ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ

           กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอดสด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “เที่ยวชมโบราณวัตถุ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งแรกในภาคเหนือ” วิทยากร นายณัฐพงษ์ แมตสอง หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย ผู้ดำเนินรายการโดย นายสิทธิพร  บุปผา นักวิชาการเผยแพร่ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เวลา ๑๑.๐๐ น. ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร


         วันนี้ในอดีต : พระราชพิธีโสกันต์ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าพักตร์พิมลพรรณ และ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ามัณยาภาธร          พระราชพิธีโสกันต์ เป็นพระราชพิธีสำคัญของประเทศไทยในอดีต เป็นพิธีหลวงที่สืบทอดแบบแผนมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ซึ่ง “พระราชพิธีโสกันต์” หรือ “พิธีโกนจุก” ถือเป็นพิธีมงคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเด็ก ผู้เป็นบิดามารดาจึงมักจะจัดพิธีให้ดีที่สุดเท่าที่ฐานะของตนจะทำได้เพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตความเป็นผู้ใหญ่ที่ดีให้แก่บุตรธิดาของตน พิธีการต่าง ๆ จึงทำกันอย่างใหญ่โตสมกับฐานะของแต่ละครอบครัว          ซึ่งพิธีโกนจุกนั้นหากเป็นพิธีโกนจุกโดยผู้นั้นเป็นพระราชโอรส พระราชธิดา ที่ประสูติแต่พระมเหสีและดำรงพระยศชั้นเจ้าฟ้าและพระองค์เจ้า จะเรียกพิธีนี้ว่า “พระราชพิธีโสกันต์” นั่นเอง ส่วนพิธีโกนจุกที่ใช้กับพระโอรส พระธิดา ซึ่งประสูติแต่เจ้าจอมมารดา และดำรงพระยศต่ำกว่าพระองค์เจ้าลงมา จะเรียกว่า “เกศากันต์” ซึ่งต่างกันที่การแต่งองค์ทรงเครื่อง ตลอดจนพิธีแห่บางอย่างอาจเพิ่มลดตามลำดับพระยศของเจ้านายพระองค์นั้น ๆ          เนื่องในวันที่ ๑๓ มกราคม เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีโสกันต์พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าพักตร์พิมลพรรณ และ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ามัณยาภาธร ณ พระนครคีรี เมื่อครั้งอดีต พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี จึงได้เรียบเรียงเหตุการณ์ในวันนั้น โดยสรุปไว้ ดังนี้          วันนี้ในอดีต : พระราชพิธีโสกันต์ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าพักตร์พิมลพรรณ และ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ามัณยาภาธร          วันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๗ (วันศุกร์ เดือนยี่ แรม ๒ ค่ำ ปีชวด ฉศก จ.ศ. ๑๒๒๖) (นับแบบปัจจุบัน คือ พ.ศ. ๒๕๐๘) โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีโสกันต์พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าพักตร์พิมลพรรณ และ พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ามัณยาภาธร พระชนม์ ๑๐ ชันษา ทั้งสองพระองค์ เวลาบ่ายพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ที่พระที่นั่งราชธรรมสภา ๓๐ รูป ตั้งขบวนแห่แต่หน้าตําหนักมาตามถนนราชวิถี ขึ้นไปฟังพระเจริญพระพุทธมนต์ ๓ วัน ตามเอกสารการชุมนุมพระบรมราชาธิบาย ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชดำริว่า          “. . . ในครั้งแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชาธิเบศรมหาราชปราสาททอง ได้มีการโสกันต์พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าอิน ณ ที่ประทับเกาะบ้านเลนเป็นอย่างมา ก็ครั้งนี้พระราชวังที่ประทับเป็นที่ประพาสก็มีหลายตำบล จึงโปรดให้มีการแห่โสกันต์เป็นการใหญ่อย่างครั้งก่อน ที่พระนครคีรี ณ เมืองเพ๊ชรบุรี ตามอย่างซึ่งเคยมีในโบราณนั้นอีกครั้งหนึ่งในเดือนยี่ปีชวด ฉศก ศักราช ๑๒๒๖ ตรงกับปีมีคฤศตศักราช ๑๘๖๔ . . .”          ต่อมาในวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๗ (วันจันทร์ เดือนยี่ แรม ๕ ค่ำ ชวดฉศก จ.ศ. ๑๒๒๖) (นับแบบปัจจุบัน คือ พ.ศ. ๒๕๐๘) เวลาเช้าโสกันต์ที่วิมานเทวราชศาสตราคมสถาน เวลาบ่ายแห่สมโภชอีก ๑ วัน กระบวนแห่และเครื่องเล่นรายทา มีทุกสิ่งเหมือนคราวโสกันต์พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ฯ ในกรุงเทพเว้นแต่ไม่มีเขาไกรลาส          ใน “พระราชพิธีโสกันต์” ครั้งนั้นมีการละเล่นมากมาย เช่น โขน หนัง ละคร เพลง ละครสํารับเล็ก และการแต่งตัวเข้ากระบวนแห่เป็นนางสระในวันโสกันต์ เวลาค่ำทรงจุดโคมลอยประทีปและโปรดให้มีละครเรื่องอิเหนาเป็นการสมโภช มีเจ้าจอมมารดาวาด พระสนมเอกแสดงเป็นอิเหนา          ปัจจุบัน “พระราชพิธีโสกันต์” จะเลือนหายไปตามสภาพสังคมและกาลเวลา แต่ด้วยแนวคิดของพระราชพิธีนี้ที่ต้องการใช้เป็นเครื่องเตือนใจเด็กและเยาวชนว่าเมื่อเป็นผู้ใหญ่ ต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่การงานของตนเองและแผ่นดิน ให้ตระหนักถึงภาระหน้าที่ของแต่ละคนที่พึงมีพึงปฏิบัติตามวัยและฐานะ เมื่อตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ได้แล้วย่อมจะช่วยให้สังคมและประเทศชาติพัฒนาขึ้นได้อย่างแน่นอน            เอกสารและหลักฐานการค้นคว้า นัยนา แย้มสาขา. (๒๕๔๙). “ภาพเก่าเล่าอดีต : การแต่งกายในพระราชพิธีโสกันต์”, บทความทางวิชาการนิตยสารศิลปากร, ปีที่ ๕๐ ฉบับที่ ๒ . กรมศิลปากร. “พระนครคีรี”. เพชรบุรี : กรมศิลปากร. ชุมนุมพระบรมราชาธิบาย ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ภาคที่ ๒ หมวดราชประเพณีโบราณ. (๒๔๗๓). พระนคร : โรงพิมพ์พระจันทร์.


ชื่อเรื่อง                     ปริวารปาลิ (ปริวารปาลิ)อย.บ.                       298/5ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               52 หน้า : กว้าง 4.7 ซม. ยาว 53.4 ซม.หัวเรื่อง                     พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก                              เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคจากวัดประดู่ทรงธรรม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา




     นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กรมศิลปากรเตรียมดำเนินการบูรณะสิม (อุโบสถ) ในภาคอีสาน ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ยังมีการใช้งานอยู่ถึงปัจจุบัน จำนวน 12 วัด เพื่อสร้างเส้นทางสายบุญเชื่อมโยงพระธาตุสำคัญ 3 แห่ง ประกอบด้วย พระธาตุยาคู ตำบลหนองแปน อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์  พระธาตุนาดูน ตำบลพระธาตุ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม และพระธาตุพนม ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสำนักศิลปากร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 สำนัก ได้แก่ สำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี และสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ตั้งเป้าแล้วเสร็จปี 2569 งบประมาณรวมกว่า 42 ล้านบาท      สิม หรืออุโบสถ ในภาคอีสาน มีลักษณะเฉพาะทางสถาปัตยกรรม เป็นเอกลักษณ์ที่แสดงถึงความงดงามและความสมถะ บางแห่งมีฮูปแต้มหรือภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่สะท้อนให้เห็นถึงภูมิปัญญา วัฒนธรรม คติความเชื่อ และวิถีชีวิตของผู้คนในภาคอีสานในอดีต มักสร้างด้วยไม้ อิฐ หรือดิน เป็นอาคารขนาดเล็ก มีรูปแบบเรียบง่าย แต่ด้วยวัสดุที่นำมาใช้ก่อสร้างสิม หรืออุโบสถนั้น มีการเสื่อมสภาพได้ง่าย ทำให้ต้องมีการซ่อมแซมอยู่บ่อยครั้ง ด้วยเหตุนี้กรมศิลปากรจึงจัดทำโครงการบูรณะสิม (อุโบสถ) ในเขตภาคอีสาน โดยจะเริ่มดำเนินการบูรณะสิม (อุโบสถ) ตามเส้นทางสายบุญเชื่อมโยงพระธาตุสำคัญ รวมทั้งสิ้น 12 วัด ได้แก่             1. สิม (อุโบสถ) วัดสนวนวารีพัฒนาราม ตำบลหัวหนอง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น             2. สิม (อุโบสถ) วัดบึงแก้ว ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น             3. สิม (อุโบสถ) วัดมัชฌิมวิทยาราม ตำบลบ้านลาน อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น             4. สิม (อุโบสถ) วัดสว่างโพธิ์ศรี ตำบลคลองขาม อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์             5. สิม (อุโบสถ) วัดลัฏฐิกวัน ตำบลชะโนด อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร             6. สิมน้ำบ้านปลาโด (อุโบสถกลางน้ำ) ตำบลหนองพอก อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด             7. สิม (อุโบสถ) วัดโพธารมณ์ ตำบลพระธาตุ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม             8. สิม (อุโบสถ) วัดสระแก ตำบลบ้านเป้า อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์             9. สิม (อุโบสถ) วัดโพธิ์ศรีเชียงเหียน ตำบลเขวา อำเภอเมืองมหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม              10. หอแจก (ศาลาการเปรียญ) วัดโพธาราม ตำบลดงบัง อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม             11. สิม (อุโบสถ) วัดบรมคงคา  ตำบลบ้านแวง อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์             12. สิม (อุโบสถ) วัดท่าเรียบ ตำบลนาโพธิ์  อำเภอนาโพธ์ จังหวัดบุรีรัมย์             รมว. สุดาวรรณ กล่าวอีกว่า การดำเนินการบูรณะโบราณสถานสิมและการอนุรักษ์ฮูปแต้ม ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์โบราณสถาน ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของกรมศิลปากรแล้ว ยังเป็นการเชื่อมโยงให้เกิดเป็นเส้นทางท่องเที่ยวสายบุญ และยังได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ตลอดจนเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นในภาคอีสานอีกด้วย ภาพ : สิม (อุโบสถ) วัดสนวนวารีพัฒนาราม ตำบลหัวหนอง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ภาพ : สิม (อุโบสถ) วัดสว่างโพธิ์ศรี ตำบลคลองขาม อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ภาพ : สิม (อุโบสถ) วัดโพธารมณ์ ตำบลพระธาตุ อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม ภาพ : สิม (อุโบสถ) วัดสระแก ตำบลบ้านเป้า อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์





ภาพเล่าเรื่องบนใบเสมา สัญชาตญาณของความเป็นแม่ โดย นางสาวพรพิณ  โพธิวัฒน์ ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น


ชื่อเรื่อง : ที่ระลึกพิธีเปิดอาคารที่ว่าการอำเภอแหลมสิงห์ คำค้น : จังหวัดจันทบุรี, จันทบุรี, อำเภอแหลมสิงห์, น้ำตกพลิ้ว, ประวัติศาสตร์จันทบุรี, การท่องเที่ยวจันทบุรี, ประวัติพระเจ้าตากสิกจันทบุรี แหล่งที่มา : ต้นฉบับหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี หน่วยงานที่รับผิดชอบ : บริษัท ระยองกันเอง จำกัด ลิขสิทธิ์ :  หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี รูปแบบ : PDF ภาษา : ภาษาไทย ประเภททรัพยากร : หนังสือท้องถิ่น (ห้องจันทบุรี) รายละเอียดเนื้อหา : ประกอบด้วยคำขวัญอำเภอแหลมสิงห์ สารของ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะ แผนที่จังหวัดจันทบุรี คำขวัญจังหวัดจันทบุรี พร้อมคำอธิบาย ประวัติศาสตร์พระเจ้าตากสินมหาราช-จันทบุรี ประวัติอำเภอแหลมสิงห์ รายนามผู้ดำรงตำแหน่งนายอำเภอตั้งแต่ อดีต-ปัจจุบัน สภาพทั่วไปของอำเภอแหลมสิงห์ รายชื่อปลัดอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการอำเภอแหลมสิงห์ รายชื่อหัวหน้ากลุ่มมวลชน รายชื่อผู้บริหารโรงเรียน รายชื่อกรรมการสุขาภิบาลปากน้ำแหลมสิงห์ รายชื่อสุขาภิบาลพลิ้ว ทำเนียบกำนันผู้ใหญ่บ้าน แผนที่อำเภอแหลมสิงห์ และภาพกิจกรรมต่างๆ ของอำเภอแหลมสิงห์  เลขทะเบียน : น 40 บ. 16444 จบ. (ร) เลขหมู่ : ท 351.059326 ท535


โบราณสถานเพนียด           ตั้งอยู่ที่บ้านเพนียด ตำบลคลองนารายณ์ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี  และอยู่ภายในเมืองเพนียด ซึ่งเป็นเมืองโบราณในวัฒนธรรมเขมรโบราณที่มีคันดินล้อมรอบ ลักษณะเป็นโบราณสถานที่ก่อด้วย ศิลาแลงเป็นกรอบรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า วางเรียงตัวตามแนวเหนือ – ใต้ จำนวน ๒ แห่ง และมีทางเดินเชื่อมถึงกัน ภายในกรอบสี่เหลี่ยมมีบันไดเชื่อมต่อกับลานตรงกลางที่เปิดโล่ง ซึ่งมีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับหน้าที่การใช้งานและอายุสมัยของโบราณสถานแห่งนี้ ๒ แนวทาง ได้แก่           ๑. โบราณสถานเพนียดเป็นสระน้ำ ๒ แห่งซึ่งมีทางเดินเชื่อมต่อกัน กำหนดอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ ๑๘ (ประมาณ ๘๐๐ ปีมาแล้ว)            ๒. โบราณสถานเพนียดเป็นอาคาร ๒ หลัง ที่อาจจะเป็นพลับพลาซึ่งมักพบสร้างอยู่ทางตะวันออกของปราสาทแบบเขมรโบราณสมัยบาปวนถึงนครวัด หรือกลางพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - พุทธศตวรรษที่ ๑๗ กำหนดอายุอยู่ในช่วงประมาณ ๙๐๐ - ๑,๐๐๐ ปีมาแล้ว           กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานเพนียดในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๔๗๘ Phaniat Archaeological Site           Phaniat Archaeological Site is in Ban Phaniat, Khlong Narai Subdistrict, Mueang Chanthaburi District, Chanthaburi Province. This archaeological site is situated within the ancient Khmer town of Phaniat. It consists of two laterite buildings in a rectangular shape, arranged in a north-south direction and connected by a laterite walkway. Each frame is an open courtyard with stairs. The function and dating of this site could not be clearly determined but there are two assumptions as follows:       1. Two ponds with a laterite edge, which were built above the ground surface around the middle 12th century (800 years ago).       2. Two buildings that are components of the Khmer temple, usually situated on the east side of the main sanctuary in Baphuon to Angkor Wat style (11th - 12th century or 900 - 1,000 years ago).            The Fine Arts Department announced the registration of Phaniat Archaeological Site as an ancient monument in the Royal Gazette, Volume 52, dated 8th March 1935.  


คณะกรรมการชำระปทานุกรม.  หนังสือน้ำพักน้ำแรง.  พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2479.พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานปลงศพ นายหลี เสฐียรโกเศศ วันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2479


ชื่อผู้แต่ง                 มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว , พระบาทสมเด็จพระ ชื่อเรื่อง                  เที่ยวเมืองพระร่วง ครั้งที่พิมพ์              พิมพ์ครั้งที่ ๘ สถานที่พิมพ์            กรุงเทพมหานคร สำนักพิมพ์              โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย ปีที่พิมพ์                 ๒๕๑๙ จำนวนหน้า             ก-ฒ , (๑-๘) , ๒๔๑ หน้า : ภาพประกอบ ISBN                     - เลขเรียกหนังสือ       915.9365   ม113ท เลขทะเบียนหนังสือ   059986 หมายเหตุ               มูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์จัดพิมพ์โดยเสด็จพระกุศล ซึ่งสมเด็จพระเจ้าภคิณีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงบำเพ็ญในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมพระมงกุฎเกล้าอยู่หัว ณ พระอุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๑๙ ครบ ๕๑ ปี                            เรื่องเที่ยวเมืองพระร่วงนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๐ ครั้งเสด็จไปประพาสเมืองกำแพงเพชร เมืองสุโขทัย เมืองสวรรคโลก เมืองอุตรดิตถ์ และเมืองพิษณุโลก เล่าเรื่องไปดูโบราณสถานต่าง ๆ และตำนานของเมืองเหล่านั้น


ชื่อผู้แต่ง         มหามกุฎราชวิทยาลัย ชื่อเรื่อง           ทางร่มเย็น อันดับ ๑๘ พิมพ์ครั้งที่       - สถานที่พิมพ์     กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์       โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย ปีที่พิมพ์          ๒๕๑๙ จำนวนหน้า      ๕๒  หน้า รายละเอียด                    หนังสือทางร่มเย็น ลำดับที่ ๑๘ จัดพิมพ์ขึ้น  เพื่อเป็นหนังสือธรรมะสำหรับแจกห้องสมุดหรือวัด ทั่วไปและเพื่อแจกแก่ผู้บริจาคทรัพย์สมทบทุนทางร่มเย็น  สำหรับเรื่องที่จัดพิมพ์นั้น  พระธรรมดิลกได้กรุณาเลือกหนังสือ  เรื่อง “ธรรมะช่วยแก้ปัญหาทางสังคม” ของพระมหาระแบบ จิตญาโณ  วัดบวรนิเวศวิหาร  มาจัดพิมพ์หนังสือทางร่มเย็น อันดับที่ ๑๘ นี้  



black ribbon.