ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ
เมื่อจริตงอนงาไอราพต จะเหี้ยนหดนั้นมีอยู่ที่ไหน
ได้เอื้อนออกเเต่จะงอกงามไป ด้วยมิใช่เช่นงาที่สามาน ฯ
เข้าสู่เดือนกันยายน ๒๕๖๖ คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกำลังจะเปิดให้บริการศึกษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ เนื่องในวันพิพิธภัณฑ์ไทย แอดมินจึงขอนำเสนอโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ คือ
ลำดับที่ ๑ - งาช้างต้นพระบรมคชลักษณ์ (พลายพนมกร) ในรัชกาลที่ ๓ อยู่บนฐานไม้กลมปิดทองล่องชาด พร้อมข้อความสลักบริเวณโคนงาว่า “พระบรมคชลักษณ์งากิ่งนี้หนัก ๕๐ สลึง ๘ เฟื้อง”
ลำดับที่ ๒ - ภาพจิตรกรรมเจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลายปานพลแสน) และควาญช้าง ซึ่งเจ้านครเชียงใหม่ถวาย โดยโปรดเกล้าฯ ให้ขึ้นระวางในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นผลงานของขุนประเสริฐหัตถกิจ (สาย)
โบราณวัตถุทั้งสองชิ้นนี้ เดิมเคยจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ช้างต้น ปัจจุบันได้นำมาเก็บรักษาในคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ : คลังโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ประเภทอินทรียวัตถุ ๒
คำว่า "ช้างต้น" หมายถึง ช้างที่ได้รับการขึ้นระวางเป็นช้างหลวงส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือช้างศึกที่ทรงใช้ออกรบ ช้างเผือกซึ่งมีลักษณะต้องตามตำราคชลักษณ์อย่างสมบูรณ์ และช้างสำคัญซึ่งมีลักษณะมงคลตามตำราคชลักษณ์ แต่ยังไม่สมบูรณ์ทุกส่วน
คติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู) และพุทธศาสนาถือว่าช้างเผือกเป็นสัตว์มงคล สัญลักษณ์ของเมฆฝน ทำให้เกิดความสมบูรณ์ทั้งธัญญาหาร ภักษาหาร และผลาหาร นับเป็นหนึ่งในรัตนะ ๗ ประการเกิดขึ้นได้ด้วยบุญญาบารมีของพระจักรพรรดิแห่งแคว้นประเทศนั้น
พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ กล่าวถึงการน้อมเกล้าฯ ถวายช้างต้น เมื่อศักราช ๑๒๐๖ (พ.ศ.๒๓๗๗) ความว่า
“...ครั้น ณ วันอาทิตย์เดือน ๘ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เจ้าพระยาพระคลังถวายช้างพลายพนมกรช้าง ๑ สูง ๔ ศอก ๑ คืบ ๙ นิ้ว งาขึ้นขวาปลายงาขึ้นทับกัน ขึ้นระวางเป็น พระบรมคชลักษณ์ ศักดิสารจุมปราสาท ชาติรัตกัมพล มงคลสรรพอนันตคุณ ศรีสุนทรเลิศฟ้า...”
จากตำราพระคชศาสตร์ได้กล่าวถึงกำเนิดช้างมงคลและการแบ่งช้างมงคลออกเป็น ๔ ตระกูล ตามนามของเทพผู้ให้กำเนิด คือ พรหมพงศ์ อิศวรพงศ์ วิษณุพงศ์ และอัคนิพงศ์
พระบรมคชลักษณ์นั้นจัดเป็นช้างเผือกตระกูลอิศวรพงศ์ มาจากความเชื่อว่า ครั้งพระนารายณ์บรรทมอยู่ ณ เกษียณสมุทร บังเกิดมีดอกบัวผุดขึ้นทางพระนาภี พระอิศวรได้ประทานแบ่งดอกบัวให้พระพรหม พระนารายณ์ และพระอัคนี ส่วนพระองค์โยนเกสรดอกบัวแปดส่วนลงบนพื้นโลก แล้วเนรมิตรให้เกิด “อัฐคชาธาร” คือช้างแปดหมู่ เป็นศุภลักษณ์ของวรรณะกษัตริย์ หากช้างตระกูลนี้มาสู่บารมีจะทำให้บ้านเมืองเจริญด้วยทรัพย์และอำนาจ
ดังนั้นพระราชบัญญัติรักษาช้างป่าพุทธศักราช ๒๔๖๔ จึงกำหนดไว้ว่า “...ผู้ใดมีช้างสำคัญ หรือช้างสีประหลาด หรือช้างเนียมแล้ว โดยเหตุที่ตนจับได้หรือโดยแม่ช้างของตนตกลูกออกมา หรือด้วยเหตุอื่นอย่างใดต้องนำขึ้นทูลเกล้าถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และจะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบำเหน็จให้ตามสมควร...” แต่หากปล่อยเสียหรือปิดบังซ่อนเร้นช้างนั้นไว้ ขัดขืนไม่นำขึ้นทูลถวาย “...มีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน ๕๐๐ บาท และโทษนี้ไม่ลบล้างการที่ช้างนั้นจักพึงต้องริบเป็นของหลวง...”
ในพระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางช้างสำคัญนั้น ประกอบด้วย พระราชพิธีสมโภชขึ้นระวางพระราชทานนามช้างและพระราชพิธีสมโภชขึ้นโรงใน ในขั้นตอนการจารึกนามช้างสำคัญจะมีการกำหนดชื่อที่บ่งบอกถึงถิ่นกำเนิด คชลักษณ์ พระบารมี และสิริมงคลต่างๆ
ข้อน่าสังเกตคือ เดิมคำนำหน้าช้างสำคัญ มักใช้คำว่า “พระบรม” ตามด้วยนาม ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา จึงนิยมใช้คำว่า “พระเศวต” นำหน้าช้างพลาย อาทิ พระเศวตวรวรรณ พระเศวตสุวภาพรรณ พระเศวตคชเดชน์ดิลก ส่วนช้างพังนิยมใช้คำว่า “พระเทพ” หรือ “พระศรี” และมีคำลงท้ายนามด้วยคำว่า “เลิศฟ้า” หากเป็นช้างสำคัญที่ลักษณะมงคลตามตำราคชลักษณ์ แต่ยังไม่สมบูรณ์ทุกส่วนเหมือนช้างเผือก จะใช้คำว่า “เจ้าพระยา” อาทิ เจ้าพระยาไชยานุภาพ (พลานปานพลแสน) นั้นเอง
ที่มาจาก :
พระราชบัญญัติสำหรับรักษาช้างป่า พ.ศ.2464. เข้าถึงเมื่อ ๒ กันยายน ๒๕๖๖, เข้าถึงได้จาก http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%CA33/%CA33-20-2503-002u.pdf
มิวเซียมสยาม. “ช้างเผือก ต้องมีสีขาวเท่านั้นจริงหรือ”. เข้าถึงเมื่อ ๕ กันยายน ๒๕๖๖, เข้าถึงได้จาก https://www.museumsiam.org/km-detail.php?CID=177&CONID=4246
สถาบันพระปกเกล้า. “ช้างสำคัญในรัชกาล” เข้าถึงเมื่อ ๔ กันยายน ๒๕๖๖, เข้าถึงได้จาก http://wiki.kpi.ac.th/index.php?title=ช้างสำคัญในรัชกาล
หอสมุดแห่งชาติ. “ช้างมงคล”. เข้าถึงเมื่อ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๖, เข้าถึงได้จาก https://www.nlt.go.th/service/1565
ความรู้ก่อนดูโขน ตอน แนะนำนางสำมะนักขา โดย นายลักษมณ์ บุญเรืองผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่นความรู้ก่อนดูโขน พิพิธภัณฑ์ขอนแก่น ตอน "แนะนำนางสำมะนักขา"จากที่ทราบในเบื้องต้นว่า พิพิธภัณฑ์ขอนแก่น จะมีโขน มหรสพแห่งชาติ โดยกรมศิลปากร มาแสดงให้ชมฟรี ๆ เย็นวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๖ นั้น วันนี้เรามารู้จักตัวละครตัวเอก ของตอน เล่ห์รักยักขินี กันซัก ๑ ตัวครับนางสำมะนักขา หรืออีกชื่อว่า นางสูรปนักขา เป็นน้องสาวคนสุดท้อง ในจำนวน พี่น้อง ๗ ตน ของทศกัณฑ์ (ประกอบด้วย ทศกัณฑ์ กุมภกัณฑ์ พิเภก ทูษณ์ ขร ตรีเศียร และสำมะนักขา ถือว่านางเป็นต้นเรื่องคนสำคัญที่ทำให้เกิดการรบราฆ่าฟันกันระหว่าง พระ ยักษ์ ลิง วุ่นวายไปทั้งลงกา ชมภู และขีดขินสืบเนื่องจากว่า นางกำลังช้ำใจที่สามี (ชิวหา) ถูกทศกัณฑ์ตัดลิ้นขาดใจตายด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าตัวอะไรมาอมเมือง จึงออกเดินป่าหาความสำราญใจ แล้วบังเอิญไปเจอชายหนุ่มรูปงามสองคนกำลังแก้ผ้าอาบน้ำอยู่ในป่า ซึ่งก็คือ พระรามกับพระลักษมณ์นั่นเอง นางจึงแปลงกายเป็นสาวงามไปแอ๊วผู้ชาย แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ นางพยายามรบเร้า พระรามจึงบริภาษนางว่าเป็นหญิงแพศยา ถึงกระนั้นนางสำมนักขายังคงวิ่งตามพระรามไปจนถึงอาศรม นางสำมนักขาเห็นนางสีดา มีรูปร่างงดงามก็คิดว่าเป็นต้นเหตุให้พระรามไม่สนใจตน จึงเข้าทำร้ายนางสีดา พระรามเห็นก็เข้าขวาง จนถูกพระลักษมณ์ตัดมือ เท้า จมูก และหูเป็นการลงโทษ นางจึงหนึไปฟ้องทศกัณฑ์ แล้วใส่เชื้อไฟว่าพบสตรีรูปงามอยู่ในป่าซึ่ง หน้าตางดงามม๊ากกกกก มากกว่าพระอุมา* พระสุรัสวดี* พระลักษมี* ชายาของมหาเทพทั้งสามเสียอีก แล้วยุยงให้ทศกัณฑ์ไปลักพาตัวนางมาเป็นของตน นับว่า นางสำมนักขาเป็นต้นเหตุของสงครามทำให้พระราม*ยกทัพไปกรุงลงกา* เลยทีเดียวแหละปล. โขนตอนนี้ท่านจะได้ชมความงามของการร่ายรำ ฉุยฉาย แต่เป็นฉุยฉายสูรปนักขา เป็นบทชมความงามของนนางสำมะนักขาที่แปลงกายเป็นสาวงามไปจีบพระรามนะครับ
The Tales of Andaman”
Thalang National Museum พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง จังหวัดภูเก็ต
พิพิธภัณฑ์ที่ทำให้เราได้ย้อนไปกับเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โบราณคดี ในพื้นที่ภาคใต้ชายฝั่งทะเลอันดามัน (ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง) ผ่านนิทรรศการการบอกเล่าเรื่องราว โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุตามยุคสมัย เริ่มตั้งแต่ส่วนแรกเป็นข้อมูลยุคก่อนประวัติศาสตร์ แรกเริ่มประวัติศาสตร์ การค้าเมืองท่าโบราณ การปรากฏหลักฐานการเข้ามาของอักษรภาษาเขียน ศาสนาในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน ข้อมูลหลักฐานเริ่มต้นเมืองถลางสู่จังหวัดภูเก็ต ตลอดจนการจัดแสดงเนื้อหาความหลากหลายทางชาติพันธุ์ของผู้คนที่อาศัยบนเกาะภูเก็ต นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่น่าสนใจพร้อมที่จะมอบความสนุกไปกับการเรียนรู้
เปิดให้เข้าชม ทุกวันพุธ - วันอาทิตย์
ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น.
อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20.- บาท ชาวต่างชาติ 100.- บาท
คณะหน่วยงาน สถานศึกษา สนใจเข้าชม ติดต่อสอบถาม โทร. 076 - 379895 หรือสอบถามผ่านทางกล่องข้อความ
เกวียน (ระแทะ)
ลักษณะ : เกวียน หรือ ระแทะ เป็นยานพาหนะเทียมวัว/ควาย สำหรับเดินทางไกลของของคนในอดีต ทั้งยังเป็นยานพาหนะสำหรับขนสิ่งของ ที่จะนำไปขายค้า หรือย้ายถิ่นฐาน เกวียนสองเล่มนี้เป็นของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เจ้าเมืองพระตะบอง ที่น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ส่วนประกอบต่าง ๆ ของเกวียนมีการแกะสลักลวดลายให้มีความวิจิตรมากกว่าเกวียนทั่วไป เกวียนเล่มที่ ๑ เป็นเกวียนสำหรับบรรทุกสิ่งของ ส่วนเกวียนเล่มที่ ๒ เป็นเกวียนสำหรับคนนั่ง มีหลังคาทรงประทุน คลุมเพื่อกันแดดกันฝน ท้ายของประทุนทำเป็นบานหน้าต่างเปิดปิด
ขนาด : ๑. สูง ๕๕ เซนติเมตร กว้าง ๒๐๐ เซนติเมตร
ชนิด : ไม้ แกะสลัก
อายุ/สมัย : รัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๕
ประวัติ : ระแทะเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้มาจากเมืองพระตะบอง ในสมัยรัชกาลที่ ๕
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=52862
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
ชื่อเรื่อง : อภิณฺหปจฺจเวกฺขณะผู้แต่ง : พรหมจักรภิกขุ (พรหมมา)ปีที่พิมพ์ : ๒๔๘๑ สถานที่พิมพ์ : เชียงใหม่สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์อุปะติพงษ์จำนวนหน้า : ๕๒ หน้าเนื้อหา : หนังสือเล่มนี้ชื่อ อภิณฺหปจฺจเวกฺขณะ สำหรับเตือนสติ ได้เป็นอย่างดี เตือนได้ทังผู้เฒ่าแก่แล ผู้หนุ่มน้อย ทั้งผู้เจ็บป่วย แล บ่ป่วยทั่วไป พิมพ์ด้วยเครื่องพิมพ์อักษร ที่โรงพิมพ์อุปติพงษ์ ถนนช้างคลาน จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑ พรหมจักรภิกขุ (พรหมมา) ผู้แต่ง อักษรล้านนา ภาษาล้านนา อภิณฺหปจฺจเวกฺขณะ สำหรับเตือนสติ ได้เป็นอย่างดี เตือนได้ทังผู้เฒ่าแก่แล ผู้หนุ่มน้อย ทั้งผู้เจ็บป่วย แล บ่ป่วยทั่วไป เดิมเป็นเทศนาของท่านพระศาสนโสภณวัดมกุฏกษัตริย์ กรุงเทพมหานคร พระพรหมจักรภิกขุ (พรหมมา) วัดป่าเหียงคองงาม อำเภอปากบ่อง จังหวัดลำพูนเป็นผู้เลือกคัด เนื้อหามีอรรถาธิบาย กล่าวถึง หลักธรรมอภิณหปัจจเวกขณะ ได้แก่ ๑. ความชรา ๒. พยาธิ (ความเจ็บป่วย) ๓. มรณะ (ความตาย) ๔. ความพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ๕. กฎแห่งกรรม หน้าที่ ๒๕ เป็นคำกรวดน้ำ และแผ่ส่วนกุศล พร้อมด้วยคำแปล หน้าที่ ๓๐ เขียนตามแบบเก่า แต่ได้เปลี่ยนแปลงแลตัดลัดเสียเล็กน้อย ลงวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๐ (ลงนาม) พรหมะจักร ภิกขุ เขียนขณะเมื่อเดินรุกขมูลอยู่ในหล่งบ้านโฮ่ง - ลำพูน เพื่อไว้เป็นอนุสาวรีย์ที่ระลึก เมื่ออายุครบ ๔๐ ปี พรรษา ๒๐ / หน้า ก - ญ เป็นรายนามผู้บริจาคและจำนวนเงินเลขทะเบียนหนังสือหายาก : ๕๙๘เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ : E-book_๒๕๖๗_๐๐๒๓หมายเหตุ : โครงการจัดเก็บและอนุรักษ์หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ สื่อโสตทัศนวัสดุ และเอกสารโบราณ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗
กรมศิลปากร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมฟังเสวนาทางวิชาการ MUSEUM TALK บอกเล่าเรื่องราวของพิพิธภัณฑ์ผ่าน คน ของ และสถานที่ ในกิจกรรมโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ประจำปี 2567 ปีที่ 4 ระหว่างวันที่ 19 - 22 กันยายน 2567 ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
พบกับการเสวนาที่น่าสนใจ ดังนี้
- วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2567 เวลา 17.30 - 19.00 น. หัวข้อ “World Expo เวทีซิวิไลซ์กับวัตถุใน Museum”
- วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2567 เวลา 17.00 - 18.30 น. หัวข้อ “ของที่ถาม-วัตถุที่ตามหา”
- วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2567 เวลา 17.00 - 18.30 น. หัวข้อ “ประติมากรรมสำริดรูปบุคคลในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 ที่พบในดินแดนไทย”
- วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2567 เวลา 17.00 - 18.30 น. หัวข้อ “อาร์ตทอย X มิวเซียม พื้นที่แห่งการสร้างสรรค์กับงานศิลปะที่จับต้องได้”
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมในวันงาน *รับจำนวน 100 ที่นั่ง/วัน (ไม่รับสำรองที่นั่งล่วงหน้า) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2224 1402 และ 0 2224 1333
อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ขอเชิญชวนชมการแสดง แสง สี เสียง งานลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2567 จองบัตรได้แล้วตั้งแต่บัดนี้ ทาง thaiticketmajor https://shorturl.asia/j6D2b บัตรราคา : 500 / 900 / 1,200 บาท เปิดรอบการแสดงวันที่ 8 - 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 19.00 – 19.45 น. และเพิ่มรอบ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 20.30 – 21.15 น. ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณแอม โทร. 06 1242 8555 ไลน์ไอดี @ST2024
กลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน ลงพื้นที่ตรวจสอบกำกับดูแลการดำเนินการติดตั้งทับหลังจำลอง ในเขตพื้นที่โบราณสถานปราสาทศีขรภูมิ ร่วมกับ นายทวีทรัพย์ โล้เจริญรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลศีขรภูมิ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานเทศบาลตำบลศีขรภูมิ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ ๑๔ และ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๗
.
นางสาวนิตยา สาระรัตน์ นายช่างศิลปกรรมอาวุโส รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน
ชื่อเรื่อง : สารคดีและสิ่งน่ารู้จากปาฐกถาและคำบรรยายของ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ
หัวเรื่อง : ปาฐกถา
คำค้น : ความฝัน
หนังสือพิมพ์
อารยะธรรม
สุภาษิต
รายละเอียด : -
ผู้แต่ง : วิจิตรวาทการ,พลตรีหลวง
แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
หน่วยงานที่รับผิดชอบ : โรงพิมพ์รุ่งเรืองรัตน์
ปีที่พิมพ์ : 2516
วันที่เผยแพร่ : 29 มกราคม 2568
ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : -
ลิขสิทธิ์ : -
รูปแบบ : PDF
ภาษา : ภาษาไทย
ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก
ตัวบ่งชี้ : -
รายละเอียดเนื้อหา : รวมปาฐกถาและคำบรรยาย ของพลตรีหลวงวิจิตรวาทการ ในเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องความฝัน กำเนิดของหนังสือพิมพ์ อารยะธรรม ความรัก ผู้หญิง และชีวิตของนักประพันธ์ เป็นต้น
เลขทะเบียน : น. 30 บ. 11314
เลขหมู่ : 089.95911 ว527ปว
ชื่อเรื่อง : ประมวลความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ
หัวเรื่อง : ไทย -- ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ -- สนธิสัญญา
คำค้น : -
รายละเอียด :
ผู้แต่ง : กรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ
แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศ
ปีที่พิมพ์ : 2517
วันที่เผยแพร่ : 5 กุมภาพันธ์ 2568
ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : -
ลิขสิทธิ์ : -
รูปแบบ : PDF
ภาษา : ภาษาไทย
ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก
ตัวบ่งชี้ : -
รายละเอียดเนื้อหา : หนังสือรวมประมวลความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ เนื้อหาแบ่งเป็น 2 ภาค ประกอบด้วยภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
เลขทะเบียน : น. 32 บ. 3229 จบ.
เลขหมู่ : 341.2593
ท931ป
ชื่อผู้แต่ง กองวัฒนธรรม สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ
ชื่อเรื่อง วารสารวัฒนธรรมไทย (ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๑๐)
พิมพ์ครั้งที่ -
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๐
จำนวนหน้า ๗๓ หน้า
รายละเอียด
วารสารวัฒนธรรมไทย ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๑๐ ประกอบด้วยเนื้อหา ข่าวสาร ความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับศิลปะ วัฒนธรรมไทย ในฉบับนี้ มีบทความเกี่ยวกับ ประวัตินักดนตรีไทย ครอบครัวจะส่งเสริม วัฒนธรรมได้อย่างไร เมื่อฝรั่งฟังพระสวดมนต์ พุทธประวัติที่กลายมาเป็นเรื่องคริสต์ศาสนา การตอบปัญหาวัฒนธรรม เป็นต้น