ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,274 รายการ

ชื่อผู้แต่ง           พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ ชื่อเรื่อง           คู่มือวิปัสสนายานิกโยคี ครั้งที่พิมพ์        พิมพ์ครั้งที่ ๒ สถานที่พิมพ์      พระนคร สำนักพิมพ์        มงคลการพิมพ์ ปีที่พิมพ์          ๒๕๐๐ จำนวนหน้า      ๕๓ หน้า รายละเอียด      เป็นหนังสือคู่มือของพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ที่อยากปฏิบัติธรรม เนื้อหาในหนังสือ บอกถึงความหมายของ คำว่า วิปัสสนา  การเจริญวิปัสสนาคืออะไร กิจเบื้องต้นก่อนที่จะลงมือปฏิบัติธรรม  ระยะเวลาในการปฏิบัติ  การกำหนดเวลาสอบอารมณ์ เป็นต้น  รายได้จากการจำหน่ายหนังสือ ผู้จัดทำ คือนายแพทย์เกิด ธนชาติและบุญปลูก ภริยา มีศรัทธาจะมอบให้แก่ สำนักอภิธรรมมหาวิทยาลัยสืบไป


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 145/3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 177/3จเอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)



ชื่อเรื่อง           งานวันเมตตา ชื่อผู้แต่ง         มูลนิธิสงเคราะห์เด็กของศาลคดีเด็กและเยาวชน พิมพ์ครั้งที่       - สถานที่พิมพ์     ม.ป.พ สำนักพิมพ์       ม.ป.ท ปีที่พิมพ์          2520 จำนวนหน้า      119 หน้า รายละเอียด                     เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับปัญหาการกระทำผิดของเด็กและเยาวชนรวมถึงสาเหตุที่เด็กและเยาวชนกระทำผิด และรายนามคณะกรรมการ “งานวันเมตตา”  เนื่องในวันสถาปนาครบรอบ 25 ปี  และการจัดนิทรรศการของศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง  28 – 29 - 30  มกราคม 2520



เลขทะเบียน : นพ.บ.384/12ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 36 หน้า ; 4.5 x 58 ซ.ม. : ชาดทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 143  (26-39) ผูก 12 (2566)หัวเรื่อง : เวสฺสนฺตรชาตก--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.526/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 30 หน้า ; 3.5 x 53.5 ซ.ม. : ล่องชาด-ลานดิบ-ชาดทึบ-รักทึบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 175  (260-266) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : บัวรพันธ์--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม




ชื่อเรื่อง                         ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏฺธกถา ขุทฺทกนิกายฏฺธกกา (ธมฺมฺปทขั้นปลาย)อย.บ.                            241/17หมวดหมู่                       พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                  62 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 58.5 ซม.หัวเรื่อง                         พระธรรมเทศนา                                                                       บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา


ชื่อเรื่อง                              มหานิปาตวณฺณนา (เวสฺสนฺตรชาดก) ชาตกฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา (ทสพร-นครกัณฑ์) อย.บ.                                 423/4ประเภทวัสดุ/มีเดีย           คัมภีร์ใบลาน หมวดหมู่                           พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                      50 หน้า : กว้าง 5 ซม.  ยาว 59 ซม.หัวเรื่อง                              พุทธศาสนา--การศึกษาและการสอน                                            ชาดกบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน  เส้นจาร ฉบับล่องชาด ทองทึบ รักทึบ ลานดิบ ไม่มีไม้ประกับ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี  


องค์ความรู้ เรื่อง “มัจฉชาดก : ที่มาของพิธีฟังธรรมพระยาปลาช่อนเพื่อขอฝน” โดย ดร.วกุล มิตรพระพันธ์ นักอักษรศาสตร์ชำนาญการ กลุ่มภาษาและวรรณกรรม สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์



          วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2566 เวลา 09.00 น. นายเขมชาติ เทพไชย ผู้อำนวยการศูนย์ซีมีโอสปาฟา เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมนานาชาติว่าด้วยการอนุรักษ์โบราณวัตถุที่ได้จากแหล่งโบราณคดีใต้น้ำ ในหัวข้อ “South - East Asian Sub - regional Introductory Course on Conservation and Restoration of Underwater Archaeological Finds” หลักสูตรเบื้องต้นด้านการอนุรักษ์และบูรณะโบราณวัตถุใต้น้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมี UNESCO A.I. Director Margarete Sachs-Israel และนายสถาพร เที่ยงธรรม รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต้อนรับผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 26 คน ณ ห้องประชุม ศูนย์ซีมีโอสปาฟา ถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต กรุงเทพฯ           การฝึกอบรมดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยโบราณคดีและวิจิตรศิลป์ภายใต้องค์การรัฐมนตรี ศึกษาธิการแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ซีมีโอสปาฟา) กรมศิลปากร ยูเนสโก และศูนย์นานาชาติว่าด้วยโบราณคดี ใต้น้ำ ณ เมืองซาดาร์ (ICUA) เพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้านการอนุรักษ์และบูรณะโบราณวัตถุใต้น้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำหนดอบรมระหว่างวันที่ 19 – 29 มิถุนายน 2566 ณ กรุงเทพมหานคร จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดจันทบุรี นับเป็นการฝึกอบรมด้านการอนุรักษ์และบูรณะโบราณวัตถุครั้งแรกในภูมิภาคที่ครอบคลุมวัสดุหลากหลายประเภทซึ่งมักพบในแหล่งมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ โดยบูรณาการความรู้ความชำนาญและทรัพยากรต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อปรับปรุงพัฒนาศักยภาพของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้พร้อมต่อการดำเนินงานเพื่อปกป้องคุ้มครองมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำไว้ให้คนรุ่นหลังต่อไป            การฝึกอบรมครั้งนี้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาองค์การยูเนสโกว่าด้วยการคุ้มครองมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ ค.ศ. 2001 ซึ่งรับรองในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2544 ให้กำหนดกรอบกฎหมายร่วมและแนวปฏิบัติเพื่อให้แต่ละประเทศ สามารถดำเนินการที่เกี่ยวข้องทั้งการบ่งชี้มรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ การวิจัย มาตรการปกป้อง และการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ ให้เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งหวังให้ทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีใต้น้ำและมีทักษะด้านการอนุรักษ์เพียงพอที่จะปกป้องและบริหารจัดการมรดกทาง วัฒนธรรมใต้น้ำได้อย่างยั่งยืนตามอนุสัญญายูเนสโก ปี ค.ศ. 2001  


สิบสามห้างแห่งกว่างตง เครื่องถ้วยจีน เป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่ไทยนำเข้ามาตั้งแต่สมัยโบราณ มีรูปแบบและการตกแต่งที่หลากหลายตามความนิยมในแต่ละสมัย โดยมีแรงบันดาลใจมาจากความเชื่อ ปรัชญาจีน บทกวี หรือแม้แต่ภาพทิวทัศน์ ภาพทิวทัศน์แบบหนึ่งที่นิยมวาดบนเครื่องถ้วยกันมากในสมัยราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1636 – 1912) หรือพ.ศ. ๒๑๗๙ – ๒๔๕๕ คือ ภาพกลุ่มอาคารแบบตะวันตกประดับธงชาติต่าง ๆ ตั้งเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำ ในบางครั้งอาจมีตัวอักษรจีนเขียนกำกับไว้ ซึ่งบรรดากลุ่มผู้ศึกษาเครื่องถ้วยจีนต่างรู้จักกันดีในชื่อ ลายสิบสามห้าง  สิบสามห้าง (十三行 Shisan hang; The Thirteen Factories) หรือบางครั้งเรียกว่า สิบสามห้างแห่งกว่างตง (广州十三行Guangdong Shisan hang; The Canton Factories) เป็นชื่อย่านการค้าของจีนในสมัยราชวงศ์ชิงซึ่งตั้งขนานกับแม่น้ำจูเจียง นอกกำแพงเมืองกว่างโจว (Guangzhou) ทิศใต้ มณฑลกว่างตง (หรือกวางตุ้ง, Gaungdong) อันเป็นเพียงพื้นที่เดียวที่รัฐบาลราชวงศ์ชิงอนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้า มาทำการค้ากับจีนได้จากเดิมที่เข้ามาได้ถึงแค่เกาะมาเก๊า และเนื่องจากมีพ่อค้าตะวันตกเข้ามาตั้งสำนักงานอยู่ ๑๓ แห่ง ผู้คนจึงพากันเรียกย่านนี้จนติดปากว่า สิบสามห้าง บริเวณดังกล่าวเป็นตลาดสำคัญของจีนในช่วงคริสตศตวรรษที่ 18 - 19 (พุทธศตวรรษที่ ๒๓ – ๒๔) มีสินค้าเด่น คือ เครื่องกระเบื้อง ใบชา และผ้าไหม โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาค้าขายจะได้รับอนุญาตให้เช่าพื้นที่ตั้งสำนักงานและโกดังเก็บของในย่านสิบสามห้าง แต่ไม่สามารถออกนอกเขตนี้ได้ พ่อค้าตะวันตกจึงริเริ่มว่าจ้างศิลปินจีนให้วาดภาพเมืองกว่างโจวเพื่อเป็นสื่อให้พวกเขาได้รู้จักเมืองส่วนอื่น ๆ มากขึ้น ซึ่งศิลปินมักจะใช้ภาพอาคารย่านสิบสามห้างเป็นแกนหลักแล้วเสริมด้วยภาพทิวทัศน์ของเมือง แม่น้ำจูเจียง ท่าเรือ และเรือที่เดินทางเข้ามา ภาพวาดสิบสามห้างนี้เป็นที่นิยมมากกระทั่งมีการส่งออกไปขายในโลกตะวันตกอย่างกว้างขวาง ชาวจีนจึงนำภาพดังกล่าวมาตกแต่งสินค้าส่งออกประเภทอื่นอย่างเครื่องกระเบื้องทำให้พบเครื่องถ้วยลายสิบสามห้างปรากฏในหลายพื้นที่ทั่วโลกเช่นเดียวกับสยามหรือประเทศไทย ทว่าภายหลังจากที่จีนแพ้สงครามฝิ่นครั้งที่สอง (Arrow War) ใน ค.ศ. 1860 (พ.ศ. ๒๔๐๓) จีนถูกบังคับให้เปิดเมืองท่ามากขึ้น ย่านสิบสามห้างจึงถูกลดความสำคัญลง ประจวบกับก่อนหน้านั้นไม่นานได้เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อ ค.ศ. 1856 (พ.ศ. ๒๓๙๙) ย่านการค้าที่เคยรุ่งเรืองจึงแทบไม่หลงเหลือหลักฐานความเจริญในยุคทองให้เห็น มีเพียงภาพวาด บันทึก และเครื่องถ้วยลายสิบสามห้างที่เป็นสิ่งยืนยันถึงย่านการค้าสำคัญแห่งหนึ่งของจีนในสมัยราชวงศ์ชิงที่มา : - Johnathan A. Farris. (2007). “Thirteen Factories of Canton : An Architecture of Sino – Western Collaboration and Confrontation.” Buildings & Landscapes Journal of the Vernacular Architecture Forum 14 (1) : 66 – 83.- Peter C. Procedure. (2023) Rise & Fall of the Canton Trade System III. Accessed April 26. available from https://visualizingcultures.mit.edu/rise.../cw_essay01.html- พิมพ์ประไพ พิศาลบุตร. (๒๕๕๐). กระเบื้องถ้วยกะลาแตก. กรุงเทพฯ: นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์.- สมศักดิ์ ฤทธิ์ภักดี. (๒๕๖๔). สิบสามห้าง: ย่านการค้าในประวัติศาสตร์จากกวางตุ้งถึงบางลำพู. เข้าถึงเมื่อ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๖. เข้าถึงได้จาก http://banglamphumuseum.treasury.go.th/download/article/ article_20210514151702.pdf