ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,754 รายการ

องค์ความรู้จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช เรื่องเล่าจากคลังโบราณวัตถุ ตอน รางหมากขุม ค้นคว้าและเรียบเรียงโดย นางสาวชุติณัฐ ช่วยชีพ ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการที่มาของข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช https://www.facebook.com/nakhon.museum/posts/pfbid02DtRseMGMjyK8bjgPb9QvuJqCsNSJhiTRbn12K2gASLnKvCeuQpjGxQD817pgUKs8l



ทานสลากภัตวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร๑๐ กันยายน ๒๕๖๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนสิบ (เดือนสิบสองเหนือ-สิบสองเป็ง) สลากภัต หรือที่ชาวล้านนาเรียกว่า ตานก๋วยสลาก, กินสลาก, กินกวยสลาก, กินเข้าสลาก, ทานสลาก, ทานข้าวสลาก (ตาน-การถวายทาน, ก๋วย-ชะลอม ตะกร้า, สลาก-ชื่อเจ้าภาพที่เขียนบนใบลาน, ภัต-อาหารหรือสิ่งของบริวาร).สลากภัต (บาลี: สลากภตฺต) เป็นศัพท์ในพระวินัยปิฎก คำว่า “สลากภัต” มาจากภาษาบาลี คือ สลาก + ภตฺต สองคำมารวมกันเป็น “สลากภัต” แปลว่า อาหารถวายพระภิกษุสงฆ์โดยวิธีจับสลาก นับเข้าในสังฆทาน เพราะเป็นการถวายทานแก่พระภิกษุสงฆ์ทั่วไป ไม่ได้จำเพาะเจาะจงแก่พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง ชาวบ้านจะนำอาหารหวานคาวพืชผลทางการเกษตรมาถวายเป็นก๋วยสลากที่วัด หรือนิมนต์พระสงฆ์จากวัดใกล้เคียงมารับไทยธรรมสลาก การถวายสลากภัต ไม่ใช่การถวายจำเพาะเจาะจงภิกษุรูปหนึ่งรูปใดโดยเฉพาะ ซึ่งปราศจากความลำเอียง และที่สำคัญจุดประสงค์ของการถวายทาน ก็เพื่อประโยชน์แก่ผู้รับและเป็นการขัดเกลากิเลสของตนเอง ไม่ใช่เพื่อต้องการผลหรือหวังสิ่งหนึ่งสิ่งใดตอบแทน.ประเพณีทานสลากหรือ "กิ๋นก๋วยสลาก" จะเริ่มในเดือน ๑๒ เหนือ (เดือน ๑๐ ของภาคกลาง) หลังจากเข้าพรรษาได้ ๒ เดือน ในราวปลายเดือนสิงหาคม กันยายน ตุลาคม และสิ้นสุดในเดือนเกี๋ยงดับ (เดือน ๑๑ แรม ๑๕ ค่ำ) หากชุมชน หรือวัดใดอยู่ใกล้แม่น้ำน่านก็จะมีการแข่งเรือด้วย.โดยระยะเวลาดังกล่าวในภาคใต้จะมีประเพณีสารทเดือนสิบ วันแรม ๑ ค่ำ ถึงแรม ๑๕ ค่ำเดือนสิบ และภาคอีสานจะมีประเพณี บุญเดือนสิบ-บุญข้าวสาก [ข้าวสาก มาจากคำว่า ข้าวของสลากภัต] (แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐) โดยเฉพาะพื้นที่อีสานใต้ จะมีประเพณีสำคัญคือ "แซนโฎนตา" จัดขึ้นในวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ เช่นเดียวกับชาวอีสาน เพื่อสังเวยบวงสรวงและทำบุญทอดทานสงฆ์เพื่ออุทิศส่วนกุศลถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ. เหตุปัจจัยเนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวชาวบ้านว่างเว้นจากการทำนา ระหว่างรอการเก็บเกี่ยวข้าวใหม่ พืชผักผลไม้ออกผลผลิต เช่น กล้วย อ้อย มะไฟ ส้มโอ ส้มต่างๆ ชาวบ้านหยุดพักไม่เดินทางไกลเพราะเป็นฤดูฝน พระสงฆ์จำพรรษาอย่างอย่างพรักพร้อม ได้โอกาสทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ สงเคราะห์คนยากจน และมีโอกาสหาปัจจัยบำรุงดูแลวัด.งานทานสลากนี้จะจัดเป็นสองวัน คือ วันดาสลาก และวันทานสลาก หรือวันกินสลาก ก่อนวันพิธี ๑ วันเรียกว่า วันดาสลาก, วันแต่งดา, วันดา, วันสุกดิบ ถือเป็นวันจัดเตรียมสิ่งของเครื่องปัจจัยไทยทาน ผู้ชายจะสานก๋วย (ตะกร้า) ซึ่งมีทั้งก๋วยเล็ก ก๋วยใหญ่ คือ ตะกร้าไม้ไผ่สำหรับเป็นภาชนะบรรจุสิ่งของที่จะถวายทาน ส่วนผู้หญิงจะจัดเตรียมห่อของจำพวก พริก เกลือ หอม กระเทียม อาหารคาวหวาน ผลไม้ และสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ห่อข้าวต้ม ขนม จัดสวยดอก แล้วเอาตะกร้าไม้ไผ่มากรุด้วยใบตองหรือกระดาษเอาสิ่งของที่เตรียมไว้บรรจุลงไป ของบางอย่างที่มีน้ำหนักเบาเช่น ไม้ขีดไฟ บุหรี่ ยาซอง ก็เอาผูกติดกับเรียวไม้ไผ่ที่เหลาตกแต่งไว้อย่างสวยงาม นอกจากนั้นที่สำคัญต้องมีไม้หนีบสำหรับเสียบ ยอด หรือธนบัตรจำนวนหนึ่งเสียบไว้กับกวยสลากนั้น ด้านหน้ากวยจะมีเส้นสลากหรือข้อเขียนคำจารึกชื่อผู้ถวายพร้อมทั้งระบุด้วยว่าถวายเพื่ออะไรหรือถวายสำหรับใคร เพราะบางคนจะถวายทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปสะสมไว้เป็นส่วนกุศลของตนเพื่อวันข้างหน้า บางคนก็อุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษหรือญาติมิตรผู้ล่วงลับ ซึ่งวันแต่งดาญาติพี่น้องจะมาช่วยกันจัดเตรียมสิ่งของ เรียก ฮอมสลาก ซึ่งจะนำสิ่งของ ปัจจัยมาร่วมทำบุญด้วย และช่วยตกแต่งสถานที่ วัดต่างๆ. กวยสลาก (อ่าน โก๋ยสะหลาก) คือ ตะกร้าที่สานขึ้นด้วยไม้ไผ่ ลักษณะคล้ายชะลอม เพื่อบรรจุเครื่องไทยทานซึ่งจะได้นำไปถวายพระ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นถังน้ำพลาสติกหรืออลูมิเนียม เพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อ. สลาก คือ เส้น หรือใบ ซึ่งเป็นใบลานหรือใบตาล ในปัจจุบันบางที่ได้เปลี่ยนมาใช้กระดาษแทน ผู้เป็นเจ้าของกัณฑ์สลากเขียนชื่อเจ้าภาพ และชื่อผู้ตายที่ต้องการอุทิศไปให้ นำไปรวมกันแล้วนับจำนวน เรียก สูนเส้นสลาก ให้พระภิกษุสงฆ์สุ่มจับ หรือถ้าหากมีจำนวนมาก นำจำนวนพระภิกษุ สามเณร หารแบ่งเท่ากัน ไม่มีการจับจองของผู้ใดเป็นการเฉพาะ จึงเรียกว่า สลาก หรือ การเสี่ยงโชคของผู้รับ ก๋วยสลาก แบ่งออกเป็น ๒ แบบกว้าง ๆ คือ ก๋วยน้อย กับ ก๋วยใหญ่ สลากเมืองน่านแบ่งเป็น ๓ อย่าง (ชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น) คือ-สลากน้อย, สลากจมปู, สลากซอง, ก๋วยน้อย คือ ภาชนะ หรือตะกร้าที่สานอย่างง่ายๆ ด้วยตอกไม้ไผ่เป็นรูปตะกร้าโปร่งทรงสูง (ก๋วยสลากขี้ปุ๋ม ป่องเหมือนขี้ปุ๋มหรือพุง) ปล่อยตอกให้พ้นจากตัวตะกร้าขึ้นไปรองด้วยใบขมิ้น หรือใบตอง แล้วบรรจุข้าวสารอาหารแห้ง อาหารปรุงสุก พริก กะปิ น้ำปลา น้ำมันพืช หอม กระเทียม พริกแห้ง เครื่องอุปโภคบริโภค แล้วจึงรวบตอกที่พ้นขึ้นนั้นไปผูกติดกันเพื่อปิดปากกวย ด้านบนก๋วยสลากจะมีใบหมากผู้หมากเมีย พลู ไม้ดอกไม้ประดับมัดรวมกัน มีเทียน บุหรี่ มีไม้เสียบกวยหนีบธนบัตรไว้ด้านบน -สลากโชค, ก๋วยโชค, ต้นโชค, ก๋วยใหญ่, ก๋วยสำรับ สลากที่มีความพิเศษเพียบพร้อมด้วยวัตถุ รวมถึงปัจจัยพิเศษ โดยอาจเป็นกระบุง ถังน้ำ ถังน้ำพลาสติก กะละมัง ขันน้ำ ตะกร้า เป็นต้น ก๋วยสานด้วยไม้ไผ่ เรียก ก๋วยตีนช้าง ปักด้วยต้นคาหรือหญ้าคาทำเป็นขา ปักไม้ไผ่ทำเป็นก้านยาวเพื่อแขวนสิ่งของต่างๆ หรือทำเป็นบ้านขนาดย่อมๆ หรือปราสาทแบบล้านนา นำข้าวของต่างๆใส่ในบ้าน -สลากสร้อย ต้นสลากขนาดใหญ่ มีสิ่งของเกือบครบทุกอย่าง ทำมาจากโครงไม้ไผ่ทำจากและกระดาษ ปักสิ่งของต่างๆ ส่วนยอดบนสุดเป็นฉัตร หรือร่มนอกจากนี้ยังยังมีต้นสลากขนาดใหญ่ หรือต้นกัลปพฤกษ์ ที่ทำอย่างวิจิตร และมีขนาดใหญ่ ทำเป็นวงกลมทำเป็นชั้น ๆ อาจเป็น ๓ ชั้น , ๕ ชั้น , ๗ ชั้น หรือ ๙ ชั้น แต่ละชั้นนำเครื่องไทยทานมาผูกติดให้สวยงาม คล้ายกับต้นสลากย้อมที่จังหวัดลำพูน ซึ่งหมายถึง กัปปรุกขา หรือต้นกัลปพฤกษ์ นอกจากจะมีเครื่องใช้ต่างๆ แล้วยังมี กระจก หวี น้ำหอม ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น. สิ่งของที่บรรจุในก๋วยสลาก ได้แก่ ข้าวสาร อาหารแห้ง ผลไม้ พริก เกลือ กะปิ น้ำปลา หอมแห้ง กระเทียม ปลาแห้ง ปลากระป๋อง หมากพลู กล้วย อ้อย ส้มโอ ดอกไม้ธูปเทียน รวมเครื่องใช้อื่นๆ เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก รวมไปถึงเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นๆ ที่พระภิกษุสงฆ์สามารถนำไปใช้ได้. อานิสงส์สลากภัต ผลของการทานสลากภัตแด่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร เมื่อสิ้นชีวิตแล้วจะได้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นนิมมานรดี เมื่อจุติจากสวรรค์มาเกิดในเมืองมนุษย์เป็นผู้มีพละกำลังมหาศาล ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ รวมทั้งเป็นผู้ที่มีรูปร่างลักษณะงดงามและมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด รวมไปถึงเป็นผู้มีฐานะดี เสวยสมบัติอันมาก (เอกสารใบลานเรื่องอานิสงส์สลากภัตต์ ฉบับวัดบ้านท่อ ตำบลป่าตัน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่) เมื่อถึงการประกอบพิธีกรรมมักจะมีการเทศนาอานิสงส์สลากภัต กล่าวถึงตำนานความเป็นมา และผลบุญกุศลสลากภัต.เอกสารอ้างอิงกินสลาก , กวยสลาก , กินกวยสลาก , งานทำบุญ , สลาก , สลากย้อม , สลากภัตต์ , กวย. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคเหนือ เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, ๒๕๔๒. เข้าถึงได้โดย https://db.sac.or.th/thailand-cultural-encyclopedia/result.php?region=0&term=สลาก&page=2เอกลักษณ์น่าน. สำนักพิมพ์ MaxxPrint (ดาวคอมฟิวกราฟิก) : เชียงใหม่. ๒๕๔๙.



เรื่อง “วันประถมศึกษาแห่งชาติ 25 พฤศจิกายน” วันประถมศึกษาแห่งชาติ 25 พฤศจิกายน เป็นวันที่รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อการศึกษาของไทย ที่ได้ทรงวางรากฐานให้กับการศึกษาของชาติ เนื่องจากทั้งสองพระองค์ทรงเป็นผู้ให้การสนับสนุนการประถมศึกษา และพระราชทานตราพระราช บัญญัติด้านการประถมศึกษาเอาไว้ ทำให้เกิดเสรีภาพทางการศึกษา และเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทย จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ การประถมศึกษาของไทยอาศัย บ้าน วัด วัง เป็นสถานศึกษามาตั้งแต่ในสมัยสุโขทัย จนถึงสมัยรัตน โกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงริเริ่มวางรากฐานการประถมศึกษา ของไทยขึ้น โดยจัดตั้งโรงเรียนหลวงแห่งแรกขึ้นในพระบรมมหาราชวัง เมื่อ พ.ศ. 2414 และตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับราษฎรที่วัดมหรรณพาราม ในปี พ.ศ. 2427 และขยายการศึกษาไปตามหัวเมืองต่างๆ เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ขึ้นเสวยราชสมบัติ พระองค์ได้ทรงรับภารกิจเกี่ยวกับการจัดการศึกษา สืบเนื่องจากพระราชบิดา ทรงยกฐานะโรงเรียนข้าราชการพลเรือน ของพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงสร้างในปี พ.ศ.2453 ขึ้นเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงให้จัดสร้างโรงเรียนเพาะช่างขึ้นในปี พ.ศ.2456 ทรงจัดตั้งโรงเรียนเบญจมราชาลัยเพื่อฝึกหัดครูในปี พ.ศ.2456 ทรงตั้งโรงเรียนพาณิชยการ เมื่อปีพ.ศ.2465 เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตราพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร์ขึ้นเพื่อบังคับให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และเพื่อให้เด็กทุกคนรู้หนังสือ จึงทรงตราพระราฃบัญญัติประถมศึกษาออกบังคับเป็นเขต ๆ ไป เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2464 เพื่อกำหนดให้เด็กที่มีอายุ 7-14 ปีบริบูรณ์ เข้าเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน โดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน นับเป็นการเริ่มต้นการศึกษาภาคบังคับในระดับประถมศึกษา โดยพระราชบัญญัติประถมศึกษานี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2464 ด้วยเหตุนี้กระทรวงศึกษาจึงได้กำหนดให้วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันประถมศึกษาแห่งชาติ และได้จัดงานวันประถมศึกษาแห่งชาติเป็นประจำมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2491-2508 ต่อมาโรงเรียนประถมศึกษาได้ถูกโอนไปสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่นั้นมางานวันประถมศึกษาแห่งชาติจึงเปลี่ยนชื่อเป็น วันศึกษาประชาบาล ต่อมาในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2523 ได้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาขึ้น จึงได้โอนโรงเรียนประชาบาลกลับมาสังกัดคณะกรรมการการศึกษา การจัดงานวันศึกษาประชาบาลจึงสิ้นสุดลง และกลับมาจัดวันประถมศึกษาแห่งชาติขึ้นใหม่ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 วันประถมศึกษาแห่งชาติจึงเปลี่ยนจากวันที่ 1 ตุลาคม มาเป็นวันที่ 25 พฤศจิกายน ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่พระองค์เป็นผู้วางรากฐานและสนับสนุนการประถมศึกษาอย่างดี อ้างอิง : ประชิด สกุณะพัฒน์, อุดม เชยกีวงศ์. วันสำคัญ. กรุงเทพฯ : ภูมิปัญญา, 2549. บุญเติม แสงดิษฐ์. วันสำคัญ. กรุงเทพฯ : พัชรการพิมพ์. 2541. ผู้เรียบเรียง : นายประพนธ์ รอบรู้ นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี #องค์ความรู้ #วันประถมศึกษาแห่งชาติ #กระทรวงศึกษาธิการ #พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว #หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษกจันทบุรี #กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์กรมศิลปากร #สำนักศิลปากรที่5ปราจีนบุรี #กรมศิลปากร #กระทรวงวัฒนธรรม


          วันอาทิตย์ที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๐ น. ณ ห้องประชุมดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร นางรักชนก โคจรานนท์ รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๖ ซึ่งมีนางสาวนิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กล่าวรายงาน  โดยมีศาสตราจารย์ดร.ศักดิ์ชัย สายสิงห์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นวิทยากรบรรยาย เรื่อง "ยุคสมัยของประวัติศาสตร์ศิลปะในประเทศไทย" และนำชมโบราณวัตถุชิ้นเยี่ยมในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ทั้งนี้ มีประชาชนผู้ที่สนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก


    วันพุธที่ ๒๕ มกราคม เวลา ๑๕.๐๐ น. ณ ห้องประชุมกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ  นายณัฐพล ขันธหิรัญ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และคณะ ประกอบด้วยนางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ นายธนวัต ศิริกุล รองอธิบดีกรมสารเทศ นายณัฐพล ณ สงขลา ผู้อำนวยการกองทูตวัฒนธรรม เป็นผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ในพิธีมอบพระพุทธรูปไม้ที่มีผู้ประสงค์ส่งมอบคืนให้กับประเทศไทยผ่านกระทรวงการต่างประเทศให้แก่กรมศิลปากรเพื่อเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ โดยนายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ได้มอบหมายให้นายสถาพร เที่ยงธรรม รองอธิบดีกรมศิลปากร พร้อมด้วยนางสาวนิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เป็นผู้แทนกรมศิลปากรเข้าร่วมในพิธี           พระพุทธรูปไม้แกะสลักที่ได้รับมอบในครั้งนี้มีจำนวน ๙ องค์ เป็นพระพุทธรูปไม้แกะสลักขนาดเล็ก ซึ่งนาย Murray Upton ชาวออสเตรเลีย ประสงค์จะมอบคืนให้แก่ประเทศไทย โดยได้ประสานผ่านทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งตามข้อมูลระบุว่า นาย Upton ได้รับพระพุทธรูปจากบิดาซึ่งเป็นนักสำรวจและวิศวกรของบริษัท Southern Siam ที่ได้สำรวจเส้นทางและก่อสร้างทางรถไฟสายใต้ให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๔ ในเขตพื้นที่จังหวัดตรัง ทางกรมศิลปากรได้พิจารณาและนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๖๕ โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการรับพระพุทธรูปดังกล่าวกลับคืนสู่ประเทศไทย กรมศิลปากรจึงขอความร่วมมือกระทรวงการต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต  ณ กรุงแคนเบอร์รา เป็นผู้แทนรับมอบและจัดส่งผ่านถุงเมล์การทูตกลับคืนสู่ประเทศไทย     พระพุทธรูปไม้แกะสลักดังกล่าว ตามประวัติและรูปแบบศิลปกรรมเป็นพระพุทธรูปแกะสลักด้วยฝีมือช่างพื้นถิ่นคงมีแหล่งที่มาจากภาคใต้ของประเทศไทย ปัจจุบันเหลือจำนวนไม่มากนัก โดยส่วนใหญ่มักเป็นพระพุทธรูปที่ประชาชนในพื้นที่สร้างถวายเป็นพุทธบูชาเพื่อประดิษฐานในวัด หรือถ้ำศาสนสถาน จึงเป็นการดีที่ได้นำกลับมาเพื่อเป็นตัวอย่างในการศึกษารูปแบบศิลปกรรมของท้องถิ่นภาคใต้ โดยภายหลังจากที่รับมอบแล้วจะนำไปเก็บรักษาและจัดแสดงที่คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดปทุมธานีต่อไป 


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 150/5เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


อภิธมฺมตฺถสงฺคห (อภิธมฺมสงฺคห) ชบ.บ 179/1ขเอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)


          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี จัดกิจกรรมพิเศษ "Art Activities @พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี  Suphanburi National Museum" เพื่อให้น้อง ๆ หนูๆ ที่มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในช่วงวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์และปิดภาคเรียน ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์เป็นการส่งเสริมพัฒนาการด้านศิลปะ  กิจกรรมนี้กำหนดจัดทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นต้นไป เริ่มวันเสาร์ - อาทิตย์ที่ ๔ - ๕ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๐๐ - ๑๕.๐๐ น. โดยในเดือนมีนาคมพบกับกิจกรรม DIY ประดิษฐพวงกุญแจแรงบันดาลใจจากโบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์ และกิจกรรมระบายสีที่ขั้นหนังสือตามจินตนาการ ซึ่งน้อง ๆ ที่ร่วมกิจกรรมจะได้รับผลงานตัวเองกลับบ้านไปด้วย          สอบถามเพิ่มเติมได้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี โทร. ๐ ๓๕๕๓ ๕๓๓๐


ชื่อผู้แต่ง           - ชื่อเรื่อง           วารสารสุขภาพ สำหรับประชาชน (ปีที่ ๒ ฉบับที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๑๗) ครั้งที่พิมพ์        -         สถานที่พิมพ์      กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์        โรงพิมพ์อักษรสมัย ปีที่พิมพ์           ๒๕๑๗ จำนวนหน้า      ๑๒๓  หน้า รายละเอียด                เป็นวารสารของแพทยสมาคมและแพทยสภาฉบับ เดือน มิถุนายน ๒๕๑๗  นำเสนอบทความทางวิชาการเรื่องพิษของยาปราบศัตรูพืช  ดีดีที่ ของดีในเมืองไทย  โรคนอนไม่หลับของนักบริหาร  ก้อนที่คอพยาธิใบไม้ในปอด โรคภูมิแพ้  ทันต สุขศึกษาสำหรับประชาชนและปัญหาถามตอบเรื่องความแก่



เลขทะเบียน : นพ.บ.406/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 24 หน้า ; 4.5 x 56 ซ.ม. : ชาดทึบ-รักทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 146  (58-70) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : อิติปิโส--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.535/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 44 หน้า ; 4 x 48 ซ.ม. : ล่องรัก-รักทึบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 180  (292-302) ผูก 4 (2566)หัวเรื่อง : ลำสุตตโสม--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ชื่อเรื่อง : ประชุมพงศาวดาร ฉบับความสำคัญ เล่ม ๒ หลวงวิจิตรวาทการ ชื่อผู้แต่ง : วิจิตรวาทการ ปีที่พิมพ์ : 2493 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ : เพลินจิตต์ จำนวนหน้า : 796 หน้าสาระสังเขป : ประชุมพงศาวดาร ฉบับความสำคัญ เป็นการศึกษาพงศาวดารและประวัติศาสตร์ รวมถึงการเชิดชูบุญญาบารมีของสมเด็จพระมหากษัตราธิราชทุกพระองค์ เป็นหนังสือชุดใหญ่ ๑๒ เล่มจบ เล่มนี้จะกล่าวถึงประชุมพงศาวดาร ฉบับความสำคัญ เล่ม ๒ มีเนื้อหาทั้งหมด ๕ ภาค โดยเริ่มตั้งแต่ ภาคที่ ๓ เรื่องที่ ๓ ภาคที่ ๔ เรื่องที่ ๑-๓ ภาคที่ ๕ เรื่องที่ ๑-๔ ภาคที่ ๖ และ ภาคที่ ๗ เรื่องที่๑


black ribbon.