ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,754 รายการ
ชื่อเรื่อง อุณฺหิสวิชย (อุณณหิสสวิไช)
สพ.บ. 334/1จประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 24 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 53.5 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
ปี ๒๕๐๗ โรงงานเภสัชกรรม ส่งยาตำราหลวงเพื่อจำหน่ายยังจันทบุรี “...ยาจำพวกปวดศีรษะ ปวดท้อง และแก้ไข้จำหน่ายดี...” ยาตำราหลวง ในอดีตนั้น การบำบัดโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ราษฎรตามหัวเมือง เป็นหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.๒๕๐๗ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้สั่งซื้อและให้โรงงานเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุข (ปัจจุบันคือองค์การเภสัชกรรม) จัดส่งยาตำราหลวงให้แก่จังหวัดต่างๆ ในส่วนจังหวัดจันทบุรีนั้น ได้ใช้บ้านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นสถานที่จัดจำหน่ายยาตำราหลวง และให้อำเภอต่างๆ จัดทำรายงานผลการจำหน่ายยาตำราหลวง และผลการโฆษณาแนะนำประชาชนให้ทราบถึงสรรพคุณและราคายาให้แพร่หลายยิ่งขึ้น เดือนพฤษภาคม ๒๕๐๗ โรงงานเภสัชกรรม กระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งยาตำราหลวงให้แก่จังหวัดจันทบุรี โดยสถานที่จัดจำหน่าย ๑ แห่ง จะได้รับรายการยา ๔๑ รายการ เป็นเงิน ๔๐๐ บาท จากรายงานของอำเภอต่างๆ ในจังหวัดจันทบุรี ได้ทำการโฆษณาแนะนำยาตำราหลวงแก่ประชาชน ในช่วงกิจกรรมการลงแขกดำนา การทำบุญในวันพระ ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างดี แต่ประสบปัญหาเรื่องสถานที่จัดจำหน่ายยามีน้อยไม่ทั่วถึงในตำบลที่ห่างไกล เดือนตุลาคม ๒๕๐๗ นายอำเภอเมืองจันทบุรี ได้รายงานผลให้จังหวัดทราบว่า ...ยาจำพวกแก้ปวดศีรษะ ปวดท้อง และแก้ไข้จำหน่ายดี นอกนั้นจำหน่ายไม่ใคร่ได้... และเดือนพฤศจิกายน ๒๕๐๗ นายอำเภอขลุงได้ส่งรายงานผลการจำหน่ายยาตำราหลวงในอำเภอขลุงว่า มีสาขาจำหน่ายยาตำราหลวง ๒ แห่ง ได้แก่ บ้านคานรูดและบ้านบ่อ จำหน่ายได้เป็นเงิน ๘๒.๕๐ บาท โดยในการส่งเงินค่าจำหน่ายยาตำราหลวงไปยังกระทรวงการคลังนั้น ให้หักส่วนลดให้ผู้จำหน่าย ๑๐% อำเภอ ๑๐% และส่งไปให้กรมการปกครอง ๕% เอกสารจดหมายเหตุเกี่ยวกับการจำหน่ายยาตำราหลวงชุดนี้ สะท้อนการจัดการระบบสาธารณสุขของไทยในช่วง ๖๐ ปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้สนใจสามารถค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรีรายการยาตำราหลวงสำหรับ ๑ แห่งรายงานผลการจำหน่ายยาตำราหลวงของอำเภอเมืองจันทบุรีบัญชีแสดงหมู่บ้านที่จำหน่ายยาตำราหลวงรายงานผลการจำหน่ายยาตำราหลวงของอำเภอขลุง----------------------------------------------------------------ผู้เขียน นางสาวสุจิณา พานิชกุล นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี----------------------------------------------------------------เอกสารอ้างอิง หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี. เอกสารกระทรวงมหาดไทย ชุดจังหวัดจันทบุรี จบ ๑.๒.๔/๑๑๐๔ เรื่องส่งยาตำราหลวง (๒๒ พฤษภาคม ๒๕๐๗ – ๑๐ มีนาคม ๒๕๐๘). หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี. เอกสารกระทรวงมหาดไทย ชุดจังหวัดจันทบุรี จบ ๑.๒.๔/๑๑๒๑ เรื่องนโยบายการจำหน่ายยาตำราหลวง (๙ ตุลาคม ๒๕๐๗ – ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๐๘). ภาพจาก https://www.hfocus.org/
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทศนา (เทศนาสังคิณี-มหาปัฎฐาน)
ชบ.บ.46/1-2
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนี เผด็จมงคลสูตร)
ชบ.บ.88ข/1-22
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.352/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 32 หน้า ; 4.5 x 58.5 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 135 (378-387) ผูก 3 (2565)หัวเรื่อง : มหานิปาตวณณนา เวสฺสนฺตรชาตก )ชาตกฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฐกถา (ทานขันธ์)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง -
ชื่อเรื่อง จดหมายเหตุพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่สอง
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ หจก.เทพนิมิตการพิมพ์
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๘
จำนวนหน้า ๒๔๖ หน้า
หมายเหตุ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลตรีดัด เดชะชาติ ม.ว.ม. , ป.ช.
พระราชพิธีบรมราชภิเษก เป็นพระราชพิธีสำคัญพิธีหนึ่งสำหรับทุกประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข ซึ่งถือเป็นเครื่องเชิดชูเฉลิมพระเกียรติยศพระประมุขว่าได้ทรงเป็นพระราชาธิบดีของประเทศนั้นโดยสมบูรณ์แล้ว ถือเป็นประเพณีสืบเนื่องมาแต่ลัทธิพราหมณ์ แต่ก็มีพิธีสงฆ์รวมอยุ่ด้วย
แนะนำหนังสือให้อ่านเรื่อง "เงินล้านแค่เอื้อม"
บุญชัย ใจเย็น. เงินล้านแค่เอื้อม. กรุงเทพฯ: ปราชญ์, 2555. 224 หน้า.
ภาพประกอบ. 170 บาท.
ให้ข้อมูลในการเก็บออมอย่างง่ายสำหรับมือใหม่หัดออม การออมเงินอย่างง่าย การใช้เงินอย่างฉลาด การวางแผนใช้เงิน การป้องกันเงินล้มเหลว เทคนิคในการใช้เงิน การใช้เงินแบบประหยัด หลักการในการเก็บออมเงิน การเก็บเงินให้รวย วิธีลดค่าใช้จ่าย เทคนิคการบริหารเงิน การเลือกซื้ออย่างฉลาด วิธีสร้างพลังจิตให้คิดรวย วิธีออมแบบชั้นครู สัดส่วนของการออมเงิน เคล็ดลับในการออมเงิน ออมเงินวันนี้วันหน้าไม่มีอด มาออมเงินกันเถอะ
332.024
บ426ง (ห้องหนังสือทั่วไป)
“บัลลังก์จำลอง” โลหะผสมปิดทอง ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ ๒๒
ขนาด กว้าง ๑๖.๘ เซนติเมตร ยาว ๓๖.๘ เซนติเมตร สูง ๓๒.๙ เซนติเมตร
ประวัติ ได้จากการขุดค้นวัดเจดีย์สูง ตำบลฮอด อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณที่จะถูกน้ำท่วมเมื่อสร้างเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก ปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
บัลลังก์จำลอง - อาสนา - ราชอาสน์ - ราชบรรจถรณ์ พร้อมเครื่องสูงสำหรับกษัตริย์ในวัฒนธรรมล้านนา สร้างขึ้นเพื่ออุทิศในพระพุทธศาสนา ประกอบด้วย อาสนาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีพนักสูง ประดับเครื่องราชภัณฑ์สำหรับอภิเษกกษัตริย์ ได้แก่ กลด (ฉัตรชั้นเดียว) จามร (แส้ขนจามรี) ระแอบังหมู่วัน (บังสูรย์) วาลวิชนี (พัด) และเขียงเท้า (ฉลองพระบาท) ฉลุลายกลีบบัวคว่ำ ๑ คู่
นอกจากนี้ ในพระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๐ ขุททกนิกายชาดก ภาคที่ ๒ ยังระบุถึง “เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์” (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ ระบุว่า กกุธภัณฑ์ [กะกุดทะ-] น. สัญลักษณ์สำคัญแห่งความเป็นพระมหากษัตริย์... (ป. กกุธ ว่า เครื่องหมายความเป็นพระราชา + ภณฺฑ ว่า ของใช้). ประกอบด้วย พัดวาลวิชนี (แส้จามร) อุณหิส (กรอบพระพักตร์) พระขรรค์ เศวตฉัตร และฉลองพระบาทประดับด้วยทอง ส่วนเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ในวัฒนธรรมไทย ประกอบด้วย พระมหาพิชัยมงกุฎ พระแสงขรรค์ชัยศรี ธารพระกร วาลวิชนี และฉลองพระบาทเชิงงอน
อ้างอิงจาก หนังสือประกอบนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย เรื่อง “นครรัฐไทยบนแผ่นดินสุวรรณภูมิ” สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร
เทคนิคภาพโดย อริย์ธัช นกงาม ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ เผยแพร่โดย ศรัญ กลิ่นสุคนธ์ ภัณฑารักษ์ กลุ่มทะเบียน คลังพิพิธภัณฑ์และสารสนเทศ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร
เรื่อง พระพุทธรูปทรงเครื่องประทับยืนการผลิตสื่อเพื่อสื่อความหมายทางวัฒนธรรมครั้งที่ ๑จัดทำโดย นางสาวสุกานดา ยะอนันต์นิสิตฝึกงาน ระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
สวัสดีค่ะ วันนี้อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม มีสาระน่ารู้ มาฝากทุกท่านค่ะ สำหรับวันนี้จะเป็นเรื่องอะไร ไปชมกันได้เลยค่ะ
ประตูหลอก
ประตูหลอก (blind door) เป็นส่วนประกอบทางสถาปัตยกรรมซึ่งพบในปราสาทเขมร โดยใช้หินมาสลักเป็นรูปบานประตูเลียนแบบประตูไม้ซึ่งเป็นประตูที่ใช้งานจริง จึงไม่สามารถใช้เป็นทางเข้าหรือออกได้ โดยทั่วไปสร้างรอบปราสาทประธานทั้ง ๓ ทิศ และมีช่องประตูจริงที่ไว้ใช้เข้าหรือออกได้เพียง ๑ ช่อง นอกจากนี้ยังสร้างประดับในอาคารหลังอื่นๆ เช่น บรรณาลัย ซุ้มประตูโคปุระ หรือระเบียงคต การสร้างประตูหลอกนอกจากจะสร้างขึ้นเพื่อประดับอาคารเพื่อความสวยงามแล้ว ยังมีอีกจุดประสงค์คือเพื่อรองรับน้ำหนักของส่วนยอดอาคารหรือยอดปราสาทอีกด้วย
ประตูหลอกที่ปราสาทสด๊กก๊อกธม
ปราสาทสด๊กก๊อกธมพบประตูหลอกซึ่งทำจากหินทรายดังต่อไปนี้
1ที่ตัวปราสาทประธาน ๓ บาน ทางทิศเหนือ ทิศตะวันตก ทิศใต้ โดยประตูหลอกทางทิศเหนือบริเวณส่วนล่าง พบรูของท่อโสมสูตรซึ่งมีไว้เพื่อให้น้ำศักดิ์สิทธิ์จากการประกอบพิธีศิวลึงค์ภายในห้องบูชาด้านใน (ครรภคฤหะ) ไหลออกมา ส่วนประตูที่ใช้เข้าออกจริงมีเพียงทางทิศตะวันออกของตัวปราสาท ซึ่งสมัยก่อนมีการติดตั้งประตูไม้
2ที่ประตูหลังของบรรณาลัยทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ๑ บาน
3ที่ระเบียงคต ๔ บาน บริเวณซุ้มประตูรองตรงทั้ง ๔ มุม
4ซุ้มโคปุระทางทิศตะวันตก ๑ บาน
.
.
อ้างอิง
- กรมศิลปากร. สำนักโบราณคดี. (๒๕๕๐). ศัพทานุกรมโบราณคดี. กรุงเทพฯ: สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร : หน้า ๓๐๙.
- Maurice Glaize (1997). Monuments of the Angkor Group. p. 40.
ขอเชิญชวนเที่ยวงาน “เทศกาลเที่ยวพิมาย นครราชสีมา ประจำปี ๒๕๖๕” ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ณ อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ลำน้ำจักราช และที่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ภายในงานพบกับกิจกรรมหลากหลาย อาทิ การแสดงประกอบ แสง เสียง สื่อผสม และการแข่งขัน เรือยาวประเพณีชิงชนะเลิศถ้วยพระราชทานฯ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย งานนี้เข้าชมฟรี!
ชื่อเรื่อง สิงคาลสูตร(สิงคาลสูตร)
สพ.บ. อย.บ.6/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 82 หน้า กว้าง 5.5 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา บทสวด พระวินัย คำสอน
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ภาษามอญ เส้นจาร ฉบับทองทึบ ลานดิบ ล่องชาด ได้รับบริจาคมาจาก วัดประดู่ทรงธรรม จ.พระนครศรีอยุธยา
337 ปี ปรากฏการณ์จันทรุปราคา วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2228
ปรากฏการณ์จันทรุปราคา วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2228 ณ พระที่นั่งไกรสรสีหราช เมืองลพบุรี เหตุการณ์ครั้งนี้มีการบันทึกรายละเอียดจากบันทึกของบาทหลวงตาชารด์และบันทึกของบาทหลวงเดอ ฟงเตอเนย์ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
คณะบาทหลวงเยซูอิตนักคณิตศาสตร์จำนวน 6 รูป จากฝรั่งเศสมีเป้าหมายที่จะเดินทางไปยังเมืองจีน ซึ่งได้มาพักระหว่างทางที่สยาม และได้เข้าเฝ้าฯสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่เมืองลพบุรี โดยออกญาวิไชเยนทร์เป็นผู้นำเข้าเฝ้าฯ คณะบาทหลวงเยซูอิตได้กราบบังคมทูลเรื่องการจะเกิดขึ้นของจันทรุปราคาให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงทราบ พระองค์มีพระราชประสงค์จะทรงร่วมสังเกตปรากฏการณ์จันทรุปราคาครั้งนี้ด้วย โดยสถานที่ในการสังเกตปรากฏการณ์จันทรุปราคาคือ พระที่นั่งไกรสรสีหราช หรือ พระตำหนักทะเลชุบศร (พระที่นั่งเย็น) เนื่องจากคณะบาทหลวงเยซูอิตมองเห็นว่าเป็นสถานที่ที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้รอบทิศ มีบริเวณกว้างขวางเหมาะสำหรับการตั้งกล้องดูดาว คณะบาทหลวงเยซูอิตได้นำแผนผังอุปราคา ซึ่งเป็นภาพดวงจันทร์ที่ค่อย ๆ หายเข้าไปในเงามืดและเริ่มเกิดเงามัวมืดทีละน้อย มอบให้กับออกญาวิไชเยนทร์นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อให้พระองค์ทรงศึกษาก่อนล่วงหน้า ซึ่งเป็นที่พอพระราชหฤทัยอย่างมาก หลังจากนั้นจึงเริ่มกระบวนการสังเกตการณ์ เพื่อเตรียมตัวในวันก่อนหน้าที่จะเกิดปรากฏการณ์
การเตรียมตัวในวันก่อนหน้าที่จะเกิดปรากฏการณ์ เริ่มต้นจากการสำรวจดวงดาวบนท้องฟ้า โดยเฉพาะดวงดาวที่จำเป็นกับปรากฏการณ์จันทรุปราคาให้ถูกต้อง ในวันที่ 6-7 ธันวาคม พ.ศ. 2228 ทำการสำรวจวงแหวนดาราศาสตร์ โดยทำเช่นนี้ตลอดช่วง 2 วัน ในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2228 ทำการสำรวจดวงอาทิตย์ จากการวัดระดับความสูงของขอบดวงอาทิตย์ในช่วงเช้าและช่วงเย็น นอกจากนี้ออกญาวิไชเยนทร์ได้นำคณะบาทหลวงเยซูอิตไปยังพระที่นั่งไกรสรสีหราช ซึ่งห่างจากตัวเมืองลพบุรีไปทางทิศตะวันออก โดยคณะบาทหลวงเยซูอิตเลือกระเบียงด้านทิศตะวันตกเป็นที่จัดตั้งกล้องโทรทรรศน์และเครื่องมือต่างๆ ในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2228 ทำการสำรวจระดับความสูงของขอบดวงอาทิตย์และตำแหน่งการเบนของเข็มบนเครื่องมือวัดมุมพารัลแลกซ์ของดวงอาทิตย์ มีการนำเครื่องมือดาราศาสตร์บรรทุกบนหลังช้างขนไปยังพระที่นั่งไกรสรสีหราช ในช่วงบ่ายของวันคณะบาทหลวงเยซูอิตได้ติดตามคณะราชทูตฝรั่งเศสไปร่วมพิธีคล้องช้างที่บริเวณป่าใกล้ๆ พระที่นั่งไกรสรสีหราช เมื่อถึงเวลาค่ำ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชพระราชทานเลี้ยงคณะราชทูตและคณะบาทหลวงด้วยอาหารจากญี่ปุ่น จีน และชาติอื่นๆ ซึ่งจัดไว้อย่างสวยงาม จากนั้นคณะราชทูตฝรั่งเศสจึงเดินทางกลับเมืองลพบุรี ส่วนคณะบาทหลวงเยซูอิตได้เตรียมการจัดกล้องโทรทรรศน์ นาฬิกาลูกตุ้มเหล็กแบบเกลียว เสร็จแล้วจึงกลับไปยังที่พักที่สยามจัดเตรียมไว้ให้
วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2228 ปรากฏการณ์จันทรุปราคา ณ พระที่นั่งไกรสรสีหราช เริ่มจากการเตรียมเครื่องมือดาราศาสตร์ให้พร้อมปฏิบัติการ รวมทั้งเตรียมกล้องโทรทรรศน์สำหรับสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่ช่องพระบัญชร หลังจากนั้นปรากฏการณ์จันทรุปราคาจึงเริ่มเกิดขึ้นในเวลา 2 นาฬิกา 53 นาที จนกระทั่งเกิดเงามืดสนิทเต็มดวงในเวลา 3 นาฬิกา 22 นาที สมเด็จพระนารายณ์มหาราชพอพระราชหฤทัย เมื่อได้ทอดพระเนตรเห็นปรากฏการณ์บนดวงจันทร์ และพระองค์พอพระราชหฤทัยว่าแผนที่อุปราคาที่ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายก่อนหน้านั้นถูกต้องตามที่คำนวณไว้ พระองค์ทรงซักถามต่าง ๆ กับคณะบาทหลวงเยซูอิตมากมาย เช่น เหตุใดดวงจันทร์ที่เห็นในกล้องโทรทรรศน์จึงกลับทางกัน เหตุใดยังคงเห็นดวงจันทร์อยู่ทั้งที่มีเงามืดบดบังแล้ว และปรากฏการณ์จันทรุปราคาที่กรุงปารีสเกิดขึ้นเมื่อใด นอกจากนี้พระองค์ยังมีพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรด้วยกล้องโทรทรรศน์ขนาดความยาว 12 ฟุต ของบาทหลวงเดอ ฟงเตอเนย์ที่ใช้สังเกตปรากฏการณ์ บาทหลวงจึงนำขึ้นถวายให้ทอดพระเนตร แต่กล้องโทรทรรศน์จำเป็นต้องปรับกล้อง ทำให้มีการลุกนั่งหน้าที่ประทับ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ลุกขึ้นยืนหน้าที่ประทับได้ การสังเกตปรากฏการณ์จันทรุปราคาในครั้งนี้ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงร่วมสังเกตปรากฏการณ์ประมาณ 2 ชั่งโมง หลังจากที่ทรงสังเกตปรากฏการณ์ด้วยความพอพระราชหฤทัยแล้ว พระองค์ทรงมีรับสั่งกับคณะบาทหลวงเยซูอิตว่าจะให้สร้างโบสถ์ เรือนพัก หอดูดาวที่เมืองลพบุรีและกรุงศรีอยุธยา
***********************************************
การสังเกตปรากฏการณ์จันทรุปราคา วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2228 ณ พระที่นั่งไกรสรสีหราช เมืองลพบุรี ถือเป็นการสถาปนาดาราศาสตร์ตะวันตกในแผ่นดินสยามเป็นครั้งแรก ***********************************************
.
เรียบเรียงโดย สิทธิกานต์ พระโพธิ์ นักศึกษาฝึกประสบการณ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
.
อ้างอิง
ภูธร ภูมะธน, สมเด็จพระนารายณ์มหาราช: พระมหากษัตริย์ผู้สนพระทัยและองค์อุปถัมภ์การศึกษาดาราศาสตร์ตะวันตกในสยามพระองค์แรก, พิมพ์ครั้งที่ 1, เชียงใหม่: สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน), 2555.
สมาคมดาราศาสตร์ไทย, จดหมายเหตุดาราศาสตร์จากฝรั่งเศสเกี่ยวกับพระราชอาณาจักรสยามในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช, กรุงเทพฯ: สมาคมดาราศาสตร์ไทย, 2542.
ขอบคุณภาพจาก https://mgronline.com/science/detail/9610000036392 และ https://www.silpa-mag.com/history/article_92493
#museuminsider