ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ
องค์ความรู้ เรื่อง พระแว่นสูรยกานต์
โดย นายธนากรณ์ มณีกุล นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มจารีตประเพณี
สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 26/3ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนา ลักษณะวัสดุ 38 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป้นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 34/2ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 30 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 53.5 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
องค์ความรู้ เรื่อง กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา บทหัดอ่านเขียนเรื่องมาตราตัวสะกดของสุนทรภู่ โดย นางสาวนิศารัตน์ แขงามขำ นักอักษรศาสตร์ กลุ่มภาษาและวรรณกรรม สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 129/2
เอกสารโบราณ
(คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 165/1เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)
มหามกุฎราชสันตติวงศ์ ๑๕ มกราคม ๒๔๐๑ วันประสูติหม่อมเจ้าปิยะภักดีนาถ สุประดิษฐ์
มหาอำมาตย์โท หม่อมเจ้าปิยะภักดีนาถ สุประดิษฐ์ เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร ที่ประสูติแต่หม่อมบาง และเป็นพระราชนัดดารุ่นใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ประสูติเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๔๐๑
ทรงเริ่มรับราชการในกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ตั้งแต่ตำแหน่งเสมียนเอกกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ แล้วเป็นนายเวร ต่อมาเป็นผู้ช่วยตรวจบัญชีกลาง เลขานุการเสนาบดีกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ อธิบดีกรมสรรพภาษี อธิบดีกรมเก็บ และตำแหน่งสุดท้ายในราชการคือ ปลัดทูลฉลองกระทรวงพระคลังมหาสมบัติในสมัยรัชกาลที่ ๖ มียศเป็น มหาอำมาตย์โท
หม่อมเจ้าปิยะภักดีนาถเป็นคนกลุ่มแรกในสยามที่เลี้ยงกล้วยไม้ ร่วมกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพร้อมพงศ์อธิราช
หม่อมเจ้าปิยะภักดีนาถได้รับสมบัติจากพระบิดาคือ พระไภษัชยคุรุ เป็นพระพุทธเจ้าที่พบเฉพาะในนิกายมหายาน ซึ่งมีผู้นับถือมากที่สุดในประเทศจีนและทิเบต องค์พระหล่อด้วยสำริด สร้างขึ้นในศิลปะลพบุรี (ศิลปะแบบเขมรในประเทศไทย) เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ – ๑๘ ทำเป็นพระพุทธรูปนาคปรกทรงเครื่อง ต่อมาหม่อมเจ้าปิยะภักดีนาถทรงขายให้กรมศิลปากร ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่ห้องลพบุรี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
หม่อมเจ้าปิยะภักดีนาถ ถึงชีพิตักษัยในรัชกาลที่ ๗ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๔๗๑ สิริชันษา ๗๐ ปี
ภาพ : หม่อมเจ้าปิยะภักดีนาถ สุประดิษฐ์
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 19/3ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 36 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 56 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง : ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 13 พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลตรีทรัพย์ รามสูต ณ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2515 ชื่อผู้แต่ง : - ปีที่พิมพ์ : 2515 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์พระจันทร์ จำนวนหน้า : 244 หน้า สาระสังเขป : หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ พลตรีทรัพย์ รามสูต ณ ฌาปนสถานกองทัพบก วัดโสมนัสวิหาร วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2515 ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 13 นี้ รวมเรื่องราวต่างๆ ไว้ 3 เรื่อง ได้แก่ เรื่องตำนานวังหน้า เทศนาบวรราชประวัติ และเรื่องพระนามเจ้านายในพระราชวังบวร
ชื่อผู้แต่ง อบ ไชยวสุ.ชื่อเรื่อง สะกดให้ถูกตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ ๖สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ สำนักงาน หอสมุดกลาง๐๙ปีที่พิมพ์ ๒๕๒๒จำนวนหน้า ๖๗๙ หน้ารายละเอียด
สะกดให้ถูกตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน มีเนื้อหาภายในเล่มประกอบด้วย คำศัพท์เฉพาะที่สะกดยาก ชวนให้ไขว้เขวผิดได้ง่าย พร้อมทั้งให้ความหมายตามแบบพจนานุกรม มีคำที่มักสะกดผิด ซึ่งประมวลจากบัญชีที่สถาบันการศึกษาต่างๆรวบรวมขึ้นไว้ คำพ้องรูป พ้องเสียง พ้องความ และที่มีความหมายคล้ายกัน และการใช้วรรณยุกต์ตรีทับศัพท์คำต่างประเทศ
สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ขอเชิญชมรายการแสดงเนื่องในงานสมโภชหลวงพ่อโสธร ระหว่างวันที่ ๒ - ๖ เมษายน ๒๕๖๖ เวลา ๑๙.๐๐ น. ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา มีรายการแสดงดังนี้
วันอาทิตย์ที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๖ การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดรามราชจักรี
วันจันทร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๖ การบรรเลงและขับร้องวงดนตรีสากล
วันอังคารที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๖ การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดสามอสุรีพ่าย
วันพุธที่ ๕ เมษายน ๒๕๖๖ การแสดงละคร เรื่องไกรทอง ตอนไกรทองปราบชาลวัน
วันพฤหัสบดีที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๖ การบรรเลงและขับร้องวงดนตรีสากล / การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดราพณ์ร้ายรอนราม
นำแสดงโดย ศิลปินสำนักการสังคีต อำนวยการแสดงโดย ลสิต อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักการสังคีต
* ชมฟรี * สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (วันและเวลาราชการ) โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๔๒ และ โทร. ๐๒๒๒๑ ๐๑๗๑
เลขทะเบียน : นพ.บ.591/1 ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 18 หน้า ; 4.5 x 59 ซ.ม. : ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 191 (385-391) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : สิริมหามายา--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ตึกมหาราช ตึกราชินี #เปลี่ยนสีแล้วนะ
ตึกมหาราช ตึกราชินีตั้งอยู่ที่ ตำบลอ่างศิลา อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ตามพระราชพงศาวดารระบุว่า สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ สมุหกลาโหม ได้ก่อสร้างตึกขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเป็นที่พักฟื้นของคนป่วย และเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (เจ้าคุณกรมท่า) ได้ก่อสร้างอาคารก่ออิฐถือปูนขึ้นมาอีกหลังหนึ่งซึ่งมีขนาดเล็กกว่า อาคารทั้งสองหลังเดิมเรียกกันว่า “อาศรัยสถาน”
พุทธศักราช ๒๔๔๐ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินี ในระหว่างที่ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรป ได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์พระราชทานซ่อมแซมอาคารทั้งสองหลัง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานนามอาศรัยสถานทั้ง ๒ หลัง โดยโปรดเกล้าฯให้เรียกอาคารหลังใหญ่ว่า “ตึกมหาราช” อาคารหลังเล็กว่า “ตึกราชินี”
กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานตึกมหาราชตึกราชินีในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๓ ตอนพิเศษ ๕๐ง ลงวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๓๙ พื้นที่โบราณสถานประมาณ ๑๙ไร่ ๓ งาน ๙๓ ตารางวา
เรียบเรียง : นางเป็นภัสญ์ ศรีสุวิทธานนท์ (นักโบราณคดีชำนาญการ)
กราฟฟิก : นางสาวศุภลักษณ์ หมีทอง (นักวิชาการวัฒนธรรม)
กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี
#สำนักศิลปากรที่๕ปราจีนบุรี #กรมศิลปากร #กระทรวงวัฒนธรรม
โบราณวัตถุที่พบจากกลุ่มโบราณสถานคอกช้างดิน เมืองโบราณอู่ทอง
กลุ่มโบราณสถานคอกช้างดิน ตั้งอยู่เชิงเขาด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเขาคอก นอกคูเมืองโบราณอู่ทอง ห่างไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ ๓ กิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ประมาณ ๑.๕ กิโลเมตร พบโบราณสถานทั้งหมด ๒๐ กลุ่มใหญ่ ประกอบด้วยโบราณสถานที่สร้างเป็นคันดิน และโบราณสถานที่สร้างด้วยโครงสร้างอิฐ
ศิลาแลง และหิน
กลุ่มโบราณสถานคอกช้างดินที่สร้างเป็นคันดินมีทั้งหมด ๔ แห่ง ลักษณะเป็นคันดินคล้ายอ่างเก็บน้ำ เดิมเชื่อว่าเป็นคอกขังช้างหรือเพนียดคล้องช้าง แต่ปัจจุบันพบหลักฐานจากการดำเนินงานทางโบราณคดีที่โบราณสถานคอกช้างดินหมายเลข ๓ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔ พบว่าสร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำที่ไหลมาจากเขาคอกทางทิศเหนือ
โบราณสถานที่สร้างด้วยอิฐ ศิลาแลง และอิฐ ตั้งอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาคอก ปัจจุบันปรากฏเป็นเนินดิน แบ่งเป็นกลุ่มได้ ๑๖ กลุ่ม ส่วนมากยังไม่ได้ขุดศึกษา โบราณสถานคอกช้างดินที่สร้างด้วยอิฐ ศิลาแลง และอิฐ
ซึ่งผ่านการดำเนินงานทางโบราณคดีมาแล้วและพบหลักฐานที่สำคัญ มีดังนี้
• โบราณสถานคอกช้างดิน หมายเลข ๕ ผ่านการขุดค้นทางโบราณคดีเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ โบราณวัตถุสำคัญที่พบได้แก่ เอกมุขลึงค์
• โบราณสถานคอกช้างดิน หมายเลข ๖ ผ่านการขุดค้นทางโบราณคดีเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ โบราณวัตถุสำคัญที่พบได้แก่ ขันสำริด เชิงเทียนสำริด ตุ้มเหล็ก และแท่งเหล็ก เป็นต้น
• โบราณสถานคอกช้างดิน หมายเลข ๗ ผ่านการขุดค้นทางโบราณคดีเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ โบราณวัตถุสำคัญที่พบได้แก่ ภาชนะดินเผาบรรจุแท่งเงินตัด เหรียญเงินมีจารึก "ศรีทวารดี ศวรปุณยะ" เหรียญเงินมีสัญลักษณ์มงคล (รูปหอยสังข์ รูปศรีวัตสะ รูปพระอาทิตย์) ชิ้นส่วนหัวงูดินเผา เครื่องถ้วยจีน เคลือบสีเขียวสมัยราชวงศ์ถัง เป็นต้น
• โบราณสถานคอกช้างดิน หมายเลข ๑๓ ผ่านการขุดค้นทางโบราณคดี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๔ โบราณวัตถุสำคัญที่พบได้แก่ แผ่นเหล็กคล้าย ใบมีดเหล็ก แหวนสำริด แม่พิมพ์หรือเบ้าหลอมดินเผา เป็นต้น
• โบราณสถานคอกช้างดินหมายเลข ๑๘ ผ่านการขุดค้นทางโบราณคดี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๙ โบราณวัตถุสำคัญที่พบได้แก่ กระปุกดินเผาบรรจุเหรียญเงิน เป็นต้น
โบราณวัตถุที่สำคัญมี ดังนี้
o ชิ้นส่วนภาชนะมีพวย เป็นชิ้นส่วนภาชนะดินเผาเนื้อดินส่วนปาก คอ และบ่า มีพวยหนึ่งข้าง สันนิษฐานว่าป็นภาชนะสำหรับใช้สรงน้ำในพิธีกรรม โบราณวัตถุชิ้นนี้พบจากโบราณสถานคอกช้างดิน หมายเลข ๓
o ศิวลึงค์ เป็นศิวลึงค์ที่ทำจากหินขนาดสูง เพียง ๑๘.๕ เซนติเมตร ส่วนฐานเป็น แท่งสี่เหลี่ยมส่วนปลายเป็นแท่งกลมมน เนื่องจากเป็นศิวลึงค์ขนาดเล็ก จึงสันนิษฐานว่าอาจไม่ใช่ศิวลึงค์ประจำ ศาสนสถาน แต่สามารถพกพาเพื่อนำไปประกอบพิธีกรรมหรือบูชาได้
o ภาชนะดินเผาบรรจุเหรียญเงินตราสังข์ เป็นภาชนะดินเผา ส่วนลำตัวคล้ายบาตรพระ ส่วนคอแคบสูง ภายในบรรจุเหรียญ เงินตราสังข์เต็มกระปุก พบจากโบราณสถานคอกช้างดิน หมายเลข ๑๘
o ขัน เป็นขันสำริดทรงกระบอก เนื้อหนาผิวไม่สม่ำเสมอ สันนิษฐานว่าขึ้นรูปด้วยการตี และเป็นเครื่องใช้ในพิธีกรรม โบราณวัตถุชิ้นนี้พบจากโบราณสถานคอกช้างดิน หมายเลข ๖
o เชิงเทียน เป็นเชิงเทียนสำริด สันนิษฐานว่าขึ้น รูปด้วยการตี และเป็นเครื่องใช้ ในพิธีกรรม พบจากโบราณสถาน คอกช้างดิน หมายเลข ๖
o ตุ้มเหล็กเป็นตุ้มเหล็กรูปสี่เหลี่ยมคางหมู สภาพไม่สมบูรณ์ มีสนิมกินทั้งชิ้น ไม่ทราบลักษณะการใช้งาน แต่สันนิษฐานว่าเป็นตุ้มถ่วงชั่งน้ำหนัก พบจากโบราณสถานคอกช้างดิน หมายเลข ๖
o แท่งเหล็ก เป็นแท่งเหล็กเรียวยาวสภาพไม่สมบูรณ์ มีสนิม ไม่ทราบลักษณะ การใช้งานแต่สันนิษฐานว่าเป็นคานที่ใช้กับเครื่องชั่งน้ำหนัก เนื่องจากพบจากโบราณสถานคอกช้างดิน หมายเลข ๖ ใกล้กับตุ้มเหล็ก
o ใบมีด เป็นแผ่นเหล็กแบนยาว ด้านหนึ่งบางกว่าอีกด้าน คล้ายกับใบมีด มีสนิมเกาะทั้งแผ่น พบจากโบราณสถานคอกช้างดิน หมายเลข ๑๓
o แหวน เป็นเส้นลวดขดเกลียวเป็นเส้น และขดเป็นวงแหวน ไม่ทราบ ลักษณะการใช้งานที่แท้จริง สันนิษฐานว่าอาจเป็นของใช้ในพิธีกรรม พบจากโบราณสถานคอกช้างดิน หมายเลข ๑๓
o เบ้าหลอมเป็นแผ่นดินเผา มีหลุมตรงกลาง สันนิษฐานว่าเป็นเบ้าหลอมหรือ แม่พิมพ์ พบจากโบราณสถาน คอกช้างดิน หมายเลข ๑๓
โบราณสถานคอกช้างดิน มีทั้งส่วนที่คันดินสำหรับกักเก็บน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และส่วนที่เป็นอาคารศาสนสถานเนื่องในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เนื่องจากพบศิวลึงค์ ซึ่งเป็นรูปเคารพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ไศวนิกาย สัมพันธ์กับการเลือกใช้ภูเขาเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ อันเปรียบเสมือนเขาไกรลาศ ที่ประทับของพระศิวะ พื้นที่บริเวณคอกช้างดินจึงน่าจะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำพิธีกรรมของพราหมณ์ในไศวนิกาย
ที่มาข้อมูล
กรมศิลปากร. โบราณคดีคอกช้างดิน. กรุงเทพฯ : ฟันนี่พับบลิชชิ่ง, ๒๕๔๕.
กรมศิลปากร. โบราณคดีเมืองอู่ทอง. สหมิตรพริ้นติ้ง : นนทบุรี, ๒๕๔๕.