ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,652 รายการ

หนังสือชุดกวีนิพนธ์ เรื่อง วาสิตถี





องค์ความรู้ เรื่อง เกร็ดความรู้น่าสนใจจากจารึกวัดพระงาม จัดทำข้อมูลโดย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์


องค์ความรู้ เรื่อง จารึกฐานพระพุทธรูปศิลา เมืองศรีเทพจัดทำข้อมูลโดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง จังหวัดสุโขทัย


วัดราชธานี ตำบลธานี อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย . บทความโดยนางรัตติยา ไชยวงศ์ นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 6 สุโขทัย . . วัดราชธานีตั้งอยู่ริมแม่น้ำยม ในเขตตำบลธานี อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ไม่ปรากฏหลักฐานทางเอกสารว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ภายในวัดมีโบราณสถานคืออุโบสถเก่าก่ออิฐถือปูน ตัวอาคารมีมุขหน้า-หลัง มีประตูด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตกด้านละ ๒ ประตู หลังคาเป็นเครื่องไม้มุงด้วยกระเบื้องดินเผา ประกอบด้วยชั้นลดสามชั้น ชั้นละสี่ตับ ส่วนชั้นหลังคาของมุขโถงหน้า-หลังนั้นมีเพียงสามตับล่าง โดยหน้าบันเป็นชุดของหลังคาชั้นถัดขึ้นไป ดังนั้น หน้าบันกับหลังคามุขหน้าหลังจึงเป็นหลังคาคนละชุด ภายในอุโบสถปูพื้นด้วยกระเบื้องเคลือบลวดลายพันธุ์พฤกษา มีฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธรูป ตัวอาคารล้อมรอบด้วยพนักระเบียงซึ่งมีพื้นปูนเป็นทางเดินรอบ พนักระเบียงมีบันไดทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ด้านละ ๒ ช่อง โดยมีประติมากรรมสิงห์ปูนปั้นประดับที่เชิงบันไดทั้ง ๒ ข้าง ซุ้มเสมา หลักฐานจากภาพถ่ายเก่าพบว่า เป็นซุ้มเสมาทรงกูบตั้งอยู่ทั้ง ๘ ทิศ จากรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เหลืออยู่ สันนิษฐานว่า อาคารหลังนี้น่าจะก่อสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย-สมัยต้นรัตนโกสินทร์และคงมีการบูรณะซ่อมแซมในช่วงรัชกาลที่ ๕ – รัชกาลที่ ๖ . . เอกสารที่กล่าวถึงวัดราชธานีปรากฏในพระนิพนธ์เรื่อง “ระยะทางสมเด็จพระมหาสมณเจ้าเสด็จตรวจการคณะสงฆ์มณฑลฝ่ายเหนือ” ในปี พ.ศ. ๒๔๕๗ กล่าวถึงวัดราชธานีไว้ว่า “..วัดนี้มีถาวรวัตถุเปนชิ้นเปนอันหลายอย่าง โบสถ์วิหารก่อด้วยอิฐมุงกระเบื้อง มีช่อฟ้าใบรกาหน้าจั่วสลักลาย ในนั้นมีพระประธานอย่างสุโขทัย.” . . ในวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๐๑ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จประพาสหัวเมืองเหนือและทรงเยี่ยมเยียนประชาชนรวมทั้งจังหวัดสุโขทัย และเสด็จมาสักการะพระพุทธรูปภายในอุโบสถวัดราชธานีดังที่ปรากฏในภาพยนตร์ส่วนพระองค์ . . ปี พ.ศ. ๒๕๑๑ เมืองสุโขทัยเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ อุโบสถวัดราชธานีก็ได้รับผลกระทบจากเพลิงไหม้ด้วยและถูกทิ้งร้างไม่ได้ใช้งานอีก ในเวลาต่อมาวัดราชธานีมีการปรับปรุงพื้นที่โดยรอบ นำดินมาถมปรับพื้นที่และสร้างอุโบสถหลังใหม่ ทำให้ส่วนฐานของอุโบสถหลังนี้ต่ำกว่าระดับพื้นดินปัจจุบันค่อนข้างมาก ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ กรมศิลปากรได้จัดสรรงบประมาณตามโครงการก่อสร้างบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์วัดราชธานี (บูรณะอุโบสถวัดราชธานี) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะอนุรักษ์โบราณสถานและสถานที่อันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรเสด็จมาเยือน การดำเนินงานบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์วัดราชธานี มีขั้นตอนในการดำเนินงานดังนี้   ๑. ดำเนินการเก็บวัสดุเดิม ส่วนตกแต่งเดิมนำกลับมาใช้ให้มากที่สุด ได้แก่ อิฐก่อเดิม กระเบื้องมุงหลังคาเดิม รูปปูนปั้นสิงห์เดิม กระเบื้องปูพื้นเดิม บัวหัวเสาเดิม ต้องพยายามสงวนรักษาและตัดยกนำมาใช้ให้มากที่สุด พนักระเบียงเดิม, ฐานชุกชีเดิมและฐานเสมาเดิมทำการตัดยก วัสดุเดิมเหล่านี้ต้องเก็บรักษาให้ดีและนำกลับมาติดตั้ง ณ ตำแหน่งเก่าตามที่ได้บันทึกภาพและขั้นตอนการดำเนินงานไว้ ๒. ดำเนินการสำรวจรังวัดเก็บขนาดและรูปแบบอาคารให้ตรงกับของเดิมที่สุด เปรียบเทียบกับภาพถ่ายเดิมก่อนเพลิงไหม้และดำเนินการขุดตรวจเก็บข้อมูลหลักฐานทางโบราณคดีให้ครบถ้วน ๓. รักษาตำแหน่งอาคารตามเดิมให้มากที่สุด แต่ต้องอนุรักษ์คลองรากอาคารเดิมและส่วนที่เหลือใต้ดินไว้ด้วย โดยที่โครงสร้างใหม่ต้องไม่ทำลายหลักฐานของอาคารเดิม ดังนั้น การปฏิสังขรณ์อุโบสถวัดราชธานีจึงกำหนดให้อาคารที่จะสร้างใหม่ตั้งเยื้องจากแนวอาคารเดิมทั้งแนวแกน x และ y ไม่เกิน ๑.๕๐ ถึง ๑.๘๐ เมตร ๔. โครงสร้างหลังคาส่วนที่เป็นไม้ เนื่องจากเพลิงไหม้ทำให้เสียหายค่อนข้างมากไม่อาจอนุรักษ์วัสดุเดิม จึงได้ปรับเปลี่ยนเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กเพื่อความมั่นคงแข็งแรง มีการรับรองทางวิศวกรรมและพยายามตกแต่งหน้าตัด คานลอยให้ดูคล้ายหน้าตัดคานไม้เดิม โดยกำหนดขนาดให้เป็นไปตามการคำนวณทางวิศวกรรมปฏิสังขรณ์ (Reconstuction) เพื่อให้มีขนาด รูปแบบ ตามข้อมูลให้ถูกต้องมากที่สุด๕. ระดับการใช้งานของอาคาร เมื่อดำเนินการอนุรักษ์ปฏิสังขรณ์แล้ว ควรตอบสนองต่อการใช้งานในปัจจุบัน



ชื่อเรื่อง                     เทศกาลลอยกระทง ผู้แต่ง                       อนุมานราชธน (ยง เสฐียนโกเศศ)ประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ประเพณีทั่วไปเลขหมู่                      394 อ915ทวสถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรมปีที่พิมพ์                    2504ลักษณะวัสดุ               64 หน้า หัวเรื่อง                     ลอยกระทง                                ไทย -- ความเป็นอยู่และประเพณี      ภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก                   เนื้อหาภายในประกอบด้วยเทศกาลลอยกระทง ของเสฐียรโกเศศ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพื่อแจกเป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นาวาอากาศเอกวิเชียร วิบูลมงคล กำหนดวันที่ 22 พฤศจิกายน 2504 ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม  




วัดสะพานหินตั้งอยู่บนเนินเขาที่มีความสูงประมาณ ๒๐๐ เมตร ชื่อวัดเรียกตามลักษณะทางที่ปูลาดด้วยหินจากตีนเขาขึ้นไปเป็นระยะทางประมาณ ๓๐๐ เมตร มีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์หรือทรงดอกบัวตูมขนาดเล็กตั้งอยู่ระหว่างทางเดินขึ้นเขานี้ด้วย . โบราณสถานที่สำคัญบนยอดเขา คือพระพุทธรูปประทับยืน ปางประทานอภัย ขนาดใหญ่ ประดิษฐานภายในวิหาร ซึ่งน่าจะตรงกับที่ศิลาจารึกหลักที่ ๑ ของพ่อขุนรามคำแหง ที่กล่าวถึงเบื้องตะวันตกของเมืองสุโขทัยว่า “...ในกลางอรัญญิก มีพิหารอันณึ่งมนใหญ่สูงงามแก่กม มีพระอัฎฐารศอันณึ่งลุกยืน...” และน่าจะเป็นวัดที่พ่อขุนรามคำแหงทรงช้างเผือกชื่อ รูจาครี เพื่อไปนบพระในวัดนี้ทุกวันพระ ข้างขึ้นและแรม ๑๕ ค่ำ



เลขทะเบียน : นพ.บ.119/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  44 หน้า ; 4.3 x 54.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา  ชื่อชุด : มัดที่ 67 (214-219) ผูก 3 (2564)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์ (8 หมื่น)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ชื่อผู้แต่ง           ภิกขุ  ปัญญานันทมุนี ชื่อเรื่อง            ทางสายกลาง ครั้งที่พิมพ์        พิมพ์ครั้งที่ ๑ สถานที่พิมพ์      กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์       เจริญวิทย์การพิมพ์ ปีที่พิมพ์            ๒๕๑๖              จำนวนหน้า       ๑๓๓ หน้า หมายเหตุ  พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ นายคล้อย  เดชดี ณ เมรุวัดภูผาภิมุข อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง วันที่ ๑๗  มีนาคม ๒๕๑๖                ความสุขทุกข์ของเราเป็นผลเนื่องมาจากการกระทำของเราเอง ไม่มีใครหรือสิ่งใดมาดลบันดาลให้เราเป็นสุขหรือทุกข์ได้ ถ้าเราไม่ทำมันด้วยตัวของเราเอง ครูอาจารย์เป็นแต่เพียงผู้บอกทางให้เท่านั้น การลงมือเดินเป็นกิจที่เราเองจักต้องทำ เมื่อเป็นเช่นนั้น การกระทำความดี จึงเป็นกิจจำเป็นของเราทุกคน โลกหมุนไปตามกฎของกรรม


black ribbon.