ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 40,823 รายการ
ปราสาทพระเทพบิดร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหา มกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่๔) เดิมชื่อว่า “พุทธปรางค์ปราสาท” โดยมีพระราชประสงค์เดิมเพื่อจะอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต)มาประดิษฐาน แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้วมีขนาดไม่เพียงพอแก่การพระราชพิธีต่าง ๆ จึงอัญเชิญพระเจดีย์กาไหล่ทองของรัชกาลที่ ๔ มาประดิษฐานเป็นประธานแทน ต่อมาเกิดเหตุเพลิงไหม้เครื่องบนหลังคาปราสาททำให้เสียหายจนหมดสิ้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ปรับปรุงและบูรณะขึ้นใหม่และพระราชทานนามใหม่ว่า “ปราสาทพระเทพบิดร” เพื่อประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชแห่งราชวงศ์จักรีและให้มีพระราชพิธีถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัติยาธิราช ในวันที่ ๖ เมษายน ของทุกปี และทรงกำหนดให้เป็น“วันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ต่อมาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช วันที่ ๑๓ – ๑๕ เมษายน ของทุกปีเนื่องในวันสงกรานต์และในวันที่ ๕ พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันฉัตรมงคลเป็นประจำทุกปี เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สวรรคต พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์ โดยทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระบรมรูปเมื่อวันที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง พระบรมรูปมีขนาดความสูง ๑๗๒ เซนติเมตร และมีความสูงของฐาน ๗ เซนติเมตร หล่อด้วยบรอนซ์ในฉลองพระองค์บรมราชภูษิตาภรณ์และทรงประกอบพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวันที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐาน ณ ปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง ภาพ : วงปี่พาทย์พิธีในพิธีบวงสรวงพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ที่มาภาพ : https://ch3thailandnews.bectero.com/news/180908) ลำดับขั้นตอนพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จลงจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงประกอบพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงจุดเทียนทอง และเทียนเงิน ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวงสังเวย แล้วทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องบวงสรวงสังเวย (ขณะนั้นฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงสาธุการ ) ทรงตั้งพระราชสัตยาธิฐาน ถวายเครื่องราชสักการะ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์อ่านโองการบวงสรวง พราหมณ์แกว่งบัณเฑาะว์ (ขณะนั้นฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงมหากาล ) เมื่อพราหมณ์อ่านโองการจบ (ฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงมหาชัย) จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงโปรยข้าวตอกดอกไม้ แล้วจึงอัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อไปประกอบพิธีประดิษฐานและสมโภชที่ปราสาทพระเทพบิดร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง (ขณะนั้น ฆ้องชัย สังข์แตร ประโคมวงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงช้าเรื่องสร้อยสน) เสร็จพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่ออัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มายังปราสาทพระเทพบิดร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง (ขณะนั้นฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงช้าเรื่องพระรามเดินดง) เวลา ๒๐.๔๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร- มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ราชกัญญา ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตน-ศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระพุทธะยอดฟ้าจุฬาโลกย์และพระพุทธเลิศหล้านภาไลย แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนนมัสการเครื่องทองทิศที่หน้าธรรมาสน์ศิลา (ขณะนั้นฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลง เพลงสาธุการ ) ทรงกราบ ทรงศีล สมเด็จพระอริยวงศาณาตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงเป็นประธานสงฆ์ถวายศีล พระสงฆ์ ๑๐ รูป เจริญพระพุทธมนต์ ภาพ : วงปี่พาทย์พิธีบริเวณศาลารายพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (ที่มาภาพ : กิติศักดิ์ เขาสถิตย์) จากนั้นเสด็จ ฯ ออกจากพระอุโบสถ เสด็จพระราชดำเนินไปยังปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง ทรงประกอบพิธีประดิษฐานและสมโภชพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมพระสุพรรณบัฏจารึกคำถวายราชสดุดีและดวงพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แล้วทรงบรรจุที่ฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม และทรงคล้องพวงมาลัยที่ฐานพระบรมรูป เสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยาราชาวดี สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยารอง แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพ-มหากษัติยาธิราช (ขณะนั้นฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ ) จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินออกจากปราสาทพระเทพบิดร ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เสด็จพระราชดำเนินกลับ (ขณะนั้น ฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลง เพลงกราวรำสองชั้น) หลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับได้มีพิธีสมโภชพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เจ้าพนักงานตั้งบายศรีแก้ว ทอง เงิน พราหมณ์เบิกแว่นเทียน ข้าราชบริพารในพระองค์รับแว่นเวียนเทียนสมโภช พราหมณ์เป่าสังข์ แกว่งบัณเฑาะว์ (ฆ้องชัย สังข์แตร ประโคมเมื่อจบในแต่ละรอบจนครบ ๓ รอบ วงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงเรื่องเวียนเทียน ) เป็นอันเสร็จพิธี ภาพ : วงปี่พาทย์พิธีบริเวณปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง (ที่มาภาพ : ฐาปณัฐ ธรรมเที่ยง) ภาพ : เจ้าพนักงานตั้งบายศรีแก้ว ทอง เงิน พราหมณ์เบิกแว่นเทียน ข้าราชบริพารในพระองค์ รับแว่นเวียนเทียนสมโภช (ที่มาภาพ : ฐาปณัฐ ธรรมเที่ยง) สำหรับพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วงปี่พาทย์พระราชพิธี วงปี่พาทย์พิธีของกลุ่มดุริยางค์ไทย สำนักการสังคีต มีทั้งหมด ๓ วง ดังนี้ ๑.วงปี่พาทย์พิธี ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต ในพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพลงที่ใช้ประกอบพิธีมีทั้งหมด ๔ เพลง ได้แก่ เพลงสาธุการ เพลงมหากาล เพลงมหาชัย และเพลงช้าเรื่องสร้อยสน ๒.วงปี่พาทย์พระราชพิธี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ เพลงที่ใช้ประกอบ พระราชพิธีมีทั้งหมด ๒ เพลง ได้แก่ เพลงสาธุการและเพลงกราวรำสองชั้น ๓.วงปี่พาทย์พิธี ณ ปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง เพลงที่ใช้ประกอบพิธีมีทั้งหมด ๓ เพลง ได้แก่ เพลงช้าเรื่องพระรามเดินดง เพลงมหาฤกษ์และเพลงเรื่องเวียนเทียน -------------------------------------------เรียบเรียงโดย : นายสุกิตติ์ ทำบุญ นักวิชาการละครและดนตรีปฏิบัติการ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร
ชื่อเรื่อง : กฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ของ ท. เลียงพิบูลย์ผู้แต่ง : ท. เลียงพิบูลย์ปีที่พิมพ์ : ๒๕๑๕สถานที่พิมพ์ : นครหลวงฯสำนักพิมพ์ : สากลการพิมพ์จำนวนหน้า : ๑๐๒ หน้า
เรื่องกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ของ ท. เลียงพิบูลย์ พิมพ์แจกเป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ คุณแม่บุญช่วย ทันนิเทศ ในเล่มนี้ ผู้จัดพิมพ์ได้แจ้งไว้ว่า ได้นำเรื่อง "คิดถึงแม่ในวันเกิด" ของ ท. เลียงพิบูลย์ และ "ประวัติพระบุญนาคเที่ยวกรรมฐาน" มาจัดพิมพ์ไว้
แบบเรียนหนังสือภาษาโบราณ
ผู้แต่ง : กรมสิลปากร
ฉบับพิมพ์ : พิมพ์ครั้งที่ ๑
สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพมหานคร
สำนักพิมพ์ : วัชรินทร์การพิมพ์
ปีที่พิมพ์ : ๒๕๒๕
แบบเรียนหนังสือภาษาโบราณ
แบบเรียนหนังสือภาษาโบราณจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับความหมายของอักษรนั้น ๆ และการเขียนแบบตัวอักษรต่าง ๆ ที่มีด้วยกัน ๘ แบบตัวอักษร
เศียรมหาโยคีและพระพุทธเจ้าประทับนั่งบนเศียร
ปูนปั้น ศิลปะสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๐
ได้จาการขุดแต่งโบราณสถานในเมืองโบราณสุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
เศียรมหาโยคีและพระพุทธประทับนั่งบนเศียร แสดงให้เห็นถึงตำนานทางศาสนาที่กล่าวถึงเหตุการณ์ ดังนี้
เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว กิติศัพท์เกียรติคุณของพระพุทธเจ้าก็เลื่องลือกระฉ่อนไปทั่ว วันหนึ่งพวกเทพบุตรเทพธิดาพากันลงมาจากสรวงสวรรค์มาเฝ้าสดับพระธรรมเทศนา ครั้นถึงเวลาพระอิศวรเป็นเจ้าเสด็จออกมาประชุมเทวสภาก็ไม่มีเทวดาเข้ามาเฝ้าอย่างเคยพระอิศวรจึงเสด็จลงมาเมืองมนุษย์ ทรงเห็นเทพบุตร เทพธิดาต่างนั่งสดับพระธรรมเทศนาสงบอยู่ พระอิศวรเป็นเจ้าทรงเห็นดังนั้นจึงเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ประดิษฐานพระองค์อยู่ตรงพระพักตร์พระพุทธเจ้า แล้วตรัสต่อว่าท้าทายพระพุทธเจ้าให้มาประลองฤทธิ์กันด้วยวิธีซ่อนหา ครั้งที่ ๑ พระอิศวรจึงนิรมิตพระองค์เป็นธุลีละอองปลิวไปซ่อนพระองค์อยู่ในเมล็ดรัตนซึ่งประดับอยู่บนยอดพรหมพิมานพระพุทธเจ้าก็ทรงทราบด้วยพระญาณ พระศิวะพูดขอโอกาสซ่อนเป็นครั้งที่ ๒ พระอิศวรเสด็จไปซ่อนพระองค์อยู่ใต้บาดาล พระพุทธเจ้าก็ทรงทราบด้วยพระญาณ ครั้งที่ ๓ เสด็จลงไปซ่อนอยู่ในยมโลก พระพุทธเจ้าก็ทรงค้นพบด้วยพระญาณ ครั้นถึงคราวพระพุทธเจ้าซ่อนบ้าง ก็ทรงนิรมิตพระกายเล็กเป็นละอองปรมาณู ปลิวไปติดอยู่ ณ ปลายเกศาของพระอิศวร พระอิศวรก็ทรงเปล่งรัศมีฉายแสงสว่างทั่วทุกทิศ ทรงค้นหาทุกหนทุกแห่งจนเหนื่อยอ่อนพระวรกาย ก็ไม่พบพระพุทธองค์ พระอิศวรจึงจำเป็นต้องทรงจำนนประกาศพระวาจายอมแพ้แก่พระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเห็นว่า พระอิศวรยอมแพ้แล้ว ก็ทรงเปล่งพระฉัพพรรณรังสีออกมาจากที่ซ่อนให้ทราบว่า พระองค์ทรงซ่อนพระวรกายอยู่ ณ กลุ่มพระเกศาเหนือพระเศียรของพระอิศวรนั่นเอง
ที่มาของข้อมูล : http://www.sujipuli.com/index.php?lay=show&ac=article...
ข้อมูลนำชมโบราณวัตถุ ศิลปะวัตถุ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง
ผ่าน QR code
จัดทำโดย นางสาวสาธิตา วรรณพิรุณ
คณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ สาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรม
ชั้นปีที่ ๔ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ล้านนา ตาก
โครงการสหกิจศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๓
ชื่อเรื่อง เทศนาสังคิณี-มหาปัฎฐานสพ.บ. 192/4ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 28 หน้า กว้าง 4.7 ซ.ม. ยาว 54.4 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา บทสวดมนต์บทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดพยัคฆาราม อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง เทสนาสุวรรณสิรสาสูตร(สุวรรณสิรสาสูตร)สพ.บ. 117/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 22 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 54 ซ.ม. หัวเรื่อง พระอภิธรรม พระไตรปิฎก
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจาก วัดประสพสุข ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.67/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 43 (14-18) ผูก 3 (2564)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ (8 หมื่น) --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.99/จ/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 80 หน้า ; 4.5 x 55.5 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 58 (154-159) ผูก 1 (2564)หัวเรื่อง : กจฺจายนมูล (พระมุลลกัจจายนนาม-ตัทธิต) --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.128/7ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4.5 x 51 ซ.ม. : รักทึบ ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 74 (267-274) ผูก 7 (2564)หัวเรื่อง : มูลตันไตย (มุลฺลตันไตย)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
สรรพสาระ อยุธยา... ในหัวข้อ เบ็ดเตล็ด กรุงเก่า เรื่อง "ดอกไม้จากวรรณกรรมสมัยอยุธยา" เรียบเรียงข้อมูลโดย นางสาวชญาดา สุวรัชชุพันธุ์ นักโบราณคดีชำนาญการ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทศนา (เทศนาสังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.3/1-7
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง : คำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศคดีปราสาทพระวิหาร
ชื่อผู้แต่ง : สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี
ปีที่พิมพ์ : 2505
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี
จำนวนหน้า : 262 หน้า
สาระสังเขป : คดีปราสาทพระวิหารเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศกัมพูชากับประเทศไทย ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2501 และเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2502 ประเทศกัมพูชาได้ยื่นคำร้องเริ่มคดีต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศขอให้ศาลสั่งให้ประเทศไทยถอนกำลังทหารออกจากปราสาทพระวิหาร และวินิจฉัยว่าอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา จนในที่สุดศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ชี้ขาดคดีนี้เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ตัดสินด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ลงความเห็นว่าปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ไทยต้องถอนกำลังทหารหรือตำรวจออกจากพื้นที่ และคะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ตัดสินว่า ไทยต้องคืนวัตถุสิ่งประติมากรรม แผ่นศิลาส่วนปรักหักพังของอนุสาวรีย์รูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผาโบราณ และอื่น ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยอาจโยกย้ายออกไปให้แก่กัมพูชา
ยงยุทธ วรรณโกวิท. พลอย อัญมณี งานศิลปกรรมประดิษฐ์ ที่ใช้ในการตกแต่งปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่าง พ.ศ. 2537 - 2538. กรุงเทพฯ : ดอกเบี้ย, 2562. พลอย อัญมณี งานศิลปกรรมประดิษฐ์ ที่ใช้ในการประดับตกแต่งปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช นี้ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับในการบูรณปฏิสังขรณ์ปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่าง พ.ศ. 2537 - 2538 ปรัชญาความเชื่อ ความเป็นมาเกี่ยวกับการประดับตกแต่งปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช พลอย อัญมณี งานศิลปกรรมประดิษฐ์ บนปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ก่อนการบูรณปฏิสังขรณ์ การประดับตกแต่งพลอย อัญมณี งานศิลปกรรมประดิษฐ์ บนปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช การบูรณะงานศิลปกรรมประดิษฐ์ กระเปาะพลอย พลอย อัญมณีในส่วนของชั้นแถวพลอย 31 ชั้น การบูรณะงานศิลปกรรมประดิษฐ์ กระเปาะพลอยและพลอยในส่วนพุ่มข้าวบิณฑ์ และตำแหน่ง จำนวนศิลปกรรมประดิษฐ์ กระเปาะพลอย พลอย การจัดเรียง สี ขนาด การเจียระไน ระยะห่าง จำนวนพลอยเก่า ใหม่ ภาพลายเส้นลักษณะงานศิลปกรรมประดิษฐ์ กระเปาะพลอย พลอย ที่นำขึ้นประดับตกแต่งบนพื้นผิวแผ่นทองคำที่หุ้มปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช