ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ

#องค์ความรู้อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรเมืองชากังราว : พระวินิจฉัยในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ...เมืองชากังราว เป็นเมืองโบราณที่ปรากฏชื่อตั้งแต่สมัยสุโขทัยในศิลาจารึกเขาสุมนกูฏ (พ.ศ. ๑๙๑๑) สืบเนื่องมายังหลักฐานที่กล่าวถึงเรื่องราวในสมัยอยุธยา ได้แก่ กฎหมายตราสามดวง (พ.ศ. ๑๘๙๙ รัชกาลพระเจ้าอู่ทอง) พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ (พ.ศ. ๒๒๒๓) พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) (พ.ศ. ๒๓๓๘) และพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา (พ.ศ. ๒๓๙๔ - ๒๔๑๑)..สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นพระโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงศึกษาและผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศไทยจนได้พระสมัญญาว่า “พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย” โดยเรื่องเมืองชากังราวนั้นพระองค์ทรงวินิจฉัยไว้ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา และทรงพระนิพนธ์อธิบายเพิ่มเติมในหนังสือเรื่องเที่ยวเมืองพระร่วงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยอ้างอิงจากพระราชพงศาวดาร และกฎหมายตราสามดวงว่า เมืองชากังราวเป็นเมืองเดิมของเมืองนครชุมซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของแม่น้ำปิง ใต้ปากคลองสวนหมาก จังหวัดกำแพงเพชร.ในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงวินิจฉัยเกี่ยวกับเมืองชากังราวไว้ดังนี้.“...ข้าพเจ้าจะต้องอธิบายเรื่องชากังราวไว้ตรงนี้สักหน่อยหนึ่งด้วยยังไม่ได้พบอธิบายในที่อื่นว่า เมืองชากังราวเป็นเมืองไหนแน่ในปัจจุบันนี้ ในหนังสือพระราชพงศาวดารมีเรื่องที่เกี่ยวแก่เมืองชากังราวหลายแห่ง ในตอนแผ่นดินสมเด็จพระบรมราชาธิราชนี้เป็นอย่างมาก แต่ในพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐยังออกชื่อเสียงชากังราว ลงไปถึงแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ข้าพเจ้าได้ตรวจสอบแผนที่เข้ากับเรื่องที่มีมาในพระราชพงศาวดาร เห็นว่าเมืองชากังราวจะเป็นเมืองอื่นนอกจากเมืองกำแพงเพชรทุกวันนี้ไม่ได้ และได้พบหลักฐานประกอบในพระราชกฤษฎีกาของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ เรียกชื่อเมืองชาวดงราว กำแพงเพชรควบกันไว้ดังนี้ (คำว่าชาดงราวนั้น เชื่อได้แน่ว่าผู้คัดลอกเขียนผิดมาจากชากังราวนั้นเอง) ที่เมืองกำแพงเพชรที่จริงมีเมืองตั้งติดต่อกันอยู่ถึง ๓ เมือง เมือง ๑ อยู่ข้างฝั่งตะวันตก ยังมีพระมหาธาตุอยู่ เมืองนี้ข้าพเจ้าเข้าใจว่าเป็นเมืองเดิม ที่เรียกชื่อว่า “ชากังราว” ต่อมาสร้างเมืองขึ้นอีกเมืองข้างฝั่งตะวันออก เมืองนี้เห็นชื่อในจารึกของพระมหาธรรมราชา (ลิไทย) เรียกว่าเมืองนครชุม มีวัดวาอารามใหญ่โต ซึ่งเป็นฝีมือสร้างครั้งเมืองสุโขทัยเป็นราชธานีอยู่หลายวัด ต่อมาเห็นจะเป็นด้วยเกิดเกาะขึ้นตรงหน้าเมืองนครชุม สายน้ำเปลี่ยนไปเดินข้างตะวันตก ทำให้เมืองนครปุเป็นเมืองดอนไป จึงสร้างเมืองกำแพงเพชรเดี๋ยวนี้ขึ้นที่ริมแม่น้ำหน้าเมืองนครชุม มีป้อมกำแพงอย่างแข็งแรงไว้สำหรับต่อสู้ข้าศึก อยู่ตรงข้ามกับเมืองชากังราวเดิม ชาวข้างใต้คงจะเรียกชื่อเมืองชากังราวอยู่ตามเดิมโดยมาก โหรจึงใช้ชื่อนั้นจดลงในปูม และพระราชกฤษฎีกาของสมเด็จพระรามาธิบดี จึงใช้ควบกันทั้งชื่อเก่าและชื่อใหม่ ที่หนังสือพระราชพงศาวดารว่าสมเด็จพระบรมราชาธิราชเสด็จยกกองทัพหลวงขึ้นไปตีเมืองชากังราวนั้น คือไปตีเมืองกำแพงเพชรเป็นแน่ ไม่มีที่สงสัย...”..ในพระราชนิพนธ์เที่ยวเมืองพระร่วงของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงพระนิพนธ์อธิบายเพิ่มเติมความตอนหนึ่งว่า .“...เรื่องเมืองกำแพงเพชรเก่าใหม่ตรวจในสมัยต่อมาได้ความดังนี้ ที่เรียกว่าเมือง “นครปุ” นั้น ที่ถูกคือเมือง “นครชุม” เพราะในจารึกเขียนว่า “นคระชุํ” ดังนี้ เมื่ออ่านกันชั้นแรกเข้าใจว่าชื่อนครปุ ต่อภายหลังจึงพิจารณาเห็นว่า ชุํเมืองนี้ เมืองเดิมที่เรียกในหนังสือพระราชพงศาวดารว่า เมืองชากังราว ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกใต้ปากคลองสวนหมาก เมืองกำแพงเพชรที่ริมน้ำทางฝั่งตะวันออกเป็นเมืองสร้างทีหลัง...”..จากพระวินิจฉัยในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ หากพิจารณาลำดับชื่อเมืองที่ถูกอ้างถึงจำนวนสองครั้งในเนื้อความบทพระอัยการลักษณะลักพาของกฎหมายตราสามดวง ไม่ได้ปรากฏการเรียงลำดับแบบเดียวกันทั้งสองครั้ง แสดงให้เห็นว่า ชื่อ “ชากังราว” ที่อยู่ติดกับคำว่า “กำแพงเพชร” นั้น ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดถึงการเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กัน หรือเป็นชื่อเมืองเดียวกันแต่อย่างใด นอกจากนี้อาจเป็นเพียงการสื่อถึงกลุ่มเมืองในการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยอันห่างไกลจากอาณาจักรอยุธยา ส่วนเหตุการณ์สมัยพระบรมไตรนาถที่กล่าวถึงพระเจ้าติโลกราชแห่งล้านนามาตีเมืองชากังราวก่อนตีเมืองสุโขทัยในพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์นั้น อนุมานได้ว่าเมืองชากังราวอยู่ใกล้ล้านนามากกว่าเมืองสุโขทัย อีกทั้งข้อความในศิลาจารึกเขาสุมนกูฏ ก็ปรากฏชื่อเมืองชากังราว และเมืองนครชุมในสมัยเดียวกัน จึงไม่อาจกล่าวได้ว่าเมืองทั้งสองเป็นเมืองเดียวกัน.ทั้งนี้ไม่ว่าจากเอกสารกฎหมายตราสามดวง ศิลาจารึกเขาสุมนกูฏ หรือพระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ล้วนแต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งที่ตั้งของเมืองชากังราวได้...เอกสารอ้างอิงกระทรวงมหาดไทย. (๒๕๐๕). สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และงานทางปกครองของพระองค์. โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น กรมมหาดไทย.กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์. (๒๕๔๒). พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม ๑ (พิมพ์ครั้งที่ ๙). กรมศิลปากร.พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) และเอกสารอื่น. (2559). ศรีปัญญา.ภาควิชาโบราณคดี คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร. (๒๕๕๙). โบราณคดีและประวัติศาสตร์ในประเทศไทยฉบับคู่มือครูสังคมศึกษา (พิมพ์ครั้งที่ ๒). คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรและองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) พื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง.มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. (๒๕๖๔). เที่ยวเมืองพระร่วง. ศรีปัญญา.สำนักหอสมุดแห่งชาติ. (๒๕๔๘). ประชุมจารึก ภาคที่ ๘ จารึกสุโขทัย. กรมศิลปากร.


โครงการวิจัยเชิงประวัติศาสตร์เฉลิมพระเกียรติฯ “ตามรอยเสด็จฯ เกาะช้าง จังหวัดตราด” ผู้แต่ง : อภิลักษณ์ เกษมผลกูล ต้นฉบับอยู่ที่ : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี (ห้องจันทบุรี) ผู้จัดพิมพ์ : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตราด  ปีที่พิมพ์ : 2548 รูปแบบ : PDF ภาษา : ไทย เลขทะเบียน : น. 49 บ. 59704 จบ. (ร) เลขหมู่ : ท. 959.9327 อ263ต สาระสังเขป :  งานวิจัยนี้ประกอบด้วยเนื้อหาว่าด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินเมืองตราดและเกาะช้างของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งผู้วิจัยได้พบข้อมูลใหม่ ๆ เป็นจำนวนมากเกี่ยวกับเส้นทางการเสด็จฯ เหตุการณ์และเกร็ดสนุก ๆ ในระหว่างเสด็จฯ ซึ่งถือเป็นการเปิดพรมแดนความรู้ทางประวัติศาสตร์เมืองตราดที่มีอยู่เดิมให้กว้างขวางขึ้น นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลภูมิหลังและประวัติศาสตร์ของจังหวัดตราด ความรู้ทางด้านวัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจังหวัดตราด  


ชื่อเรื่อง                     พระอินทร์ (หนังสืออินตก)สพ.บ.                       482/1กหมวดหมู่                   พุทธศาสนาภาษา                       บาลี-ไทยอีสานหัวเรื่อง                     พุทธศาสนา     ประเภทวัสดุ/มีเดีย        คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ                12 หน้า : กว้าง 5.5 ซม. ยาว 58.2 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดด่านช้าง ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี


เมื่อวันที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๐พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุ ลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปยังศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อทอดพระเนตรการศึกษาทดลองปลูกหญ้าแฝกในดินดานในรูปแบบต่าง ๆ จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในหมู่บ้านชาวไทยมุสลิม อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรีรหัสเอกสาร ภ หจภ กษ ๓.๑/๓๘


สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครนายก จ.นครนายก (เวลา 08.30 น.) จำนวน 70 คน วันพุธที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๗ เวลา ๐๘.๓๐ น. สำนักงานวัฒธรรมจังหวัดนครนายก นำโดย นายราเมศ ลิ่มสกุล วัฒนธรรมจังหวัดนครนายก พร้อมด้วยบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครนายก จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้วิถีชีวิต คุณค่า ประวัติความเป็นมาของขนบธรรมเนียมประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น ภายใต้โครงการส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์ ฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น จังหวัดนครนายก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยมีนักเรียน ครู และเจ้าหน้าที่จากโรงเรียนโพธิวัฒน์พิทยา จังหวัดนครนายก จำนวน ๗๐ คน เข้าร่วมกิจกรรม ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์ ภายในกิจกรรมประกอบไปด้วย การเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ และการบรรยายในหัวข้อ “ประวัติความเป็นมาและวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมขนกชลพัฒน์” โดยนายธิริทธิ์ เรืองทวีทรัพย์ หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์ หลังจากนั้นผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ชมการสาธิตผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมจากชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดนครนายกด้วย



โรงเรียนสัตหีบวิทยาคม จ.ชลบุรี (เวลา 10.30-11.00 น.) จำนวน 284 คน 


            สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ขอเชิญชมนิทรรศการพิเศษเนื่องในโอกาสครบ 150 ปี พิพิธภัณฑ์ไทย เรื่อง “จากหอคองคอเดีย สู่วังหน้า ภาพเก่าเล่าพิพิธภัณฑ์” บอกเล่าเรื่องราวการก่อกำเนิดพิพิธภัณฑ์ไทย 19 กันยายน 2417 ตั้งแต่หอคองคอเดีย กระทั่งพัฒนาสู่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในปัจจุบัน นำเสนอผ่านข้อมูล เอกสาร และภาพถ่ายเก่าเล่าเรื่อง พร้อมนำโบราณวัตถุที่น่าสนใจมาจัดแสดงให้ชม ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร  เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ทุกวันพุธ - อาทิตย์ เวลา 08.30 - 16.00 น. (ปิดวันจันทร์ - อังคาร) อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 2224 1402ภาพ: หอคอคอเดีย โรงทหารมหาดเล็กที่อยู่ด้านทิศตะวันตกของวัดพระศรีรัตนศาสดารามภาพ: พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นฤษี หรือโยคี ศิลปะอยุธยาภาพ: พระพุทธรูปปางถวายเนตร จำหลักจากแก้วสีต่าง ๆภาพ: ขวดแก้วมีตะกร้อ ต้นไม้ สิ่งของต่างๆอยู่ภายใน และโคมไม้ไผ่ฉลุลายภาพ: กล้องยาแดงทำด้วยรากไม้ไผ่ป่าแต่งเป็นรูปทรงต่างๆภาพ: ช้างทรงรูปพระโพธิสัตว์ในขบวนแห่วันวิสาขบูชา ภาพ : พระพุทธรูปปางมารวิชัย เส้นที่เขียนเป็นอักษรญี่ปุ่นโบราณภาพ: ตะกร้าสาน ของชาวม้อย เมืองดาลาต เวียดนามภาพ: ต้นไม้กระดาษภาพ: พระวิษณุ และพระครูประกำ






ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       67/1หมวดหมู่                   พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               54 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 53 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด  ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


             กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “วัวในวัฒนธรรมไทย” วิทยากร นางสาวรุ่งนภา สงวนศักดิ์ศรี นักอักษรศาสตร์ชำนาญการ กลุ่มจารีตและประเพณี สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ผู้ดำเนินรายการ นายสิทธิพร บุปผา นักวิชาการเผยแพร่ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๑.๔๕ น. ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร              รายการ “ไขความรู้จากครูกรมศิลป์” มีรูปแบบเนื้อหาของรายการเกี่ยวกับประวัติความเป็นไทย เกร็ดประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวันสำคัญ ประเพณี วัฒนธรรม วีถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ผ่านการบอกเล่า ถ่ายทอดความรู้ แนวความคิด เนื้อหาวิชาการ จากประสบการณ์ของผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากร กำหนดถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ทุกวันพฤหัสบดี เวลา ๑๑.๐๐ น. ตลอดปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๖๗ - กันยายน ๒๕๖๘  


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       79/5หมวดหมู่                   พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               38 หน้า : กว้าง 4.7 ซม. ยาว 54 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก                    เป็นคัมภีร์ใบลานฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา 


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       88/5หมวดหมู่                   พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               38 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 53.5 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก                    เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


black ribbon.