ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,633 รายการ

มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนี เผด็จมงคลสูตร)  ชบ.บ.88ค/1-44  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


เลขทะเบียน : นพ.บ.217/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  52 หน้า ; 5 x 55 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 111 (159-169) ผูก 2 (2565)หัวเรื่อง : บัวรพัน --เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.357/5กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 58 หน้า ; 4.5 x 54.5 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 138  (402-410) ผูก 5ก (2565)หัวเรื่อง : สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (วิภังคปริจเฉท อภิธรรมปัฏฐาน)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


           ศิลปะลพบุรี (พุทธศตวรรษที่ ๑๘-๑๙)      พบที่โบราณสถานวัดพระพายหลวง ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย      ปัจจุบันจัดแสดง ณ ห้องสุโขทัย อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร      แผ่นศิลารูปพระไภษัชยคุรุ วัสดุหินทราย ลักษณะเป็นแผ่นรูปทรงแหลมคล้ายกลีบบัว สันนิษฐานว่าแต่เดิมเป็นบรรพแถลง หรือ กลีบขนุนประดับส่วนเรือนชั้นซ้อนของปราสาทวัดพระพายหลวง รูปพระไภษัชยคุรุทั้งสามมีรูปแบบที่เหมือนกันคือ อุษณีษะทรงกรวย พระพักตร์เหลี่ยม พระวรกายท่อนบนไม่แสดงการครองจีวร แสดงปางสมาธิ (ธยานมุทรา) พระหัตถ์ขวาแสดงวัตถุที่อาจหมายถึงหม้อน้ำอมฤตหรือตลับยา ประทับขัดสมาธิราบ อยู่ภายในซุ้มเรือนแก้วที่มีลักษณะเป็นซุ้มคดโค้งประดับใบระกา ส่วนปลายซุ้มเป็นรูปนาคประดิษฐ์      พุทธลักษณะบางประการที่แตกต่างกันคือ อุษณีษะทรงกรวยของแต่ละองค์มีเครื่องประดับแตกต่างกัน เช่น รัดด้วยเม็ดลูกประคำ หรือประดับกลีบบัว รูปแบบของพระเกศาพบทั้งแบบเม็ดพระศก แบบเรียบโล้นและแบบถักเป็นลอนรวบขึ้น อีกทั้งรูปแบบของพระเนตรพบทั้งแบบพระเนตรเปิดมองตรง ที่น่าจะได้รับอิทธิพลจากศิลปะเขมรแบบนครวัด และพระเนตรปิดที่สืบทอดจากรูปแบบของศิลปะเขมรแบบบายน โดยภาพรวมรูปสลักพระไภษัชยคุรุ จึงเป็นงานที่แสดงฝีมือช่างท้องถิ่น คล้ายกับกลุ่มพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๘-กลางพุทธศตวรรษที่ ๑๙ และแตกต่างไปจากรูปแบบของพระพุทธรูปในศิลปะเขมร      ความสำคัญของพระไภษัชยคุรุ คือพระพุทธเจ้าผู้ทรงขจัดโรคภัยทางกายและทางใจของมนุษย์ เป็นรูปเคารพทางฝ่ายพุทธศาสนามหายานแพร่หลายในประเทศจีน ธิเบต ญี่ปุ่น และกัมพูชา สำหรับพระไภษัชยคุรุทั้งสามชิ้นนี้เป็นหลักฐานที่แสดงถึงการแพร่กระจายทางพุทธศาสนามหายานจากเมืองพระนครมาสู่พื้นที่ลุ่มน้ำยม ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ตรงกับช่วงรัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ด้วยพระองค์ทรงให้การอุปถัมภ์พุทธศาสนามหายานเป็นศาสนาหลัก ทรงสร้างอโรคยศาล (สถานพยาบาล) ไว้หลายแห่ง ดังนั้นจึงปรากฏประติมากรรมพระไภษัชยคุรุในช่วงเวลานี้เป็นจำนวนมากตามชุมชนที่ปรากฏหลักฐานทางโบราณคดีที่แสดงถึงการรับวัฒนธรรมเขมรสมัยบายน พบพระไภษัชยคุรุทั้งงานประติมากรรมศิลา ปูนปั้นและสำริด      บริเวณทิศเหนือของเมืองเก่าสุโขทัยปรากฏร่องรอยของชุมชนที่ร่วมสมัยกับวัฒนธรรมเขมรในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๘ โดยมีศาสนสถานสำคัญคือ พระปรางค์วัดพระพายหลวง เชื่อว่าสร้างขึ้นตามคติพุทธศาสนามหายาน และแผ่นศิลารูปพระไภษัชยคุรุกลุ่มนี้บางส่วนจัดแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง   อ้างอิง กรมศิลปากร. พระไภษัชยคุรุ พระพุทธเจ้าบรมครูแห่งโอสถ. กรุงเทพฯ: รุ่งศิลป์การพิมพ์, ๒๕๖๓. ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ลพบุรี หลังวัฒนธรรมเขมร. กรุงเทพฯ: มติชน, ๒๕๕๙.  


ชื่อผู้แต่ง          ดักลาส เอม. เบินส์ ชื่อเรื่อง           ความเกี่ยวข้องระหว่างพุทธศาสนา กับวิทยาศาสตร์ และอเทวนิยม ครั้งที่พิมพ์       - สถานที่พิมพ์    พระนคร สำนักพิมพ์       โรงพิมพ์พระจันทร์ ปีที่พิมพ์           ๒๕๑๐ จำนวนหน้า      ๑๐๐ หน้า หมายเหตุ        พิมพ์เป็นธรรมบรรณาการในงานศพ นางพรหมทัตตเวที (บูรพา พรหมทัตตเวที) ณ เมรุวัดธาตุทอง พระโขนง วันที่ ๒๕  ธันวาคม ๒๕๑๐                       หนังสือเล่มนี้ มีเนื้อหาแบ่งเป็น ๓ ภาค โดยภาค ๑ กล่าวถึงการค้นหา และทฤษฎีของวิทยาศาสตร์ ภาค ๒ ว่าด้วยลักษณะของพระพุทธศาสนาในแง่อเทวนิยม และภาค ๓ แสดงให้เห็นว่าทรรศนะของพุทธศาสนาเกี่ยวกับโลก จิตวิทยา และความรู้ เข้ากันกับหลักวิทยาศาสตร์อย่างไร



ชื่อเรื่อง : โสณนันทชาดก สุวัณณสามชาดก จันทคาธชาดก ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2511สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ : กรมศิลปากร จำนวนหน้า : 238 หน้า สาระสังเขป : เป็นหนังสือที่พิมพ์เป็นบรรณาการเนื่องงานพระราชทานเพลิงศพ นางโสภิตบรรณลักษณ์ (ลิ้นจี่ กิตติขจร) ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2511 และในหนังสือเล่มนี้ได้จัดพิมพ์เรื่องโสณนันทชาดก สุวัณณวามชาดก จันทคาธชาดก ไว้ด้วย


“เฉลิมพระกนิษฐาสิริศิลปากรวิทยวิศิษฏ์” เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ขอเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์เอกอัครราชูปถัมภก มรดกวัฒนธรรมไทย พระผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญแห่งกรมศิลปากร ข้าพระพุทธเจ้า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา กรมศิลปากร ขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์ทรงพระเจริญ สถิตเป็นพระมิ่งขวัญร่มเกล้าชาวประชาตลอดกาลนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมhttps://fb.watch/cLrFgaYVLK/





           พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ขอเชิญชวนอุบาสกอุบาสิกาเข้าร่วมกิจกรรม "เข้าวัง ฟังธรรม" ครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ โครงการขับเคลื่อนการส่งเสริมคุณธรรมภาครัฐ : ความดีที่ (เรา) อยากทำ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ ณ ห้องประชุมอาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร        ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สามารถสำรองที่นั่ง หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายวิชาการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๓๓, ๐ ๒๒๒๔ ๑๔๐๒ (เปิดทำการ วันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๘.๓๐ น. - ๑๖.๐๐ น.)


  วัดดงหวาย ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำป่าสัก อยู่ในเขตตำบลท่าช้าง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สร้างขึ้นเป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. ๒๓๔๐ ปัจจุบันชาวบ้านเรียกว่า “วัดดง” สำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา ได้ดำเนินการบูรณะ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๒ โบราณสถานสำคัญภายในวัด ประกอบด้วย อุโบสถ วิหารพระนอน และเจดีย์    ในส่วนของวิหารพระนอน ตั้งอยู่ห่างจากอุโบสถไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ ๓๐ เมตร ลักษณะเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนฐานบัวลูกแก้ว ขนาด ๓ ห้อง หลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง เจาะช่องประตู ด้านละ ๑ ช่อง ด้านข้างเจาะช่องหน้าต่างด้านละ ๑ ช่อง บริเวณหน้าบันประดับลวดลายปูนปั้นรูปเทพนม บุคคลถือสิ่งของ ดอกไม้ ๓ ดอก และข้อความ ร.ศ. ๑๒๘ ตรงกับปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ๒ องค์    พระนอนองค์แรก ลักษณะเป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน ปางไสยาสน์ นอนตะแคงขวา พระบาทซ้ายทับพระบาทขวาวางเสมอกัน ฝ่าพระหัตถ์ยกขึ้นประคองเศียร ฝ่าพระบาททั้งสองข้างสลักเป็นรูปกงจักร ประดิษฐานอยู่บนแท่นฐานปัทม์ เบื้องพระพักตร์ด้านหน้า มีพระพุทธสาวก ๒ องค์ นั่งคุกเข่าพนมมือ   พระนอนองค์ที่ ๒ ประดิษฐานอยู่มุมห้องด้านซ้ายของประตูทางเข้าวิหารด้านหลัง อยู่ในอิริยาบถนอนหงายเหยียดยาว พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้ายวางอยู่เหนือพระอุทร ปลายพระบาทชิดกัน ครองจีวรห่มเฉียง ที่เบื้องพระบาทมีพระพุทธรูปหรือพุทธสาวกยืนพนมมือ    จากลักษณะรูปแบบประติมากรรมพระนอนทั้งสององค์ข้างต้น แสดงถึงเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา บันทึกอยู่ในมหาปรินิพพานสูตร (ทีฆนิกาย) มหาวรรค ซึ่งเป็นเหตุการณ์ตอนพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานและภายหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน พวกเจ้ามัลละกษัตริย์พยายามจุดไฟที่เชิงตะกอน แต่ไฟไม่ติด จึงสอบถามสาเหตุ พระอนุรุทธเถระ จึงแจ้งว่า เทวดามีความประสงค์ให้รอพระมหากัสสปะและภิกษุ ๕๐๐ รูป ผู้กำลังเดินทางมาถวายบังคมพระบาทเสียก่อน ไฟก็จะลุกไหม้ ครั้นเมื่อพระมหากัสสปะ และพระภิกษุ ๕๐๐ รูป เดินทางมาพร้อมกันที่ถวายพระเพลิงแล้ว ไฟจึงลุกขึ้นเอง โดยเหตุการณ์เรื่องราวดังกล่าวเกี่ยวข้องกับวันสำคัญทางศาสนา หรือที่เรียกกันว่า วันอัฏฐมี ตรงกับวันแรม 8 ค่ำ เดือน 6    และจากรูปแบบทางสถาปัตยกรรมวิหารพระนอนวัดดงหวาย ซึ่งมีการผสมผสานระหว่างงานช่าง   พื้นถิ่นและประเพณีนิยม สามารถกำหนดอายุอยู่ในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์   ---------------------------------------------------- เรียบเรียงข้อมูล : นางสาววิไลวรรณ อยู่ทองจุ้ย นักโบราณคดีชำนาญการ ที่มาข้อมูล : สำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา. (๒๕๕๒). วัดดงหวาย ตำบลท่าช้าง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์สมาพันธ์ จำกัด.



สวัสดีครับ กลับมาพบกับกลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา กันอีกครั้งนะครับ  สำหรับวันนี้ กลุ่มโบราณคดีขอนำเสนอองค์ความรู้เรื่อง "โนรา" จากจิตรกรรมฝาผนังพระอุโบสถวัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร จังหวัดสงขลา จะมีเนื้อหาอย่างไรนั้น เชิญรับชมได้เลยครับ ---------------------------------------------- นายจุลเกียรติ ไพบูลย์เกษม กลุ่มโบราณคดี 


          กรมศิลปากร โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เปิดพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำ (Night at the Museum) เวลา ๑๖.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. ระหว่างวันที่ ๑๖ – ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เชิญชวนแต่งกายชุดไทยชมความงดงามของโบราณสถานภายในพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ที่ประทับของพระมหาอุปราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ การจัดแสดงนิทรรศการโฉมใหม่ภายในพระที่นั่งต่าง ๆ กิจกรรมจิบชาชมวัง การบรรเลงดนตรี การสาธิตและการออกร้านจำหน่ายสินค้า             นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากรได้จัดกิจกรรมเปิดให้ประชาชนเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในช่วงค่ำ ตั้งแต่เวลา ๑๖.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. ระหว่างวันที่ ๑๖ – ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ โดยไม่เสียค่าเข้าชม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สัมผัสมนต์เสน่ห์สถาปัตยกรรม  วังหน้าและความเป็นมาแห่งอารยธรรมไทย กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย นมัสการพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง พร้อมชมจิตรกรรมฝาผนังแห่งยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ และชมการจัดแสดงนิทรรศการถาวรที่ได้ปรับปรุงใหม่ภายในพระที่นั่งต่าง ๆ ได้แก่ นิทรรศการ “ประณีตศิลป์สยาม ณ หมู่พระวิมาน พระราชวังบวรสถานมงคล” จัดแสดงโบราณวัตถุชิ้นเอก ศิลปะช่างหลวงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระตำหนักแดง จัดแสดงนิทรรศการวิถีชีวิตของเด็กไทย หออนุสรณ์เจ้าพระยายมราช (แก้ว สิงหเสนี) จัดแสดงประวัติเจ้าพระยายมราช เสนาบดีกรมนครบาล ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นิทรรศการประวัติศาสตร์และโบราณคดี ณ อาคารมหาสุรสิงหนาท และอาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ และนิทรรศการศิลปะเกาหลีในโลกเสมือนจริง ทั้งนี้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ได้จัดเตรียมวิทยากรนำชม วันละ ๓ รอบ รอบแรก เวลา ๑๗.๐๐ น. รอบที่ ๒ เวลา ๑๗.๓๐ น. และรอบที่ ๓ เวลา ๑๘.๐๐ น. ลงทะเบียนวันงานบริเวณศาลาลงสรง            นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตและจำหน่ายชาจีนและชาญี่ปุ่น อาหารคาวหวานตำรับชาววังและงานเย็บปักถักร้อย งานศิลปวัฒนธรรม สินค้าประเภทเครื่องหอม-ประทินผิวตำรับไทยโบราณ สินค้า OTOP/ของที่ระลึก พร้อมชมการบรรเลงดนตรีไทย - สากล จากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร            ขอเชิญผู้สนใจร่วมกิจกรรม เปิดพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำ (Night at the Museum) ได้ตั้งแต่เวลา ๑๖.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. ระหว่างวันที่ ๑๖ – ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๔๐๒ และ ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๓๓


black ribbon.