ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 40,784 รายการ
วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๒เวลา ๐๙.๑๕ น.อาจารย์และนักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามอ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคามจำนวน ๓๒ คนเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น
กระทรวงวัฒนธรรมนำวัฒนธรรมจังหวัดทั่วประเทศ จำนวน ๑๕๒ ท่าน เข้าเยี่ยมชมหน่วยงานสำนักช่างสิบหมู่ ในวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๗
หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา ขอเชิญประชาชนทั่วไปร่วมส่งภาพเข้าร่วมกิจกรรม "อวดภาพเก่าเล่าอดีต" เมืองนครราชสีมา ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๒
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. ๐๔๔-๒๕๖-๐๒๙ ต่อ ๒๕
หมายเหตุ : ภาพเก่าทั้งหมดจะนำไปจัดแสดงนิทรรศการพิเศษ "ภาพเก่าเล่าอดีต" ในวันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา
วันอาทิตย์ที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๒ นายวรรณพงษ์ ปาละกะวงศ์ ณ อยุธยา นักโบราณคดีปฏิบัติการ นางสาววัลภาพร จอดพิมาย เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา เข้าร่วมพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณท้าวสุรนารีอำเภอพิมาย พิธีห่มสไบพระราชทาน และวางพวงมาลา ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
ประวัติและบทบาทหน้าที่กองทุนส่งเสริมงานจดหมายเหตุ
ความเป็นมา
กองทุนส่งเสริมงานจดหมายเหตุจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติจดหมายเหตุแห่งชาติพ.ศ.๒๕๕๖ ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๐ ตอนที่ ๒๓ ก วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖ และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖หมวด ๔ มาตรา ๒๔ กำหนดให้จัดตั้งกองทุนขึ้นในกรมศิลปากรกองทุนหนึ่งเรียกว่า “กองทุนส่งเสริมงานจดหมายเหตุ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายสำหรับกิจการด้านงานจดหมายเหตุ ประกอบด้วย เงินและทรัพย์สิน คือ
๑. ค่าบริการที่จัดเก็บตามพระราชบัญญัตินี้
๒. เงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี
๓. เงินอุดหนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศและเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้
๔. ดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน
๕. รายได้อื่น
วัตถุประสงค์ของกองทุนส่งเสริมงานจดหมายเหตุ เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายสำหรับภารกิจด้านเอกสารจดหมายเหตุ กรอบแนวทางการดำเนินงาน
๑. การบริหารจัดการกองทุนส่งเสริมงานจดหมายเหตุให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ตรวจสอบได้
๒. ส่งเสริมให้การดำเนินงานวิชาการจดหมายเหตุที่ถูกต้อง
๓. ประชาสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายงานจดหมายเหตุตามพระราชบัญญัติจดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๖
๔. พัฒนาบุคลากรด้านจดหมายเหตุให้มีความสามารถอย่างมืออาชีพ
แหล่งเงินทุน
๑. รายได้จากการอุดหนุนหน่วยงานของรัฐ ร้อยละ ๘๕
๒. รายรับการให้บริการ (สำเนา ซ่อม อบเอกสาร) ร้อยละ ๑๕
คำว่า "พระธาตุ" ในที่นี้หมายถึง "พระธาตุเจดีย์" เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ในภาคใต้ของไทยพบหลักฐานการสร้างพระธาตุเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุหลายองค์ โดยเรียกว่า "พระธาตุ" "พระธาตุเจดีย์" "พระบรมธาตุ" หรือ "พระมหาธาตุ" สำหรับพระธาตุ ๔ องค์ ที่จะกล่าวถึงนี้ ถือเป็นโบราณสถานสำคัญของภาคใต้ เป็นหลักฐานสะท้อนความเจริญรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในสมัยโบราณ และยังเป็นศาสนสถานที่มีบทบาทสำคัญต่อผู้คนในภาคใต้มาตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน "พระบรมธาตุสวี" พระบรมธาตุสวี วัดพระธาตุสวี ตำบลสวี อำเภอสวี จังหวัดชุมพร มีตำนานเล่าว่าครั้งหนึ่ง พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เสด็จยกทัพมาถึงเขตอำเภอสวี ได้พบเหตุการณ์ประหลาด มีกาฝูงหนึ่งบินมาจับอยู่บนกองอิฐพากันส่งเสียงร้องและกระพือปีกอื้ออึง เมื่อรื้อกองอิฐออกก็พบฐานเจดีย์และพระบรมสารีริกธาตุ จึงโปรดให้ปฏิสังขรณ์พระเจดีย์และสมโภช ๗ วัน ๗ คืน แล้วขนานนามพระเจดีย์องค์นี้ว่า “พระธาตุกาวีปีก” (วีปีก เป็นภาษาปักษ์ใต้ หมายถึง กระพือปีก) ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนสั้นลงว่า พระธาตุสวี นอกจากนั้น ตำนานยังเล่าอีกว่า ก่อนที่พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชจะเสด็จยกทัพกลับ ทรงเรียกหานายทหารที่สมัครใจจะอยู่ดูแลรักษาองค์พระธาตุ เผอิญมีทหารนายหนึ่งชื่อ “นายเมือง” รับอาสา พระองค์จึงรับสั่งให้ตัดศีรษะนายเมืองเพื่อเซ่นสรวงเป็นดวงวิญญาณรักษาพระธาตุสืบไป โดยตั้งศาลไว้เรียกว่า “ศาลพระเสื้อเมือง” สำหรับวัดสวี มีประวัติว่าตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๒๕ ต่อมาในสมัยต้นรัชกาลที่ ๖ ยอดพระธาตุได้หักพังลง จึงมีการบูรณะครั้งใหญ่ และมีการทำนุบำรุงรักษาสืบมา องค์พระธาตุเจดีย์ ได้รับอิทธิพลด้านรูปแบบจากพระมหาธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช จึงสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา ได้รับการบูรณะมาแล้วหลายครั้ง เป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างด้านละ ๘.๕๐ เมตร องค์เจดีย์สูง ๑๔.๒๕ เมตร มีซุ้มช้างและยักษ์ยืน มีบันไดทางขึ้นทางทิศตะวันออก ชั้นบนทำเป็นซุ้มพระล้อมรอบ ต่อด้วยเจดีย์ทรงระฆังประดับกระเบื้องโมเสกสีทอง และมีเจดีย์ขนาดเล็กประจำมุมทั้งสี่ นอกจากนี้ ภายในบริเวณวัดพระธาตุสวียังมีสิ่งสำคัญอื่น ๆ เช่น ศาลพระเสื้อเมือง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระบรมธาตุสวี "พระบรมธาตุไชยา" พระบรมธาตุไชยา วัดพระบรมธาตุไชยา ราชวรวิหาร ตำบลเวียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรวิหาร) พระบรมธาตุไชยา เป็นโบราณสถานสำคัญของภาคใต้ ตั้งอยู่ในเมืองโบราณไชยา สร้างขึ้นในเนื่องในศาสนาพุทธนิกายมหายาน องค์พระบรมธาตุ เป็นเจดีย์ทรงปราสาทยอด ศิลปะศรีวิชัย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ – ๑๕ ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐไม่สอปูน เรือนธาตุมีผังเป็นรูปกากบาท มีมุขทั้ง ๔ ด้าน ความสูงจากฐานถึงยอดประมาณ ๒๔ เมตร พระบรมธาตุเจดีย์ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์หลายครั้ง จึงมีลวดลายเครื่องประดับเป็นลวดลายเก่าใหม่ผสมกัน โดยเฉพาะการซ่อมครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ซึ่งมีการซ่อมแปลงซุ้มหน้าบันด้วยลายปูนปั้น และมีการเพิ่มลวดลายใหม่ ๆ เช่น รูปช้างสามเศียร นกยูง และรูปสิงห์ มีการศึกษาพบว่ารูปแบบแผนผังของพระบรมธาตุไชยาคล้ายคลึงกับเจดีย์หรือจันทิในศิลปะชวาภาคกลาง อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ – ๑๕ ซึ่งมีลักษณะโดยรวมคล้ายคลึงกับสถาปัตยกรรมแบบอินเดียใต้ และยังส่งอิทธิพลไปยังงานศิลปกรรมในระยะต่อมา เช่น เจดีย์วัดเขาพระอานนท์ อำเภอพุนพิน เจดีย์วัดถ้ำสิงขร อำเภอคีรีรัฐนิคม และเจดีย์บนเขาสายสมอ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี นอกเหนือจากองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ภายในบริเวณวัดพระบรมธาตุไชยาฯ ยังมีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญอื่น ๆ เช่น พระพุทธรูปหินทรายสีแดงขนาดใหญ่ ๓ องค์ ศิลปะสมัยอยุธยา สกุลช่างไชยา (ชาวบ้านเรียกว่า “พระสามพี่น้อง”) พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ๘ กร สำริด ศิลปะศรีวิชัย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ๒ กร สำริด ศิลปะศรีวิชัย ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นประติมากรรมพระโพธิสัตว์ที่งดงามที่สุดชิ้นหนึ่งในภาคใต้ "พระมหาธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช". //พระมหาธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นศาสนสถานที่สำคัญของภาคใต้ มีตำนานระบุว่าสร้างขึ้นโดยพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระมหาธาตุ เดิมเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงสถาปนาวัดเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก พระราชทานนามว่า “วัดพระมหาธาตุ วรมหาวิหาร”. //พระมหาธาตุเจดีย์ เป็นเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ มีฐานประทักษิณสูง มีซุ้มช้างล้อม ๒๒ ซุ้ม สลับด้วยซุ้มพระพุทธรูปยืน ๒๕ องค์ พื้นที่ส่วนนี้มีระเบียงล้อมรอบเรียกว่า “วิหารทับเกษตร” ถัดขึ้นไปเป็นเจดีย์ทรงระฆังหรือทรงโอคว่ำ บัลลังก์ ก้านฉัตรซึ่งประดับรูปพระสงฆ์ประทักษิณจำนวน ๘ รูป เรียกว่า “พระเวียน” ถัดขึ้นไปเป็นปล้องไฉน และปลียอดซึ่งหุ้มด้วยทองคำแท้ . ผลการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ศิลปะขององค์พระบรมธาตุเจดีย์ สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นครั้งแรกในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ โดยได้รับอิทธิพลด้านรูปแบบมาจากเจดีย์ในลังกา และมีการซ่อมแซมองค์พระบรมธาตุเจดีย์ครั้งสำคัญในสมัยอยุธยา นอกจากนี้ พระมหาธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ยังส่งอิทธิพลด้านรูปแบบไปยังพระธาตุเจดีย์ในภาคใต้อีกหลายองค์ เช่น พระมหาธาตุเจดีย์วัดเขียนบางแก้ว จังหวัดพัทลุง พระธาตุเจดีย์วัดพะโคะ จังหวัดสงขลา และพระบรมธาตุสวี จังหวัดชุมพร . //ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ กรมศิลปากรดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีบริเวณส่วนฐานของพระมหาธาตุเจดีย์มีอิฐก่อเรียงเป็นระเบียบลึกลงไปเกือบ ๓ เมตร ผลการกำหนดอายุด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ได้ค่าอายุ ๑,๑๐๐ ปีมาแล้ว . //นอกจากพระมหาธาตุเจดีย์แล้ว ภายในบริเวณวัดยังมีศาสนสถานที่สำคัญอีกหลายแห่ง เช่น วิหารพระทรงม้า วิหารเขียน วิหารโพธิ์ลังกา วิหารโพธิ์พระเดิม วิหารธรรมศาลา ระเบียงคต พระวิหารหลวง (หรือพระอุโบสถ) มณฑปพระพุทธบาท และเจดีย์รายนับร้อยองค์ "พระบรมธาตุเจดีย์เขียนบางแก้ว" พระบรมธาตุเจดีย์เขียนบางแก้ว วัดเขียนบางแก้ว ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดพระบรมธาตุเจดีย์เขียนบางแก้ว" ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เป็นวัดโบราณ จากหลักฐานเอกสารตำนานพื้นเมืองระบุว่า เจ้าพระยากุมารกับนางเลือดขาวสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.๑๔๙๒ และได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากเกาะลังกามาบรรจุไว้ในพระมหาธาตุเจดีย์ แต่บางตำนานกล่าวว่า เจ้าพระยากรุงทองเจ้าเมืองสทิงพระพาราณสีเป็นผู้สร้างพระมหาธาตุเจดีย์ จึงเข้าใจว่าน่าจะสร้างวัดขึ้นพร้อมกันในคราวนั้น เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ วัดเขียนบางแก้วกลายเป็นวัดร้าง กระทั่งมีการบูรณะขึ้นใหม่ในปลายสมัยรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จึงมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่มาตราบจนปัจจุบัน พระบรมธาตุเจดีย์ ลักษณะเป็นเจดีย์ก่ออิฐ ฐานแปดเหลี่ยม วัดโดยรอบยาว ๑๖.๕๐ เมตร สูง ๒๒ เมตร โดยได้รับอิทธิพลด้านรูปแบบมาจากพระมหาธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช รอบพระมหาธาตุบริเวณฐานมีซุ้มพระพุทธรูปโค้งมน ๓ ซุ้ม แต่ละซุ้มกว้าง ๑.๒๘ เมตร สูง ๑.๖๓ เมตร ภายในซุ้มมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ รอบพระเศียรมีประภารัศมีรูปโค้ง ขนาดหน้าตักกว้าง ๐.๙๔ เมตร สูง ๑.๒๕ เมตร ระหว่างซุ้มพระมีเศียรช้างปูนปั้น เหนือพระเจดีย์ทรงสี่เหลี่ยม อิทธิพลศิลปะจีน ด้านตะวันออกมีบันไดสู่ฐานทักษิณ เหนือบันไดทำเป็นซุ้มยอดอย่างจีน มุมบันไดทั้งสองข้างมีซุ้มลักษณะโค้งแหลม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นนูนสูง ปางสมาธิ ประทับนั่งขัดสมาธิเพชร ฐานทักษิณและฐานรองรับองค์ระฆังเป็นรูปแปดเหลี่ยม มีลวดลายปูนปั้นรูปดอกไม้ แต่เดิมเป็นรูปมารแบก เหนือฐานทักษิณมีเจดีย์ทิศตั้งอยู่ทั้งสี่มุม องค์ระฆังเป็นแบบโอคว่ำ จากรูปแบบสถาปัตยกรรมขององค์พระธาตุ สันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นในสมัยอยุธยา นอกจากนั้น ภายในบริเวณวัดพระบรมธาตุเจดีย์เขียนบางแก้วยังมีศาสนสถานสำคัญอื่น ๆ เช่น อุโบสถ โบสถ์พราหมณ์ (โคกแขกชี) วิหารถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา (โคกวิหาร) พระแก้วคุลาศรีมหาโพธิ์ (โคกพระคุลา) พระพุทธรูปสองพี่น้อง โคกเมือง และพิพิธภัณฑ์สังฆรักษ์ (เพิ่ม) ที่มาของข้อมูล : สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช https://www.facebook.com/327219807877607/posts/620366825229569/?d=n
เมื่อพระพุทธศาสนายังมิได้ปรากฏขึ้นในโลกนี้ ลัทธิศาสนาในโลกนี้มีหลายอย่างต่างๆ เพศตามคตินิยมของหมู่มนุษย์ที่อาศัยความเป็นอยู่ด้วยกรรมอันใด หรือสิ่งหรือบุคคลใด ก็ย่อมยึดถืออันนั้นเป็นสรณะว่าเป็นที่พึ่งของตน
สาระสังเขป : ประวัติของพลตรีลม้าย อุทยานนท์ ด้านการศึกษา การอุปสมบท การสมรส ตำแหน่งราชการ และเรื่องนิราศยุโรป และออสเตรเลียผู้แต่ง : จวบ หงสกุล, พลเรือตรีโรงพิมพ์ : อรุณการพิมพ์ปีที่พิมพ์ : 2509 ภาษา : ไทยรูปแบบ : PDFเลขทะเบียน : น.32บ.1915จบเลขหมู่ : 895.9112 จ189นล
เลขทะเบียน : นพ.บ.13/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 30 หน้า ; 4.5 x 58 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา มีป้ายชื่อไม้ไผ่ชื่อชุด : มัดที่ 9 (100-104) ผูก 5หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์ --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
องค์ความรู้ เรื่อง "สถาปัตยกรรมสมัยทวารวดี ตอนที่ ๔ โบราณสถานในเมืองโบราณอู่ทอง : เจดีย์หมายเลข ๒ และ ๓" จัดทำโดย : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ที่มาของข้อมูล : https://www.facebook.com/153378118193282/posts/1288648284666254/?d=n
ชื่อผู้แต่ง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ชื่อเรื่อง พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๒
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ 6
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ ห.ส.น.บุญส่งการพิมพ์
ปีที่พิมพ์ 2511
จำนวน 356 หน้า
หมายเหตุ พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพลเรือเอก หลวงอาจณรงค์(อิง ช่วงสุวนิช)
สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเขียนถึงประวัติความเป็นมาในการพิมพ์ครั้งแรกเดิมพระองค์ทรงตรวจชำระพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ร.1 แล้วเสร็จแล้วตรวจชำระ ร.2 ต่อ ซึ่งเป็นฉบับของเจ้าพระยาทิพากรณ์วงศ์ฯนิพนธ์ และทรงเห็นว่าเนื้อหามีน้อย จึงได้ค้นคว้าศึกษาจากหนังสือจดหมายเหตุ ร.2 ทั้งของไทย และต่างประเทศรวมทั้งหนังสือจกหมายเหตุอื่นๆทั้งในกรุงเทพและตามหัวเมืองและพบพบเรื่องที่เกี่ยวข้องในสมัย ร.2 หลายเรื่องที่ไม่มีในฉบับเดิมพระองค์จึงทรงเรียบเรียงใหม่ซึ่งใช้รูปแบบการเขียนที่ไม่เหมือนฉบับ ร.1 และจัดพิมพ์ครั้งแรกในงานศพหม่อมราชวงศ์หญิง แป้ว มาลากุล ณ กรุงเทพ เมื่อ พ.ศ. 2457