ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 40,631 รายการ

ชื่อเรื่อง                    สพ.ส.67 ตำรายาแผนโบราณประเภทวัสดุ/มีเดีย       สมุดไทยดำISBN/ISSN                 -หมวดหมู่                  เวชศาสตร์ลักษณะวัสดุ              55; หน้า : ไม่มีภาพประกอบหัวเรื่อง                    ตำรายาแผนโบราณ                    ภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก                   ประวัติวัดอู่ทอง ต.โคกคราม  อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี มอบให้หอสมุดฯ


         พระพุทธรูปสำริดปางแสดงธรรม (วิตรรกะมุทรา)          แบบศิลปะ : ทวารวดี           ชนิด : สำริด          อายุสมัย : ประมาณพุทธศตวรรษที่ 13 - 14 หรือราว 1,200 - 1,300 ปีที่ผ่านมา          ลักษณะ : พระพุทธรูปยืนแสดงปางวิตรรกะ(แสดงธรรม) ด้วยการจีบพระอังคุฐ(นิ้วหัวแม่มือ) พระดรรชี(นิ้วชี้) จรดกันเป็นวง(ธรรมจักร) พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระเนตรเหลือบลงต่ำ พระนาสิกโด่งใหญ่ พระโอษฐ์อมยิ้ม มีประภามณฑลเบื้องหลังพระเศียร ครองจีวรเรียบห่มคลุม พระพุทธรูปองค์นี้แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลศิลปะอินเดียสมัยคุปตะและหลังคุปตะ ซึ่งเป็นศิลปะในพุทธศาสนานิกายมหายานได้เข้ามามีบทบาทต่อศิลปะทวารวดีและศิลปะอื่น ๆ ที่ร่วมสมัยกันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก วิตรรกมุทรา คือท่าแสดงธรรม โดยการตั้งฝ่ามือขึ้น หันฝ่ามือออกนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จรดเข้าหากันเป็นวงคล้ายรูปธรรมจักร เพื่อแสดงการเคลื่อนวงล้อแห่งธรรม ซึ่งปางแสดงธรรมนี้มีพัฒนาการมาจากปางธรรมจักมุทราของศิลปะอินเดีย          ประวัติ : เจดีย์หมายเลข 11 เมืองโบราณอู่ทอง          สถานที่จัดแสดง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง   แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/uthong/360/model/c02/   ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/uthong


ชื่อเรื่อง                     ลำพญา นราภิรมย์ : ประวัติศาสตร์ชุมชนริมแม่น้ำนครชัยศรีนาม "ลำพญา"ครั้งที่                        -ผู้แต่ง                       อภิลักษณ์ เกษมผลกูลประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN                 -หมวดหมู่                   ภูมิศาสตร์และการท่องเที่ยวเลขหมู่                      959.372 ล339สถานที่พิมพ์               กรุงเทพฯสำนักพิมพ์                 ศูนย์สยามทรรศ์ศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดลปีที่พิมพ์                    2561ลักษณะวัสดุ               148 หน้า : มีภาพประกอบ ; 21 ซม.หัวเรื่อง                     ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น                              นครปฐม – ประวัติศาสตร์                              นครปฐม – ความเป็นอยู่และประเพณีภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก          รวบรวมองค์ความรู้เกี่ยวกับท้องถิ่นและชุมชนลำพญา ทั้งด้านประวัติศาสตร์และเรื่องเล่าจากคนในชุมชนเพื่อเผยแพร่เรื่องราวของชุมชนลำพญาให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย



            สำนักหอสมุดแห่งชาติ โดยกลุ่มบริการทรัพยากรสารสนเทศ จัดนิทรรศการเรื่อง "เมนูสำรับ กับข้าวเจ้านายในราชสำนักสยาม"  จัดแสดงหนังสือ ตำรา เอกสารโบราณ ภาพประกอบ และสื่อมัลติมีเดียที่เกี่ยวกับอาหารชาววัง หรือที่เรียกอีกอย่างว่ากับข้าวเจ้านาย ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่แสดงถึงความประณีตและวิจิตรบรรจงแบบไทย               นิทรรศการ "เมนูสำรับ กับข้าวเจ้านายในราชสำนักสยาม" จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมการบริโภคของเจ้านายในสมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ จนไปถึงพระบรมวงศานุวงศ์ เช่น เครื่องคาวหวานที่ปรากฎในวรรณคดี กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 ที่ทรงพรรณนาถึงพระกระยาหารไทย ซึ่งปรากฎในพระราชนิพนธ์เรื่อง ไกลบ้าน จนถึงสูตรอาหารพระราชทานจากรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบรมวงศานุวงศ์ นอกจากนี้ยังจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับตำรับอาหารของเจ้านาย และบุคคลที่เคยรับใช้ใกล้ชิดหรือมีสายสัมพันธ์กับราชสำนัก ซึ่งได้รับการถ่ายทอดวิชาการปรุงอาหารและนำมารวบรวมเป็นตำราอาหารเผยแพร่ในเวลาต่อมา เช่น ตำรับสายเยาวภา ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท พระราชธิดาในรัชกาลที่ 5 ตำราแม่ครัวหัวป่าก์ ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ตำรับของหม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์ ผู้ซึ่งได้รับวิชาการปรุงอาหารจากพระวิมาดาเธอ พระองค์สายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ตำรับของหม่อมเจ้าหญิงจงจิตรถนอม ดิศกุล เป็นต้น              ภายในนิทรรศการยังจัดแสดงหนังสือเกี่ยวกับตำราอาหารชาววัง และตำราอาหารพระราชทาน เช่น ตำรากับข้าวฝรั่ง พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 5 ตำรากับข้าววังบางขุนพรหม ครัวสระปทุม พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราช กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี              ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 ในวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 09.00 - 16.30 น. วันเสาร์ - วันอาทิตย์ เวลา 09.00 - 17.00 น. หยุดวันนักขัตฤกษ์ และวันหยุดตามมติคณะรัฐมนตรี ณ ห้องวชิรญาณ 2 - 3 อาคาร 2 ชั้น 1 สำนักหอสมุดแห่งชาติ เขตดุสิต กรุงเทพฯ


            พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี เชิญชมนิทรรศการหมุนเวียน "Object of the Month" วัตถุจากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี ประจำเดือน "สิงหาคม" เชิญพบกับ "นางปรัชญาปารมิตา"             โบราณวัตถุที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ ได้แก่ "นางปรัชญาปารมิตา" เป็นสำริด สมัยลพบุรี พุทธศตวรรษที่ ๑๘ ขนาดยาว ๑๐.๕ เซนติเมตร กว้าง ๓ เซนติเมตร ลักษณะนางปรัชญาปารมิตาประทับยืนบนฐานรูปสี่เหลี่ยม สวมเทริดแบบขนนก พระพักตร์เหลี่ยม พระขนงต่อกันเป็นปีกกา พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์แบะ สวมกุณฑลและกรองค้อ นุ่งผ้ายาวชักชายผ้ารูปหางปลาลงมาด้านหน้า สภาพชำรุด พระกรหักหายไปทั้งสองข้าง สันนิษฐานว่าพระกรน่าจะถือสิ่งของอยู่ด้วย พบที่ตำบลหนองแจง อำเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับนางปรัชญาปารมิตา สุพรรณภูมิกับอิทธิพลขอมโบราณ รัตนตรัยมหายาน และเมืองโบราณบ้านหนองแจง             ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ "นางปรัชญาปารมิตา" ได้ในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๗ เปิดวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. ปิดวันจันทร์ - วันอังคาร  ณ ห้องโถงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๓๕๕๓ ๕๓๓๐ หรือเฟสบุ๊ก: พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี Suphanburi National Museum



           สำนักการสังคีต  กรมศิลปากร ขอเชิญชมการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์  ชุด “รามามหาบารมี” วันอาทิตย์ที่  22 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 13.00 น. ณ โรงละครแห่งชาติภาคตะวันออกเฉียงจังหวัดนครราชสีมา นำแสดงโดยศิลปินสำนักการสังคีต กำกับการแสดงโดยปกรณ์  พรพิสุทธิ์ อำนวยการแสดงโดย นายลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต            บัตรราคา 100 ,80 , 60 , 40 บาท เริ่มสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป ณ โรงละครแห่งชาติภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา เวลา 09.30 - 15.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร. 0 4446 6202 , 0 4446 6203 https://www.facebook.com/korattheatre


            สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ โดยกลุ่มภาษาและวรรณกรรม ขอเชิญผู้สนใจร่วมรับฟังการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง "มหรสพและการละเล่นครั้งกรุงศรีอยุธยา" ในโครงการท่องเที่ยวโบราณสถานยามค่ำคืน 4 วัด 1 วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ "วัดไชยวัฒนาราม วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดพระราม และพระราชวังจันทรเกษม" ของกรมศิลปากร ในวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 เวลา 13.30 - 16.00 น. ณ ห้องประชุมอาคารเครื่องทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถสมัครเข้าร่วมรับฟังเสวนาทางวิชาการ ผ่านคิวอาร์โค้ด ฟรี! ไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3524 1587 (ในวันเวลาราชการ)



งานประเพณีลอยกระทงของไทย มีมาแต่สมัยสุโขทัย โดยมีคติความเชื่อว่าเป็นการบูชา และขอขมาพระแม่คงคาเป็นการสะเดาะเคราะห์ และบูชาพระผู้เป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์ หรือเป็นการบูชารอยพระบาท เป็นต้นงานลอยกระทงเริ่มทำตั้งแต่ กลางเดือน11 ถึงกลางเดือน12 ซึ่งเป็นฤดูน้ำหลาก น้ำจะเต็มสองฝั่งแม่น้ำ ที่นิยมมากคือ ช่วงวันเพ็ญเดือน 12 เพราะพระจันทร์เต็มดวง ทำให้แม่น้ำใสสะอาด แสงจันทร์ส่องเวลากลางคืน เป็นบรรยากาศที่สวยงาม เหมาะแก่การลอยกระทงบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องพิธีสิบสองเดือน กล่าวไว้ว่า การลอยพระประทีป ลอยกระทงนี้ เป็นนักขัตฤกษ์ที่รื่นเริงทั่วไปของชนทั้งปวงทั่วกัน ไม่เฉพาะแต่การหลวง แต่จะนับว่าเป็นพระราชพิธีอย่างใดก็ไม่ได้ ด้วยไม่มีพิธีสงฆ์ พิธีพราหมณ์อันใดที่เกี่ยวข้องเนื่องในการลอยพระประทีปนั้น เว้นไว้แต่จะเข้าใจว่า ตรงกับคำที่ว่า ลอยโคมลงแช่น้ำเช่นกล่าวมาแล้ว แต่ควรนับถือว่าเป็นราชประเพณีซึ่งมีมาในแผ่นดินสยามแต่โบราณ ตั้งแต่พระนครยังอยู่ฝ่ายเหนือ เมื่อตรวจดูในกฎมนเฑียรบาลซึ่งได้ยกมาอ้างในเบื้องต้น ต่อความที่ว่า พิธีจองเปรียงลดชุดลอยโคมลงน้ำไป มีข้อความต่อไปว่า “ตั้งระทาดอกไม้ในพระเมรุ 4 ระทา หนัง 2 โรง” การเรื่องนี้ก็คงจะตรงกันกับที่มีดอกไม้เพลิงที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามและที่ชลาทรงบาตร บูชาหอพระในพระบรมมหาราชวัง ต่อนั้นไปก็ว่าด้วยการลอยพระประทีปที่ว่าในกฎหมายนี้มีเนื้อความเข้าเค้าเรื่องนพมาศ ซึ่งว่า ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ซึ่งเป็นพระสนมเอก แต่ครั้งพระเจ้าอรุณมหาราช คือพระร่วง ซึ่งเป็นเจ้าแผ่นดินสยาม ตั้งแต่กรุงตั้งอยู่ ณ เมืองสุโขทัย ได้กล่าวไว้ว่า ในเวลาฤดูเดือนสิบสองเป็นเวลาเสด็จลงประพาสในลำน้ำตามพระราชพิธีในเวลากลางคืน พระอัครมเหสีและพระสนมฝ่ายใน ตามเสด็จในเรือพระที่นั่งทอดพระเนตรการนักขัตฤกษ์ ซึ่งราษฎรเล่นในแม่น้ำตามกำหนดปี เมื่อนางนพมาศได้เข้ามารับราชการ จึงได้คิดอ่านทำกระทงถวายพระเจ้าแผ่นดิน เป็นรูปดอกบัวและรูปต่างๆให้ทรงลอยตามสายน้ำไหล และคิดคำขับร้องถวายแด่พระเจ้าแผ่นดิน ทรงพระดำริจัดเรือพระที่นั่งเทียบขนานกันให้ใหญ่กว้าง หนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ได้บรรยายถึงลักษณะของกระทงที่นางนพมาศประดิษฐ์ถวายพระร่วงเจ้า ดังนี้“...การพระราชพิธีจองเปรียง ในวันเพ็ญเดือนสิบสอง เป็นวันนักขัตฤกษ์ชักโคม ลอยโคม นางนพมาศ ได้ประดิษฐ์โคมลอย ตกแต่งเป็นรูปดอกกระมุทมาน กลีบรับแสงพระจันทร์ ใหญ่ประมาณเท่ากระทงระแทะ ล้วนแต่พรรณดอกไม้ซ้อนสีสลับให้เป็นลวดลาย แล้วก็เอาผลพฤกษาลดาชาติมาแกะจำหลักเป็นรูปมยุระคณาวิหคหงส์ ให้จับจิกเกสรบุปผชาติอยู่ตามดอกกระมุทเป็นระเบียบเรียบร้อยวิจิตรไปด้วยสีย้อมสดสว่างควรจะทอดทัศนายิ่งนัก ทั้งเสียบแซม เทียน ธูปและประทีปน้ำมันเปรียงเจือด้วยไขข้อพระโค...” (ดอกกระมุท หือโกมุท เป็นดอกบัวประเภทบัวเผื่อน บัวผัน ที่ขยายกลีบบานในเวลากลางคืน กลางวันหุบ ระแทะ คือล้อเกวียน) นอกจากการลอยกระทงแล้ว ในศิลาจารึกหลักที่ 1 บรรทัดที่ 14 ยังได้กล่าวถึงการเผาเทียนเล่นไฟว่า“...เมืองสุโขทัยนี้มีสี่ปากประตูหลวง เที้ยรย่อมคนเสียดกัน เข้ามาดูท่านเผาเทียนเล่นไฟ เมืองสุโขทัยนี้มีดั่งจักแตก...” ท่านผู้รู้ทั้งหลานสันนิษฐานว่างานดังกล่าวนั้นน่าจะเป็นการเผาเทียนเล่นไฟ ในงานเทศการลอยกระทง เพราะมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก จากข้อความในศิลาจารึกตอนนี้นายนิคม มุสิกคามะ ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเมื่อปี พ.ศ.2520 ได้เสนอให้จังหวัดสุโขทัยพลิกฟื้นประวัติศาสตร์ประเพณีลอยกระทงขึ้นให้เป็นงานระดังชาติ เพื่อแนะนำจังหวัดสุโขทัย เพื่อให้ชื่องานตามศิลาจารึกว่า “งานเผาเทียน เล่นไฟ” จุกเน้นที่เป็นหัวใจของงานนี้คือ การฟื้นฟูประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ พลุ ตะไล ไฟพะเนียง ดอกไม้ไฟชนิดต่างๆ ดังนั้นจังหวัดสุโขทัย กรมศิลปากร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงได้ร่วมกันจัดงานลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 เป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน โดยใช้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นสถานที่จัดงานดังกล่าวเอกลักษณ์ประเพณีประลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ เป็นที่เลื่องลือ มีทั้งกระทงทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ งานฝีมืออันวิจิตรที่สะท้อนความประณีตของช่างศิลป์เมืองสุโขทัย ตลาดปสานโบราณ หรือตลาดแลกเบี้ย การจำลองบรรยากาศการซื้อ ขาย แบบโบราณ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงกลิ่นอายวัฒนธรรมด้วยการแลกหอยเบี้ยแทนเงินสด เพื่อใช้ซื้อขาย อาหารพื้นเมือง และการแสดงแสง สี เสียง สัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์มนต์เสน่ห์อารยธรรมเมืองมรดกโลกพิธีและกิจกรรมในภาคกลางวันจะมีขบวนแห่นางนพมาศ และการออกร้าน จัดนิทรรศการ ส่วนในเวลากลางคืนจะมีการประดับไฟ หรือจุดเทียนตามโบราณสถานต่างๆซึ่งมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของงานประเพณีลอยกระทงจังหวัดสุโขทัย มีการลอยกระทง และจุดดอกไม้ไฟอย่างสวยงามทั่วท้องน้ำและตระพังต่างๆ ใบบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มีการจัดประกวดกระทง การแสดงแสง เสียงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์กรุงสุโขทัย ณ บริเวณวัดมหาธาตุ ตลอดจนการแสดงนาฏศิลป์และมหรสพต่างๆ


วันอังคารที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา โดยอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จัดโครงการบรรยายทางวิชาการ ประจำปี ๒๕๖๓ "กลุ่มเทวสถานปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำ และปราสาทปลายบัด สู่มรดกโลก"วิทยากรโดย ดร.อมรา ศรีสุชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโบราณคดี และนายธราพงศ์ ศรีสุชาติ อดีตผู้อำนวยการกองโบราณคดี ณ ศาลาวนัมรุง อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งนี้ นางชุติมา จันทร์เทศ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา พร้อมด้วย หัวหน้าหน่วยงาน กลุ่ม/ฝ่าย และเจ้าหน้าที่ในสังกัด เข้าร่วมฟังบรรยายทางวิชาการในครั้งนี้ด้วย



วันที่ 11 กันยายน 2558 เวลา 14.00 น. นางสุนิสา จิตรพันธ์ รองอธิบดีกรมศิลปากร เดินทางมาให้นโยบายและแนวทางในการจัดทำเวปไซต์ของสำนักงานและหน่วยงานในสังกัดสำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ณ ห้องประชุมหอสมุดแห่งชาติ เฉลิมรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่


กิจกรรมนิทรรศการเคลื่อนที่อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๖ ณ โรงเรียนน้ำโสมพิทยาคม อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี


Messenger