปวังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน : นบพระนำพร บวรสถาน พุทธปฏิมามงคล ๒๕๖๕ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๐ น. – ๑๖.๐๐ น. โดยมีพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เป็นประธาน และอัญเชิญพระพุทธรูปมงคลโบราณอีก ๙ องค์ ซึ่งมีตำนาน การสร้างและนามอันเป็นสิริมงคล มาประดิษฐานให้พุทธศาสนิกชนได้สักการบูชา ได้แก่ พระพุทธรูปปางประทานพร พระไภษัชยคุรุ พระอมิตายุส พระพุทธรูปปางฉันสมอ พระหายโศก พระพุทธรูปปางห้ามญาติ (ปางประทานอภัย) พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร พระชัยเมืองนครราชสีมา และพระชัย เพื่อประทานพรให้เกิดสวัสดิมงคลในการเริ่มต้นศักราชใหม่ ๒. การแสดงดนตรีสำหรับประชาชน “เหมันต์บันเทิง รื่นเริงสังคีต” ณ สังคีตศาลา เวทีกลางแจ้ง บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๔ ตั้งแต่เวลา ๑๗.๓๐ - ๑๙.๓๐ น. โดยการแสดงในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ ประกอบด้วย การรำอวยพร เปิดสังคีตศาลา ปีที่ ๖๕ การแสดงชุด สรรพศิลป์ถิ่นสยาม และการแสดงเบิกโรง ชุดปัญจเทพารักษ์หลักเมือง วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๔ การแสดงโขน ชุดพระรามเดินป่าฆ่าตรีปักกัน ๓. ชมพิพิธภัณฑ์ยามค่ำ (Night at the Museum) เปิดให้เข้าชมความงดงามของอาคารโบราณสถาน พระราชวังบวรสถานมงคล หรือวังหน้า เพื่อให้ประชาชนได้สัมผัสมนต์เสน่ห์สถาปัตยกรรมวังหน้า และความเป็นมาแห่งอารยธรรมไทยในช่วงเวลาค่ำ โดยมีวิทยากรนำชมการจัดแสดงนิทรรศการในพระที่นั่งต่างๆ ระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๔ ตั้งแต่เวลา ๑๖.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมจะเป็นประธานเปิดกิจกรรมในวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังเปิดให้ประชาชนเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและอุทยานประวัติศาสตร์ ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมเข้าชม ระหว่างวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๕ กรมศิลปากร ได้มีมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) พร้อมทั้งขอความร่วมมือผู้เข้าร่วมกิจกรรมปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
รัชกาลที่ ๙ กับการเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดสุโขทัย.เนื่องในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๔ เป็นวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จึงได้รวบรวมพระราชกรณียกิจ ที่พระองค์ทรงเสด็จฯ จังหวัดสุโขทัย เพื่อน้อมรำลึกและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู รักษา สร้างสรรค์ ส่งเสริม สืบทอด และพัฒนามรดกทางศิลปวัฒนธรรมของแผ่นดิน เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาประชาราษฎร บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้อยู่เย็นเป็นสุข.พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินจังหวัดสุโขทัย ทั้งหมด ๗ ครั้ง ดังนี้.ครั้งที่ ๑ เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรภาคเหนือ ระหว่างวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ - ๑๗ มีนาคม ๒๕๐๑ เสด็จถึงจังหวัดสุโขทัยสุโขทัยและประทับแรม วันที่ ๑-๒ มีนาคม ๒๕๐๑ โดยจังหวัดสุโขทัยเป็นจังหวัดที่ ๒ ในภาคเหนือที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร และราษฎรในจังหวัดสุโขทัยได้มีโอกาสเข้าเผ้าทูลละอองธุลีพระบาทโดยทั่วถึงกัน.การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ณ จังหวัดสุโขทัยครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้มีพระราชดำริแนวทางในการอนุรักษ์และพัฒนาอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย นอกจากนี้ยังได้ทอดพระเนตรถึงความทุรกันดาร และความเป็นอยู่ของราษฎร อันก่อให้เกิดแนวพระราชดำริที่จะเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดสุโขทัยในครั้งต่อๆ มา.ชมภาพยนตร์ส่วนพระองค์การเสด็จพระราชดำเนินหัวเมืองภาคเหนือ ๒๗ กุมภาพันธ์ - ๑๘ มีนาคม ๒๕๐๑ ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=2iUCzbDiSD0&t=278s.ครั้งที่ ๒ วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๐๗ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงประกอบพิธีบวงสรวงสังเวยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันกองทัพไทย ณ โบราณสถานวัดศรีชุม อุทยานประวัติสาสตร์สุโขทัย และทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง กรมศิลปากรได้ดำเนินการสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๓ ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินสมทบเงินบริจาคจากการจำหน่ายพระพิมพ์ที่ได้จากการขุดแต่งและบูรณะโบราณสถานในเมืองเก่าสุโขทัย การก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.๒๕๐๖ โดยมีพระราดำรัส เปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง ว่า “...ขอให้พิพิธภัณฑสถานแห่งนี้ จงสถิตสถาพร เป็นสถาบันอันมีเกียรติ อำนวยประโยชน์ในด้านการศึกษา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ศิลปะและวัฒนธรรมแก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เป็นสมบัติอันควรภาคภูมิใจของชาวจังหวัดสุโขทัยและของคนไทยโดยทั่วไปตลอดกาลนาน”.ครั้งที่ ๓ วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๐๙ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงประกอบพิธีบวงสรวงสังเวยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันกองทัพไทย ณ ประตูดอนแหลม อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย.ในโอกาสนี้ ได้ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งกับผู้รักษาราชการแทนอธิบดีกรมศิลปากรว่า “โบราณสถานเมืองศรีสัชนาลัยนี้ เมื่อได้บูรณะเสร็จแล้ว ให้จัดการดูแลรักษาไว้ให้เป็นอย่างดี อย่าให้กลับชำรุดทรุดโทรมลงอีกโดยเฉพาะบริเวณพระราชวังที่ขุดพบรากฐานนั้น ควรจะได้ขุดค้นดูให้ทั่วถึง เพราะอาจพบจารึกหรือหลักฐานอันจะเป็นประโยชน์แก่ประวัติศาสตร์” พระราชดำรัสนี้ แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของพระองค์ที่มีต่อโบราณสถานของชาติว่าอาจถูกทำลายลงตามกาลเวลา.ครั้งที่ ๔ วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๑๕ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์เพื่อทอดพระเนตรโบราณสถาน ณ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย .ด้วยพระองค์มีความสนพระราชหฤทัย โบราณสถานและผังเมืองศรีสัชนาลัย ตามความที่ปรากฏในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาในแผ่นดินของพระมหาธรรมราชา เมื่อสมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นกับพม่าแล้ว หัวเมืองฝ่ายเหนือยังไม่สามัคคีร่วมเป็นแผ่นดินเดียวกัน พระองค์จึงต้องเสด็จยกกองทัพหลวงไปปราบ โดยเฉพาะการปราบพระยาสวรรคโลก และพระยาพิชัยนั้น ต้องเสียพลหลวงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเมืองศรีสัชนาลัยมีการวางผังเมืองเป็นอย่างดี ในการทอดพระเนตรครั้งนี้ มีศาสตราจารย์หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล และนายมะลิ โคกสันเทียะ หัวหน้าหน่วยศิลปากรที่ ๓ (ในขณะนั้น) นำเสด็จฯ และถวายคำบรรยาย.ครั้งที่ ๕ วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพระราชทานธงลูกเสือชาวบ้านจังหวัดสุโขทัย ณ โรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา.ครั้งที่ ๖ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมด้วย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรศูนย์สงเคราะห์ชาวเขาหมู่บ้านท่าแพพัฒนา อำเภอศรีสัชนาลัยและราษฎรอำเภอทุ่งเสลี่ยม.ครั้งที่ ๗ วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเบิกพระเนตรพระพุทธรูปสุโขทัย (พระพุทธสิริมารวัชัย) และทรงวางศิลาฤกษ์หอพระพุทธสิริมารวิชัย ณ วัดชนะสงคราม อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย.ข้อมูลและภาพจาก : หนังสือสุโขทัยใต้ร่มพระบารมี จัดทำโดยสำนักงานจังหวัดสุโขทัย พิมพ์ปี พ.ศ.๒๕๔๕
ธมฺมธาตุ (ธมฺมธาตุ 7 ประการ)
ชบ.บ.50/1-1
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง ตำราเวชศาสตร์ (ตำรายา)
สพ.บ. 312/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ เวชศาสตร์ลักษณะวัสดุ 38 หน้า กว้าง 5.5 ซม. ยาว 29.8 ซม.หัวเรื่อง ตำรายา
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรไทย-ธรรมอีสาน ภาษาไทย-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ (ลานก้อม) ได้รับบริจาคมาจาก วัดบ้านหมี่ ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น จัดนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ประจำปี ๒๕๖๔ เรื่อง “มองความสัมพันธ์ระหว่างคนกับวัวในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ผ่านประติมากรรมรูปวัว” สามารถเข้าชมได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ นิทรรศการนี้จัดขึ้นเพื่อสะท้อนการดำรงชีวิตของมนุษย์ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีความสัมพันธ์กับสัตว์ทั้งในแง่การล่าสัตว์และเลี้ยงสัตว์ เพื่อเป็นอาหารและใช้แรงงาน รวมถึงความสัมพันธ์ในความเชื่อหรือพิธีกรรมด้วย จากข้อมูลทางโบราณคดี พบว่า “วัว” เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มนุษย์ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ให้ความสำคัญ เนื่องจากได้พบหลักฐานต่าง ๆ เช่น กระดูก ภาพเขียนสี และประติมากรรม เป็นต้น ประติมากรรมรูปวัวที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ มีจำนวน ๗ รายการ ได้แก่ วัวดินเผา จำนวน ๕ รายการ หินแกะสลักรูปวัว จำนวน ๑ รายการ และวัวสำริด จำนวน ๑ รายการ ซึ่งมาจากการขุดค้นทางโบราณคดี และประชาชนมอบให้ ประติมากรรมรูปวัวแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับวัว โดยเฉพาะด้านพิธีกรรมความอุดมสมบูรณ์เกี่ยวกับการเกษตรกรรมในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในปัจจุบันอาจเปรียบได้กับ “พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ” สอบถามเพิ่มเติม โทร.๐ ๔๓๒๔ ๖๑๗๐ หรือ Facebook : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น https://www.facebook.com/KhonKaenNationalMuseum
#เครื่องมือเครื่องใช้ในภาคเหนือก๋าวี หรือ วีก๋าวี หรือ วี ทำจากไม้ไผ่ สานเป็นรูปร่างคล้ายพัดแต่ขนาดใหญ่กว่าพัด วิธีใช้ คือ ชาวนาจะเลือกระยะเวลาที่ลมพัดดูทิศทางลมก่อนใช้ มีผู้ใช้พลั่วตักข้าวเปลือกสาดขึ้นในอากาศแล้วให้คนคนที่ถือก๋าวีโบกพัด เมล็ดข้าวที่ดีและมีน้ำหนักจะตกลงสู่พื้น ส่วนเศษผงต่างๆ และขี้ลีบ (เมล็ดข้าวที่ลีบหรือไม่มีคุณภาพ) จะลอยไปตามแรงลม ปัจจุบันมีเครื่องจักรที่ใช้แทนแรงคนคือเครื่องวีแบบใบพัดหมุน ภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ ชุดภาพส่วนบุคคลของนายบุญเสริม สาตราภัยอ้างอิงสนม ครุฑเมือง. ๒๕๓๔. สารานุกรมของใช้พื้นบ้านไทยในอดีต. กรุงเทพฯ : บริษัท ต้นอ้อ จำกัด.
ชื่อเรื่อง สังข์ทองผู้แต่ง กรมศิลปากรประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ วรรณกรรมเลขหมู่ 895.9112 พ835สกสถานที่พิมพ์ ธนบุรีสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์สุทธิสารการพิมพ์ปีที่พิมพ์ 2508ลักษณะวัสดุ 328 หน้า
หัวเรื่อง หนังสืออนุสรณ์งานศพภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก
นิทานเรื่องสังข์ทองนี้มีในคัมภีร์ปัญญาสชาดก เรียกว่า สุวัณณสังขชาดก ถึงเชื่อถือกันว่าเป็นเรื่องจริง
ชื่อเรื่อง : ประชุมพงศาวดาร เล่ม 42 (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 67 (ต่อ) - 68 ) จดหมายเหตุเกี่ยวกับเขมรและญวนในรัชกาลที่ 3 ตอนที่ 1 (ต่อ) และตอนที่ 2ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2512 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : องค์การค้าของคุรุสภา จำนวนหน้า : 296 หน้า สาระสังเขป : ประชุมพงศาวดาร เล่ม 42 ภาคที่ 67 (ต่อ) กล่าวถึง จดหมายเหตุเกี่ยวกับเขมรและญวนในรัชกาลที่ 3 ตอนที่ 1 บรรยายถึงเหตุการณ์ในปี มะเมีย พ.ศ. 2377 ถึง ปีกุน พ.ศ.2382 มีจดหมายเหตุฉบับสำคัญอาทิ หนังสือตอบเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เรื่องถอยทัพจากเมืองโจดก มาตั้งอยู่เมืองเชิงกระชุม ตราถึงเจ้าพระยาบดิทรเดชาฯ เรื่องให้จัดส่งเครื่องยศเจ้าองค์ด้วงไว้กับเมืองพระตะบอง เป็นต้น และประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 68 กล่าวถึง จดหมายเหตุเกี่ยวกับเขมรและญวนในรัชกาลที่ 3 ตอนที่ 2 บรรยายถึงเหตุการณ์ในปีชวด พ.ศ. 2383 อาทิ อักษรสารเจ้าพระยาบดินทรเดชาฯ ตอบแม่ทัพญวน คำให้การญวน กองทัพพระยาสังคโลกส่งมาให้แม่ทัพใหญ่ผู้สำเร็จราชการ เป็นต้น
วันจันทร์ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๓๐ น. นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงวัฒนธรรมเป็นประธานในพิธีเปิดนิทรรศการถาวรพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม โดยมีพระศรีวิสุทธิวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ผู้แทนหน่วยงานและประชาชนในจังหวัดนครปฐม เข้าร่วมงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า เมืองนครปฐมโบราณเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเมืองในสมัยทวารวดี นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๒ เป็นต้นมา จัดเป็นศิลปกรรมต้นธารอารยธรรมสมัยประวัติศาสตร์ที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ณ บริเวณลุ่มแม่น้ำท่าจีน – แม่กลอง ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๑ – ๑๖ บรรดาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และโบราณสถาน ส่วนใหญ่ล้วนสร้างขึ้นเนื่องในพุทธศาสนาลัทธิเถรวาท หากแต่ยังปรากฏหลักฐานการนับถือศาสนาพุทธลัทธิมหายานและฮินดูรวมอยู่ในพื้นที่นี้ด้วย การที่กรมศิลปากรได้ปรับปรุงการจัดแสดงนิทรรศการถาวร พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ขึ้นในครั้งนี้ แสดงถึงความตั้งใจพัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในประเทศไทย และเผยแพร่ความรู้ใหม่ด้านศิลปวัฒนธรรม ให้ประชาชนตระหนักรู้ และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ หวงแหน และภาคภูมิใจในมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติอีกทางหนึ่งด้วย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ ดำเนินการปรับปรุงการจัดแสดงนิทรรศการถาวรภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ โดยนำเสนอเนื้อหาทางประวัติศาสตร์และพัฒนาการของเมืองนครปฐม ที่สอดคล้องกับโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุอยู่ในช่วงวัฒนธรรมทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๖) แบ่งเนื้อหาการจัดแสดงออกเป็น เรื่องราวในอดีตของนครปฐมในสมัยก่อนประวัติศาสตร์และสมัยทวารวดีผ่านโบราณวัตถุ เข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ จากจารึกสำคัญที่ค้นพบในเมืองนครปฐม แนะนำสภาพภูมิศาสตร์ของนครปฐมโดยสังเขป การจัดแสดงเรื่องราวของศาสนาและความเชื่อของชุมชนทวารวดีในนครปฐมจากหลักฐานโบราณวัตถุที่ค้นพบในบริเวณเมืองโบราณนครปฐม และส่วนสุดท้ายเป็นเรื่องราวความเจริญรุ่งเรืองของนครปฐมหลังจากวัฒนธรรมทวารวดีเสื่อมลงจนกระทั่งถึงสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ โบราณวัตถุชิ้นสำคัญ อาทิ จารึกวัดพระงาม พระพุทธรูป ประติมากรรมประดับศาสนสถาน พระพุทธรูปประทับเหนือพนัสบดี ธรรมจักร ทั้งนี้ กรมศิลปากรหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการปรับปรุงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ครั้งนี้ จะทำให้ผู้ชมนิทรรศการได้เรียนรู้และมีความเข้าใจในประวัติศาสตร์ โบราณคดีและศิลปกรรมของไทย อีกทั้งจะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความสนใจในการศึกษา “ทวารวดี” ในเมืองนครปฐมโบราณ อันเป็นประโยชน์อย่างกว้างขวางในทางวิชาการต่อไป
ส่งเสริมการอ่านผ่าน Facebook กับหอสมุดแห่งชาติชลบุรี
เรื่อง คน 5 แบบที่จะทำชีวิตคุณพัง
เอ็ดดี, บิลล์. คน 5 แบบที่จะทำชีวิตคุณพัง แปลโดย มิส บรีฟ. กรุงเทพฯ:
ซีเอ็ดยูเคชั่น, 2562.
ห้องหนังสือทั่วไป 1 เลขเรียกหนังสือ 158.2 อ887ค
ในชีวิตเราต้องพบปะผู้คนมากมายซึ่งแต่ละคนนั้นก็จะมีบุคลิกภาพ อุปนิสัยใจคอที่ต่างกันออกไป ร้อยละ 90 ของคนทั่วไปคุณสามารถเชื่อได้ว่าตัวตนของพวกเขาเป็นอย่างที่แสดงออกมาและมีชีวิตตามปกติของสังคม แต่จะมีอีก ร้อยละ 10 ที่อาจเป็นบุคคลซึ่งสร้างความยุ่งยากและเพิ่มปัญหาความขัดแย้ง โดยแสดงออกผ่านการกระทำและคำพูด หากมีเหตุให้ต้องปฏิสัมพันธ์กับบุคคลเหล่านี้ ก็ควรต้องเรียนรู้สัญญาณอันตรายและวิธีป้องกันตนเองจากบุคคลที่จะเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิต
คน 5 แบบที่จะทำชีวิตคุณพัง เล่มนี้ ผู้เขียนพาเราไปพบกับ การรับมือกับบุคคลที่อาจเป็นอุปสรรคต่อชีวิต ทั้งในเรื่องการทำงาน สถานะทางการเงิน รวมไปถึงสุขภาพจิต ซึ่งบุคคลเหล่านี้อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คาดคิด พวกเขาอาจมาในรูปแบบของเจ้านาย หัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ญาติสนิท หนังสือเล่มนี้จึงเป็นคู่มือแนะนำวิธีแยกแยะสัญญาณอันตรายเมื่อต้องเข้าใกล้บุคคลที่มีบุคลิกภาพขัดแย้งสูงทั้ง 5 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพขัดแย้งสูงแบบหลงตัวเอง มักจะเชื่อว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่นอยู่มาก ผู้มีบุคลิกภาพขัดแย้งสูงแบบก้ำกึ่ง มักเริ่มต้นด้วยความเป็นมิตร แต่จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวอย่างฉับพลัน จนบางครั้งลุกลามไปถึงการใช้คำพูดหยาบคาย ผู้มีบุคลิกภาพขัดแย้งสูงแบบต่อต้านสังคม พวกเขามักมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนรอบข้างแต่ก็จะแฝงไว้ซึ่งความต้องการมีอำนาจเหนือผู้อื่น ผู้มีบุคลิกภาพขัดแย้งสูงแบบหวาดระแวง พวกเขามักจมอยู่กับความระแวงและกลัวการถูกหักหลัง สุดท้ายคือผู้มีบุคลิกภาพขัดแย้งสูงแบบเรียกร้องความสนใจ มักมีเรื่องราวที่น่าสงสารหรือเหตุการณ์อันโหดร้าย จนนำไปสู่การระบายอารมณ์กับคนรอบข้าง โดยทั่วไปแล้วบุคคลที่มีบุคลิกภาพขัดแย้งสูงมักจะมีลักษณะที่สอดคล้องกัน คือ แนวความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมที่แคบกว่าคนทั่วไป พวกเขาจะไม่ทำสิ่งที่ลดหรือคลี่คลายปัญหา ในทางตรงกันข้ามกลับเพิ่มความขัดแย้งและปัญหาขึ้นมาเสียเอง หลักสำคัญในการป้องกันและรับมือไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของบุคคลเหล่านี้ คือ การตระหนักรู้ในตนเอง หมั่นสังเกตอารมณ์ที่ตอบสนองต่อคำพูดหรือพฤติกรรมที่หยาบคาย ผู้สนใจสามารถหาอ่านได้ที่หอสมุดแห่งชาติชลบุรี (วันอังคาร – วันเสาร์ เวลา 09.00 - 17.00 น.)
ชื่อเรื่อง สพ.ส.17 คำอุปโลกน์กฐินประเภทวัสดุ/มีเดีย สมุดไทยดำISBN/ISSN -หมวดหมู่ ธรรมคดีลักษณะวัสดุ 41; หน้า : มีภาพประกอบหัวเรื่อง ธรรมคดี ภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก ประวัติวัดป่าเลไลยก์ ต.รั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี มอบให้หอสมุดฯ วันที่ 16 ส.ค.2538