ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 41,347 รายการ
ชื่อผู้แต่ง ยิ้ม ปัณฑยางกูร
ชื่อเรื่อง เรื่องวัดชนะสงคราม
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดศิวพร
ปีที่พิมพ์ ๒๕๐๖ จำนวนหน้า ๑๐๕ หน้า
หมายเหตุ พิมพ์ในการทอดกฐินพระราชทาน ณ วัดชนะสงครามของกรมศิลปากร
เรื่อง วัดชนะสงคราม เป็นผลงานการเรียบเรียงของนายยิ้ม ปัณฑยางกูร ข้าราชการกรมศิลปากร เพื่อจัดพิมพ์หนังสือที่ระลึกในโอกาสที่กรมศิลปากร นำกฐินพระราชทานไปทอด ณ วัดขนะสงคราม เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๖
ชื่อเรื่อง: ข้อบังคับชมรมล้านนาคดีผู้แต่ง: -ปีที่พิมพ์: ๒๕๓๒สถานที่พิมพ์: ไม่ปรากฏสถานที่พิมพ์สำนักพิมพ์: ไม่ปรากฏสำนักพิมพ์จำนวนหน้า: ๒๐เนื้อหา: “ข้อบังคับชมรมล้านนาคดี” เป็นข้อบังคับชมรมล้านนาคดีที่ถูกเขียนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒ โดยข้อบังคับชมรมล้านนาคดีแบ่งออกเป็น ๕ บทดังนี้ บทที่ ๑ ชื่อและวัตถุประสงค์ เป็นข้อบังคับที่บ่งบอกถึงชื่อชมรมและวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งชมรมล้านนาคดี บทที่ ๒ สมาชิกภาพ เป็นระเบียบข้อบังคับของบุคคลที่เป็นสมาชิกของชมรมล้านนาคดี บทที่ ๓ คณะกรรมการ เป็นข้อบังคับที่บ่งบอกถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการ และหน้าที่รับผิดชอบของคณะกรรมการ บทที่ ๔ การประชุมของชมรม เป็นข้อบังคับสำหรับการประชุมต่าง ๆ ของชมรมล้านนาคดี บทที่ ๕ สิ่งพิมพ์ของชมรม เป็นระเบียบข้อบังคับสำหรับการจัดทำและการจัดพิมพ์สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ของชมรมล้านนาคดีเลขทะเบียนหนังสือหายาก: ๙๕๙.๓๕๓ ข๑๑๑เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์: E-book ๒๕๖๗_๐๐๐๑หมายเหตุ: หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) ของหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๗จัดทำโดย: นายปรัชญา พยุหพรรค์ นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สาขาสารสนเทศศึกษา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อบต. เพเนียด จังหว้ดลพบุรี (เวลา 08.30) จำนวน 50 คนวันศุกร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๙.๐๐ น. คณะจากองค์การบริหารส่วนตำบลเพนียด อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี จำนวน ๕๐ คนเข้าศึกษาดูงาน ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์ โดยมีว่าที่ร้อยตรีรุ่งเรือง ชื่นชม ตำแหน่ง พนักงานประจำพิพิธภัณฑ์ เป็นวิทยากรนำชมในครั้งนี้
ชื่อเรื่อง นักเรียนผู้แต่ง น้อย เปาจารย์ประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ ความรู้ทั่วไปเลขหมู่ 030 น376นสถานที่พิมพ์ พระนครสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์เลปาจารย์ปีที่พิมพ์ 2481ลักษณะวัสดุ 36 หน้า หัวเรื่อง รวมเรื่องภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึกกล่าวถึงเพลงปลุกใจของกรมศิลปากร, ความพิศวงของธรรมชาติ, ภาษีอาการ, อนุสภากาชาด, เรื่องเบ็ดเตล็ดต่างๆ, ประวัติศาสตร์มนุษยชาติ, ภูมิศาสตร์มีแผนที่ประกอบ, การฝึกเชาว์ ทายปัญหา พร้อมนิทานและเพชรในวรรณคดีตะเลงพ่าย
กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “การอ่านถ่ายถอดเอกสารโบราณ” วิทยากร นายวัฒนา พึ่งชื่น นักภาษาโบราณชำนาญการพิเศษ สำนักหอสมุดแห่งชาติ ผู้ดำเนินรายการ นายสิทธิพร บุปผา นักวิชาการเผยแพร่ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๑.๔๕ น. ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร
รายการ “ไขความรู้จากครูกรมศิลป์” มีรูปแบบเนื้อหาของรายการเกี่ยวกับประวัติความเป็นไทย เกร็ดประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวันสำคัญ ประเพณี วัฒนธรรม วีถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ผ่านการบอกเล่า ถ่ายทอดความรู้ แนวความคิด เนื้อหาวิชาการ จากประสบการณ์ของผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากร กำหนดถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ทุกวันพฤหัสบดี เวลา ๑๑.๐๐ น. ตลอดปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๖๗ - กันยายน ๒๕๖๘
ศาลาหลบเสือ
ศาลาหลบเสือ ตั้งอยู่ที่ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เป็นอาคารที่สร้างขึ้นและใช้งานในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๔ - ๒๕ เพื่อเป็นศาลากลางหน (ที่พักแรมตอนใกล้ค่ำ) ส่วนที่มาของชื่อเล่าต่อกันมาว่าพื้นที่ดังกล่าวมีเสืออยู่ชุม
ลักษณะของศาลาหลบเสือ เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด ๗.๕๐ x ๓.๓๐ เมตร ส่วนฐานก่อด้วยหินภูเขา มีบันไดทางขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หลังคาทรงปั้นหยาเป็นโครงสร้างไม้มุงกระเบื้องดินเผาปลายแหลม อาคารแบ่งออกได้เป็น ๓ ส่วน ส่วนทางด้านซ้ายกั้นเป็นห้องด้วยผนังก่ออิฐฉาบปูนทำช่องแสง ๓ ด้าน มีช่องประตูเข้า - ออก ๑ ช่อง ไม่มีบานประตู แต่พบร่องรอยวงกบสำหรับเสียบเดือยบานประตูด้านบน อีกสองส่วนเป็นพื้นที่โล่ง แบ่งออกจากกัน พื้นที่ต่างระดับ ช่วงกลางมีระดับที่ต่ำกว่า
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานศาลาหลบเสือ ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม ๑๑๖
ตอนพิเศษ ๗ ง วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๔๒
Lob Suea Pavilion
Lob Suea Pavilion is located in Hua Khao Subdistrict, Singhanakhon District, Songkhla Province. It was built to be used as a night shelter for passersby during the 19th and the 20th centuries and is generally called “Sala Klang Hon.” It was named “Lob Suea Pavilion” because the area abounded with tigers.
The remaining pavilion is a rectangular structure measuring 7.5 by 3.3 meters. The base is made of mountain stone. There is a staircase on the northeast side of the building. The hip roof’s wooden structure was covered with terracotta tiles. The pavilion is divided into three parts. The left part is the brick and plaster walled room with loopholes on three sides and one entrance with no door panels. The only trace of the door frame is found. The other two parts are open-sided spaces separated from each other with different floor levels. The middle of the floor is lower than the rest.
The Fine Arts Department announced the registration of Lob Suea Pavilion as a national monument in Government Gazette Volume 116, Special Part 7, dated January 22, 1999.
***บรรณานุกรม***
บุญงาม แสงศศน.
เจดีย์ศรีสุริโยทัย โดย บุญงาม แสงศศิน คัดจากวารสาร "ท่องเที่ยวสัปดาห์"ของกรมพาณิชย์ กระทรวงเศรษฐการ ฉบับลงวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2482 หลวงถวิลเศรษฐพณิชยการ ขอบพระคุณในความหวัง07/08/2521
กรุงเทพฯ
เอราวัณการพิมพ์
2521
วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๙ คุณสิริกิติยา มหิดล เจนเซน ธิดาในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง โดยมีนางสาวดาริกา ธนะศักดิ์ศิริ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหงและนางสาวเบญจวรรณ จันทราช ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ ต้อนรับและนำชมการจัดแสดงโบราณวัตถุศิลปวัตถุ การนี้ นางสาวดวงกมล ยุทธเสรี ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัยและนายสถาพร เที่ยงธรรม ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยร่วมเดินทางมาพร้อมคณะด้วย
ศุกร์สัญลักษณ์ : Suk Sanyalak (Friday Night Rag)
เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๒๐
เพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๒๐ ทรงพระราชนิพนธ์ในพุทธศักราช ๒๔๙๗ เพื่อเป็นเพลงประจำวงดนตรี “ลายคราม” โดยบรรเลงทุกคราวที่ทรงดนตรีกับวงดนตรีลายครามและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ซึ่งเป็นนักดนตรีคนหนึ่งของวงดนตรีลายคราม แต่งคำร้องภาษาอังกฤษและคำร้องภาษาไทย ทรงพระราชทานออกบรรเลงครั้งแรกทางสถานีวิทยุ อ.ส.
Royal Composition Number 20
The twentieth royal musical composition was written in 1954 as the signature tune for the “Lay Kram” band, performed every time His Majesty joined the band. His Majesty requested Mom Rajawong Seni Pramoj, one of the Lay Kram Band musicians to write English and Thai lyrics, and had it performed for the first time on Aw Saw Radio.